“ผู้ว่าธปท.” พร้อมปรับดอกเบี้ย หากเสถียรภาพเศรฐกิจ ระบบการเงินตึงตัว และแรงกว่าคาด

“เศรษฐพุฒิ” ผู้ว่าธปท.เผยการดำเนินนโยบายการเงิน ยึดหลัก 3 ปัจจัย  “เงินเฟ้อ-เศรษฐกิจ-เสถียรภาพระบบการเงิน” ชี้ เห็นภาวะการเงินตึงตัวและผลกระทบแรงกว่าคาด พร้อมปรับดอกเบี้ยนโยบาย
 
วันที่ 24 สิงหาคม 2567 ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวานฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การดำเนินนโยบายการเงิน เป็นสิ่งที่ธปท.พูดมาตลอดโดยการยึดหลัก Outlook Dependent ซึ่งหาก Outlook เปลี่ยน ธปท.ก็พร้อมจะปรับเปลี่ยนนโบายการเงิน โดยการพิจารณา Outlook จะพิจารณาจาก 3 ส่วน คือ อัตราเงินเฟ้อ เสถียรภาพเศรษฐกิจ และเสถียรภาพระบบการเงิน

ทั้งนี้ หากดูด้านอัตราเงินเฟ้อ ยังอยู่ในคาดการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าจะมี Downside Risk แต่เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ยังคงอยู่ในกรอบ โดยอัตราเงินเฟ้อต่ำอยู่ในกรอบล่าง และมีแนวโน้มค่อยๆ เข้าสู่กรอบล่างของกรอบเงินเฟ้อเป้าหมายที่ 1-3% อย่างไรก็ดี สิ่งที่สำคัญกว่าคือการรักษาการคากการณ์เงินเฟ้อให้อยู่ในระดับต่ำ และยังไม่เห็นภาพของเงินเฟ้อที่ต่ำลงจนนำไปสู่เงินฝืด หรือทำให้การบริโภคชะลอตัวลงต่อเนื่อง

ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปัจจุบัน จากภาพการขยายตัวเศรษฐกิจไทยหรือจีดีพีที่ออกมาล่าสุด ถือว่าออกมาเป็นไปตามคาด แม้ว่าจะมี Downside Risk แต่โดยรวมมีภาพของการค่อยๆเข้าสู่ศักยภาพ แต่ยอมรับว่า มีความเสี่ยงในบางมิติที่มากขึ้น เช่นการลดลงของการลงทุนเอกชนที่ลดลง แต่โดยรวมประมาณการณเศรษฐกิจที่ออกมายังใกล้เคียงกับที่กนง.ประเมินไว้

และสุดท้ายในเรื่องที่สามของเสถียรภาพการเงิน ที่มีการเปลี่ยนแปลง โดยธปท.ดูความเชื่อมโยงของเศรษฐกิจและภาคการเงิน โดยธปท.มองเห็นการ “ตึงตัว” มากขึ้น หรือตึงตัวเกินไป ซึ่งมาจากธนาคารปล่อยสินเชื่อลดลง จนเริ่มมีผลกระทบเชื่อมโยงต่อเศรษฐกิจในภาพรวม ดังนั้น หากสถานการณ์มีกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินรุนแรงกว่าที่ประเมินไว้ กนง.ก็พร้อมปรับนโยบายการเงินที่เหมาะสม

“ในคณะกรรมการมีการพูดคุยได้มีการรีเฟล็กในรายงานของกนง.ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งมองแบบ Open ธปท.มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ย หาก Micro financial มีผลกระทบแรงกว่าที่คิด

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่