ทนายด่าง-บก.ดัง แนะรัฐบาลหันมอง 'คดีสุชาติ' ยกเป็นเคสตัวอย่าง หวังไม่เกิดกับใครอีก
https://www.matichon.co.th/politics/news_4800985
ทนายด่าง-บก.ดัง แนะรัฐบาลหันมอง ‘คดีสุชาติ’ ยกเป็นเคสตัวอย่าง หวังไม่เกิดกับใครอีก
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 19 กันยายน ที่ห้อง 221 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นาย
สุชาติ สวัสดิ์ศรี อดีตศิลปินเเห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี 2554 พร้อมด้วยทีมทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน นำโดย นาย
สัญญา เอียดจงดี ทนายความเจ้าของคดี, นาย
กฤษฎางค์ นุตจรัส หรือ ทนายด่าง ร่วมแถลงกรณีที่ นาย
สุชาติ ตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญา ม.116 ซึ่งต้องไปรายงานตัวและต่อสู้คดีที่ สภ.ศรีนครินทร์ จังหวัดพัทลุง
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ มีผู้เดินทางมาร่วมให้กำลังใจในการแถลงข่าวอย่างล้นหลาม อาทิ นาง
วรรณา (ทรรปนานนท์) สวัสดิ์ศรี นักเขียนเจ้าของนามปากกา “
ศรีดาวเรือง” คู่ชีวิตของนาย
สุชาติ
ตลอดจน นาย
วชิระ บัวสนธ์ หรือ เวียง บรรณาธิการสำนักพิมพ์สามัญชน, น.ส.
กุณฑิกา นุตจรัส หรือ ทราย พร้อมด้วยทนายความจากศูนย์ฯ และเพื่อนร่วมอุดมการณ์
นาย
กฤษฎางค์ หรือ ทนาย
ด่าง ที่ปรึกษาคดี กล่าวว่า นาย
สุชาติ คือศิลปินแห่งชาติตัวจริง แต่โดนปลดจากสถานะศิลปินแห่งชาติ เสรีชน ด้วยข้อหาคดีอาญา
“
ผมคิดว่า ในทางข้อกฎหมายไม่มีปัญหาก็ต้องต้องสู้กันไป แต่มันแสดงให้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศนี้
ผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องตลก ใครอ่านก็รู้ว่าไม่ใช่ เวลาพูดถึง ม.116 หลับตาแล้วนึกถึงมาตรา 116 คิดถึงพวกที่ลากรถถังมาปฏิวัติ ไม่ได้คิดถึงนักเขียน พอเรานั่งคุยกันก็คิดว่าจะสู้คดีต่อไป พี่สุชาติบอกว่าเรื่องนี้ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับเสรีชนคนไหนในประเทศประชาธิปไตยอีก
คุณสุชาติอายุเกือบ 80 ปีแล้ว ต้องเหนื่อยหน่อยไปขึ้นโรงขึ้นศาลที่ จ.พัทลุง ก็ต่อสู้กันไป เพื่อให้ไม่เกิดกับคนอื่นอีก ขอเรียกร้องไปถึงผู้บริหารประเทศ อย่าปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้” นาย
กฤษฎางค์ กล่าว
นาย
กฤษฎางค์ กล่าวต่อไปว่า เรื่องนี้ตนมีเจตนาแจ้งให้สาธารณชนทราบ เพราะไม่อยากให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับคนอื่น หากไม่ได้เกิดกับอดีตศิลปินแห่งชาติ แต่ไปเกิดกับยายแมว ลุงเชย ที่ถูกกลั่นแกล้ง บ้านอยู่โพนพิสัย น้ำยังท่วม โดนแจ้งความที่เบตง จะเป็นอย่างไร ต้องเอาคดีนี้เป็นตัวอย่าง ทำอย่างไรให้ไม่เกิดขึ้นอีก ต้องทำเรื่องนี้ให้โปร่งใส เราจะเดินหน้าแก้ไขไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้กับคนตัวเล็กตัวน้อย ในสังคมอีก
ด้าน นาย
วชิระ หรือ
