เที่ยวเมืองกาญเจอดี

ในสัปดาห์สุดท้ายของการปิดเทอม 
ก่อนที่พวกเขาจะต้องกลับไปเรียนที่โรงเรียนอีกครั้ง
 เอ็ม, เอก, เมย์ และชาตรี 
ได้ตัดสินใจวางแผนเดินทาง
ไปยังจังหวัดกาญจนบุรี
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
เพื่อใช้เวลาสุดท้ายของปิดเทอมให้คุ้มค่า
พวกเขาตัดสินใจออกเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ในกาญจนบุรี 
เช่น สะพานมอญ, เนินช้างศึก,
 เหมืองปิล็อกและเขื่อนวชิราลงกรณ์ 
การเดินทางจะใช้เวลาทั้งหมด 2 วัน 1 คืน 
โดยมีแผนที่จะเที่ยวชมและสนุกสนานไปพร้อมกัน
พวกเขาได้จัดเตรียมการเดินทางจากยโสธรไปยังจังหวัดกาญจนบุรี
 โดยวางแผนที่จะออกเดินทางตอนกลางคืนเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจร
และการรอคอยในช่วงเวลาที่มีการเดินทางมาก
จุดหมายแรกของการเดินทางคือบ้านอีต่องเหมืองปิล็อก 
ซึ่งพวกเขาตั้งใจจะพักผ่อนและเพลิดเพลินกับบรรยากาศที่สวยงาม
บ้านอีต่องและเหมืองปิล็อกอยู่ในจังหวัดกาญจนบุรี
 เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์และเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์
 บ้านอีต่องเป็นหมู่บ้านเล็กๆ 
ที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูงใกล้กับชายแดนไทยพม่า
 ส่วนเหมืองปิล็อกเคยเป็นเหมืองแร่ที่สำคัญในอดีต 
ปัจจุบันนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีวิวทิวทัศน์สวยงาม
 บรรยากาศเงียบสงบ 
และมีอากาศเย็นสบายตลอดปี
การเดินทางไปบ้านอีต่องและเหมืองปิล็อก
ต้องผ่านเส้นทางที่คดเคี้ยวและแคบ 
โดยเฉพาะในช่วงขึ้นเขา 
นักท่องเที่ยวมักจะเลือกเดินทางไปในช่วงกลางวัน
เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากการขับรถในเวลากลางคืน 
อย่างไรก็ตาม 
การเดินทางในยามค่ำคืนก็ให้บรรยากาศที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง 
ซึ่งอาจจะสร้างความรู้สึกหลอนเล็กๆ ได้ 
โดยเฉพาะเมื่อมองเห็นหมู่บ้านเล็กๆ 
ท่ามกลางความมืดมิด
บ้านอีต่องยังคงรักษาวัฒนธรรม
และวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของชุมชนไว้ได้เป็นอย่างดี 
กาญจนบุรี
 เมืองแห่งประวัติศาสตร์และธรรมชาติอันงดงาม
 ซ่อนเร้นเรื่องราวลึกลับมากมาย
ที่เล่าขานกันมาช้านาน 
ตั้งแต่ตำนานผีพม่า 
ผีญี่ปุ่น 
ไปจนถึงเรื่องราวของงูยักษ์กินคนในป่าลึก 
หรือแม้แต่สมบัติลับสมัยสงคราม
ที่เชื่อกันว่าถูกฝังซ่อนไว้ในพื้นที่ลับ
สำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว 
เรื่องราวเหล่านี้เป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดให้มาสัมผัสประสบการณ์อันน่าตื่นเต้น
 เอ็ม, เอก, เมย์ และชาตรี 
พวกเขาเริ่มต้นการเดินทางจากยโสธรเวลา สามทุ่ม
 มุ่งหน้าสู่จังหวัดกาญจนบุรี
เอกทำหน้าที่ขับรถ
สองข้างทางไม่มีบ้านคน
ฝนเริ่มตกมาอย่างหนัก
เอ็ม, เอก, เมย์ และชาตรี  
ตัดสินใจหยุดพักที่กระต๊อบเล็กๆ ริมทาง
เพื่อหลบฝนที่ตกหนัก
และพักผ่อนก่อนที่จะเดินทางต่อไป 
การหยุดพักนี้ทำให้พวกเขามีโอกาสได้พักผ่อน
และเตรียมตัวสำหรับการเดินทางที่เหลือ
เมย์ และ เอ็ม 
เริ่มจัดการเอาของออกจากรถ
และเตรียมอาหารว่างที่พวกเขานำติดตัวมาด้วย
เอก และ ชาตรี ก็ช่วยกันตั้งแคมป์เล็กๆ ในกระต๊อบ
เพื่อให้มีที่นั่งสบายๆ สำหรับการพูดคุยและพักผ่อน
....................
