สวัสดีครับ
ผมมีความรักและอยู่ในความสัมพันธ์กับผู้ชายคนนึงมาเป็นเวลาพอสมควรครับ เราอายุใกล้เคียงกันในวัยเลข 3 ต้นๆ
พื้นฐานของเราต่างกันอยู่พอสมควร
ผมขอนิยามคำว่า "พื้นฐาน" ออกเป็น 3 ส่วนนะครับ คือ
(1) พื้นฐานชีวิต หมายรวมไปถึงเรื่องพื้นฐานทางครอบครัว,พื้นฐานทางการศึกษาและการทำงาน
(2) พื้นฐานการเงิน คือเรื่องรายรับรายจ่าย ค่าครองชีพ และการประคองตัว
(3) พื้นฐานความคิด ซึ่งรวมไปถึงพื้นฐานทางด้านจิตใจ และการมองโลก
ถ้าพูดกันแบบไม่อวยตัวเอง ผมมีพื้นฐานชีวิตที่ค่อนข้างมั่นคงและสมบูรณ์ครับ
ครอบครัวของผมอบอุ่น ใกล้ชิด และมีการศึกษาในระดับที่ดีและเป็นที่ยอมรับจากสากล
ด้านการทำงานผมทำกิจการกับทางบ้านก็ไปได้เรื่อยๆไม่ติดขัด
ในส่วนของพื้นฐานการเงิน สำหรับตัวผมคืออยู่ในสภาวะไม่มีหนี้สิน พอมีเงินเก็บให้ออกไปใช้ชีวิตไปท่องเที่ยวเปิดโลกในแบบที่ตัวเองต้องการได้
แต่ในทางกลับกัน
คนที่ผมมีสัมพันธ์ด้วยนั้น เรียกได้ว่าแทบจะตรงกันข้ามทั้งพื้นฐานชีวิตและพื้นฐานทางการเงินครับ
เขาเกิดในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์นัก และมีบุพการีที่ทุพพลภาพติดเตียง ซึ่งนั่นก็ส่งผลต่อพื้นฐานทางการเงินเขาที่อยู่ในสภาวะเดือนชนเดือน
เขาทำงานฟรีแลนซ์ครับ ทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย ถ้าช่วงใดที่พ่อของเขาอาการไม่ดี เขาต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำเลยก็ว่าได้
เพื่อที่จะให้เพียงพอต่อค่ารักษาพยาบาลและการดำรงชีพของตัวเอง
ผมยอมรับว่าผมช่วยsupportเขาบ้างเล็กๆน้อยๆในแต่ละเดือน เช่น พวกค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ รวมๆเดือนนี้อยู่ในงบราว 5,000บาท
มีของขวัญที่พอมีมูลค่าให้เขาบ้างในโอกาสสำคัญๆ
โดยเงินจำนวนนี้ เป็นเงินจำนวนที่ผมไม่ได้เดือดร้อน และไม่ได้มองว่าตัวเองกำลัง "เลี้ยง" เขาอยู่
เพียงแต่เป็นการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ในฐานะที่เรามีมากกว่าและไม่ได้ขัดสนอะไร
เป็นการให้โดยความเต็มใจ ไม่ใช่เป็นการให้เพราะถูกร้องขอ
ผมมองว่า ผมแค่ช่วยในส่วนที่ผมช่วยได้ เติมให้เขาเพื่อให้เขา "ไม่ลำบากจนเกินไป"
แม้ว่าผมกับเขาจะมีพื้นฐานที่ต่างกันในด้านของชีวิตและการเงิน
สิ่งที่ทำให้ผมรักเขา คือ พื้นฐานทางความคิด , ทัศนคติการมองโลก , และคุณงามความดีในจิตใจของเขา
เขาเป็นคนที่คิดดี คิดได้ และคิดเป็นครับ
ท่ามกลางสภาวะปัญหาชีวิตและปัญหาทางการเงินที่รายล้อม