เวียง บก.สำนักพิมพ์สามัญชน กล่าวว่า การแถลงข่าวในวันนี้ได้รับความอนุเคราะห์ด้านสถานที่ จากคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ข้อสังเกตคือ หมายเรียกที่ได้เป็นการเรียกครั้งที่ 3 ถ้าไม่ไปก็จะถูกหมายจับ หลังทราบเรื่อง ทนายความก็ตรวจสอบว่าเป็นหมายจริงหรือถูกกลั่นแกล้ง ก็พบว่าเป็นหมายจริง ทางทีมทนายความจึงติดต่อไปที่ สภ.ศรีนครินทร์ เพื่อขอเลื่อนนัดไปก่อน เพราะหมายกำหนดว่า ต้องไปรับทราบข้อกล่าวหาวันที่ 10 ส.ค. ซึ่งกระชั้นมากๆ ทาง สภ.ศรีนครินทร์ ก็ยินดีเลื่อนให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา 11 ก.ย. ที่ผ่านมา
“
พี่สุชาติ เดินทางไปด้วยความสุภาพเรียบร้อย ไปปั๊มลายนิ้วมือรับทราบข้อกล้าวหา เราคาดหวังว่า กรณีนี้จะเป็นเคสสุดท้าย ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม หากเป็นลูกชาวบ้าน หลานชาวนา ไม่มีเพื่อนฝูงที่พอจะเกื้อกูลกันได้ จะเกิดอะไรขึ้น ผู้กล่าวหา เองก็ไปแจ้งคนอื่นอีก เป็น 100 คดี ส่วนหนึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า รัฐบาลควรมีหน้าที่มาชำเลืองมองบ้าง” นาย
วชิระกล่าว
พริษฐ์ ซัด 3 มรดกคณะรัฐประหาร จี้ นายกฯอิ๊งค์ ไม่ขวางแก้ กม.ลดบทบาทกองทัพ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9420255
พริษฐ์ ซัด 3 มรดกคณะรัฐประหาร ฉุดรั้งการพัฒนาประเทศ จี้ ‘นายกฯอิงค์’ ไม่ขวางแก้ กม.ลดบทบาทกองทัพ ไม่ให้ครอบงำครม.-ยุติบทบาท กอ.รมน.-ปรับสัดส่วนรายได้ อปท.
เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนาย
ภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ทำหน้าที่ประธานการประชุม ในช่วงที่เปิดให้สมาชิกปรึกษาหารือถึงปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ
นาย
พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) หารือว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาล น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ รีบลบล้างมรดกของคณะรัฐประหาร ที่ยึดอำนาจจากประชาชน ในวันนี้ (19 ก.ย.) เมื่อ 18 ปีที่แล้ว เป็นมรดกที่ฉุดรั้งการพัฒนาประเทศมาจนถึงปัจจุบัน
มรดกแรก พ.ร.บ.จัดระเบียบบริหารราชการกลาโหม 2551 ที่ทำให้กองทัพมีอำนาจเหนือรัฐบาลพลเรือน เรื่องของนโยบาย งบประมาณ และเรื่องของการแต่งตั้งนายพล จึงอยากให้ครม. ให้คำรับรองและเห็นชอบต่อการแก้ไข ร่างพ.ร.บ.จัดระเบียบบริหารราชการกระทรวงกลาโหม ที่ลดอำนาจของสภากลาโหมให้เป็นที่ปรึกษา ครม. แทนการมีอำนาจเหนือรัฐบาลพลเรือน ซึ่งร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว พรรคประชาชนเสนอต่อสภาฯ แต่ครม. ได้ดึงไปศึกษา ดังนั้นขอให้เห็นชอบกับร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว
นาย
พริษฐ์ กล่าวต่อว่า มรดกที่สองคือ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายใน พ.ศ.2551 ที่ได้ฟื้นคืนชีพ กอ.รมน. และขยายบทบาท ล่าสุดได้ออกมาข่มขู่เพื่อพยายามแบนหนังสือของนักวิชาการ แทนที่จะออกมาแถลงเชี้แจงในประเด็นที่หน่วยงานเห็นว่าหนังสือดังกล่าวมีการนำเสนอข้อมูลที่คลาดเคลื่อน
ขอให้ น.ส.แพทองธาร ยืนยันว่ารู้เห็นเป็นใจให้ กอ.รมน. แถลงถึงการแบนหนังสือของนักวิชาการหรือไม่ และขอให้ยุติการดำเนินการคุกตามเสรีภาพทางวิชาการและหยุดให้กองทัพทำตามอำเภอใจและขี่คอรัฐบาลพลเรือน