ตอนที่2
ในความมืดที่ล้อมรอบรถ 
พวกเขามองออกไปข้างนอก 
"นั่น...ใครอะไรน่ะ!?" 
เมย์พูดขึ้นพลางชี้ไปยังเงาดำที่ยืนอยู่ไกลๆ ริมถนน
 มันเป็นเงาร่างที่ยืนนิ่งไม่ขยับ 
ทุกคนจ้องไปยังจุดเดียวกัน 
ใจเต้นแรง 
ร่างนั้นเหมือนกำลังมองพวกเขาอยู่..
เอกตัดสินใจเปิดไฟหน้ารถ
เพื่อส่องดูว่าเงาร่างนั้นคืออะไร
หลังจากที่เอกตัดสินใจเปิดไฟหน้ารถ
  ร่างนั้นกลับหายไป
เมื่อกี้ทุกคนเห็นเหมือนกันใช่มั้ย?"
 ชาตรีพูดเสียงสั่น
พวกเขาทุกคนยังคงนิ่ง
เพราะไม่สามารถหาคำอธิบายให้กับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นได้
ไฟหน้ารถที่ส่องสว่างทำให้ทุกอย่างดูชัดขึ้น
กระต๊อบเล็กๆ ริมทางที่พวกเขาหลบฝน
กระต๊อบนั้นดูแปลกตา เมื่อมองใกล้ๆ 
ดูไม่เหมือนกระต๊อบธรรมดา
จากที่พวกเขาคิดว่ามันเป็นเพียงกระต๊อบเล็กๆ
พวกเขากลับพบว่ามันไม่ใช่กระต๊อบอย่างที่คิด
 แต่กลับเป็นศาลเจ้าโบราณที่ตั้งตระหง่าน
ศาลเจ้าที่สร้างขึ้นเพื่อประกอบพิธีทางศาสนา
ศาลเจ้ามีรูปปั้นที่แตกหักดูวังเวง
คาดว่าสร้างขึ้นมาจากฝีมือของพ่อค้าชาวจีน
 ในยุคสมัยก่อน
 พวกเขาทั้งหมดต่างตกอยู่ในความกลัว 
"เราไม่ควรอยู่ที่นี่นานกว่านี้นะ..." 
เอกพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
 ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่ศาลเจ้าอย่างไม่วางใจ
เมย์พยักหน้าอย่างรวดเร็ว 
เธอรู้สึกว่าที่นี่มีบางอย่างผิดปกติ 
บางอย่างที่พวกเขาไม่ควรยุ่งเกี่ยวด้วย 
เอ็มและชาตรีก็ดูตกใจเช่นกัน
""โอ๊ย! กลัวอ่ะ ไปๆๆ ออกไปจากตรงนี้เถอะ!"  "
 ชาตรีเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่ยังสั่นอยู่
เอกรีบสตาร์ตรถ 
เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มในความเงียบ
 ก่อนที่เขาจะเหยียบคันเร่ง
และขับหนีออกจากสถานที่นั้นทันที
ในขณะที่รถแล่นไปข้างหน้า
 ถนนเริ่มเปลี่ยวขึ้น 
ฝนที่เคยโปรยปรายกลับหยุดลง 
................
ตอนที่3
.........
แต่โชคร้ายที่รถเกิดเสียกลางทาง
 เมย์ เอ็ม เอก และชาตรี 
จึงต้องหาที่พักชั่วคราว
 และที่ที่ใกล้ที่สุดคือศาลาริมทางท่ามกลางป่าทึบ
หลังจากจอดรถ
และตรวจสอบสภาพรถแล้ว
 เอกพบว่าต้องรอจนกว่าจะถึงรุ่งเช้า
เพื่อหาความช่วยเหลือจากช่างในหมู่บ้านใกล้เคียง
 ขณะที่ทุกคนนั่งรอบกองไฟ 
และสนทนากันเพื่อคลายความกังวล
 เมย์และเอ็มนอนพิงกันอย่างอ่อนแรงลง 
เอก สงสารเมย์และเอ็ม 
เขาลองใช้กสิณ10 ซ่อมรถ  
แต่กลับไม่ได้ผล
เอกแปลกใจ   
สติระลึก 
บอกเขาว่า  กฎแห่งกรรม  ไม่เที่ยงแท้
เอกจึงเข้าใจว่า  
พลังกสิณ10 ของเขาอ่อนกำลังลง
เอกใช้ กสิณ10 
สีเขียว เหลือง แดง  แปรธาตุ 
ผสมธาตุกันจนได้ 
เตียงนอนและผ้าห่ม
นุ่มๆ
เอ็มและเมย์ดีใจมาก  
ขอบใจนะเอก
ชาตรีแปลกใจมาก 
 เขาตะหงิดใจตั้งแต่เอกคุยกับวิญญาณเด็กที่เชียงใหม่แล้ว
แต่ไม่กล้าถาม
ชาตรีถามเมย์กับเอ็ม 
ก็รู้ว่าเป็นพลังกสิณ10
แต่เพื่อความแน่ใจ
ชาตรีถามเอก  
ชาตรีมองเอกด้วยความสงสัย
"เอก นั่นมันอะไร? 
