ตอนที่1
ในคืนที่มืดมิดของฤดูฝน 🌧️
เมย์, เอ็ม, เอก และชาตรี ตัดสินใจมาร่วมงาน "ขนหัวลุก เวียงพิงค์" 👻
ซึ่งจัดขึ้นที่สวนสาธารณะบนที่ดินของการรถไฟ เชียงใหม่ 🚂
งานนี้ถูกจัดขึ้นเพื่อค้นหาความตื่นเต้นและประสบการณ์ใหม่ ๆ
ในคืนแห่งความหลอนที่เต็มไปด้วยความลึกลับ 🌲🌌
✨ ผู้คนมาเที่ยวงานมากมาย
ภายในงานมีของกินมากมายและการละเล่นต่างๆ
เช่น ผีถ้วยแก้วที่น่าตื่นเต้น 🎪🍢🍡
🏞️ สวนสาธารณะบนที่ดินของการรถไฟ 🚂
เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในเรื่องความเฮี้ยน 🕯️
บรรยากาศของสวนนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่เฮี้ยนที่สุดในเวียงเชียงใหม่ 🌲🌲👻
📜 มีเล่าลือมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ว่ามีเครื่องบินถล่มสถานีและโรงแรมรถไฟ ✈️💥
จนทำให้มีคนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก 😱🌹
ทั้ง 4 คนเดินเข้ามาในงานท่ามกลางความมืดและเสียงกระซิบที่น่ากลัว
บรรยากาศของงานถูกสร้างขึ้นด้วยแสงไฟสลัว ๆ และเสียงหวีดหวิวที่แทรกซึมไปทั่วบริเวณ
พวกเขารู้สึกได้ถึงความลึกลับและความกลัวที่กำลังจะเกิดขึ้น
ที่ทางเข้าของงานมีป้ายขนาดใหญ่เขียนว่า "ขนหัวลุก เวียงพิงค์"
พร้อมด้วยภาพของผีและวิญญาณที่ถูกวาดขึ้นอย่างน่ากลัว
ยังมีคนแต่งตัวเป็นผีเพื่อเพิ่มบรรยากาศให้หลอนยิ่งขึ้น
คนแต่งตัวเป็นผีกระสือน่ากลัว
เดินไปมาไปทั่วบริเวณ
เมย์, เอ็ม, เอก และชาตรี เดินเข้ามาในงานเทศกาล "ขนหัวลุก เวียงพิงค์"
ท่ามกลางฝูงชนที่แต่งกายหลากหลาย ทั้งผีแม่นาค ผีเด็ก
กลิ่นควันเทียนหอมฉุนปนกับ
กลิ่นอาหารทอดเจียวชวนให้หิว
แต่บรรยากาศโดยรอบกลับเต็มไปด้วยความน่ากลัว
เสียงหัวเราะคิกคักของเด็กๆ ที่กำลังเล่นเครื่องเล่นนานาชนิด
ปนเปกับเสียงกรีดร้องของผู้หญิงที่ถูกผีหลอกเล่น
"อยากลองเล่นผีถ้วยแก้วมั้ย?" ชาตรีชวนเพื่อนๆ
ขณะเดินผ่านแผงลอยที่มีคนกำลังเล่นผีถ้วยแก้วกันอย่างสนุกสนาน
"อย่าเลยนะ ฉันกลัว" เมย์ส่ายหน้า
"
แค่ลองเล่นขำๆ ก็ได้นี่นา" เอกยิ้ม
ในขณะที่คนหนุ่มสาวกำลังสนุกสนานกับการเล่นเกมต่างๆ
ก็มีเสียงกระซิบเล่าเรื่องราวผีและนางไม้ที่สิงสถิตอยู่ในสวนสาธารณะแห่งนี้
บางคนเล่าว่าเห็นเงาคนเดินไปมา
บางคนเล่าว่าได้ยินเสียงร้องไห้ตอนกลางคืน
สวนสาธารณะก็ยิ่งดูน่ากลัวขึ้นไปอีก
ต้นไม้ใหญ่ ก็ เหมือนจะมีคนนั่งอยู่บนกิ่งไม้
"ฉันว่าเราควรกลับบ้านกันแล้วนะ" เมย์เอ่ยขึ้นเสียงเบาๆ
"แต่ยังไม่อยากกลับเลย" ชาตรีตอบ
...........................................
