ปรึกษาข้อกฎหมายและความแตกต่างระหว่างคดีแพ่งและคดีอาญา

สวัสดีค่ะ เราขออนุญาตเข้าเรื่องเลยนะคะ

ประมาณเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เราได้ไปเป็นล่ามให้ทางต่างชาติที่ได้แจ้งความกับทางตำรวจว่า ถูกผู้หญิงไทย(เป็นแฟนเก่าคบหากันประมาณ 1 ปี)หลอกเอาเงินที่จะซื้อวิลล่าเพื่อทำธุรกิจร่วมกันไปประมาณ 6 ล้านบาท

เรื่องมีอยู่ว่า ประมาณปีที่แล้ว เดือนมกราคม - ธันวาคม 2566
ต่างชาติกับผู้หญิงไทยได้คบหากัน และหลังจากนั้นได้วางแผนที่จะแต่งงานแลัทำธุรกิจร่วมกันคือ ซื้อวิลล่าเพื่อปล่อยเช่า ซึ่งเป็นความคิดไอเดียของต่างชาติ

ระหว่างที่คบหากันอยู่ ต่างชาติก็ได้โอนเงินเข้าบัญชีผู้หญิงไทยจากบัญชีต่างประเทศของเขาทุกเดือนเพื่อที่จะใช้เงินตรงนั้นในการซื้อวิลล่าเพื่อทำธุกิจร่วมกันดังกล่าวในอนาคต

ซึ่งทางต่างชาติได้แนะนำวิธีการดำเนินการในการเจรจาและเดินเรื่องต่างๆทั้งหมดให้ทางผู้หญิงไทยทำตามและเขาคอยสอบถามความคืบหน้าเป็นระยะๆ

แต่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา คือเดือนธันวาคม 2566 พวกเขาได้มีการทะเลาะกันเกี่ยวกับเรื่องการซื้อวิลล่าดังกล่าว โดยทางฝ่ายต่างชาติต้องการสอบถามความคืบหน้าในการเจรจา และเดินเรื่องเอกสารต่างที่ทางฝ่ายผู้หญิงไทยเป็นคนรับผิดชอบ แต่ไม่ม่ความคืบหน้าหรือได้คำตอบใดๆจากทางฝ่ายหญิง

และทางฝ่ายต่างชาติเริ่มเป็นกังวลเพราะเขาได้โอนเงินเข้าบัญชีฝ่ายหญิงเป็นจำนวนเยอะพอสมควร คือประมาณ 6 ล้านบาทตั้งแต่เริ่มต้นวางแผนที่จะซื้อวิลล่า ผ่านมาได้ประมาณ 6 เดือนแล้ว แต่ไม่มีความคืบหน้าใดจากฝ่ายผู้หญิงไทยเลย

หลังจากทั้งสองฝ่ายทะเลาะกันคราวนั้น ผู้หญิงไทยก็หนีกลับบ้าน พร้อมกับเงินของต่างชาติ 6 ล้านบาทที่อยู่ในบัญชี ทางฝ่ายต่างชาติพยายามติดต่อให้กลับมาคุยกัน และขอเงินทางฝ่ายผู้หญิงโอนเงินคืน ทางฝ่ายผู้หญิงก็ไม่ยอมคุย ไม่ยอมกลับมา และบล็อกการติดต่อทุกช่องทาง

ทางฝ่ายต่างชาติจึงได้ไปแจ้งความกับตำรวจ ว่าถูกผู้หญิงไทยหลอกให้โอนเงิน

ประมาณเดือนมีนาคม 2567 วันที่ทางตำรวจนัดผู้หญิงไทยมารับข้อกล่าวหา และเจรจาคุยกัน เราได้ไปเป็นล่ามให้ฝ่ายต่างชาติ

ซึ่งวันนั้นเราได้บอกฝ่ายต่างชาติให้แสดงหลักฐาน ปริ้นเอกสารการโอนเงิน และรายละเอียดที่คุยกันทางไลน์เรื่องที่ทั้งสองฝ่ายได้วางแผนที่จะซื้อวิลล่า โดยทางฝ่ายต่างชาติได้โอนเงินดังกล่าว เข้าบัญชีฝ่ายหญิงทุกเดือน เป็นจำนวนเงินประมาณ 6 ล้านบาท

แต่วันที่ไปเจรจาคุยกันที่โรงพัก ทางฝ่ายต่างชาติไม่ ปริ้น ไม่แสดงเอกสารอะไรเลย มีแต่โทรศัพท์เครื่องเดียวไปแสดง ให้ตำรวจดูเอกสารที่อยู่ในโทรศัพท์

ทางฝ่าย ผู้หญิงไทยปริ้นแสดงเอกสารในการใช้เงินดังกล่าว ที่ได้รับโอนจากทางต่างชาติเยอะมาก ซึ่งเอกสารการโอนเงิน และการใช้เงินดังกล่าว ทางฝ่ายต่างชาติแย้งว่า ไม่ได้มีการรับรู้ หรือยินยอมให้ใช้เงินที่ตนโอนเข้าบัญชีเพื่อจะใช้ซื้อวิลล่าในอนาคตแต่อย่างใด

และเอกสารบางรายการที่เป็นค่าใช้จ่าย ทางฝ่ายต่างชาติได้ให้เงินสดแกฝ่ายหญิงเพื่อจ่ายบิลไปแล้วตอนที่ยังคบกันอยู่ แต่ทางฝ่ายหญิงไทยได้ทำบิลเอกสารแสดงรายการใช้จ่ายจากเงินที่ได้รับโอนจากต่างชาติทั้งหมด

ซึ่งโดยรวมแล้ว เอกสารที่ทางฝ่ายผู้หญิงไทยทำมาแสดง ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายหรือหลักฐานใดที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนที่จะซื้อวิลล่าที่ทางต่างชาติได้กล่าวหาเลย

วันนั้นทางตำรวจได้สอบสวนทั้งสองฝ่ายและสรุปสำนวนคดีว่าเป็นการคดีแพ่งไป ไม่ได้มีการหลอกลวงทำให้เสียทรัพย์ที่เป็นคดีอาญา

ถ้าทางฝ่ายต่างชาติต้องการเงินคืนก็ให้นำเอกสารไปฟ้องคดีแพ่ง

สำหรับเคสนี้ เราอยากทราบ อยากสอบถามว่า ทำไมตำรวจสรุปสำนวนคดีว่าเป็นความแพ่งไปได้ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่