ชีวาวายกระเซอะกระเซิง หัวข้อ สมมติ

กระทู้สนทนา
แสงธรรมย่อมส่องประกายไว้ในใจเสมอถ้าพิจรณาดีๆ
พิจารณา กับ ความคิดแตกต่างกันมาก
ธรรมชาติล้วน เปรียบ เสมือนชีวิต และสภาวะ อยู่ที่ว่าใครจะยกเรื่องใด ที่สัมผัส มาเปรียบเทียบ ว่าชีวิตก็มีไว้ให้รู้สึก ความรู้สึกมีไว้ ศึกษาเรียนรู้ เหตุผล ถึงความเป็นมาเป็นไปในชีวิต เปรียบได้ว่าความดีและเลวผสมกันในคนเดียว แต่เลือกที่จะเด่นได้ทางเดียวจะดี หรือจะเลวไปเลย และที่สำคัญคนธรรมดามักไม่รู้อะไรเห็นกรงจักรเป็นดอกบัว ดี - ชั่วแยกไม่ออก เป็นไปเพราะความไม่รู้ ความไม่รู้นี่แหล่ะ คือ อวิชชา ไม่ใช่วิชา ที่สามารถมองอะไร ได้ ทะลุปรุโปร่ง
ชีวิต เปรียบดั่ง ฤดูกาลทั้ง4 ผมรู้สึกใบไม้เก่ากำลังล่วงหล่นโรยลงจากต้น ยกตัวอย่างเช่น
ใบไม้ใบใหม่กำลังช่วยประคองด้วยธรรม จะยากอย่างไรก็ต้องทำให้ได้ถ้าหากกดดันไปก็จะเหี่ยวเฉาเน่าก็หลุดจากต้นไป ผลิดอกขึ้นมาใหม่เปรียบ เสมือนความพยายาม แม้จะล้มเหลวก็มีวันสามารถผลิดอกงอกงามได้ใหม่เสมอ และจะออกดอกสวยสดงดงามในสักวันต่อเมื่อถึงเวลาของชีวิและจะออกดอกสวยสดงดงามในสักวันต่อเมื่อถึงเวลาของมัน

นั่นแหละ นักปฏิบัติ มีสมาธิ ใช้คำว่า พิจารณาให้เป็นธรรม เป็นเหตุให้บรรลุธรรม ไปถึงขั้นสูง
ส่วนคนไม่ปฏิบัติ ไม่เพิ่ม สมาธิ ทำอะไร หน่อยก็ เหนื่อย ก็บ่น เหนื่อย จัง เพลียทั้งกายเพลียทั้งใจ
ใช้ชีวิต สุขๆ ทุกข์ๆ อย่างประมาท ไม่ได้ปัญญา
ปัญหาก็มาแทน ฮ่าฮ่าฮ่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่