ตอน2
พวกเขาเดินผ่านฝูงชนที่คึกคัก ไปยังพื้นที่ที่มีแผงขายอาหารอยู่หลายแห่ง
การจัดแต่งของแต่ละร้านมีความลึกลับและน่ากลัว ด้วยแสงไฟที่สลัวและการตกแต่งที่เน้นความมืดมิด
" ไปกินข้าวซอยกันเถอะ" เอ็มชวนเพื่อนๆ ขณะเดินลอดซุ้มประตูไม้เก่าๆ เข้าสู่ตลาดมืด
"ข้าวซอย? หรือว่าจะลองน้ำเงี้ยวดีกว่า?" เอกเสนอ
"
เดี๋ยวๆ ก่อน! เห็นร้านนั้นไหม? มีป้ายว่า 'ลูกชิ้นยันต์' อ่ะ น่าลองชิมดูมั้ย?"
ชาตรีชี้ไปยังร้านที่ตกแต่งด้วยโคมไฟสีแดงก่ำ และมีรูปภาพของหญิงสาวหน้าตาซีดเซียวประดับอยู่
"อย่าบอกนะว่าแกจะกิน" เมย์ทำหน้าเหยเก
"ลองดูหน่อยก็ได้นี่นา" เอกยิ้ม
พวกเขาเดินผ่านแผงขายอาหารต่างๆ มากมาย ทั้งไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม
และขนมจีนน้ำยา แต่ละร้านต่างก็มีเมนูแปลกๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
แสงไฟสีส้มนวลจากโคมไฟกระดาษส่องกระทบกับใบหน้าของผู้คน ทำให้เกิดเงาน่ากลัว
"ดูสิ! ร้านนี้มีขายหมูป่าทอดด้วย" ชาตรีชี้ไปยังร้านที่กำลังทอดหมูป่าอยู่บนเตาถ่าน
ฉันไม่กินหมูป่าหรอกนะ" เมย์ทำหน้าเหยเก "กลัวจะอ้วนเป็นหมู"
"เออ...ก็จริงของแกนะ
" เอ็มหัวเราะเบาๆ "งั้นลองกินไส้อั่วไหม? อร่อยนะบอกเลย
"
"เอาเป็นว่าเราไปหาร้านนั่งกินกันก่อนดีกว่า" เอกตัดสินใจ
พวกเขาทั้งสามคนเดินวนเวียนอยู่สักพักก็พบกับร้านเล็กๆ
ที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ บรรยากาศเงียบสงบและดูลึกลับ
"ร้านนี้ดูน่ากลัวดีนะ" เมย์พูดขึ้นพร้อมกับมองไปรอบๆ ร้านอย่างระแวดระวัง
"เออว่ะ" ชาตรีพยักหน้าเห็นด้วย "เหมือนร้านในหนังผีเลย"
"
อย่าพูดมากเลย เดี๋ยวผีจะได้ยินเอา" เอกแซว
พวกเขาสั่งข้าวซอยและน้ำเงี้ยว ระหว่างรออาหาร ชาตรีก็เริ่มเล่าเรื่องราวลึกลับที่เคยได้ยินมา
"พวกแกรู้ไหมว่า เคยมีคนเห็นผีเด็กหัวขาดเดินอยู่ริมแม่น้ำปิงนะ" ชาตรีเล่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
มีคนเห็น
ผีเด็ก..!! ที่ไร้หัวเดินวนเวียนอยู่ใกล้ตู้ยาม เชื่อว่าวิญญาณเด็กคงไม่ยอมไปไหน
เดินวนเวียนหาศีรษะอยู่ตรงบริเวณริมน้ำที่พบศพแห่งนั้น สร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้าน
บางคน เห็นเด็กเดินวนเวียนที่สามแยก ไม่สวมเสื้อผ้าและไม่มีศีรษะ..!!
จนคนไปพบศพเด็ก หัวขาดลอยมากับแม่น้ำปิง
ว่ากันว่าเด็กคนนั้นพลัดตกน้ำเสียชีวิต แล้วก็วนเวียนอยู่แถวนี้"
"จริงเหรอวะ? แล้วทำไมต้องมาเดินแถวนี้?" เอ็มถามด้วยความสงสัย
"เขาว่ากันว่าเด็กคนนั้นหลงทางและกำลังตามหาแม่" ชาตรีตอบ
"มีคนเคยเห็นเงาเด็กนั่งร้องไห้อยู่ริมตลิ่ง"
"
"
"น่ากลัวจัง" เมย์พูดเสียงเบา
"
แต่ก็สงสารเด็กนะ" เอ็มเสริม
"
ฉันว่าเราอย่าไปยุ่งกับเรื่องพวกนี้เลยดีกว่า" เอกพูดขึ้น
............................................