มรดกที่สาม คือการแก้ไขมาตรา 30 ของพ.ร.บ.แผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจ นำไปสู่การปกครององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จึงขอให้รัฐบาลยืนยันต่อการเพิ่มสัดส่วนรายได้ท้องถิ่นให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่น มาตรา 30 ที่กำหนดไว้ 35% แต่ไม่ระบุว่าปีไหน ทำให้ปัจจุบันมีตัวเลขค้างที่ 29% ในสมัยรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ดังนั้น ต้องเพิ่มสัดส่วนให้ถึงเป้าหมายภายใน 2 ปีงบประมาณ
หากพรรคประชาชนเสนอแก้กฎหมาย อีกครั้ง อยากให้ น.ส.แพทองธาร ไม่ทำเหมือนกับนายเศรษฐา ที่ปัดตกร่างดังกล่าว ไม่ให้ได้เข้ามาสู่การพิจารณาของสภาฯ
สมชัย เตือน 2 พรรคใหญ่ เร่งรื้อทิ้งจริยธรรม ระวังซ้ำรอย เหตุสิ้นสุดรัฐบาล
https://www.matichon.co.th/politics/news_4800116
สมชัย เตือน 2 พรรคใหญ่ ระวังซ้ำรอย เร่งรื้อทิ้งจริยธรรม อาจเป็นเหตุสิ้นสุดรัฐบาล
เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567 นาย
สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง ระวังการแก้รัฐธรรมนูญเรื่องจริยธรรม จะเป็นเหตุของการสิ้นสุดรัฐบาล โดยมีเนื้อหาดังนี้
การแก้รัฐธรรมนูญต้องเริ่มจากประโยชน์ส่วนรวม
แต่ข้อเสนอที่เร่งรีบในการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราที่ประสานเสียงทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนว่าต้องการแก้ในประเด็นจริยธรรมและอำนาจศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระในการวินิจฉัยเรื่องดังกล่าว อาจต้องคิดทบทวนให้ดี จะเป็นเหมือนการแก้แบบสุดซอยอีกหรือไม่
เพราะเพื่อไทย เคยโดนวินิจฉัยประเด็นความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ จนเป็นเหตุให้นายกฯ กระเด็นจากเก้าอี้ไปแล้ว กลัวว่าหากไม่รีบแก้ นายกฯ คนปัจจุบันอาจจะโดนซ้ำรอย
ขณะที่ก้าวไกลโดนยุบพรรคด้วยเหตุมีพฤติกรรมล้มล้างและเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และลามต่อยัง ส.ส. 44 คนว่า อาจเข้าข่ายละเมิดจริยธรรมขั้นร้ายแรงในมาตรฐานจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ โดยขณะนี้เรื่องอยู่ที่ ป.ป.ช.
การประสานเสียงแก้ของ 2 พรรค จึงดูเหมือนเริ่มจากประโยชน์ส่วนบุคคลหรือของพรรคเป็นหลักหรือไม่
ในขณะที่เรื่องอื่นๆ เช่น ระบบการเลือกตั้ง ส.ส. การได้มาซึ่ง ส.ว. เรื่องคุณสมบัติองค์กรอิสระ เรื่องยุทธศาสตร์ชาติ เรื่อง กม.พรรคการเมือง กลับไม่แตะต้อง บอกรอไปแก้รวมเวลาร่างใหม่ทั้งฉบับซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อใดไม่รู้
นิรโทษกรรมสุดซอยเคยมีมาแล้ว จบด้วยการสิ้นสุดรัฐบาล การแก้รัฐธรรมนูญเรื่องจริยธรรมแบบสุดซอยกำลังจะเกิดขึ้น หวังว่า คงไม่นำไปสู่การสิ้นสุดของรัฐบาล.
https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid0d9wCfepXcNUUmSZtN5LgeSc6Wp1Uik9fhdpQwTES1u3CN48TCvVQUKEEzUUjm4tAl
เครดิตบูโร ห่วงหนี้เสียทะลักแตะ1.2ล้านล้าน ชี้ SM ทะลัก 6.7แสนล้าน
https://www.bangkokbiznews.com/finance/investment/1145516
เปิดข้อมูลเครดิตบูโร 7 เดือน พบภายใต้หนี้ครัวเรือนที่ 13.6 ล้านล้าน หนี้เสียพุ่งต่อเนื่องใกล้แตะ 12 ล้านล้านบาท ขณะที่ SM ยอดค้างชำระไม่เกิน 90 วัน ทะลักอีก 1.7 แสนล้านบาท มาอยู่ที่ 6.7 แสนล้าน ใน ก.ค.
