สวัสดีครับวันนี้ผมมีเรื่องจะมาเล่ามาแชร์ให้ทุกคนได้ฟังได้อ่านกันครับ เรื่องนี้เป็นประสบการณ์หลอนๆที่ผมประสบพบเจอมาด้วยตัวเองเลยครับ ของตั้งชื่อเรื่องว่า "บ้านนอกคอก"
ย้อนกลับไปประมาณ 10 กว่าปีที่แล้วครับ ที่บ้านหลังเก่าของครอบครัวผม ทางจังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออก ซึ่งครอบครัวผมประกอบด้วย พ่อแม่และผมครับ โดยตัวบ้านจะอยู่ในหมู่บ้านนะครับ ตรงบริเวณตีนเขา ซึ่งหมู่บ้านของผมเนี้ย ถ้ามองจากมุมสูงจะมีลักษณะคล้ายๆตรีศูลครับ โดยปลายทั้งสามเปรียบเหมือนทางเข้าทางออกของหมู่บ้าน ส่วนบ้านของผมจะมีลักษะเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียวอยู่ตรงมุมล่างซ้ายของทางสี่แยกที่ปลายทั้งสามกับก้านมาบรรจบกันและหน้าบ้านผมก็จะมีศาลตายายกับศาลเจ้าที่ด้วยครับ (นึกภาพกันออกมั้ยครับ 😅) ซึ่งในช่วงเวลานั้นผมอยู่ประมาณชั้นป.6 ครับ ซึ่งเด็กวัยนี้ก็ต้องมีแหละไปเล่นบ้านเพื่อนในหมู่บ้านหรือไม่ก็ให้เพื่อนมาเล่นที่บ้านบ้างตามประสาเด็กน้อย แต่กับผมไม่มีเลยครับที่จะไปเล่นบ้านเพื่อนหรือให้เพื่อนมาอะไรอย่างนี้ไม่มีเลย ถามว่าผมเคยไปบ้านใครมั้ย ตอบเลยครับว่าเคย แต่มักจะโดนพ่อแม่เพื่อนบอกว่า กลับไปเถอะเพื่อนหลับแล้ว ไม่ก็เดี๋ยวจะออกไปธุระ อะไรอย่างนี้ในขณะที่เพื่อนๆนั่งเล่นกันแต่พอผมไปก็มักจะโดนบอกแบบนี้เป็นประจำ จนผมไม่มีเพื่อนเลยในหมู่บ้าน เวลาจะเล่นของเล่นอะไรก็ต้องเล่นคนเดียว เคยถามพ่อนะครับตอนนั้นว่า "พ่อทำไมผมไปเล่นบ้านเพื่อนไม่ได้" (ซึ่งในตอนนั้นพ่อผมทำงานรับเหมาก่อสร้าง ส่วนแม่ก็ไปทำงานที่อื่นนานๆจะมาบ้านที ทำให้ผมอยู่กับพ่อเป็นส่วนใหญ่) พ่อตอบว่า"ไม่มีอะไรหรอกลูกเขาคงติดธุระนั้นแหละ" ผมก็ไม่ได้ถามต่อละก็นั่งเล่นคนเดียวต่อไป จนเวลาผ่านล้วงเลยมา และในกลางดึกคืนหนึ่งในขณะที่ผมหลับ (ผมนอนกับพ่อนะครับ) ผมก็สะดุ้งตื่นเพราะมีความรู้สึกเหมือนมีใครมองผมอยู่ พอผมลืมตาขึ้นผมก็เห็นเป็นเงาผู้ชายคนหนึ่งนั่งยองๆจ้องหน้าผมบนหัวนอนผม แต่ด้วยความเป็นเด็กและบวกกับความงัวเงียอะครับ ผมจึงได้ลุกขึ้นนั่งพร้อมกับหันไปทางเงาผู้ชายคนนั้นที่นั่งยองๆมองผมอยู่ และกวักมือเรียกว่า "พ่อมานั่งทำอะไรตรงนี้มานอนได้แล้ว" พอผมพูดจบหางตาของผมก็เหลือบไปเห็นร่างผู้หญิงชุดขาวยืนอยู่ตรงมุมห้อง และสิ่งที่ผมทำต่อจากนั้นก็คือ.....