https://ppantip.com/topic/42953810 (บทที่ 6 ตีสนิท)
หลังจากเกิดเหตุถูกกลุ่มคนชุดดำปิดคลุมใบหน้ามิดชิดพร้อมอาวุธบุกถล่มในคืนนั้น รักชาติ แสวงตันก็พาลูกน้องอีกสามคนมาหลบอยู่ในสวนยางพาราในเขตอำเภอสอง จังหวัดแพร่ ซึ่งพ่อแม่ของ แจ็ค ลูกน้องของเขาคนหนึ่งเป็นเจ้าของ แจ็คโทร.ให้เพื่อนคนหนึ่งคนขับรถมารับแล้วเหยียบรวดเดียวมาจนถึงที่นี่ เขากบดานอยู่เงียบๆ ทบทวนเรื่องราวที่ไม่น่าผิดพลาดที่เชียงใหม่ เขาเจ็บใจและต้องการเอาคืนอย่างสาสม แค้นนี้ต้องชำระ พวกมันใช้ปืนพกเก็บเสียงบุกเข้าไปชิงตัวแม่บ้านและไล่ยิงเขากับลูกน้องเหมือนหมูเหมือนหมา พวกมันเป็นใครกันแน่ รู้ได้ยังไงว่าแม่บ้านถูกขังไว้ที่นั่น หรือว่าพวกมันมีสายอีกหลายคนนอกจากนังเลขากับแม่บ้าน อยู่ในบริษัท
ลูกน้องชื่อดู่ ถูกยิง กระสุนตัดชิ้นเนื้อบริเวณต้นแขนซ้ายหายไปบางส่วน เดชะบุญ กระสุนไม่ฝังใน เขาได้รับการห้ามเลือดจนหยุดไหลและใช้เสื้อยืดพันรอบปิดบาดแผลขณะหลบหนีมาที่นี่ แต่ถูกยิงในจุดที่ไกลหัวใจ ไม่ตายง่ายๆ หลังจากมาถึงที่หลบภัยไม่กี่ชั่วโมง รักชาติก็พาดู่ก็ไปรับการรักษาที่คลินิคพยาบาลในตัวอำเภอ แล้วจ่ายเงินค่าทำแผลมากพอต่อการปิดปากพยาบาลให้สนิท
ตั้งแต่คืนนั้น เขาพยายามโทรศัพท์ติดต่อคุณอัครา แต่หมายเลขที่เรียกไม่เคยมีสัญญาณอีกเลย คุณอัคราไม่ปรากฏตัวพร้อมผู้หญิงคนนั้น นังเลขา ตามเวลานัดหมายที่ตกลงกันไว้ ปล่อยให้เขารอออยู่ห้าชั่วโมงกว่า จนกระทั่งถูกกลุ่มคนติดอาวุธพวกนั้นจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว แม้เขากับลูกน้องจะยิงต่อสู้แล้ว แต่ฝีมือพวกมันเหนือกว่ามาก ดุดันและรวดเร็ว เขาเองก็เกือบเพลี่ยงพล้ำถูกยิงตาย ทุกคนต้องหนีหัวซุกหัวซุน โชคยังดีที่ยังรักษาชีวิตรอดมาได้
เขาเห็นข่าวบนโซเชียลมีเดียจากโทรศัพท์รายงานว่า คุณอัคราเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถตกแม่น้ำพร้อมคนขับรถในคืนที่เขากับพวกรอคอยอยู่ นั่นทำให้เขาได้คำตอบว่า ทำไมคุณอัคราถึงไม่มาตามนัด ในข่าวยังบอกอีกว่าผู้ต้องสงสัยที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุจนทำให้มีผู้เสียชีวิตสองคนอาจจะเป็นนางสาวขวัญฤทัย นัดดา เลขานุการประธานบริหารกลุ่มบริษัททรานส์อินโดไชน่าฯ ที่นั่งอยู่ในรถคันนั้นด้วย
นักข่าวแทบทุกสำนัก ลงรูปหน้าตรงของนังเลขาที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังพลิกแผ่นดินค้นหาตัวมัน
นังเลขาคนสวยที่คุณอัคราสัญญาว่าจะพาตัวมาให้เขากับพวกได้สนุกกัน..เขาคิดและส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง
แม่บ้านที่เขาอุ้มตัวไปสอบสวน ก็มีคนช่วยให้หลุดรอดออกไปแบบมีชีวิต ผู้หญิงที่เขาจะได้รับเป็นค่าตอบแทนก็มาไม่ถึงมือ นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับเขากันแน่
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หมายเลขไม่คุ้นเคย รักชาติกดวางสายอย่างไม่ใยดี ครู่เดียวเบอร์เดิมก็โทร.เข้ามาอีก เขาปล่อยให้มันดังอยู่นานก่อนจะตัดสินใจรับสาย