นาย
สุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) โพสต์เฟซบุ๊กถึง สถานการณ์หนี้ครัวเรือนไทยในปัจจุบัน โดยจากข้อมูล สิ้นก.ค. หรือ 7 เดือนที่ผ่านมา พบว่า ตัวเลขหนี้ครัวเรือนในฐานข้อมูลสถิติเครดิตบูโรเท่ากับ 13.6 ล้านล้านบาท แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดือนมิถุนายน 2567
แต่หากดูด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอล พบว่าขยับขึ้นต่อเนื่อง เพิ่มจาก 1.16 ล้านล้านบาท มาเป็น 1.19 ล้านล้านบาท คิดเป็น 8.7% ของหนี้รวม ซึ่งอันนี้เคยประมาณการว่าคงจะไปถึง 1.2 ล้านล้านบาท ไม่ช้าไม่นาน กล่าวคือ ไหลต่อแต่คงไม่ไหลบ่าแบบน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำโคลนถึงหลังคา
ในด้าน SM ที่น่าสนใจกล่าวคือ มิถุนายน 2567 ปรับลดลงมาจากไตรมาสก่อนอย่างมากจนเหลือ 5 แสนล้านบาทแต่ผ่านไป 1 เดือนเข้าเดือนกรกฎาคม มันกลับกระโดดมาเป็น 6.7 แสนล้านบาท เพิ่ม 1.7 แสนล้านบาท
ในนี้มาจาก สินเชื่อบ้านเพิ่มจาก 1.43 แสนล้านบาท เป็น 1.69 แสนล้านบาทโตขึ้น 18% สินเชื่อส่วนบุคคลเพิ่มจาก 8.5 หมื่นล้านบาท เป็น 1.13 แสนล้านบาทโตขึ้น 33% สินเชื่อธุรกิจที่คนตัวเล็กตัวน้อยกู้จาก 2.6 หมื่นล้านบาทมาเป็น 4.4 หมื่นล้านบาทโตขึ้น 69% สินเชื่อรถยนต์, บัตรเครดิตนิ่งๆ กับลดลง
สงครามการสู้รบระหว่างหนี้ปกติไหลมาเป็นหนี้กำลังจะเสีย, หนี้กล่าวถึงเป็นพิเศษหรือหนี้ SM โดยมีอาวุธคือการปรับโครงสร้างหนี้เชิงป้องกัน Preemptive Debt Restructure หรือที่เรียกว่า DR. ภายใต้มาตรการการให้กู้อย่างมีความรับผิดชอบหรือ RL มีความเข้มข้นมากในเวลานี้ และจะเพิ่มมากขึ้นแน่ๆ จนถึงสิ้นปีแน่นอน
แต่เอ๊ะ.. ตัวเลขของหนี้เรื้อรัง, หนี้เรื้อรังรุนแรง ที่เข้ามาตรการช่วยเหลืออันเป็นเรือธงของการสู้รบตอนนี้ไปได้เท่าไรแล้ว เพราะ Ploan แบบหมุนเวียนของลูกหนี้รายได้น้อยที่มีลักษณะจ่ายดอกสะสมมาในอดีตที่มากกว่าจ่ายเข้าต้นนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของ Ploan ที่มีการไหลมาเป็น SM เพิ่มอย่างมีนัยสำคัญในเดือนเจ็ดนี้
ความโปร่งใสในตัวเลขจะสร้างความเชื่อถือเชื่อมั่นให้กับเรือธงนะครับ ความจริงมันไม่เซาะกร่อนบ่อนทำลายอะไรเลย ฝากท่านผู้ดำเนินรายการช่วยขานไขนะครับ กราบเรียนมาด้วยความสุจริตใจเป็นที่ตั้ง ขัดเคืองใจก็อย่าใช้อำนาจเป็นธรรมนะครับ... มันบาป
https://www.facebook.com/surapol.opasatien/posts/pfbid02tuNFYJtFDnAYjqmfnGTtWx4VgjYqQDpZ2abC5S1RDaoTKgChvxxv4uhnkuBN2Edi
JJNY : 5in1 แนะรบ.หันมอง'คดีสุชาติ'│พริษฐ์ซัด3มรดกคณะรปห.│สมชัยเตือน2พรรคใหญ่│เครดิตบูโรห่วงหนี้เสีย│ชาวเลบานอนเริ่มผวา
https://www.matichon.co.th/politics/news_4800985
ทนายด่าง-บก.ดัง แนะรัฐบาลหันมอง ‘คดีสุชาติ’ ยกเป็นเคสตัวอย่าง หวังไม่เกิดกับใครอีก