ใช่ครับ 😅 ผมกวักมือเรียกพร้อมบอกว่า "แม่ไปยืนทำอะไรตรงนั้นมานอนได้แล้ว" ผมเรียกอยู่แบบนั้นประมาณสองถึงสามรอบ ร่างเหล่านั้นก็ไม่มีทีท่าจะขยับ ได้แต่มองผมเรียกอยู่แบบนั้น แต่แล้วมือของผมที่ทำการกวักมือเรียกอยู่นั้นก็ไปโดนกับร่างๆหนึ่งที่นอนอยู่ข้างๆ ผมจึงก้มลงดูก็เห็นว่าพ่อตัวเองนั้นนอนอยู่ข้างๆ จากนั้นจิตใต้สำนึกผมก็เริ่มทำงานและคิดได้ว่าที่นอนอยู่ข้างๆเราคือพ่อ แล้วคนที่นั่งจ้องเราคือใคร?? ส่วนผู้หญิงคนนั้นคือใคร?? เพราะว่าแม่เรายังไม่กลับจะกลับมาอีกทีก็อาทิตย์หน้า ความคิดเหล่านี้ตีกันในหัวไปหมดสุดท้ายแล้วสิ่งสมองผมประมวลผลได้คือ ผี!! พอได้คำตอบผมก็รีบเอาผ้าคลุมโปงกอดพ่อแล้วข่มตานอนครับ พอเช้ามาผมเล่าให้พ่อฟัง พ่อก็เงียบและบอกว่า "ดูการ์ตูนเยอะไปรึเปล่าเลยเก็เอาไปฝัน" ผมก็เถียงว่าเจอจริงๆ แต่พ่อก็ไม่เชื่อและเดินหนีไป ผมก็ไม่ได้พูดอะไรกับพ่อถึงเรื่องนี้อีก จนกระทั่งถึงเวลาที่แม่กลับมาถึงบ้านผมก็รีบวิ่งไปกอดแม่แล้วกระซิบข้างหูแม่ว่า "แม่ๆลูกเจอผีด้วย" แม่ได้ยินก็ตกใจแล้วถามผมว่า"เจอที่ไหนลูก" ผมตอบว่า "ห้องนอนครับ" แม่ถามอีกว่า"ได้บอกพ่อมั้ยครับ" ผมตอบว่า"บอกแล้วครับแต่พ่อไม่เชื่อว่าลูกเจอ" แม่ได้ยินก็หันไปว่าพ่อประมาณว่าลูกเจอทำไมไม่พาลูกไปทำบูญ พ่อก็เถียงกลับประมาณว่าเธอก็ไปเชื่อลูกๆอาจแค่ดูการ์ตูนเยอะไปแล้วเก็บไปฝันรึเปล่า แม่ก็เงียบแล้วหันกลับมาบอกผมว่า"เดี๋ยวพรุ่งนี้เราไปทำบุญกันนะครับ"หลังจากนั้นก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีกและพากันกินข้าวแยกย้ายเข้านอนเพื่อที่จะได้ไปทำบุญกันตอนเช้า พอเช้าก็อาบน้ำแต่งตัวไปวัดกัน พอถวายสังฆทานอะไรเสร็จกำลังจะกลับกันก็มีพระอาจารย์ท่านหนึ่งได้ทักขึ้นประมาณว่าเยอะเลยนะที่บ้านพวกเอ็ง แม่ผมได้ยินจึงถามกลับว่า"อะไรเยอะหรอคะ"พระอาจารย์ก็ตอบว่าเจ้าที่ๆบ้านพวกเอ็งไงเยอะเลยนะ"พ่อกับแม่ได้ยินก็อึ้งเงียบ จากนั้นพระอาจารย์ก็ให้พวกผมไปรอท่านในโบสถ์ สักพักพระอาจารย์ก็ตามเข้ามาในโบสถ์ ยังไม่ทันจะได้บอกอะไรท่านก็ชิงบอกก่อนประมาณว่าที่บ้านมีศาลพระภูมิเจ้าที่ใช่มั้ย แม่ผมตอบว่า "ใช่ค่ะ มีศาลตายายกับศาลเจ้าที่ค่ะ" พระอาจารย์ท่านได้บอกอีกว่า"ที่แรงทีเดียว พวกเอ็งรู้มั้ย" แม่ก็ตอบว่า"พอรู้อยู่ค่ะ เพื่อนบ้านพูดให้ฟังว่าคืนไหนที่ต้องเดินผ่านหน้าบ้านหนู ก็จะต้องรีบเดินรึไม่ก็วิ่งและจะพยายามไม่มองเข้ามาในบ้านค่ะ เพราะหน้าบ้านในบางคืนก็จะเจอตายายคู่หนึ่งนั่งเล่นหมากรุกหน้าบ้านบ้าง เจอตาเดินกวาดหน้าบ้านบ้าง เจอเงาผู้ชายนั่งตรงบันไดหน้าบ้านบ้าง อะไรประมาณนี้ค่ะ"พระอาจารย์ถามอีกว่า"ละเอ็งเคยเจอกับเขาบ้างมั้ย" แม่ตอบว่า"ยังเคยเจอค่ะ มีแต่ความรู้สึกว่ามีอะไรอยู่รอบๆ แต่ลูกชายหนูเจอค่ะ"พระอาจารย์ก็บอกว่า"พวกเขาเอ็นดูลูกเอ็ง ค่อยปกป้องคุ้มครองโดยเฉพาะผู้หญิงในบ้านเขาดูเหมือนเอ็นดูลูกเอ็งเป็นพิเศษ ดวงชะตาเด็กนี่ต้องดิ้นรนด้วยตนเอง แต่จะมีคนอุปถัมภ์ค้ำชูคอยช่วยเหลือให้ผ่านพ้นไปได้" พ่อผมถามอีกว่า "แปลว่าที่ลูกผมไม่มีใครอยากเล่นด้วยเพราะดวงชะตานี่ด้วยหรอครับ " พระอาจารย์ได้ยินก็ขำแล้วตอบว่า "เปล่าหรอกที่ลูกเอ็งไม่มีใครเล่นด้วยเพราะใครๆก็กล้วที่บ้านพวกเอ็งนั้นแหละ เจอกันทั้งหมู่บ้านขนาดนั้นใครจะไม่กลัว" พอพูดคุยกันจบพวกผมก็ลาพระอาจารย์กลับบ้านกัน แต่ก่อนกลับพระอาจารย์ได้บอกทิ้งท้ายว่า"ดูแลเขาดีเขาจะรักษา หากละเลยเขาๆจะทำให้
พอกลับถึงบ้านก็แยกย้ายกันพักผ่อนครับ จนผ่านมาอีกอาทิตย์หนึ่งแม่ต้องกลับไปทำงานผมกับพ่อก็ไปส่ง แม่ก็ย้ำเตือนกับพ่อว่าให้ดูแลศาลให้ดีๆด้วยนะ ค่อยเปลี่ยนน้ำ ทำความสะอาดด้วย พ่อก็ตอบรับส่งๆไป และพากันกลับบ้านจากนั้นสองถึงสามวันพ่อก็ต้องไปรับเหมาก่อสร้างที่ต่างจังหวัด ทำให้ผมต้องไปอยู่กับป้าที่เป็นพี่สาวพ่อ (โดยบ้านป้าจะอยู่หลังบ้านติดกับหลังบ้านผมครับ) ทำให้ไม่มีใครอยู่บ้านและค่อยดูแลศาล จนผ่านไปเดือนกว่าๆพ่อก็กลับมาจากไปทำงานที่ต่างจังหวัด แต่พ่อมีความเปลี่ยนไปติดเหล้าติดบุหรี่หนักมาก บางครั้งพ่อเมาก็มาหงุดหงิดใส่ผมบ้าง ตีผมบ้าง บางครั้งตีจนเลือดออกก็มี สุดท้ายผมจึงหนีไปบ้านป้าและทิ้งให้พ่ออยู่บ้านคนเดียว