“ชาติใช่มั้ย” เสียงผู้ชายแหบห้าวทักถาม
“แกเป็นใคร” รักชาติถามกลับไป
“ฉันมาทำงานต่อจากอัครา”
“คุณอัคราเพิ่งตาย แกก็มาแทนเขาแล้วรึ ตำแหน่งประธานบริษัทนั่นรึเปล่า”
“ไม่ใช่ งานอย่างอื่น”
“งานอะไร”
“งานที่อัคราสั่งให้แกทำ”
รักชาติเงียบชั่วอึดใจ “หวังว่า แกคงไม่ใช่ตำรวจหรือคนพวกนั้นปลอมตัวมา”
“ฉันทำงานให้บริษัท เหมือนที่อัคราเคยทำ แต่แกหมายถึงพวกไหน”
“พวกที่บุกจู่โจมฉันกับพวกในคืนที่คุณอัคราตาย”
“ฉันไม่รู้จักคนพวกนั้น แต่เราต้องพบกันตัวต่อตัว คุยรายละเอียด”
“บอกชื่อแกมา” รักชาติบอก
“เรียกฉันว่า ยักษ์ อินโดจีน”
“ยักษ์ อินโดจีน เนี่ยนะ ฉันไม่เคยได้ยินชื่อนี้”
“นั่นไม่สำคัญ แต่เราต้องพบกัน”
“ได้ ที่ไหน เมื่อไหร่”
“คืนนี้ ห้าทุ่มตรง ห้อง 107 เดอะ ไวท์เวฟ รีสอร์ท ริมแม่น้ำโขง อย่าผิดนัดล่ะ”
“ไวท์เวฟ รีสอร์ท ห้าทุ่ม ได้ ฉันเอาคนมาได้กี่คน” รักชาติมองนาฬิกาข้อมือ
“ฉันจะไปคนเดียว แกก็มาคนเดียว”
สายถูกตัดไป รักชาติบันทึกหมายเลขโทรศัพท์ไว้ แล้วค้นหาชื่อรีสอร์ทในกูเกิล กดเปิดแผนที่เส้นทางที่แสดงไว้ พบว่ามันตั้งอยู่บนถนนสายเชียงแสน-เชียงของ บนฝั่งแม่น้ำโขง ใช้เวลาขับรถประมาณสามชั่วโมง เขาเดินเข้ามาถามอาการดู่ในห้องนอนด้านหลัง บอกให้อยู่นิ่งๆ ไปก่อน เรื่องอาหารการกินให้แจ็คออกไปซื้อเข้ามา แจ็คเป็นคนในพื้นที่ รู้ลู่ทางดีกว่าคนอื่น เขาให้เงินแจ็คไว้แล้วก้อนหนึ่ง ไม่ต้องกังวลเรื่องบาดแผล ไม่กี่วันก็จะหายดี
รักชาติคว้าปืนพกขนาด 11มม.จากใต้หมอนข้างหัวลูกน้องบนเตียงมาไว้ในกำมือ ปลดซองใส่กระสุนออกมาตรวจสอบแล้วเสียบกลับเข้าที่เดิม หันไปเปิดตู้ กำลูกปืนหนึ่งกำมือใส่ลงในกระเป๋ากางเกงยีนส์ ฉวยแจ็คเก็ตมาสวม สะพายเป้บนหัวไหล่ หยิบกุญแจรถเดินออกมาเจอแจ็คกับบอมยืนสูบบุหรี่อยู่นอกประตูบ้าน
“กูจะไปทำธุระแถวแม่น้ำโขง อาจกลับมาดึกๆ คืนนี้ หรือ ช่วงสายวันพรุ่งนี้” รักชาติบอกลูกน้อง
“ได้ครับพี่” แจ็คบอก
“ฝากไอ้ดู่ด้วย อย่าทะเลาะกัน กูรู้ว่าสองคนไม่ค่อยชอบหน้ากันเท่าไหร่ แต่ถือว่าทำเพื่อกู อ้อ..พยายามออกไปซื้อของตอนกลางคืนดึกๆ นะ จะได้ไม่มีใครที่ตลาดจำเอ็งได้” รักชาติตบบ่าแจ็คเบาๆ
“ครับพี่”
“ก็อย่าออกไปเพ่นพ่านล่ะ” รักชาติหันมาพูดกับบอม
“ไม่ไปครับพี่”
รถปิคอัพขับเคลื่อนสี่ล้อสีดำเคลื่อนที่ออกจากสวนยางพาราที่ตั้งอยู่ห่างไกลชุมชน สองนาทีต่อมารักชาติก็เลี้ยวเข้าสู่ถนนหลวง ใจเขาหวนนึกถึงวันเก่าๆ ในสมัยที่ยังคงรับราชการทหารชั้นประทวนยศสิบโทและเผลอไผลหลงมัวเมาลุ่มหลงสุรานารี
เขาออกไปดื่มกินและคลอเคลียสาวๆ ในร้านเหล้าแทบทุกคืน บางคืนก็หิ้วผู้หญิงไปเปิดห้องนอนในโรงแรมราคาถูก เสาร์อาทิตย์ไม่อยู่บ้าน ขับรถปิคอัพคันแรกของครอบครัวออกเที่ยวเตร่ นอนค้างอ้างแรมกับผู้หญิงอื่นจนติดเป็นนิสัย วันหนึ่งเมียของเขาก็ขอหย่าขาด หลังจากทนกับพฤติกรรมของเขาอยู่หลายปี และไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้น แม้เธอจะขอร้องให้เขาเลิกดื่มเลิกเที่ยวผู้หญิงซ้ำแล้วซ้ำอีกก็ตาม ถ้าไม่เห็นแก่เธอ ก็เห็นแก่ลูกสาวที่กำลังเรียนชั้นประถมศึกษาตอนต้น