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 19 กันยายน ที่ห้อง 221 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายสุชาติ สวัสดิ์ศรี อดีตศิลปินเเห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี 2554 พร้อมด้วยทีมทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน นำโดย นายสัญญา เอียดจงดี ทนายความเจ้าของคดี, นายกฤษฎางค์ นุตจรัส หรือ ทนายด่าง ร่วมแถลงกรณีที่ นายสุชาติ ตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญา ม.116 ซึ่งต้องไปรายงานตัวและต่อสู้คดีที่ สภ.ศรีนครินทร์ จังหวัดพัทลุง
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ มีผู้เดินทางมาร่วมให้กำลังใจในการแถลงข่าวอย่างล้นหลาม อาทิ นางวรรณา (ทรรปนานนท์) สวัสดิ์ศรี นักเขียนเจ้าของนามปากกา “ศรีดาวเรือง” คู่ชีวิตของนายสุชาติ
ตลอดจน นายวชิระ บัวสนธ์ หรือ เวียง บรรณาธิการสำนักพิมพ์สามัญชน, น.ส.กุณฑิกา นุตจรัส หรือ ทราย พร้อมด้วยทนายความจากศูนย์ฯ และเพื่อนร่วมอุดมการณ์
นายกฤษฎางค์ หรือ ทนายด่าง ที่ปรึกษาคดี กล่าวว่า นายสุชาติ คือศิลปินแห่งชาติตัวจริง แต่โดนปลดจากสถานะศิลปินแห่งชาติ เสรีชน ด้วยข้อหาคดีอาญา
“ผมคิดว่า ในทางข้อกฎหมายไม่มีปัญหาก็ต้องต้องสู้กันไป แต่มันแสดงให้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศนี้
ผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องตลก ใครอ่านก็รู้ว่าไม่ใช่ เวลาพูดถึง ม.116 หลับตาแล้วนึกถึงมาตรา 116 คิดถึงพวกที่ลากรถถังมาปฏิวัติ ไม่ได้คิดถึงนักเขียน พอเรานั่งคุยกันก็คิดว่าจะสู้คดีต่อไป พี่สุชาติบอกว่าเรื่องนี้ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับเสรีชนคนไหนในประเทศประชาธิปไตยอีก
คุณสุชาติอายุเกือบ 80 ปีแล้ว ต้องเหนื่อยหน่อยไปขึ้นโรงขึ้นศาลที่ จ.พัทลุง ก็ต่อสู้กันไป เพื่อให้ไม่เกิดกับคนอื่นอีก ขอเรียกร้องไปถึงผู้บริหารประเทศ อย่าปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้” นายกฤษฎางค์ กล่าว
นายกฤษฎางค์ กล่าวต่อไปว่า เรื่องนี้ตนมีเจตนาแจ้งให้สาธารณชนทราบ เพราะไม่อยากให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับคนอื่น หากไม่ได้เกิดกับอดีตศิลปินแห่งชาติ แต่ไปเกิดกับยายแมว ลุงเชย ที่ถูกกลั่นแกล้ง บ้านอยู่โพนพิสัย น้ำยังท่วม โดนแจ้งความที่เบตง จะเป็นอย่างไร ต้องเอาคดีนี้เป็นตัวอย่าง ทำอย่างไรให้ไม่เกิดขึ้นอีก ต้องทำเรื่องนี้ให้โปร่งใส เราจะเดินหน้าแก้ไขไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้กับคนตัวเล็กตัวน้อย ในสังคมอีก
ด้าน นายวชิระ หรือ เวียง บก.สำนักพิมพ์สามัญชน กล่าวว่า การแถลงข่าวในวันนี้ได้รับความอนุเคราะห์ด้านสถานที่ จากคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ข้อสังเกตคือ หมายเรียกที่ได้เป็นการเรียกครั้งที่ 3 ถ้าไม่ไปก็จะถูกหมายจับ หลังทราบเรื่อง ทนายความก็ตรวจสอบว่าเป็นหมายจริงหรือถูกกลั่นแกล้ง ก็พบว่าเป็นหมายจริง ทางทีมทนายความจึงติดต่อไปที่ สภ.ศรีนครินทร์ เพื่อขอเลื่อนนัดไปก่อน เพราะหมายกำหนดว่า ต้องไปรับทราบข้อกล่าวหาวันที่ 10 ส.ค. ซึ่งกระชั้นมากๆ ทาง สภ.ศรีนครินทร์ ก็ยินดีเลื่อนให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา 11 ก.ย. ที่ผ่านมา