จนกระทั่งแม่กลับมาพอรู้ว่าพ่อตีผมขนาดนั้นก็ได้เกิดการทะเลาะกันระหว่างพ่อกับแม่ ทำให้พ่อหนีออกจากบ้านไป แม่เลยบอกกับผมประมาณว่าเวลาแม่ไปทำงานให้ผมไปอยู่กับป้าก่อนนะ ผมก็ทำตามมาเรื่อยๆจนผ่านมาได้ครึ่งปี ในตอนนี้ที่บ้านผมมีสภาพไม่ต่างอะไรจากบ้านร้างเลยครับ เพราะหลังจากพ่อทะเลาะกับแม่ก็หนีหายไปเลยไม่กลับมาอีกติดต่อก็ไม่ได้ แม่ก็ไปทำงานนานๆกลับที ส่วนผมก็อยู่กับป้าผ่านมาได้อีกสักครึ่งปีจากที่ผมติดต่อแม่ได้ตอนนี้ผมไม่สามารถติดต่อกับแม่ได้ ทำให้ช่วงชิวิตผมตอนนั้นแย่มากๆ ผมจึงต้องขายของส่งตัวเองเรียนตั้งแต่ม.1 และอยู่กับป้าถาวรเลย ทำให้บ้านหลังนั้นผมไม่ได้กลับไปเลยถ้าไม่จำเป็น จากบ้านที่เต็มไปด้วยความสุข ความรัก ในตอนนี้กลับมีแต่ความขมขืน ความเศร้าและเสียใจ แต่แล้วก็มีเหตุที่ผมต้องกลับมาอีกนั้นคือผมต้องกลับมาเอาเอกสารสำคัญ ก่อนเข้าบ้านผมก็หายใจเข้าลึกๆก่อนจะเปิดประตูรัวบ้านเข้าไป พอเข้าบ้านผมก็ทำธุระอะไรขอผมให้เสร็จ ในใจก็คิดว่ารีบหารีบออก หาไปสักพักผมก็หาเจอในสิ่งที่ผมต้องการและกำลังจะกลับออกไปจากบ้านหลังนี้ อะไรไม่รู้อะไรดลใจให้ผมเดินไปยังหน้าศาลตายายและศาลเจ้าที่ ซึ่งสภาพศาลที่เห็นคือเต็มไปด้วยกิ่งไม้ ใบไม้แห้ง แก้วน้ำที่แห้งไม่มีน้ำมาแรมปี พอไปถึงหน้าศาลก็หลับตาลงและคิดถึงอดีตของบ้านหลังนี้ที่มีความสุขกันพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก และก็ได้อธิษฐานบอกขอโทษเจ้าที่เจ้าทางที่ไม่ได้ดูแลให้ดีปล่อยปะละเลย แต่พออธิษฐานยังไม่ทันจบก็รู้สึกถึงความเย็นยะเยือกตรงข้างหน้าผม ผมจึงลืมตาขึ้นมาก็พบกับร่างเงาดำร่างหนึ่งมีสูงร่างกำยำยืนประจันหนัากับผมอยู่ และด้วยความที่ตรงนั้นมันมืดจะมีแค่แสงไฟหน้าบ้านเพื่อนบ้านที่ส่องร่างเงาดำนั้น ทำให้ผมเห็นสรีระร่างกายชัดเจน และพีคไปกว่านั้นคือร่างนั้นไม่มีหัว!!! ผมทำอะไรไม่ถูกยืนช็อกอึ้งเกือบ 10 วิ ก่อนจะดึงสติได้ละวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิตออกจากบ้านหลังนี้ และหลังจากเกิดเหตุการณ์ครั้งนั้นผมก็ไม่เคยไปที่บ้านหลังนี้อีกเลย แต่สิ่งผมจำไม่เคยลืมคือความรู้สึกที่เย็นยะเยือกกับเหตุการณ์ในครั้งนั้น แล้วถ้าเป็นคุณละคนที่อ่านจบจะมีความรู้สึกยังไง ถ้าอยู่ในสถานการณ์แบบผม