ทำไมถึงทำแบบนั้นได้?"
 ชาตรีถามด้วยความสงสัย
เอกจึงตอบว่า  
เขาเคยเรียนมาจากพระธุดงค์
ขณะที่ชาตรีและเอกยังคงนั่งคุยกันอยู่
 ชาตรีได้ยินเสียงกิ่งไม้กรอบแกรบจากป่าทึบ 
เมื่อเงยหน้ามองก็พบกับเงาสองเงาเข้ามาใกล้
 เงามืดเหล่านั้นเป็นชายแปลกหน้า สองคน
พวกเขาพูดคุยกันเป็นภาษาที่ไม่คุ้นหู
 ชาตรีกระซิบเตือนเอกเบาๆ
"เอก มีคนมา!" 
ชาตรีพูดเบาๆ 
แต่ด้วยความตื่นเต้น
เอกมองไปทางชายแปลกหน้า
พร้อมที่จะป้องกันตัว
 ขณะที่ชายสองคนเข้ามาใกล้ 
เอกสังเกตได้ว่าพวกเขาพูดภาษาพม่า
ชายแปลกหน้าพูดคุยกันอย่างรวดเร็ว
และดูเหมือนจะมีเจตนาร้าย
ชายแปลกหน้า  รู
ปร่างเริ่มเปลี่ยนไป
ร่างกลายท่อนล่างกลับกลายเป็นงูขนาดใหญ่
พญานาคเอกคิดในใจ
เมื่อเห็นแบบนั้น 
เอกตั้งสติ
และใช้พลังจากการฝึกกสิณ 10
 เพื่อป้องกันตัว
 เขาสร้างกำแพงน้ำแข็งระหว่างเขากับพญานาคทั้งสอง
 โดยใช้กสิณวารีเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของพวกมัน
พญานาคทั้งสองไม่หยุดยั้ง
และพยายามเข้ามาใกล้
พญานาค พ่นเปลวไฟใส่น้ำแข็งจนละลาย
 เอกต้องใช้กสิณเตโชสร้างไฟเพื่อเผาพวกมัน
ไฟจากกสิณเตโชปกคลุมร่างพญานาค 
พญานาค พ่นน้ำเข้าใส่
แต่เปลวไฟจากกสิณของเอกมีพลังมากกว่า
พญานาคทั้งสองต้องถอยกลับไปด้วยความหวาดกลัว
ชาตรีมองดูเหตุการณ์ด้วยความตกใจ
และสงสัย "พวกเขามาจากไหน?"
"พญานาคทั้งสองอาจมาตามคำสั่งของคนลึกลับ
ในป่าลึก 
เมื่อนานมาแล้ว 
ฉันกับเขาเคยต่อสู้กัน"
 เอกตอบพร้อมกับมองไปรอบๆ
 "แล้วทำไมถึงต้องต่อสู้กัน?"
"เขาเห็นฉันเป็นภัยคุกคาม 
เพราะฉันขัดขวางเขาจากการทดลองแปลกๆ
เขาผลิตยาบางอย่าง  
พวกผีปอบ 
กระสือ 
ก็เป็นผลผลิตจากคนลึกลับ
คนลึกลับยังมี  ภาษาโบราณที่ติดต่อ พวกเทพมาร
 สิ่งมีชีวิตต่างมิติด้วย
บางที คนลึกลับอาจเปิดประตูมิติ 
 เรียกพญานาคออกมาก็ได้
...............