ตอน3
เมย์, เอ็ม, เอก และชาตรี ตัดสินใจไปสำรวจที่ริมแม่น้ำปิง
โดยขับรถยนต์เพื่อลองหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องราวของผีเด็ก
เสียงของประตูรถเปิดออก เสียงเท้ากระทบกับพื้นดินที่เต็มไปด้วยกิ่งไม้
พวกเขาเดินออกจากร้านอาหารเล็ก ๆ และมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ที่มีแสงสลัวจากหลอดไฟฟ้าไม่กี่ดวง
พวกเขาเดินผ่านลานกว้างที่มีต้นไม้สูงใหญ่และความเงียบสงัด ทุ
กคนรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่แทรกซึมไปทั่วร่าง
"พวกเราเดินไปตามทางนี้นะ" เอกชี้ไปที่ทางเดินเล็ก ๆ ขนานกับแม่น้ำ
"ถ้าจะหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ เราต้องมาที่นี่"
"ไม่รู้สิ..." เมย์พูดด้วยน้ำเสียงกังวล "มันดูน่ากลัวมากเลยนะ"
"เราต้องลองดู" เอ็มตอบ "จะได้รู้ว่าเรื่องนี้จริงหรือไม่"
พวกเขาเดินไปตามทางเดินจนถึงจุดที่มืดและเงียบสนิท เสียงของน้ำไหลเบา ๆ ดังเข้ามาในหู
"นี่ไงตรงจุดที่คนเคยเห็นเงาเด็ก" ชาตรีพูด พร้อมกับมองไปที่บริเวณริมแม่น้ำ
"
"แสงจันทร์สีเงินส่องกระทบผิวน้ำที่ไหลเอื่อยๆ เกิดเป็นประกายระยิบระยับราวกับเกล็ดปลาที่กระจายตัวไปทั่ว
ลมเย็นพัดโชยมาพร้อมกับเสียงใบไม้กระทบกันเบาๆ ดังเป็นทำนองเพลงเศร้าๆ
เมย์รู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่แทรกซึมเข้าไปในกระดูก เธอหันไปชี้ที่เงามืดที่เลือนรางอยู่ใต้ต้นไทรใหญ่ริมน้ำ
"ดูสิ...เหมือนจะมีอะไรบางอย่างกำลังซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้"
เอกและชาตรีหันไปมองตามที่เมย์ชี้ เงามืดนั้นเคลื่อนไหวช้าๆ
ดูคล้ายกับร่างของเด็กน้อยที่กำลังค้นหาอะไรบางอย่าง
เสียงกระซิบแผ่วเบาคล้ายเสียงเด็กน้อยร้องไห้ดังขึ้นเป็นระยะๆ เสียงนั้นฟังดูเศร้าสร้อยและน่าเวทนา
"เสียงอะไรน่ะ?" เมย์ถามด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า
มือของเธอเกาะแขนของเอกแน่น
"เหมือนเสียงเด็กร้องไห้" ชาตรีตอบด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด
พวกเขาค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เงามืดนั้นอย่างระมัดระวัง ทุกย่างก้าวที่เดินไป
หัวใจของพวกเขาก็เต้นรัวราวกับจะทะลุออกมาจากอก
เสียงร้องไห้ดังขึ้นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งพวกเขาเห็นภาพที่ทำให้ขนลุกซู่
ภายใต้แสงจันทร์สลัว พวกเขาเห็นเด็กน้อยคนหนึ่งนั่งอยู่ริมน้ำ ร่างไร้หัวร้องไห้สะอึกสะอื้น
............................................