ประสบการณ์หลอน
ย้อนกลับไปประมาณ 10 กว่าปีที่แล้วครับ ที่บ้านหลังเก่าของครอบครัวผม ทางจังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออก ซึ่งครอบครัวผมประกอบด้วย พ่อแม่และผมครับ โดยตัวบ้านจะอยู่ในหมู่บ้านนะครับ ตรงบริเวณตีนเขา ซึ่งหมู่บ้านของผมเนี้ย ถ้ามองจากมุมสูงจะมีลักษณะคล้ายๆตรีศูลครับ โดยปลายทั้งสามเปรียบเหมือนทางเข้าทางออกของหมู่บ้าน ส่วนบ้านของผมจะมีลักษะเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียวอยู่ตรงมุมล่างซ้ายของทางสี่แยกที่ปลายทั้งสามกับก้านมาบรรจบกันและหน้าบ้านผมก็จะมีศาลตายายกับศาลเจ้าที่ด้วยครับ (นึกภาพกันออกมั้ยครับ 😅) ซึ่งในช่วงเวลานั้นผมอยู่ประมาณชั้นป.6 ครับ ซึ่งเด็กวัยนี้ก็ต้องมีแหละไปเล่นบ้านเพื่อนในหมู่บ้านหรือไม่ก็ให้เพื่อนมาเล่นที่บ้านบ้างตามประสาเด็กน้อย แต่กับผมไม่มีเลยครับที่จะไปเล่นบ้านเพื่อนหรือให้เพื่อนมาอะไรอย่างนี้ไม่มีเลย ถามว่าผมเคยไปบ้านใครมั้ย ตอบเลยครับว่าเคย แต่มักจะโดนพ่อแม่เพื่อนบอกว่า กลับไปเถอะเพื่อนหลับแล้ว ไม่ก็เดี๋ยวจะออกไปธุระ อะไรอย่างนี้ในขณะที่เพื่อนๆนั่งเล่นกันแต่พอผมไปก็มักจะโดนบอกแบบนี้เป็นประจำ จนผมไม่มีเพื่อนเลยในหมู่บ้าน เวลาจะเล่นของเล่นอะไรก็ต้องเล่นคนเดียว เคยถามพ่อนะครับตอนนั้นว่า "พ่อทำไมผมไปเล่นบ้านเพื่อนไม่ได้" (ซึ่งในตอนนั้นพ่อผมทำงานรับเหมาก่อสร้าง ส่วนแม่ก็ไปทำงานที่อื่นนานๆจะมาบ้านที ทำให้ผมอยู่กับพ่อเป็นส่วนใหญ่) พ่อตอบว่า"ไม่มีอะไรหรอกลูกเขาคงติดธุระนั้นแหละ" ผมก็ไม่ได้ถามต่อละก็นั่งเล่นคนเดียวต่อไป จนเวลาผ่านล้วงเลยมา และในกลางดึกคืนหนึ่งในขณะที่ผมหลับ (ผมนอนกับพ่อนะครับ) ผมก็สะดุ้งตื่นเพราะมีความรู้สึกเหมือนมีใครมองผมอยู่ พอผมลืมตาขึ้นผมก็เห็นเป็นเงาผู้ชายคนหนึ่งนั่งยองๆจ้องหน้าผมบนหัวนอนผม แต่ด้วยความเป็นเด็กและบวกกับความงัวเงียอะครับ ผมจึงได้ลุกขึ้นนั่งพร้อมกับหันไปทางเงาผู้ชายคนนั้นที่นั่งยองๆมองผมอยู่ และกวักมือเรียกว่า "พ่อมานั่งทำอะไรตรงนี้มานอนได้แล้ว" พอผมพูดจบหางตาของผมก็เหลือบไปเห็นร่างผู้หญิงชุดขาวยืนอยู่ตรงมุมห้อง และสิ่งที่ผมทำต่อจากนั้นก็คือ.....