เขาพยายามง้อขอคืนดีกับภรรยาและรับปากว่าจะเลิกพฤติกรรมที่ไม่ดีทั้งหมดเพื่อลูกเพื่อเมีย แต่แล้วก็ง้อไม่สำเร็จ เธอไม่เชื่อถือในคำพูดของเขาอีกต่อไป ผู้หญิงเมื่อถึงที่สุดแล้ว แม้ไม่มีที่ไปก็จะไป ดีกว่าต้องกล้ำกลืนฝืนทนเจ็บปวดเจ็บช้ำระกำใจและอับอายเพื่อนบ้านเพื่อนฝูงที่ต้องมาทนอยู่กินกับสามีขี้เหล้าเจ้าชู้ไม่เลือกหน้า ในวันที่ไปจดทะเบียนหย่า นายทะเบียนที่อำเภอพยายามพูดเกลี้ยกล่อมให้เขากับเธอกลับไปปรับความเข้าใจกันและคิดดูใหม่อีกครั้ง ชีวิตลูกจะขาดพ่อหรือแม่ถ้าหย่ากันไป ลูกจะมีปมด้อย แต่จนแล้วจนรอด นายทะเบียนจะพูดให้ตาย เธอก็ไม่ยอมถอยแม้แต่ครึ่งก้าว เธอยืนยันกระต่ายขาเดียวว่า ยังไงก็ต้องหย่าขาดจากกันวันนี้ ส่วนลูกเธอจะเลี้ยงเอง และไม่ขอรับสินสมรสแม้แต่สตางค์แดงเดียว เธอพาลูกย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ และได้ทำงานเป็นพนักงานบริษัท
พฤติกรรมของเขาย่ำแย่ลงกว่าเดิมหลังจากการหย่าร้าง เขาเมามายไปทำงานจนถูกผู้บังคับบัญชาเรียกไปตักเตือนหลายครั้ง และเคยถูกคุมขังสิบห้าวันภายในค่ายทหารที่เขาทำงานอยู่เพื่อให้เกิดสำนึก แต่ก็ได้ลูกน้องทหารเกณฑ์ชื่อดู่ คอยดูแลส่งข้าวส่งน้ำ ทำให้เขาซาบซึ้งน้ำใจและรักลูกน้องคนนี้มากเสมือนเป็นน้องชายในสายเลือดตัวเอง แต่เมื่อออกจากที่คุมขัง เขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นได้ ขับรถปิคอัพพาลูกน้องทหารเกณฑ์ไปดื่มกินจนเมามาย แล้วขับขี่ขณะมึนเมาไปชนเสาไฟฟ้าขณะกลับเข้าบ้านพักที่เป็นตึกแถวนายสิบภายในค่าย ตัวเขาและอีกหลายคนบาดเจ็บ เคราะห์ดีไม่มีใครเสียชีวิต แต่รถพังยับเยินเกินกว่าจะซ่อมให้กลับคืนสู่สภาพเดิมได้ ประกันชั้นหนึ่งขาดไปนานแล้ว เขาไม่มีเงินค่าซ่อมและค่าอะไหล่ จำเป็นต้องขายซากทิ้ง
เจ้าหนี้จากร้านเหล้าทั่วเมืองต่างเรียงหน้ากันตามทวงหนี้ที่เขาไปลงบัญชีดื่มกินและเลี้ยงลูกน้องทหารเกณฑ์ไว้ เงินเดือนทหารชั้นประทวนไม่เคยพอ เขากู้ยืมเพื่อนทหารด้วยกันแล้วใช้คืนไม่ตรงเวลาจนทุกคนเอือมระอา กู้สหกรณ์ออมทรัพย์มาหมุนชำระหนี้ เขาปล่อยให้ชีวิตผิดพลาดเละเทะจนแทบจะถูกให้ออกจากราชการ
เมื่อรู้สึกได้ว่าผู้บังคับบัญชารังเกียจ หลายคนในค่ายไม่ต้อนรับ รักชาติก็มองหางานใหม่ เหมือนโชคยังเข้าข้าง เขาสมัครตำแหน่งซูเปอร์ไวเซอร์และครูฝึกยามรักษาความปลอดภัยกับบริษัทเอกชนขนาดใหญ่สาขาภาคเหนือที่กำลังขาดบุคลากรในตำแหน่งนี้ และได้รับการพิจารณาคัดเลือกเข้าทำงาน รายรับสูงกว่าเงินเดือนทหารชั้นประทวนสามเท่า เขาลาออกจากราชการ และย้ายไปประจำอยู่ที่ศูนย์ฝึกของบริษัทประจำจังหวัดเชียงใหม่ เขาให้คำมั่นกับตัวเองว่าจะเลิกดื่มเหล้าเบียร์ เลิกเช้าชู้ เปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิม
เขาไปตรวจความเรียบร้อยและประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ถูกส่งไปประจำที่โกดังสินค้าของบริษัททรานส์อินโดไชน่า อิมพอร์ต เอ็กซ์พอร์ต และมีโอกาสได้พบกับคุณอัคราขณะเดินตรวจตราความเรียบร้อยรอบรั้วโกดัง คุณอัคราพูดคุยกับเขาอย่างเป็นกันเองและสอบถามประวัติของเขา เขาตอบตามความเป็นจริงว่าเคยรับราชการทหารมาก่อน แต่ลาออกมาทำงานด้านการรักษาความปลอดภัย คุณอัคราบอกว่ารู้สึกถูกชะตาและให้เขาส่งประวัติการทำงานผ่านเลขาไปให้อ่าน เผื่อไว้มีงานพิเศษให้ทำพร้อมค่าตอบแทนที่คุ้มค่าถ้าเขาสนใจ สัปดาห์ต่อมาเลขาก็ได้รับประวัติการทำงานของเขา นั่นคือวันแรกที่เขารู้จักมัน นังเลขา
งานพิเศษชิ้นแรกที่คุณอัครามอบหมายให้รักชาติไปทำคือ ไปคุ้มครองแพ็คเกจสำคัญจากท่าเรือซือเหมา เมืองผูเอ่อ มณฑลยูนนาน ประเทศจีนแล้วล่องตามแม่น้ำโขงมาขึ้นฝั่งที่ท่าเรือเชียงแสน จังหวัดเชียงราย
เขาเรียก ดู่ ลูกน้องคนสนิทมาช่วยงาน และเขากับลูกน้องก็ได้ร่วมคุ้มครองแพ็คเกจกับอีกหนึ่งทีมที่คุณอัคราจัดเตรียมไว้ ซึ่งมีแจ็ครวมอยู่ด้วย
เขาเรียนรู้หลังจากไปถึงประเทศจีนว่า แพ็คเกจที่คุณอัคราให้คุ้มครองคือ ชายหญิงต่างชาติคู่หนึ่งที่หลบหนีมาจากประเทศเกาหลีเหนือ
จากนั้นเขาก็ลาออกจากบริษัทรักษาความปลอดภัยเพื่อมาทำงานรับใช้คุณอัคราเต็มเวลาในตำแหน่งผู้จัดการคลังสินค้า ที่มีห้องทำงานอยู่ที่โกดังของบริษัท เขารับแจ็คมาทำงานรับใช้ใกล้ชิดคู่กับดู่ แม้ดู่จะไม่เคยเห็นด้วยเลยก็ตาม และเขาก็ได้รู้จักบอมที่โกดังสินค้า
คุณอัคราคือคนที่มอบโอกาสและชีวิตใหม่พร้อมฐานะทางการเงินที่ดีขึ้นแบบหน้ามือเป็นหลังเท้าให้กับเขาอย่างแท้จริง
ผ่านมาสองชั่วโมงสี่สิบนาที รักชาติก็เลี้ยวรถเข้าถนนแคบๆ ที่ตัดแยกออกจากถนนสายหลักลงไปสู่ที่ตั้งของไวท์เวฟ รีสอร์ท ขับช้าๆ มองฝ่าความมืดสำรวจสองข้างทาง เมื่อมาถึงประตูรั้วรีสอร์ท ก็ได้รู้ว่าถนนเส้นนี้เป็นทางเข้าออกเพียงเส้นเดียว เขาบังคับพวกมาลัยเลี้ยวเข้าลานจอด ลงจากรถแล้วขึ้นมาที่เคาน์เตอร์ต้อนรับลูกค้า แจ้งความประสงค์ พนักงานบอกตำแหน่งของห้องพักหมายเลข 107 ว่าอยู่หลังสุดท้ายบนตลิ่งแม่น้ำโขง
เขามาถึงก่อนเวลาเล็กน้อย แต่ก็ลองเคาะประตูดู สักพักชายผมสั้นผิวหน้าขาวลำตัวหนาไหล่กว้างก็ออกมาเปิดรับ “ชาติ เข้ามาก่อน” เขากวาดสายตามองรอบด้านหลังจากรักชาติเดินเข้าข้างใน ก่อนปิดประตู
“รู้จักผมมาก่อนเหรอ” รักชาติถาม ยืนอยู่ปลายเตียง มองรอบห้อง
“ผมรู้จักคุณมานาน แต่คุณไม่รู้จักผมหรอก” เขายื่นมือมาให้รักชาติจับ “ผม ยักษ์ อินโดจีน”
รักชาติสัมผัสมือแผ่วเบา “ชื่อจริงหรือชื่อเล่น”
“ฉายาในวงการ” ยักษ์ยิ้มแล้วผายมือ “นั่งลงก่อน ผมมีเรื่องคุยด้วย”
รักชาติดึงเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่ง ชักปืนมากำไว้ในอุ้งมือแล้ววางบนหน้าตัก ยักษ์นั่งอีกตัวฝั่งตรงข้าม ทั้งคู่มองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างระวังตัว
“ถ้าเล่นตุกติก ผมยิงคุณไส้แตก” รักชาติขู่
“ผมรู้ ไม่เอาน่า ผมก็ยิงคุณไม่พลาดเหมือนกันในระยะแค่นี้”
(..โปรดอ่านต่อด้านล่าง..)