ตอน4
ริมแม่น้ำปิงในคืนเดือนเพ็ญ
เอกมองดูร่างไร้หัวของเด็กน้อยที่นั่งอยู่ริมน้ำ
เอกรู้สึกถึงความเครียด
เขาตัดสินใจใช้ลูกชิ้นยันต์ที่เขาซื้อมาคิดว่าจะกินเล่น
แต่ตอนนี้มันกลายเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการช่วยวิญญาณเด็กน้อย
เอกนำลูกชิ้นยันต์ไปวางไว้ใกล้ๆ ร่างของเด็กไร้หัว
เด็กไร้หัวหยุดร้องไห้และดูเหมือนจะสนใจลูกชิ้นยันต์อย่างมาก เด็กไร้หัวค่อยๆ ยัดลูกชิ้นยันต์ลงไปในคอ
ทำให้วิญญาณเด็กน้อยสงบลง
เอกตั้งสติและเริ่มนึกถึงการฝึกกสิณ 10 ที่เขาเคยศึกษามา
เขาใช้พลังของกสิณแสงสว่างในการฉายภาพที่สามารถเผยให้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต
เอกใช้สมาธิจดจ่ออยู่กับกสิณ
แสงสว่างสีขาวบริสุทธิ์ที่แผ่กระจายออกมาจากตัวเขาเอง
"ขอให้แสงสว่างนำพาเราไปสู่ความจริง" เอกกระซิบเบาๆ
ภาพเหตุการณ์ในอดีตค่อยๆ ปรากฏขึ้นชัดเจนราวกับภาพยนตร์
"
วิญญาณนี้กำลังตามหาฆาตกร" เอกเอ่ยขึ้นเสียงเบา
"นี่คือฆาตกร" เอกเปิดตาขึ้น "หลังจากที่เขาฆ่าเด็กน้อย เขาได้หลบหนีไป
แต่กรรมตามสนองเขาในที่สุด เขาประสบอุบัติเหตุรถชนจนแขนขาดขาขาดใช้ชีวิตอย่างทรมาน
"
เมื่อวิญญาณของเด็กน้อยได้รับรู้เรื่องนี้ ก็ค่อยๆ หายไปในความมืดมิด
"
"วิญญาณของเด็กน้อยไปสู่สุคติแล้ว" เอกกล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆ
เอกได้ช่วยให้วิญญาณเด็กน้อยหลุดพ้นจากความทุกข์
หลังจากที่ช่วยเหลือวิญญาณเด็กน้อยเรียบร้อยแล้ว
เมย์ เอ็ม เอก และชาตรีต่างรู้สึกโล่งใจ
พวกเขากลับไปยังงานเทศกาลที่คึกคัก
"สงสารเด็กน้อยจังเลยนะ" เมย์เอ่ยขึ้นเบาๆ ขณะที่พวกเขากำลังเดินผ่านซุ้มอาหาร
"ใช่" เอ็มตอบรับ แต่ทุกอย่างก็เป็นเรื่องผลกรรม เอ็มพูด
ตอนนี้เราจะไปกินข้าวนึ่งมะพร้าวอ่อนกันไหม?" ชาตรีเสนอขึ้น ทำให้บรรยากาศกลับมาเป็นปกติ
พวกเขาเดินไปยังซุ้มอาหารที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิง
กลิ่นหอมของข้าวเหนียวมูนและน้ำพริกหนุ่มลอยมาแตะจมูก
ทำให้ทุกคนรู้สึกหิวขึ้นมาทันที พวกเขานั่งลงบนเสื่อริมน้ำ
สั่งอาหารมาทาน พร้อมกับชมสระน้ำที่โดนแสงไฟสะท้อนสวยงาม
พวกเขานั่งคุยกันไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งเสียงดนตรีเริ่มดังขึ้น
การแสดงสดที่มีการเต้นรำและเพลงพื้นเมืองเริ่มต้นขึ้น
พวกเขาตัดสินใจที่จะเดินไปชมการแสดงและเข้าร่วมในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานและความสดใส
ค่ำคืนนี้เต็มไปด้วยความสุขและความอบอุ่น
.............