“พี่สุชาติ เดินทางไปด้วยความสุภาพเรียบร้อย ไปปั๊มลายนิ้วมือรับทราบข้อกล้าวหา เราคาดหวังว่า กรณีนี้จะเป็นเคสสุดท้าย ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม หากเป็นลูกชาวบ้าน หลานชาวนา ไม่มีเพื่อนฝูงที่พอจะเกื้อกูลกันได้ จะเกิดอะไรขึ้น ผู้กล่าวหา เองก็ไปแจ้งคนอื่นอีก เป็น 100 คดี ส่วนหนึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า รัฐบาลควรมีหน้าที่มาชำเลืองมองบ้าง” นายวชิระกล่าว
พริษฐ์ ซัด 3 มรดกคณะรัฐประหาร จี้ นายกฯอิ๊งค์ ไม่ขวางแก้ กม.ลดบทบาทกองทัพ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9420255
พริษฐ์ ซัด 3 มรดกคณะรัฐประหาร ฉุดรั้งการพัฒนาประเทศ จี้ ‘นายกฯอิงค์’ ไม่ขวางแก้ กม.ลดบทบาทกองทัพ ไม่ให้ครอบงำครม.-ยุติบทบาท กอ.รมน.-ปรับสัดส่วนรายได้ อปท.
เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ทำหน้าที่ประธานการประชุม ในช่วงที่เปิดให้สมาชิกปรึกษาหารือถึงปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) หารือว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ รีบลบล้างมรดกของคณะรัฐประหาร ที่ยึดอำนาจจากประชาชน ในวันนี้ (19 ก.ย.) เมื่อ 18 ปีที่แล้ว เป็นมรดกที่ฉุดรั้งการพัฒนาประเทศมาจนถึงปัจจุบัน
มรดกแรก พ.ร.บ.จัดระเบียบบริหารราชการกลาโหม 2551 ที่ทำให้กองทัพมีอำนาจเหนือรัฐบาลพลเรือน เรื่องของนโยบาย งบประมาณ และเรื่องของการแต่งตั้งนายพล จึงอยากให้ครม. ให้คำรับรองและเห็นชอบต่อการแก้ไข ร่างพ.ร.บ.จัดระเบียบบริหารราชการกระทรวงกลาโหม ที่ลดอำนาจของสภากลาโหมให้เป็นที่ปรึกษา ครม. แทนการมีอำนาจเหนือรัฐบาลพลเรือน ซึ่งร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว พรรคประชาชนเสนอต่อสภาฯ แต่ครม. ได้ดึงไปศึกษา ดังนั้นขอให้เห็นชอบกับร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า มรดกที่สองคือ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายใน พ.ศ.2551 ที่ได้ฟื้นคืนชีพ กอ.รมน. และขยายบทบาท ล่าสุดได้ออกมาข่มขู่เพื่อพยายามแบนหนังสือของนักวิชาการ แทนที่จะออกมาแถลงเชี้แจงในประเด็นที่หน่วยงานเห็นว่าหนังสือดังกล่าวมีการนำเสนอข้อมูลที่คลาดเคลื่อน
ขอให้ น.ส.แพทองธาร ยืนยันว่ารู้เห็นเป็นใจให้ กอ.รมน. แถลงถึงการแบนหนังสือของนักวิชาการหรือไม่ และขอให้ยุติการดำเนินการคุกตามเสรีภาพทางวิชาการและหยุดให้กองทัพทำตามอำเภอใจและขี่คอรัฐบาลพลเรือน
มรดกที่สาม คือการแก้ไขมาตรา 30 ของพ.ร.บ.แผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจ นำไปสู่การปกครององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จึงขอให้รัฐบาลยืนยันต่อการเพิ่มสัดส่วนรายได้ท้องถิ่นให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่น มาตรา 30 ที่กำหนดไว้ 35% แต่ไม่ระบุว่าปีไหน ทำให้ปัจจุบันมีตัวเลขค้างที่ 29% ในสมัยรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ดังนั้น ต้องเพิ่มสัดส่วนให้ถึงเป้าหมายภายใน 2 ปีงบประมาณ