ตอนที่4
เอ็ม เมย์  ตื่นขึ้นมา
และตกใจกับการต่อสู้ระหว่างเอกและพญานาค
เอกและชาตรี 
เอ็ม เมย์
ตัดสินใจออกจากศาลา
และหาที่ปลอดภัยกว่า
เพื่อพักผ่อนและวางแผนต่อไป
ระหว่างทางพวกเขาเห็นธรรมชาติในตอนกลางคืน
ที่สวยงาม 
เอกใช้กสิณลม  
สร้างม่านป้องกันพวกยุง
พวกเขาพบกับหิ้งหอยมากมายตามพุ่มไม้
เมื่อหิ่งห้อยหนุ่มพบหิ่งห้อยสาวที่หมายปอง 
มันจะกระพริบแสงเป็นจังหวะ 
หิ่งห้อยใช้แสงเป็นภาษารักในการสื่อสาร
พวกเขาเดินจนถึงหมู่บ้านอีต่อง
และเหมืองปิล็อก 
เอกและชาตรี
ตัดสินใจเดินสำรวจหมู่บ้านอีต่องอย่างละเอียด 
เอ็มและเมย์กอดแขนเอกด้วยความกลัว
พวกเขาเดินผ่านบ้านเรือนไม้เก่าแก่
ที่เรียงรายอยู่สองข้างทาง
พวกเขาตัดสินใจพักผ่อนที่รีสอร์ท
เพื่อฟื้นฟูร่างกายและวางแผนการเดินทางต่อไป 
เมื่อเดินเข้าสู่ล็อบบี้ของรีสอร์ทที่ตกแต่งอย่างสวยงาม
 มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ลอยมาแตะจมูก
 พนักงานต้อนรับยิ้มแย้มแจ่มใส
และให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น
เอก ชาตรี เอ็ม และเมย์ 
ตัดสินใจพักผ่อนในห้องพักที่กว้างขวางหลังจากเดินทางมาถึงรีสอร์ท 
บรรยากาศกลับเปลี่ยนไปเมื่อมืด
เสียงประหลาดเคาะประตูห้อง 
ซ้ำแล้วซ้ำเล่า 
เอกกับชาตรีมองหน้ากันด้วยความสงสัย
และหวาดกลัว 
พวกเขาพยายามจะเฉย
เอกสังเกตุเห็น ต้นก้ามปูนอกหน้าต่าง  
"ต้นก้ามปู
... มันให้ความรู้สึกแปลกๆ"
 เอกคิดในใจ
 "ไม่ต้องกลัวนะ 
ทุกอย่างคงจะโอเค"
 เอกพูดปลอบใจเพื่อน
 พร้อมกับจับมือเอ็มและเมย์เบาๆ 
แต่ในใจลึกๆ เขาก็รู้สึกหวาดกลัวเช่นกัน
ชาตรี ใช้สายตามองไปรอบๆ 
จนไปหยุดอยู่ตรงต้นก้ามปู
ก็เจอร่างร่างหนึ่งห้อยโตงเตง
ในสภาพตาแทบจะถลนออกมา 
แถมลิ้นจุกปาก 
หน้าบูดเบี้ยวจะผิดรูป 
แกว่งไปมา
ชาตรีเบิกตากว้าง  
ร่างของผู้ชายคนนั้นห้อยโตงเตง 
ใบหน้าบิดเบี้ยวไปมาราวกับกำลังทรมาน"
ชาตรีกรี๊ดออกมาจนสุดเสียง
ผีหลอก
เอก มองไปก็เจอ  
ผีห้อยโตงเตง 
เขาไม่คิดว่าจะเจอกับอะไรแบบนี้ 
เขาพยายามที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเอง 
แล้วแผ่เมตตาจนร่างนั้นหายไป
"โอ้ยดีนะที่มา กับไอ้เอก"
ชาตรีพูดพลางถอนหายใจด้วยความโล่งอก
 เอ็มและเมย์กอดแขนเอกด้วยความกลัว  
รุ่งเช้า 
พวกเขาถามพนักงาน 
พนักงานก็บอกว่าเคยมีผู้ชายป่วยเป็นโรคร้ายผูกคอที่ต้นก้ามปู 
 เคยมีลูกค้าหลายคนเจอ  
ทางรีสอท 
จะตัดต้นก้ามปูออก ก็ไม่มีคนกล้าตัดสักที
"พนักงานเล่าว่า
เคยมีคนพบเห็นร่างของผู้ชายคนนั้น
เดินวนเวียนอยู่บริเวณต้นก้ามปูในช่วงกลางคืน"

...................................................................
"เรื่องราวของ.บ้านอีต่องและเหมืองปิล็อกเป็นเพียงความเชื่อ......
การผจญภัยครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวลึกลับในกาญจนบุรี
 หากใครมีประสบการณ์เจอเรื่องหลอน 
หรือมีเรื่องราวลึกลับเกี่ยวกับกาญจนบุรี 
อย่าลืมมาแชร์ให้พวกเราฟังกันนะครับ"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่