"งานเทศกาลขนหัวลุก เวียงพิงค์ สนุกและน่ากลัวมาก 👻🎉
ขอบคุณทุกคนนะครับ อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ 👍
ผีที่เชียงใหม่...ใครมีประสบการณ์บ้าง? บอกกันได้เลย! 👀👻
เรื่องราวของผีในวันนี้เป็นเพียงความเชื่อความลึกลับที่ยังคงคลี่คลายไม่จบสิ้น 🕵️♂️🧙♀️
หากใครมีประสบการณ์เจอผี หรือมีเรื่องราวลึกลับ อย่าลืมมาแชร์ให้พวกเราฟังกันนะครับ 💬👻"
ผีเชียงใหม่งานเทศกาลขนหัวลุกเวียงพิงค์
ในคืนที่มืดมิดของฤดูฝน 🌧️
เมย์, เอ็ม, เอก และชาตรี ตัดสินใจมาร่วมงาน "ขนหัวลุก เวียงพิงค์" 👻
ซึ่งจัดขึ้นที่สวนสาธารณะบนที่ดินของการรถไฟ เชียงใหม่ 🚂
งานนี้ถูกจัดขึ้นเพื่อค้นหาความตื่นเต้นและประสบการณ์ใหม่ ๆ
ในคืนแห่งความหลอนที่เต็มไปด้วยความลึกลับ 🌲🌌
✨ ผู้คนมาเที่ยวงานมากมาย
ภายในงานมีของกินมากมายและการละเล่นต่างๆ
เช่น ผีถ้วยแก้วที่น่าตื่นเต้น 🎪🍢🍡
🏞️ สวนสาธารณะบนที่ดินของการรถไฟ 🚂
เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในเรื่องความเฮี้ยน 🕯️
บรรยากาศของสวนนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่เฮี้ยนที่สุดในเวียงเชียงใหม่ 🌲🌲👻
📜 มีเล่าลือมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ว่ามีเครื่องบินถล่มสถานีและโรงแรมรถไฟ ✈️💥
จนทำให้มีคนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก 😱🌹
ทั้ง 4 คนเดินเข้ามาในงานท่ามกลางความมืดและเสียงกระซิบที่น่ากลัว
บรรยากาศของงานถูกสร้างขึ้นด้วยแสงไฟสลัว ๆ และเสียงหวีดหวิวที่แทรกซึมไปทั่วบริเวณ
พวกเขารู้สึกได้ถึงความลึกลับและความกลัวที่กำลังจะเกิดขึ้น
ที่ทางเข้าของงานมีป้ายขนาดใหญ่เขียนว่า "ขนหัวลุก เวียงพิงค์"
พร้อมด้วยภาพของผีและวิญญาณที่ถูกวาดขึ้นอย่างน่ากลัว
ยังมีคนแต่งตัวเป็นผีเพื่อเพิ่มบรรยากาศให้หลอนยิ่งขึ้น
คนแต่งตัวเป็นผีกระสือน่ากลัว
เดินไปมาไปทั่วบริเวณ
เมย์, เอ็ม, เอก และชาตรี เดินเข้ามาในงานเทศกาล "ขนหัวลุก เวียงพิงค์"
ท่ามกลางฝูงชนที่แต่งกายหลากหลาย ทั้งผีแม่นาค ผีเด็ก
กลิ่นควันเทียนหอมฉุนปนกับ
กลิ่นอาหารทอดเจียวชวนให้หิว
แต่บรรยากาศโดยรอบกลับเต็มไปด้วยความน่ากลัว
เสียงหัวเราะคิกคักของเด็กๆ ที่กำลังเล่นเครื่องเล่นนานาชนิด
ปนเปกับเสียงกรีดร้องของผู้หญิงที่ถูกผีหลอกเล่น
"อยากลองเล่นผีถ้วยแก้วมั้ย?" ชาตรีชวนเพื่อนๆ
ขณะเดินผ่านแผงลอยที่มีคนกำลังเล่นผีถ้วยแก้วกันอย่างสนุกสนาน
"อย่าเลยนะ ฉันกลัว" เมย์ส่ายหน้า
"
แค่ลองเล่นขำๆ ก็ได้นี่นา" เอกยิ้ม
ในขณะที่คนหนุ่มสาวกำลังสนุกสนานกับการเล่นเกมต่างๆ
ก็มีเสียงกระซิบเล่าเรื่องราวผีและนางไม้ที่สิงสถิตอยู่ในสวนสาธารณะแห่งนี้
บางคนเล่าว่าเห็นเงาคนเดินไปมา
บางคนเล่าว่าได้ยินเสียงร้องไห้ตอนกลางคืน
สวนสาธารณะก็ยิ่งดูน่ากลัวขึ้นไปอีก
ต้นไม้ใหญ่ ก็ เหมือนจะมีคนนั่งอยู่บนกิ่งไม้
"ฉันว่าเราควรกลับบ้านกันแล้วนะ" เมย์เอ่ยขึ้นเสียงเบาๆ
"แต่ยังไม่อยากกลับเลย" ชาตรีตอบ
...........................................