เขาเป็นคนที่มีพื้นฐานจิตใจดี มีความอดทนพยายาม ขยันขันแข็ง ในขณะเดียวกันก็มีความอ่อนโยนพร้อมทั้งจริงใจ
ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้จบการศึกษาในระดับเดียวกับผม แต่การมองโลก,มองแก่นของชีวิต เรามีจุดร่วมที่ใกล้เคียงกัน
ทั้งหมดนี้ ผมมองว่า เขาเป็นคนที่มีคุณค่าในตัวเองอย่างมหาศาล และผมสุขใจที่ได้อยู่กับเขา
อย่างไรก็ตาม
ในโลกของความเป็นจริงนั้น ความสัมพันธ์ ไม่ได้เป็นแค่เพียงเรื่องของคนสองคนครับ
ครอบครัวผม (โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้องสาวผม) และเพื่อนที่สนิทๆของผม รู้รายละเอียดของความสัมพันธ์ ตื้นลึกหนาบาง
ทราบถึงความต่างในพื้นฐานของชีวิต ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "อย่า"
อย่า เดิน ต่อ เลย
พวกเขาเห็นตรงกันว่า ด้วยพื้นฐานชีวิตและพื้นฐานทางการเงินที่ต่างกัน
โอกาสที่ผมจะโดนเกาะแdก โดนหลอกแdก สูงมาก
น้องสาวผมยกตัวอย่างให้เห็นภาพว่า
ผมมีอยู่8 แต่เขามีอยู่2 เมื่อเอา8+2แล้วหาร2 จากเดิมที่ผมมีอยู่8จะเหลืออยู่5
ในขณะที่เดิมเขามีอยู่ 2 กลับได้เพิ่มเป็น 5
น้องผมยืนยันว่าผมควรหาคนที่มีพื้นฐานในระดับใกล้เคียงกัน เมื่ออยู่ด้วยกันแล้วส่งเสริมและเกื้อกูลกันไป
ไม่ใช่เป็นความสัมพันธ์แบบพึ่งพิง
เพื่อสนิทผม บอกว่า "ถ้าเมิงลองหยุดช่วยเหลือเขาเมื่อไหร่ เมิงรู้เลยหมู่หรือจ่า"
นี่ยังไม่ต้องพูดถึงพ่อกับแม่ผมนะ ท่านทั้งสอง รับรู้และ (เหมือนจะ) ยอมรับที่ผมชอบผู้ชาย
แต่เรื่องการมีแฟน หรือ การพาผู้ชายเข้าบ้านมาไหว้พ่อไหว้แม่ ท่านขอเอาไว้ตั้งแต่ผมยังอายุ20กว่าๆ ว่า "อย่าพามา"
ไปมีความสุข ไปใช้ชีวิตในแบบที่ผมอยากมีและอยากเป็น "ข้างนอกบ้าน"
แม่ผมพอจะทราบเรื่องของเขาอยู่บ้าง และเหมือนท่านจะปิดสวิตซ์ตัวเองเป็น sleep mode ไปเลย -*-
ผมลำบากใจจังเลยครับ
ผมไม่ใช่คนเข้มแข็งในเรื่องของความรัก
ถ้าผมเลือกที่จะเดินหน้าในความสัมพันธ์ต่อไปโดยไม่ฟังเสียงคนรอบข้าง
ผมกลัวว่าผมจะเป็นคนหูหนวกตาบอดลุ่มหลงปิดกั้นทุกเหตุผลและข้อเท็จจริง
ในขณะเดียวกัน
ถ้าผมเลือกที่จะฟังเสียงของคนใกล้ตัว ความสัมพันธ์ของผมมันก็จะไปต่อไม่ได้
เพราะมันจะเต็มไปด้วยความกลัว และความหวาดระแวง
ทั้งๆที่จริงๆแล้ว เขาอาจไม่ได้เป็นอย่างที่คนรอบตัวผมพูดถึงหรือตั้งข้อสังเกตเลยก็ได้
ผมรู้ว่า ถ้าเราจะรักใครสักคน เราต้องมีความเชื่อใจ เชื่อในกันและกัน
แต่ในสังคมทั่วไป เราก็เห็นคนที่ถูกทำร้ายเพราะความเชื่อใจในความรักมาไม่น้อยเลย
ผมควรประคองและดำเนินความสัมพันธ์ต่อไปอย่างไรครับ?