หากพรรคประชาชนเสนอแก้กฎหมาย อีกครั้ง อยากให้ น.ส.แพทองธาร ไม่ทำเหมือนกับนายเศรษฐา ที่ปัดตกร่างดังกล่าว ไม่ให้ได้เข้ามาสู่การพิจารณาของสภาฯ
สมชัย เตือน 2 พรรคใหญ่ เร่งรื้อทิ้งจริยธรรม ระวังซ้ำรอย เหตุสิ้นสุดรัฐบาล
https://www.matichon.co.th/politics/news_4800116
สมชัย เตือน 2 พรรคใหญ่ ระวังซ้ำรอย เร่งรื้อทิ้งจริยธรรม อาจเป็นเหตุสิ้นสุดรัฐบาล
เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง ระวังการแก้รัฐธรรมนูญเรื่องจริยธรรม จะเป็นเหตุของการสิ้นสุดรัฐบาล โดยมีเนื้อหาดังนี้
การแก้รัฐธรรมนูญต้องเริ่มจากประโยชน์ส่วนรวม
แต่ข้อเสนอที่เร่งรีบในการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราที่ประสานเสียงทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนว่าต้องการแก้ในประเด็นจริยธรรมและอำนาจศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระในการวินิจฉัยเรื่องดังกล่าว อาจต้องคิดทบทวนให้ดี จะเป็นเหมือนการแก้แบบสุดซอยอีกหรือไม่
เพราะเพื่อไทย เคยโดนวินิจฉัยประเด็นความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ จนเป็นเหตุให้นายกฯ กระเด็นจากเก้าอี้ไปแล้ว กลัวว่าหากไม่รีบแก้ นายกฯ คนปัจจุบันอาจจะโดนซ้ำรอย
ขณะที่ก้าวไกลโดนยุบพรรคด้วยเหตุมีพฤติกรรมล้มล้างและเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และลามต่อยัง ส.ส. 44 คนว่า อาจเข้าข่ายละเมิดจริยธรรมขั้นร้ายแรงในมาตรฐานจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ โดยขณะนี้เรื่องอยู่ที่ ป.ป.ช.
การประสานเสียงแก้ของ 2 พรรค จึงดูเหมือนเริ่มจากประโยชน์ส่วนบุคคลหรือของพรรคเป็นหลักหรือไม่
ในขณะที่เรื่องอื่นๆ เช่น ระบบการเลือกตั้ง ส.ส. การได้มาซึ่ง ส.ว. เรื่องคุณสมบัติองค์กรอิสระ เรื่องยุทธศาสตร์ชาติ เรื่อง กม.พรรคการเมือง กลับไม่แตะต้อง บอกรอไปแก้รวมเวลาร่างใหม่ทั้งฉบับซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อใดไม่รู้
นิรโทษกรรมสุดซอยเคยมีมาแล้ว จบด้วยการสิ้นสุดรัฐบาล การแก้รัฐธรรมนูญเรื่องจริยธรรมแบบสุดซอยกำลังจะเกิดขึ้น หวังว่า คงไม่นำไปสู่การสิ้นสุดของรัฐบาล.
https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid0d9wCfepXcNUUmSZtN5LgeSc6Wp1Uik9fhdpQwTES1u3CN48TCvVQUKEEzUUjm4tAl
เครดิตบูโร ห่วงหนี้เสียทะลักแตะ1.2ล้านล้าน ชี้ SM ทะลัก 6.7แสนล้าน
https://www.bangkokbiznews.com/finance/investment/1145516
เปิดข้อมูลเครดิตบูโร 7 เดือน พบภายใต้หนี้ครัวเรือนที่ 13.6 ล้านล้าน หนี้เสียพุ่งต่อเนื่องใกล้แตะ 12 ล้านล้านบาท ขณะที่ SM ยอดค้างชำระไม่เกิน 90 วัน ทะลักอีก 1.7 แสนล้านบาท มาอยู่ที่ 6.7 แสนล้าน ใน ก.ค.
นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) โพสต์เฟซบุ๊กถึง สถานการณ์หนี้ครัวเรือนไทยในปัจจุบัน โดยจากข้อมูล สิ้นก.ค. หรือ 7 เดือนที่ผ่านมา พบว่า ตัวเลขหนี้ครัวเรือนในฐานข้อมูลสถิติเครดิตบูโรเท่ากับ 13.6 ล้านล้านบาท แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดือนมิถุนายน 2567
แต่หากดูด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอล พบว่าขยับขึ้นต่อเนื่อง เพิ่มจาก 1.16 ล้านล้านบาท มาเป็น 1.19 ล้านล้านบาท คิดเป็น 8.7% ของหนี้รวม ซึ่งอันนี้เคยประมาณการว่าคงจะไปถึง 1.2 ล้านล้านบาท ไม่ช้าไม่นาน กล่าวคือ ไหลต่อแต่คงไม่ไหลบ่าแบบน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำโคลนถึงหลังคา
ในด้าน SM ที่น่าสนใจกล่าวคือ มิถุนายน 2567 ปรับลดลงมาจากไตรมาสก่อนอย่างมากจนเหลือ 5 แสนล้านบาทแต่ผ่านไป 1 เดือนเข้าเดือนกรกฎาคม มันกลับกระโดดมาเป็น 6.7 แสนล้านบาท เพิ่ม 1.7 แสนล้านบาท
ในนี้มาจาก สินเชื่อบ้านเพิ่มจาก 1.43 แสนล้านบาท เป็น 1.69 แสนล้านบาทโตขึ้น 18% สินเชื่อส่วนบุคคลเพิ่มจาก 8.5 หมื่นล้านบาท เป็น 1.13 แสนล้านบาทโตขึ้น 33% สินเชื่อธุรกิจที่คนตัวเล็กตัวน้อยกู้จาก 2.6 หมื่นล้านบาทมาเป็น 4.4 หมื่นล้านบาทโตขึ้น 69% สินเชื่อรถยนต์, บัตรเครดิตนิ่งๆ กับลดลง
สงครามการสู้รบระหว่างหนี้ปกติไหลมาเป็นหนี้กำลังจะเสีย, หนี้กล่าวถึงเป็นพิเศษหรือหนี้ SM โดยมีอาวุธคือการปรับโครงสร้างหนี้เชิงป้องกัน Preemptive Debt Restructure หรือที่เรียกว่า DR. ภายใต้มาตรการการให้กู้อย่างมีความรับผิดชอบหรือ RL มีความเข้มข้นมากในเวลานี้ และจะเพิ่มมากขึ้นแน่ๆ จนถึงสิ้นปีแน่นอน
แต่เอ๊ะ.. ตัวเลขของหนี้เรื้อรัง, หนี้เรื้อรังรุนแรง ที่เข้ามาตรการช่วยเหลืออันเป็นเรือธงของการสู้รบตอนนี้ไปได้เท่าไรแล้ว เพราะ Ploan แบบหมุนเวียนของลูกหนี้รายได้น้อยที่มีลักษณะจ่ายดอกสะสมมาในอดีตที่มากกว่าจ่ายเข้าต้นนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของ Ploan ที่มีการไหลมาเป็น SM เพิ่มอย่างมีนัยสำคัญในเดือนเจ็ดนี้
ความโปร่งใสในตัวเลขจะสร้างความเชื่อถือเชื่อมั่นให้กับเรือธงนะครับ ความจริงมันไม่เซาะกร่อนบ่อนทำลายอะไรเลย ฝากท่านผู้ดำเนินรายการช่วยขานไขนะครับ กราบเรียนมาด้วยความสุจริตใจเป็นที่ตั้ง ขัดเคืองใจก็อย่าใช้อำนาจเป็นธรรมนะครับ... มันบาป
https://www.facebook.com/surapol.opasatien/posts/pfbid02tuNFYJtFDnAYjqmfnGTtWx4VgjYqQDpZ2abC5S1RDaoTKgChvxxv4uhnkuBN2Edi