ตอน2
พวกเขาเดินผ่านฝูงชนที่คึกคัก ไปยังพื้นที่ที่มีแผงขายอาหารอยู่หลายแห่ง
การจัดแต่งของแต่ละร้านมีความลึกลับและน่ากลัว ด้วยแสงไฟที่สลัวและการตกแต่งที่เน้นความมืดมิด
" ไปกินข้าวซอยกันเถอะ" เอ็มชวนเพื่อนๆ ขณะเดินลอดซุ้มประตูไม้เก่าๆ เข้าสู่ตลาดมืด
"ข้าวซอย? หรือว่าจะลองน้ำเงี้ยวดีกว่า?" เอกเสนอ
"
เดี๋ยวๆ ก่อน! เห็นร้านนั้นไหม? มีป้ายว่า 'ลูกชิ้นยันต์' อ่ะ น่าลองชิมดูมั้ย?"
ชาตรีชี้ไปยังร้านที่ตกแต่งด้วยโคมไฟสีแดงก่ำ และมีรูปภาพของหญิงสาวหน้าตาซีดเซียวประดับอยู่
"อย่าบอกนะว่าแกจะกิน" เมย์ทำหน้าเหยเก
"ลองดูหน่อยก็ได้นี่นา" เอกยิ้ม
พวกเขาเดินผ่านแผงขายอาหารต่างๆ มากมาย ทั้งไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม
และขนมจีนน้ำยา แต่ละร้านต่างก็มีเมนูแปลกๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
แสงไฟสีส้มนวลจากโคมไฟกระดาษส่องกระทบกับใบหน้าของผู้คน ทำให้เกิดเงาน่ากลัว
"ดูสิ! ร้านนี้มีขายหมูป่าทอดด้วย" ชาตรีชี้ไปยังร้านที่กำลังทอดหมูป่าอยู่บนเตาถ่าน
ฉันไม่กินหมูป่าหรอกนะ" เมย์ทำหน้าเหยเก "กลัวจะอ้วนเป็นหมู"
"เออ...ก็จริงของแกนะ
" เอ็มหัวเราะเบาๆ "งั้นลองกินไส้อั่วไหม? อร่อยนะบอกเลย
"
"เอาเป็นว่าเราไปหาร้านนั่งกินกันก่อนดีกว่า" เอกตัดสินใจ
พวกเขาทั้งสามคนเดินวนเวียนอยู่สักพักก็พบกับร้านเล็กๆ
ที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ บรรยากาศเงียบสงบและดูลึกลับ
"ร้านนี้ดูน่ากลัวดีนะ" เมย์พูดขึ้นพร้อมกับมองไปรอบๆ ร้านอย่างระแวดระวัง
"เออว่ะ" ชาตรีพยักหน้าเห็นด้วย "เหมือนร้านในหนังผีเลย"
"
อย่าพูดมากเลย เดี๋ยวผีจะได้ยินเอา" เอกแซว
พวกเขาสั่งข้าวซอยและน้ำเงี้ยว ระหว่างรออาหาร ชาตรีก็เริ่มเล่าเรื่องราวลึกลับที่เคยได้ยินมา
"พวกแกรู้ไหมว่า เคยมีคนเห็นผีเด็กหัวขาดเดินอยู่ริมแม่น้ำปิงนะ" ชาตรีเล่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
มีคนเห็น
ผีเด็ก..!! ที่ไร้หัวเดินวนเวียนอยู่ใกล้ตู้ยาม เชื่อว่าวิญญาณเด็กคงไม่ยอมไปไหน
เดินวนเวียนหาศีรษะอยู่ตรงบริเวณริมน้ำที่พบศพแห่งนั้น สร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้าน
บางคน เห็นเด็กเดินวนเวียนที่สามแยก ไม่สวมเสื้อผ้าและไม่มีศีรษะ..!!
จนคนไปพบศพเด็ก หัวขาดลอยมากับแม่น้ำปิง
ว่ากันว่าเด็กคนนั้นพลัดตกน้ำเสียชีวิต แล้วก็วนเวียนอยู่แถวนี้"
"จริงเหรอวะ? แล้วทำไมต้องมาเดินแถวนี้?" เอ็มถามด้วยความสงสัย
"เขาว่ากันว่าเด็กคนนั้นหลงทางและกำลังตามหาแม่" ชาตรีตอบ
"มีคนเคยเห็นเงาเด็กนั่งร้องไห้อยู่ริมตลิ่ง"
"
"
"น่ากลัวจัง" เมย์พูดเสียงเบา
"
แต่ก็สงสารเด็กนะ" เอ็มเสริม
"
ฉันว่าเราอย่าไปยุ่งกับเรื่องพวกนี้เลยดีกว่า" เอกพูดขึ้น
............................................