ใช่ครับ 😅 ผมกวักมือเรียกพร้อมบอกว่า "แม่ไปยืนทำอะไรตรงนั้นมานอนได้แล้ว" ผมเรียกอยู่แบบนั้นประมาณสองถึงสามรอบ ร่างเหล่านั้นก็ไม่มีทีท่าจะขยับ ได้แต่มองผมเรียกอยู่แบบนั้น แต่แล้วมือของผมที่ทำการกวักมือเรียกอยู่นั้นก็ไปโดนกับร่างๆหนึ่งที่นอนอยู่ข้างๆ ผมจึงก้มลงดูก็เห็นว่าพ่อตัวเองนั้นนอนอยู่ข้างๆ จากนั้นจิตใต้สำนึกผมก็เริ่มทำงานและคิดได้ว่าที่นอนอยู่ข้างๆเราคือพ่อ แล้วคนที่นั่งจ้องเราคือใคร?? ส่วนผู้หญิงคนนั้นคือใคร?? เพราะว่าแม่เรายังไม่กลับจะกลับมาอีกทีก็อาทิตย์หน้า ความคิดเหล่านี้ตีกันในหัวไปหมดสุดท้ายแล้วสิ่งสมองผมประมวลผลได้คือ ผี!! พอได้คำตอบผมก็รีบเอาผ้าคลุมโปงกอดพ่อแล้วข่มตานอนครับ พอเช้ามาผมเล่าให้พ่อฟัง พ่อก็เงียบและบอกว่า "ดูการ์ตูนเยอะไปรึเปล่าเลยเก็เอาไปฝัน" ผมก็เถียงว่าเจอจริงๆ แต่พ่อก็ไม่เชื่อและเดินหนีไป ผมก็ไม่ได้พูดอะไรกับพ่อถึงเรื่องนี้อีก จนกระทั่งถึงเวลาที่แม่กลับมาถึงบ้านผมก็รีบวิ่งไปกอดแม่แล้วกระซิบข้างหูแม่ว่า "แม่ๆลูกเจอผีด้วย" แม่ได้ยินก็ตกใจแล้วถามผมว่า"เจอที่ไหนลูก" ผมตอบว่า "ห้องนอนครับ" แม่ถามอีกว่า"ได้บอกพ่อมั้ยครับ" ผมตอบว่า"บอกแล้วครับแต่พ่อไม่เชื่อว่าลูกเจอ" แม่ได้ยินก็หันไปว่าพ่อประมาณว่าลูกเจอทำไมไม่พาลูกไปทำบูญ พ่อก็เถียงกลับประมาณว่าเธอก็ไปเชื่อลูกๆอาจแค่ดูการ์ตูนเยอะไปแล้วเก็บไปฝันรึเปล่า แม่ก็เงียบแล้วหันกลับมาบอกผมว่า"เดี๋ยวพรุ่งนี้เราไปทำบุญกันนะครับ"หลังจากนั้นก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีกและพากันกินข้าวแยกย้ายเข้านอนเพื่อที่จะได้ไปทำบุญกันตอนเช้า พอเช้าก็อาบน้ำแต่งตัวไปวัดกัน พอถวายสังฆทานอะไรเสร็จกำลังจะกลับกันก็มีพระอาจารย์ท่านหนึ่งได้ทักขึ้นประมาณว่าเยอะเลยนะที่บ้านพวกเอ็ง แม่ผมได้ยินจึงถามกลับว่า"อะไรเยอะหรอคะ"พระอาจารย์ก็ตอบว่าเจ้าที่ๆบ้านพวกเอ็งไงเยอะเลยนะ"พ่อกับแม่ได้ยินก็อึ้งเงียบ จากนั้นพระอาจารย์ก็ให้พวกผมไปรอท่านในโบสถ์ สักพักพระอาจารย์ก็ตามเข้ามาในโบสถ์ ยังไม่ทันจะได้บอกอะไรท่านก็ชิงบอกก่อนประมาณว่าที่บ้านมีศาลพระภูมิเจ้าที่ใช่มั้ย