รักและดำเนินสัมพันธ์กับคนที่พื้นฐานชีวิต และพื้นฐานการเงินต่างกันมาก จะประคองความสัมพันธ์ยังไงให้ไปกันรอดครับ?
ผมมีความรักและอยู่ในความสัมพันธ์กับผู้ชายคนนึงมาเป็นเวลาพอสมควรครับ เราอายุใกล้เคียงกันในวัยเลข 3 ต้นๆ
พื้นฐานของเราต่างกันอยู่พอสมควร
ผมขอนิยามคำว่า "พื้นฐาน" ออกเป็น 3 ส่วนนะครับ คือ
(1) พื้นฐานชีวิต หมายรวมไปถึงเรื่องพื้นฐานทางครอบครัว,พื้นฐานทางการศึกษาและการทำงาน
(2) พื้นฐานการเงิน คือเรื่องรายรับรายจ่าย ค่าครองชีพ และการประคองตัว
(3) พื้นฐานความคิด ซึ่งรวมไปถึงพื้นฐานทางด้านจิตใจ และการมองโลก
ถ้าพูดกันแบบไม่อวยตัวเอง ผมมีพื้นฐานชีวิตที่ค่อนข้างมั่นคงและสมบูรณ์ครับ
ครอบครัวของผมอบอุ่น ใกล้ชิด และมีการศึกษาในระดับที่ดีและเป็นที่ยอมรับจากสากล
ด้านการทำงานผมทำกิจการกับทางบ้านก็ไปได้เรื่อยๆไม่ติดขัด
ในส่วนของพื้นฐานการเงิน สำหรับตัวผมคืออยู่ในสภาวะไม่มีหนี้สิน พอมีเงินเก็บให้ออกไปใช้ชีวิตไปท่องเที่ยวเปิดโลกในแบบที่ตัวเองต้องการได้
แต่ในทางกลับกัน
คนที่ผมมีสัมพันธ์ด้วยนั้น เรียกได้ว่าแทบจะตรงกันข้ามทั้งพื้นฐานชีวิตและพื้นฐานทางการเงินครับ
เขาเกิดในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์นัก และมีบุพการีที่ทุพพลภาพติดเตียง ซึ่งนั่นก็ส่งผลต่อพื้นฐานทางการเงินเขาที่อยู่ในสภาวะเดือนชนเดือน
เขาทำงานฟรีแลนซ์ครับ ทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย ถ้าช่วงใดที่พ่อของเขาอาการไม่ดี เขาต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำเลยก็ว่าได้
เพื่อที่จะให้เพียงพอต่อค่ารักษาพยาบาลและการดำรงชีพของตัวเอง
ผมยอมรับว่าผมช่วยsupportเขาบ้างเล็กๆน้อยๆในแต่ละเดือน เช่น พวกค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ รวมๆเดือนนี้อยู่ในงบราว 5,000บาท
มีของขวัญที่พอมีมูลค่าให้เขาบ้างในโอกาสสำคัญๆ
โดยเงินจำนวนนี้ เป็นเงินจำนวนที่ผมไม่ได้เดือดร้อน และไม่ได้มองว่าตัวเองกำลัง "เลี้ยง" เขาอยู่
เพียงแต่เป็นการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ในฐานะที่เรามีมากกว่าและไม่ได้ขัดสนอะไร
เป็นการให้โดยความเต็มใจ ไม่ใช่เป็นการให้เพราะถูกร้องขอ
ผมมองว่า ผมแค่ช่วยในส่วนที่ผมช่วยได้ เติมให้เขาเพื่อให้เขา "ไม่ลำบากจนเกินไป"
แม้ว่าผมกับเขาจะมีพื้นฐานที่ต่างกันในด้านของชีวิตและการเงิน
สิ่งที่ทำให้ผมรักเขา คือ พื้นฐานทางความคิด , ทัศนคติการมองโลก , และคุณงามความดีในจิตใจของเขา
เขาเป็นคนที่คิดดี คิดได้ และคิดเป็นครับ
ท่ามกลางสภาวะปัญหาชีวิตและปัญหาทางการเงินที่รายล้อม