ตอน3
เมย์, เอ็ม, เอก และชาตรี ตัดสินใจไปสำรวจที่ริมแม่น้ำปิง
โดยขับรถยนต์เพื่อลองหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องราวของผีเด็ก
เสียงของประตูรถเปิดออก เสียงเท้ากระทบกับพื้นดินที่เต็มไปด้วยกิ่งไม้
พวกเขาเดินออกจากร้านอาหารเล็ก ๆ และมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ที่มีแสงสลัวจากหลอดไฟฟ้าไม่กี่ดวง
พวกเขาเดินผ่านลานกว้างที่มีต้นไม้สูงใหญ่และความเงียบสงัด ทุ
กคนรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่แทรกซึมไปทั่วร่าง
"พวกเราเดินไปตามทางนี้นะ" เอกชี้ไปที่ทางเดินเล็ก ๆ ขนานกับแม่น้ำ
"ถ้าจะหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ เราต้องมาที่นี่"
"ไม่รู้สิ..." เมย์พูดด้วยน้ำเสียงกังวล "มันดูน่ากลัวมากเลยนะ"
"เราต้องลองดู" เอ็มตอบ "จะได้รู้ว่าเรื่องนี้จริงหรือไม่"
พวกเขาเดินไปตามทางเดินจนถึงจุดที่มืดและเงียบสนิท เสียงของน้ำไหลเบา ๆ ดังเข้ามาในหู
"นี่ไงตรงจุดที่คนเคยเห็นเงาเด็ก" ชาตรีพูด พร้อมกับมองไปที่บริเวณริมแม่น้ำ
"
"แสงจันทร์สีเงินส่องกระทบผิวน้ำที่ไหลเอื่อยๆ เกิดเป็นประกายระยิบระยับราวกับเกล็ดปลาที่กระจายตัวไปทั่ว
ลมเย็นพัดโชยมาพร้อมกับเสียงใบไม้กระทบกันเบาๆ ดังเป็นทำนองเพลงเศร้าๆ
เมย์รู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่แทรกซึมเข้าไปในกระดูก เธอหันไปชี้ที่เงามืดที่เลือนรางอยู่ใต้ต้นไทรใหญ่ริมน้ำ
"ดูสิ...เหมือนจะมีอะไรบางอย่างกำลังซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้"
เอกและชาตรีหันไปมองตามที่เมย์ชี้ เงามืดนั้นเคลื่อนไหวช้าๆ
ดูคล้ายกับร่างของเด็กน้อยที่กำลังค้นหาอะไรบางอย่าง
เสียงกระซิบแผ่วเบาคล้ายเสียงเด็กน้อยร้องไห้ดังขึ้นเป็นระยะๆ เสียงนั้นฟังดูเศร้าสร้อยและน่าเวทนา
"เสียงอะไรน่ะ?" เมย์ถามด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า
มือของเธอเกาะแขนของเอกแน่น
"เหมือนเสียงเด็กร้องไห้" ชาตรีตอบด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด
พวกเขาค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เงามืดนั้นอย่างระมัดระวัง ทุกย่างก้าวที่เดินไป
หัวใจของพวกเขาก็เต้นรัวราวกับจะทะลุออกมาจากอก
เสียงร้องไห้ดังขึ้นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งพวกเขาเห็นภาพที่ทำให้ขนลุกซู่
ภายใต้แสงจันทร์สลัว พวกเขาเห็นเด็กน้อยคนหนึ่งนั่งอยู่ริมน้ำ ร่างไร้หัวร้องไห้สะอึกสะอื้น
............................................