นิยาย: จอมป่วนชวนจับโจร บทที่ 7 นายคนใหม่
หลังจากเกิดเหตุถูกกลุ่มคนชุดดำปิดคลุมใบหน้ามิดชิดพร้อมอาวุธบุกถล่มในคืนนั้น รักชาติ แสวงตันก็พาลูกน้องอีกสามคนมาหลบอยู่ในสวนยางพาราในเขตอำเภอสอง จังหวัดแพร่ ซึ่งพ่อแม่ของ แจ็ค ลูกน้องของเขาคนหนึ่งเป็นเจ้าของ แจ็คโทร.ให้เพื่อนคนหนึ่งคนขับรถมารับแล้วเหยียบรวดเดียวมาจนถึงที่นี่ เขากบดานอยู่เงียบๆ ทบทวนเรื่องราวที่ไม่น่าผิดพลาดที่เชียงใหม่ เขาเจ็บใจและต้องการเอาคืนอย่างสาสม แค้นนี้ต้องชำระ พวกมันใช้ปืนพกเก็บเสียงบุกเข้าไปชิงตัวแม่บ้านและไล่ยิงเขากับลูกน้องเหมือนหมูเหมือนหมา พวกมันเป็นใครกันแน่ รู้ได้ยังไงว่าแม่บ้านถูกขังไว้ที่นั่น หรือว่าพวกมันมีสายอีกหลายคนนอกจากนังเลขากับแม่บ้าน อยู่ในบริษัท
ลูกน้องชื่อดู่ ถูกยิง กระสุนตัดชิ้นเนื้อบริเวณต้นแขนซ้ายหายไปบางส่วน เดชะบุญ กระสุนไม่ฝังใน เขาได้รับการห้ามเลือดจนหยุดไหลและใช้เสื้อยืดพันรอบปิดบาดแผลขณะหลบหนีมาที่นี่ แต่ถูกยิงในจุดที่ไกลหัวใจ ไม่ตายง่ายๆ หลังจากมาถึงที่หลบภัยไม่กี่ชั่วโมง รักชาติก็พาดู่ก็ไปรับการรักษาที่คลินิคพยาบาลในตัวอำเภอ แล้วจ่ายเงินค่าทำแผลมากพอต่อการปิดปากพยาบาลให้สนิท
ตั้งแต่คืนนั้น เขาพยายามโทรศัพท์ติดต่อคุณอัครา แต่หมายเลขที่เรียกไม่เคยมีสัญญาณอีกเลย คุณอัคราไม่ปรากฏตัวพร้อมผู้หญิงคนนั้น นังเลขา ตามเวลานัดหมายที่ตกลงกันไว้ ปล่อยให้เขารอออยู่ห้าชั่วโมงกว่า จนกระทั่งถูกกลุ่มคนติดอาวุธพวกนั้นจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว แม้เขากับลูกน้องจะยิงต่อสู้แล้ว แต่ฝีมือพวกมันเหนือกว่ามาก ดุดันและรวดเร็ว เขาเองก็เกือบเพลี่ยงพล้ำถูกยิงตาย ทุกคนต้องหนีหัวซุกหัวซุน โชคยังดีที่ยังรักษาชีวิตรอดมาได้
เขาเห็นข่าวบนโซเชียลมีเดียจากโทรศัพท์รายงานว่า คุณอัคราเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถตกแม่น้ำพร้อมคนขับรถในคืนที่เขากับพวกรอคอยอยู่ นั่นทำให้เขาได้คำตอบว่า ทำไมคุณอัคราถึงไม่มาตามนัด ในข่าวยังบอกอีกว่าผู้ต้องสงสัยที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุจนทำให้มีผู้เสียชีวิตสองคนอาจจะเป็นนางสาวขวัญฤทัย นัดดา เลขานุการประธานบริหารกลุ่มบริษัททรานส์อินโดไชน่าฯ ที่นั่งอยู่ในรถคันนั้นด้วย
นักข่าวแทบทุกสำนัก ลงรูปหน้าตรงของนังเลขาที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังพลิกแผ่นดินค้นหาตัวมัน
นังเลขาคนสวยที่คุณอัคราสัญญาว่าจะพาตัวมาให้เขากับพวกได้สนุกกัน..เขาคิดและส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง
แม่บ้านที่เขาอุ้มตัวไปสอบสวน ก็มีคนช่วยให้หลุดรอดออกไปแบบมีชีวิต ผู้หญิงที่เขาจะได้รับเป็นค่าตอบแทนก็มาไม่ถึงมือ นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับเขากันแน่
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หมายเลขไม่คุ้นเคย รักชาติกดวางสายอย่างไม่ใยดี ครู่เดียวเบอร์เดิมก็โทร.เข้ามาอีก เขาปล่อยให้มันดังอยู่นานก่อนจะตัดสินใจรับสาย