แม่ผมตอบว่า "ใช่ค่ะ มีศาลตายายกับศาลเจ้าที่ค่ะ" พระอาจารย์ท่านได้บอกอีกว่า"ที่แรงทีเดียว พวกเอ็งรู้มั้ย" แม่ก็ตอบว่า"พอรู้อยู่ค่ะ เพื่อนบ้านพูดให้ฟังว่าคืนไหนที่ต้องเดินผ่านหน้าบ้านหนู ก็จะต้องรีบเดินรึไม่ก็วิ่งและจะพยายามไม่มองเข้ามาในบ้านค่ะ เพราะหน้าบ้านในบางคืนก็จะเจอตายายคู่หนึ่งนั่งเล่นหมากรุกหน้าบ้านบ้าง เจอตาเดินกวาดหน้าบ้านบ้าง เจอเงาผู้ชายนั่งตรงบันไดหน้าบ้านบ้าง อะไรประมาณนี้ค่ะ"พระอาจารย์ถามอีกว่า"ละเอ็งเคยเจอกับเขาบ้างมั้ย" แม่ตอบว่า"ยังเคยเจอค่ะ มีแต่ความรู้สึกว่ามีอะไรอยู่รอบๆ แต่ลูกชายหนูเจอค่ะ"พระอาจารย์ก็บอกว่า"พวกเขาเอ็นดูลูกเอ็ง ค่อยปกป้องคุ้มครองโดยเฉพาะผู้หญิงในบ้านเขาดูเหมือนเอ็นดูลูกเอ็งเป็นพิเศษ ดวงชะตาเด็กนี่ต้องดิ้นรนด้วยตนเอง แต่จะมีคนอุปถัมภ์ค้ำชูคอยช่วยเหลือให้ผ่านพ้นไปได้" พ่อผมถามอีกว่า "แปลว่าที่ลูกผมไม่มีใครอยากเล่นด้วยเพราะดวงชะตานี่ด้วยหรอครับ " พระอาจารย์ได้ยินก็ขำแล้วตอบว่า "เปล่าหรอกที่ลูกเอ็งไม่มีใครเล่นด้วยเพราะใครๆก็กล้วที่บ้านพวกเอ็งนั้นแหละ เจอกันทั้งหมู่บ้านขนาดนั้นใครจะไม่กลัว" พอพูดคุยกันจบพวกผมก็ลาพระอาจารย์กลับบ้านกัน แต่ก่อนกลับพระอาจารย์ได้บอกทิ้งท้ายว่า"ดูแลเขาดีเขาจะรักษา หากละเลยเขาๆจะทำให้ พอกลับถึงบ้านก็แยกย้ายกันพักผ่อนครับ จนผ่านมาอีกอาทิตย์หนึ่งแม่ต้องกลับไปทำงานผมกับพ่อก็ไปส่ง แม่ก็ย้ำเตือนกับพ่อว่าให้ดูแลศาลให้ดีๆด้วยนะ ค่อยเปลี่ยนน้ำ ทำความสะอาดด้วย พ่อก็ตอบรับส่งๆไป และพากันกลับบ้านจากนั้นสองถึงสามวันพ่อก็ต้องไปรับเหมาก่อสร้างที่ต่างจังหวัด ทำให้ผมต้องไปอยู่กับป้าที่เป็นพี่สาวพ่อ (โดยบ้านป้าจะอยู่หลังบ้านติดกับหลังบ้านผมครับ) ทำให้ไม่มีใครอยู่บ้านและค่อยดูแลศาล จนผ่านไปเดือนกว่าๆพ่อก็กลับมาจากไปทำงานที่ต่างจังหวัด แต่พ่อมีความเปลี่ยนไปติดเหล้าติดบุหรี่หนักมาก บางครั้งพ่อเมาก็มาหงุดหงิดใส่ผมบ้าง ตีผมบ้าง บางครั้งตีจนเลือดออกก็มี สุดท้ายผมจึงหนีไปบ้านป้าและทิ้งให้พ่ออยู่บ้านคนเดียว จนกระทั่งแม่กลับมาพอรู้ว่าพ่อตีผมขนาดนั้นก็ได้เกิดการทะเลาะกันระหว่างพ่อกับแม่ ทำให้พ่อหนีออกจากบ้านไป แม่เลยบอกกับผมประมาณว่าเวลาแม่ไปทำงานให้ผมไปอยู่กับป้าก่อนนะ ผมก็ทำตามมาเรื่อยๆจนผ่านมาได้ครึ่งปี ในตอนนี้ที่บ้านผมมีสภาพไม่ต่างอะไรจากบ้านร้างเลยครับ เพราะหลังจากพ่อทะเลาะกับแม่ก็หนีหายไปเลยไม่กลับมาอีกติดต่อก็ไม่ได้ แม่ก็ไปทำงานนานๆกลับที ส่วนผมก็อยู่กับป้าผ่านมาได้อีกสักครึ่งปีจากที่ผมติดต่อแม่ได้ตอนนี้ผมไม่สามารถติดต่อกับแม่ได้ ทำให้ช่วงชิวิตผมตอนนั้นแย่มากๆ ผมจึงต้องขายของส่งตัวเองเรียนตั้งแต่ม.1 และอยู่กับป้าถาวรเลย ทำให้บ้านหลังนั้นผมไม่ได้กลับไปเลยถ้าไม่จำเป็น จากบ้านที่เต็มไปด้วยความสุข ความรัก ในตอนนี้กลับมีแต่ความขมขืน ความเศร้าและเสียใจ แต่แล้วก็มีเหตุที่ผมต้องกลับมาอีกนั้นคือผมต้องกลับมาเอาเอกสารสำคัญ ก่อนเข้าบ้านผมก็หายใจเข้าลึกๆก่อนจะเปิดประตูรัวบ้านเข้าไป พอเข้าบ้านผมก็ทำธุระอะไรขอผมให้เสร็จ ในใจก็คิดว่ารีบหารีบออก หาไปสักพักผมก็หาเจอในสิ่งที่ผมต้องการและกำลังจะกลับออกไปจากบ้านหลังนี้ อะไรไม่รู้อะไรดลใจให้ผมเดินไปยังหน้าศาลตายายและศาลเจ้าที่ ซึ่งสภาพศาลที่เห็นคือเต็มไปด้วยกิ่งไม้ ใบไม้แห้ง แก้วน้ำที่แห้งไม่มีน้ำมาแรมปี พอไปถึงหน้าศาลก็หลับตาลงและคิดถึงอดีตของบ้านหลังนี้ที่มีความสุขกันพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก และก็ได้อธิษฐานบอกขอโทษเจ้าที่เจ้าทางที่ไม่ได้ดูแลให้ดีปล่อยปะละเลย แต่พออธิษฐานยังไม่ทันจบก็รู้สึกถึงความเย็นยะเยือกตรงข้างหน้าผม ผมจึงลืมตาขึ้นมาก็พบกับร่างเงาดำร่างหนึ่งมีสูงร่างกำยำยืนประจันหนัากับผมอยู่ และด้วยความที่ตรงนั้นมันมืดจะมีแค่แสงไฟหน้าบ้านเพื่อนบ้านที่ส่องร่างเงาดำนั้น ทำให้ผมเห็นสรีระร่างกายชัดเจน และพีคไปกว่านั้นคือร่างนั้นไม่มีหัว!!! ผมทำอะไรไม่ถูกยืนช็อกอึ้งเกือบ 10 วิ ก่อนจะดึงสติได้ละวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิตออกจากบ้านหลังนี้ และหลังจากเกิดเหตุการณ์ครั้งนั้นผมก็ไม่เคยไปที่บ้านหลังนี้อีกเลย แต่สิ่งผมจำไม่เคยลืมคือความรู้สึกที่เย็นยะเยือกกับเหตุการณ์ในครั้งนั้น แล้วถ้าเป็นคุณละคนที่อ่านจบจะมีความรู้สึกยังไง ถ้าอยู่ในสถานการณ์แบบผม