ตอน4
ริมแม่น้ำปิงในคืนเดือนเพ็ญ
เอกมองดูร่างไร้หัวของเด็กน้อยที่นั่งอยู่ริมน้ำ
เอกรู้สึกถึงความเครียด
เขาตัดสินใจใช้ลูกชิ้นยันต์ที่เขาซื้อมาคิดว่าจะกินเล่น
แต่ตอนนี้มันกลายเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการช่วยวิญญาณเด็กน้อย
เอกนำลูกชิ้นยันต์ไปวางไว้ใกล้ๆ ร่างของเด็กไร้หัว
เด็กไร้หัวหยุดร้องไห้และดูเหมือนจะสนใจลูกชิ้นยันต์อย่างมาก เด็กไร้หัวค่อยๆ ยัดลูกชิ้นยันต์ลงไปในคอ
ทำให้วิญญาณเด็กน้อยสงบลง
เอกตั้งสติและเริ่มนึกถึงการฝึกกสิณ 10 ที่เขาเคยศึกษามา
เขาใช้พลังของกสิณแสงสว่างในการฉายภาพที่สามารถเผยให้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต
เอกใช้สมาธิจดจ่ออยู่กับกสิณ
แสงสว่างสีขาวบริสุทธิ์ที่แผ่กระจายออกมาจากตัวเขาเอง
"ขอให้แสงสว่างนำพาเราไปสู่ความจริง" เอกกระซิบเบาๆ
ภาพเหตุการณ์ในอดีตค่อยๆ ปรากฏขึ้นชัดเจนราวกับภาพยนตร์
"
วิญญาณนี้กำลังตามหาฆาตกร" เอกเอ่ยขึ้นเสียงเบา
"นี่คือฆาตกร" เอกเปิดตาขึ้น "หลังจากที่เขาฆ่าเด็กน้อย เขาได้หลบหนีไป
แต่กรรมตามสนองเขาในที่สุด เขาประสบอุบัติเหตุรถชนจนแขนขาดขาขาดใช้ชีวิตอย่างทรมาน
"
เมื่อวิญญาณของเด็กน้อยได้รับรู้เรื่องนี้ ก็ค่อยๆ หายไปในความมืดมิด
"
"วิญญาณของเด็กน้อยไปสู่สุคติแล้ว" เอกกล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆ
เอกได้ช่วยให้วิญญาณเด็กน้อยหลุดพ้นจากความทุกข์
หลังจากที่ช่วยเหลือวิญญาณเด็กน้อยเรียบร้อยแล้ว
เมย์ เอ็ม เอก และชาตรีต่างรู้สึกโล่งใจ
พวกเขากลับไปยังงานเทศกาลที่คึกคัก
"สงสารเด็กน้อยจังเลยนะ" เมย์เอ่ยขึ้นเบาๆ ขณะที่พวกเขากำลังเดินผ่านซุ้มอาหาร
"ใช่" เอ็มตอบรับ แต่ทุกอย่างก็เป็นเรื่องผลกรรม เอ็มพูด
ตอนนี้เราจะไปกินข้าวนึ่งมะพร้าวอ่อนกันไหม?" ชาตรีเสนอขึ้น ทำให้บรรยากาศกลับมาเป็นปกติ
พวกเขาเดินไปยังซุ้มอาหารที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิง
กลิ่นหอมของข้าวเหนียวมูนและน้ำพริกหนุ่มลอยมาแตะจมูก
ทำให้ทุกคนรู้สึกหิวขึ้นมาทันที พวกเขานั่งลงบนเสื่อริมน้ำ
สั่งอาหารมาทาน พร้อมกับชมสระน้ำที่โดนแสงไฟสะท้อนสวยงาม
พวกเขานั่งคุยกันไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งเสียงดนตรีเริ่มดังขึ้น
การแสดงสดที่มีการเต้นรำและเพลงพื้นเมืองเริ่มต้นขึ้น
พวกเขาตัดสินใจที่จะเดินไปชมการแสดงและเข้าร่วมในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานและความสดใส
ค่ำคืนนี้เต็มไปด้วยความสุขและความอบอุ่น
.............
"งานเทศกาลขนหัวลุก เวียงพิงค์ สนุกและน่ากลัวมาก 👻🎉
ขอบคุณทุกคนนะครับ อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ 👍
ผีที่เชียงใหม่...ใครมีประสบการณ์บ้าง? บอกกันได้เลย! 👀👻
เรื่องราวของผีในวันนี้เป็นเพียงความเชื่อความลึกลับที่ยังคงคลี่คลายไม่จบสิ้น 🕵️♂️🧙♀️
หากใครมีประสบการณ์เจอผี หรือมีเรื่องราวลึกลับ อย่าลืมมาแชร์ให้พวกเราฟังกันนะครับ 💬👻"