“ชาติใช่มั้ย” เสียงผู้ชายแหบห้าวทักถาม
“แกเป็นใคร” รักชาติถามกลับไป
“ฉันมาทำงานต่อจากอัครา”
“คุณอัคราเพิ่งตาย แกก็มาแทนเขาแล้วรึ ตำแหน่งประธานบริษัทนั่นรึเปล่า”
“ไม่ใช่ งานอย่างอื่น”
“งานอะไร”
“งานที่อัคราสั่งให้แกทำ”
รักชาติเงียบชั่วอึดใจ “หวังว่า แกคงไม่ใช่ตำรวจหรือคนพวกนั้นปลอมตัวมา”
“ฉันทำงานให้บริษัท เหมือนที่อัคราเคยทำ แต่แกหมายถึงพวกไหน”
“พวกที่บุกจู่โจมฉันกับพวกในคืนที่คุณอัคราตาย”
“ฉันไม่รู้จักคนพวกนั้น แต่เราต้องพบกันตัวต่อตัว คุยรายละเอียด”
“บอกชื่อแกมา” รักชาติบอก
“เรียกฉันว่า ยักษ์ อินโดจีน”
“ยักษ์ อินโดจีน เนี่ยนะ ฉันไม่เคยได้ยินชื่อนี้”
“นั่นไม่สำคัญ แต่เราต้องพบกัน”
“ได้ ที่ไหน เมื่อไหร่”
“คืนนี้ ห้าทุ่มตรง ห้อง 107 เดอะ ไวท์เวฟ รีสอร์ท ริมแม่น้ำโขง อย่าผิดนัดล่ะ”
“ไวท์เวฟ รีสอร์ท ห้าทุ่ม ได้ ฉันเอาคนมาได้กี่คน” รักชาติมองนาฬิกาข้อมือ
“ฉันจะไปคนเดียว แกก็มาคนเดียว”
สายถูกตัดไป รักชาติบันทึกหมายเลขโทรศัพท์ไว้ แล้วค้นหาชื่อรีสอร์ทในกูเกิล กดเปิดแผนที่เส้นทางที่แสดงไว้ พบว่ามันตั้งอยู่บนถนนสายเชียงแสน-เชียงของ บนฝั่งแม่น้ำโขง ใช้เวลาขับรถประมาณสามชั่วโมง เขาเดินเข้ามาถามอาการดู่ในห้องนอนด้านหลัง บอกให้อยู่นิ่งๆ ไปก่อน เรื่องอาหารการกินให้แจ็คออกไปซื้อเข้ามา แจ็คเป็นคนในพื้นที่ รู้ลู่ทางดีกว่าคนอื่น เขาให้เงินแจ็คไว้แล้วก้อนหนึ่ง ไม่ต้องกังวลเรื่องบาดแผล ไม่กี่วันก็จะหายดี
รักชาติคว้าปืนพกขนาด 11มม.จากใต้หมอนข้างหัวลูกน้องบนเตียงมาไว้ในกำมือ ปลดซองใส่กระสุนออกมาตรวจสอบแล้วเสียบกลับเข้าที่เดิม หันไปเปิดตู้ กำลูกปืนหนึ่งกำมือใส่ลงในกระเป๋ากางเกงยีนส์ ฉวยแจ็คเก็ตมาสวม สะพายเป้บนหัวไหล่ หยิบกุญแจรถเดินออกมาเจอแจ็คกับบอมยืนสูบบุหรี่อยู่นอกประตูบ้าน
“กูจะไปทำธุระแถวแม่น้ำโขง อาจกลับมาดึกๆ คืนนี้ หรือ ช่วงสายวันพรุ่งนี้” รักชาติบอกลูกน้อง
“ได้ครับพี่” แจ็คบอก
“ฝากไอ้ดู่ด้วย อย่าทะเลาะกัน กูรู้ว่าสองคนไม่ค่อยชอบหน้ากันเท่าไหร่ แต่ถือว่าทำเพื่อกู อ้อ..พยายามออกไปซื้อของตอนกลางคืนดึกๆ นะ จะได้ไม่มีใครที่ตลาดจำเอ็งได้” รักชาติตบบ่าแจ็คเบาๆ
“ครับพี่”
“ก็อย่าออกไปเพ่นพ่านล่ะ” รักชาติหันมาพูดกับบอม
“ไม่ไปครับพี่”
รถปิคอัพขับเคลื่อนสี่ล้อสีดำเคลื่อนที่ออกจากสวนยางพาราที่ตั้งอยู่ห่างไกลชุมชน สองนาทีต่อมารักชาติก็เลี้ยวเข้าสู่ถนนหลวง ใจเขาหวนนึกถึงวันเก่าๆ ในสมัยที่ยังคงรับราชการทหารชั้นประทวนยศสิบโทและเผลอไผลหลงมัวเมาลุ่มหลงสุรานารี
เขาออกไปดื่มกินและคลอเคลียสาวๆ ในร้านเหล้าแทบทุกคืน บางคืนก็หิ้วผู้หญิงไปเปิดห้องนอนในโรงแรมราคาถูก เสาร์อาทิตย์ไม่อยู่บ้าน ขับรถปิคอัพคันแรกของครอบครัวออกเที่ยวเตร่ นอนค้างอ้างแรมกับผู้หญิงอื่นจนติดเป็นนิสัย วันหนึ่งเมียของเขาก็ขอหย่าขาด หลังจากทนกับพฤติกรรมของเขาอยู่หลายปี และไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้น แม้เธอจะขอร้องให้เขาเลิกดื่มเลิกเที่ยวผู้หญิงซ้ำแล้วซ้ำอีกก็ตาม ถ้าไม่เห็นแก่เธอ ก็เห็นแก่ลูกสาวที่กำลังเรียนชั้นประถมศึกษาตอนต้น