เขาเป็นคนที่มีพื้นฐานจิตใจดี มีความอดทนพยายาม ขยันขันแข็ง ในขณะเดียวกันก็มีความอ่อนโยนพร้อมทั้งจริงใจ
ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้จบการศึกษาในระดับเดียวกับผม แต่การมองโลก,มองแก่นของชีวิต เรามีจุดร่วมที่ใกล้เคียงกัน
ทั้งหมดนี้ ผมมองว่า เขาเป็นคนที่มีคุณค่าในตัวเองอย่างมหาศาล และผมสุขใจที่ได้อยู่กับเขา
อย่างไรก็ตาม
ในโลกของความเป็นจริงนั้น ความสัมพันธ์ ไม่ได้เป็นแค่เพียงเรื่องของคนสองคนครับ
ครอบครัวผม (โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้องสาวผม) และเพื่อนที่สนิทๆของผม รู้รายละเอียดของความสัมพันธ์ ตื้นลึกหนาบาง
ทราบถึงความต่างในพื้นฐานของชีวิต ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "อย่า"
อย่า เดิน ต่อ เลย
พวกเขาเห็นตรงกันว่า ด้วยพื้นฐานชีวิตและพื้นฐานทางการเงินที่ต่างกัน
โอกาสที่ผมจะโดนเกาะแdก โดนหลอกแdก สูงมาก
น้องสาวผมยกตัวอย่างให้เห็นภาพว่า
ผมมีอยู่8 แต่เขามีอยู่2 เมื่อเอา8+2แล้วหาร2 จากเดิมที่ผมมีอยู่8จะเหลืออยู่5
ในขณะที่เดิมเขามีอยู่ 2 กลับได้เพิ่มเป็น 5
น้องผมยืนยันว่าผมควรหาคนที่มีพื้นฐานในระดับใกล้เคียงกัน เมื่ออยู่ด้วยกันแล้วส่งเสริมและเกื้อกูลกันไป
ไม่ใช่เป็นความสัมพันธ์แบบพึ่งพิง
เพื่อสนิทผม บอกว่า "ถ้าเมิงลองหยุดช่วยเหลือเขาเมื่อไหร่ เมิงรู้เลยหมู่หรือจ่า"
นี่ยังไม่ต้องพูดถึงพ่อกับแม่ผมนะ ท่านทั้งสอง รับรู้และ (เหมือนจะ) ยอมรับที่ผมชอบผู้ชาย
แต่เรื่องการมีแฟน หรือ การพาผู้ชายเข้าบ้านมาไหว้พ่อไหว้แม่ ท่านขอเอาไว้ตั้งแต่ผมยังอายุ20กว่าๆ ว่า "อย่าพามา"
ไปมีความสุข ไปใช้ชีวิตในแบบที่ผมอยากมีและอยากเป็น "ข้างนอกบ้าน"
แม่ผมพอจะทราบเรื่องของเขาอยู่บ้าง และเหมือนท่านจะปิดสวิตซ์ตัวเองเป็น sleep mode ไปเลย -*-
ผมลำบากใจจังเลยครับ
ผมไม่ใช่คนเข้มแข็งในเรื่องของความรัก
ถ้าผมเลือกที่จะเดินหน้าในความสัมพันธ์ต่อไปโดยไม่ฟังเสียงคนรอบข้าง
ผมกลัวว่าผมจะเป็นคนหูหนวกตาบอดลุ่มหลงปิดกั้นทุกเหตุผลและข้อเท็จจริง
ในขณะเดียวกัน
ถ้าผมเลือกที่จะฟังเสียงของคนใกล้ตัว ความสัมพันธ์ของผมมันก็จะไปต่อไม่ได้
เพราะมันจะเต็มไปด้วยความกลัว และความหวาดระแวง
ทั้งๆที่จริงๆแล้ว เขาอาจไม่ได้เป็นอย่างที่คนรอบตัวผมพูดถึงหรือตั้งข้อสังเกตเลยก็ได้
ผมรู้ว่า ถ้าเราจะรักใครสักคน เราต้องมีความเชื่อใจ เชื่อในกันและกัน
แต่ในสังคมทั่วไป เราก็เห็นคนที่ถูกทำร้ายเพราะความเชื่อใจในความรักมาไม่น้อยเลย
ผมควรประคองและดำเนินความสัมพันธ์ต่อไปอย่างไรครับ?