เรื่อง พระสารีบุตรมีอภิญญาหรือไม่ พระโมคคัลลานะมีปัญญาแตกฉานในธรรมหรือไม่

เนื่องจากว่า มีหลาย ๆ ท่านมีความเข้าใจผิด หรือ สงสัยว่า

พระสารีบุตร มีปัญญาแตกฉานในธรรมอย่างเดียว แต่ไม่มีอภิญญา ใช่หรือไม่?
พระโมคคัลลานะ มีอภิญญาอย่างเดียว แต่ไม่มีปัญญาแตกฉานในธรรม ใช่หรือไม่?

ซึ่งหลายคนคิดว่า พระสารีบุตรไม่มีอภิญญา และ พระโมคคัลลานะไม่แตกฉานในธรรม

ก่อนหน้านี้ โดยส่วนตัว ผมเองคาดว่า ระดับอัครสาวก
น่าจะมีพร้อมทั้ง อภิญญา และปัญญาแตกฉานในธรรม ทั้งหมด
เพียงแต่ที่ผ่านมายังไม่มีหลักฐานแน่ชัด

ด้วยความสงสัยนั้นเลยค้นคว้าดู และได้เจอหลักฐานในพระไตรปิฎกว่า 

พระอัครสาวกทั้ง 2 ท่าน คือ พระสารีบุตร และ พระโมคคัลลานะ 
ล้วนถึงพร้อมด้วย ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8 และอภิญญา 6 

จึงนำมาเแสดงไว้เป็นหลักฐานในที่นี้ครับ

พระสารีบุตร
https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=32&siri=3

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๒ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๔ [ฉบับมหาจุฬาฯ]

[๓๗๒] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าเผาได้แล้ว ภพทั้งปวงข้าพเจ้าถอนได้แล้ว
ข้าพเจ้าตัดกิเลสเครื่องผูกพันได้แล้ว อยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ
ดุจพญาช้างตัดเครื่องพันธนาการได้อยู่อย่างอิสระ

[๓๗๓] การที่ข้าพเจ้าได้มาในสำนักของพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด เป็นการมาดีแล้วหนอ
วิชชา ๓ ข้าพเจ้าได้บรรลุแล้วโดยลำดับ คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว

[๓๗๔] คุณวิเศษเหล่านี้คือ ปฏิสัมภิทา ๔  วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
             ได้ทราบว่า ท่านพระสารีบุตรเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สารีปุตตเถราปทานที่ ๑ จบ

พระโมคคัลลานะ 
https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=32&siri=4

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๒ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๔ [ฉบับมหาจุฬาฯ]

[๓๙๖] ในกัปที่นับมิได้ นับจากกัปนี้ไป ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญกรรมใดไว้
ข้าพเจ้าได้บรรลุถึงภูมินั้น แล้วบรรลุความสิ้นอาสวะ

[๓๙๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
             ได้ทราบว่า ท่านพระมหาโมคคัลลานเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
มหาโมคคัลลานเถราปทานที่ ๒ จบ

----------------------------------------------
@เชิงอรรถ :
ภูมินั้น หมายถึง สาวกภูมิ ซึ่งหมายถึงบรรลุพระนิพพาน (ขุ.อป.อ. ๑/๓๙๖/๓๐๒)

ปฏิสัมภิทา ๔ คือ 
(๑) อัตถปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในอรรถ, ปรีชาแจ้งในความหมาย 
(๒) ธัมมปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในธรรม, ปรีชาแจ้งในหลัก
(๓) นิรุตติปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในนิรุตติ, ปรีชาแจ้งในภาษา
(๔) ปฏิภาณปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในปฏิภาณ, ปรีชาแจ้งในความคิดทันการมีไหวพริบ

วิโมกข์ ๘ คือ 
(๑) ผู้มีรูป มองเห็นรูปทั้งหลาย (ได้แก่รูปฌาน ๔ ของผู้ได้ฌาน โดยเจริญกสิณที่กำหนดวัตถุในกายของตน เช่น สีผม)
(๒) ผู้มี อรูปสัญญาภายใน มองเห็นรูป ทั้งหลายภายนอก (ได้แก่ อรูปฌาน๔ ของผู้ได้ฌาน โดยเจริญกสิณกำหนดอารมณ์ภายนอก)
(๓) ผู้น้อมใจดิ่งไปว่า “งาม” (ได้แก่ ฌานของผู้เจริญวรรณกสิณกำหนดสีที่งาม หรือเจริญอัปปมัญญา)
(๔) เพราะล่วงเสียซึ่ง รูปสัญญา โดยประการทั้งปวง เพราะปฏิฆสัญญาดับไป
      เพราะไม่ใส่ใจนานัตตสัญญา จึงเข้าถึง อากาสานัญจายตนะ โดยมนสิการว่า อากาศหาที่สุดมิได้
(๕) เพราะล่วงเสียซึ่ง อากาสานัญจายตนะ โดยประการทั้งปวง จึงเข้าถึง วิญญาณัญจายตนะ โดยมนสิการว่า วิญญาณหาที่สุดมิได้
(๖) เพราะล่วงเสียซึ่ง วิญญาณัญจายตนะ โดยประการทั้งปวง จึงเข้าถึง อากิญจัญญายตนะ โดยมนสิการว่า ไม่มีอะไรเลย
(๗) เพราะล่วงเสียซึ่ง อากิญจัญญายตนะ โดยประการทั้งปวง จึงเข้าถึง เนวสัญญานาสัญญายตนะอยู่
(๘) เพราะล่วงเสียซึ่ง เนวสัญญานาสัญญายตนะ โดยประการทั้งปวง จึงเข้าถึง สัญญาเวทยิตนิโรธอยู่

หรือ ได้แก่ มรรค ๔ ผล ๔ หรือ รูปฌาน และอรูปฌาน 

คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าได้ทำให้สำเร็จแล้ว
หมายถึง คำสั่งสอนเป็นอนุศาสนี (สอนให้คนบรรลุธรรมตามได้)
และโอวาทของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าให้สำเร็จด้วยอรหัตตมรรคญาณ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่