เขาพยายามง้อขอคืนดีกับภรรยาและรับปากว่าจะเลิกพฤติกรรมที่ไม่ดีทั้งหมดเพื่อลูกเพื่อเมีย แต่แล้วก็ง้อไม่สำเร็จ เธอไม่เชื่อถือในคำพูดของเขาอีกต่อไป ผู้หญิงเมื่อถึงที่สุดแล้ว แม้ไม่มีที่ไปก็จะไป ดีกว่าต้องกล้ำกลืนฝืนทนเจ็บปวดเจ็บช้ำระกำใจและอับอายเพื่อนบ้านเพื่อนฝูงที่ต้องมาทนอยู่กินกับสามีขี้เหล้าเจ้าชู้ไม่เลือกหน้า ในวันที่ไปจดทะเบียนหย่า นายทะเบียนที่อำเภอพยายามพูดเกลี้ยกล่อมให้เขากับเธอกลับไปปรับความเข้าใจกันและคิดดูใหม่อีกครั้ง ชีวิตลูกจะขาดพ่อหรือแม่ถ้าหย่ากันไป ลูกจะมีปมด้อย แต่จนแล้วจนรอด นายทะเบียนจะพูดให้ตาย เธอก็ไม่ยอมถอยแม้แต่ครึ่งก้าว เธอยืนยันกระต่ายขาเดียวว่า ยังไงก็ต้องหย่าขาดจากกันวันนี้ ส่วนลูกเธอจะเลี้ยงเอง และไม่ขอรับสินสมรสแม้แต่สตางค์แดงเดียว เธอพาลูกย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ และได้ทำงานเป็นพนักงานบริษัท
พฤติกรรมของเขาย่ำแย่ลงกว่าเดิมหลังจากการหย่าร้าง เขาเมามายไปทำงานจนถูกผู้บังคับบัญชาเรียกไปตักเตือนหลายครั้ง และเคยถูกคุมขังสิบห้าวันภายในค่ายทหารที่เขาทำงานอยู่เพื่อให้เกิดสำนึก แต่ก็ได้ลูกน้องทหารเกณฑ์ชื่อดู่ คอยดูแลส่งข้าวส่งน้ำ ทำให้เขาซาบซึ้งน้ำใจและรักลูกน้องคนนี้มากเสมือนเป็นน้องชายในสายเลือดตัวเอง แต่เมื่อออกจากที่คุมขัง เขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นได้ ขับรถปิคอัพพาลูกน้องทหารเกณฑ์ไปดื่มกินจนเมามาย แล้วขับขี่ขณะมึนเมาไปชนเสาไฟฟ้าขณะกลับเข้าบ้านพักที่เป็นตึกแถวนายสิบภายในค่าย ตัวเขาและอีกหลายคนบาดเจ็บ เคราะห์ดีไม่มีใครเสียชีวิต แต่รถพังยับเยินเกินกว่าจะซ่อมให้กลับคืนสู่สภาพเดิมได้ ประกันชั้นหนึ่งขาดไปนานแล้ว เขาไม่มีเงินค่าซ่อมและค่าอะไหล่ จำเป็นต้องขายซากทิ้ง
เจ้าหนี้จากร้านเหล้าทั่วเมืองต่างเรียงหน้ากันตามทวงหนี้ที่เขาไปลงบัญชีดื่มกินและเลี้ยงลูกน้องทหารเกณฑ์ไว้ เงินเดือนทหารชั้นประทวนไม่เคยพอ เขากู้ยืมเพื่อนทหารด้วยกันแล้วใช้คืนไม่ตรงเวลาจนทุกคนเอือมระอา กู้สหกรณ์ออมทรัพย์มาหมุนชำระหนี้ เขาปล่อยให้ชีวิตผิดพลาดเละเทะจนแทบจะถูกให้ออกจากราชการ
เมื่อรู้สึกได้ว่าผู้บังคับบัญชารังเกียจ หลายคนในค่ายไม่ต้อนรับ รักชาติก็มองหางานใหม่ เหมือนโชคยังเข้าข้าง เขาสมัครตำแหน่งซูเปอร์ไวเซอร์และครูฝึกยามรักษาความปลอดภัยกับบริษัทเอกชนขนาดใหญ่สาขาภาคเหนือที่กำลังขาดบุคลากรในตำแหน่งนี้ และได้รับการพิจารณาคัดเลือกเข้าทำงาน รายรับสูงกว่าเงินเดือนทหารชั้นประทวนสามเท่า เขาลาออกจากราชการ และย้ายไปประจำอยู่ที่ศูนย์ฝึกของบริษัทประจำจังหวัดเชียงใหม่ เขาให้คำมั่นกับตัวเองว่าจะเลิกดื่มเหล้าเบียร์ เลิกเช้าชู้ เปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิม
เขาไปตรวจความเรียบร้อยและประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ถูกส่งไปประจำที่โกดังสินค้าของบริษัททรานส์อินโดไชน่า อิมพอร์ต เอ็กซ์พอร์ต และมีโอกาสได้พบกับคุณอัคราขณะเดินตรวจตราความเรียบร้อยรอบรั้วโกดัง คุณอัคราพูดคุยกับเขาอย่างเป็นกันเองและสอบถามประวัติของเขา เขาตอบตามความเป็นจริงว่าเคยรับราชการทหารมาก่อน แต่ลาออกมาทำงานด้านการรักษาความปลอดภัย คุณอัคราบอกว่ารู้สึกถูกชะตาและให้เขาส่งประวัติการทำงานผ่านเลขาไปให้อ่าน เผื่อไว้มีงานพิเศษให้ทำพร้อมค่าตอบแทนที่คุ้มค่าถ้าเขาสนใจ สัปดาห์ต่อมาเลขาก็ได้รับประวัติการทำงานของเขา นั่นคือวันแรกที่เขารู้จักมัน นังเลขา
งานพิเศษชิ้นแรกที่คุณอัครามอบหมายให้รักชาติไปทำคือ ไปคุ้มครองแพ็คเกจสำคัญจากท่าเรือซือเหมา เมืองผูเอ่อ มณฑลยูนนาน ประเทศจีนแล้วล่องตามแม่น้ำโขงมาขึ้นฝั่งที่ท่าเรือเชียงแสน จังหวัดเชียงราย
เขาเรียก ดู่ ลูกน้องคนสนิทมาช่วยงาน และเขากับลูกน้องก็ได้ร่วมคุ้มครองแพ็คเกจกับอีกหนึ่งทีมที่คุณอัคราจัดเตรียมไว้ ซึ่งมีแจ็ครวมอยู่ด้วย
เขาเรียนรู้หลังจากไปถึงประเทศจีนว่า แพ็คเกจที่คุณอัคราให้คุ้มครองคือ ชายหญิงต่างชาติคู่หนึ่งที่หลบหนีมาจากประเทศเกาหลีเหนือ
จากนั้นเขาก็ลาออกจากบริษัทรักษาความปลอดภัยเพื่อมาทำงานรับใช้คุณอัคราเต็มเวลาในตำแหน่งผู้จัดการคลังสินค้า ที่มีห้องทำงานอยู่ที่โกดังของบริษัท เขารับแจ็คมาทำงานรับใช้ใกล้ชิดคู่กับดู่ แม้ดู่จะไม่เคยเห็นด้วยเลยก็ตาม และเขาก็ได้รู้จักบอมที่โกดังสินค้า
คุณอัคราคือคนที่มอบโอกาสและชีวิตใหม่พร้อมฐานะทางการเงินที่ดีขึ้นแบบหน้ามือเป็นหลังเท้าให้กับเขาอย่างแท้จริง
ผ่านมาสองชั่วโมงสี่สิบนาที รักชาติก็เลี้ยวรถเข้าถนนแคบๆ ที่ตัดแยกออกจากถนนสายหลักลงไปสู่ที่ตั้งของไวท์เวฟ รีสอร์ท ขับช้าๆ มองฝ่าความมืดสำรวจสองข้างทาง เมื่อมาถึงประตูรั้วรีสอร์ท ก็ได้รู้ว่าถนนเส้นนี้เป็นทางเข้าออกเพียงเส้นเดียว เขาบังคับพวกมาลัยเลี้ยวเข้าลานจอด ลงจากรถแล้วขึ้นมาที่เคาน์เตอร์ต้อนรับลูกค้า แจ้งความประสงค์ พนักงานบอกตำแหน่งของห้องพักหมายเลข 107 ว่าอยู่หลังสุดท้ายบนตลิ่งแม่น้ำโขง
เขามาถึงก่อนเวลาเล็กน้อย แต่ก็ลองเคาะประตูดู สักพักชายผมสั้นผิวหน้าขาวลำตัวหนาไหล่กว้างก็ออกมาเปิดรับ “ชาติ เข้ามาก่อน” เขากวาดสายตามองรอบด้านหลังจากรักชาติเดินเข้าข้างใน ก่อนปิดประตู
“รู้จักผมมาก่อนเหรอ” รักชาติถาม ยืนอยู่ปลายเตียง มองรอบห้อง
“ผมรู้จักคุณมานาน แต่คุณไม่รู้จักผมหรอก” เขายื่นมือมาให้รักชาติจับ “ผม ยักษ์ อินโดจีน”
รักชาติสัมผัสมือแผ่วเบา “ชื่อจริงหรือชื่อเล่น”
“ฉายาในวงการ” ยักษ์ยิ้มแล้วผายมือ “นั่งลงก่อน ผมมีเรื่องคุยด้วย”
รักชาติดึงเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่ง ชักปืนมากำไว้ในอุ้งมือแล้ววางบนหน้าตัก ยักษ์นั่งอีกตัวฝั่งตรงข้าม ทั้งคู่มองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างระวังตัว
“ถ้าเล่นตุกติก ผมยิงคุณไส้แตก” รักชาติขู่
“ผมรู้ ไม่เอาน่า ผมก็ยิงคุณไม่พลาดเหมือนกันในระยะแค่นี้”
(..โปรดอ่านต่อด้านล่าง..)