ดูจากกระทู้ที่ตั้งซั้ำแล้วซ้ำอีก จะเห็นว่าความเข้าใจของนายภูมิ สู่ภพสูง คือ
เข้าใจว่า "มีผัก" >>> และความเป็นอนัตตาของผัก คือ >>> 1)ผักไฮโดรโปนิกส์-ต้นใหญ่ รากเล็ก 2)ผักปลูกลงดิน-ต้นเล็ก รากใหญ่ (ข้อมูล ezgrogarden.com)"
เข้าใจว่า "มีต้นไม้" >>> และความเป็นอนัตตาของต้นไม้ คือ >>> 1)ดินทราย-ต้นเล็ก,ดินร่วน-ต้นใหญ่ 2)แสงน้อย-โตช้า,แสงมาก-โตเร็ว
เข้าใจว่า "มีดอกดาวเรือง" >>> และความเป็นอนัตตาของดอกดาวเรือง คือ >>> ถ้าปลูกในฤดูหนาวใช้เวลาออกดอก60วัน ถ้าปลูกในฤดูร้อนใช้เวลาออกดอก70วัน เพราะในช่วงดังกล่าวดาวเรืองจะเจริญเติบโตทาง
เข้าใจว่า "มีไก่" และความเป็นอนัตตาของไก่ คือ >>> ไก่ตอน-ตัวโต,ไก่ไม่ตอน-ตัวไม่โต
_______________________________________
ในขณะที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้คำที่ลึกซึ้งว่า "อนัตตา" จากการที่ได้ทรงบำเพ็ญมาอย่างยาวนานถึง 4 อสงไขยกับอีกแสนกัป จึงได้ทรงตรัสรู้ความจริงว่า "ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตน ไม่มีผัก ไม่ดอกดาวเรือง ไม่มีไก่ ฯลฯ"
แต่ไม่ได้ใช้วิธีการนั่งเทียนนึกเอาเองว่า ความเป็นอนัตตาของ ผัก ต้นไม้ ดอกดาวเรือง ไก่ เป็นอย่างไร แล้วก็สรุปอย่างง่ายๆ เอาเองว่า ก็คือความเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติ เมื่อคลอดจากท้องแม่ เป็นทารก เติบโตเป็นวัยรุ่น เป็นหนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่ เข้าสู่วัยกลางคน แก่ แก่หง่อม แก่หง่อมมาก เจ็บ ตาย
ความเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติที่ใครก็มองเห็นได้ เข้าใจได้ อาแปะข้างบ้านที่ผ่านชีวิตมานาน ก็เข้าใจสภาพเปลี่ยนแปลงนี้ได้เองและปลงตกกับชีวิตได้เองโดยไม่ต้องอาศัยการบำเพ็ญบารมีอย่างยาวนานแสนนนนนนนเหลือเกิน
ความรู้น่าอัศจรรย์และแสนประเสริฐจากการที่ได้บำเพ็ญบารมีอย่างยาวนานถึง 4 อสงไขยกับอีกแสนกัป คือ "ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตน" จะเป็นเพียงการเลี่ยงบาลี เล่นคำง่ายๆ ว่า ก็มีสัตว์ มีผัก มีต้นไม้ แต่แค่เปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติ (ใครบ้างที่ไม่รู้? ถ้าความจริงที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ มีเพียงง่ายๆ เท่านี้ แล้วสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ จะเป็นความอัศจรรย์จนสั่นสะเทือนไปถึงหมื่นโลกธาตุได้อย่างไร?)
หรือว่า ที่แท้แล้ว ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตน เลยจริงๆๆ เพียงแต่เรายังมองไม่เห็น ยังไม่เข้าใจ ยังไม่ประจักษ์แจ้ง จึงเข้าใจเอาตามประสาปุถุชนว่า ต้องมีสัตว์สิ ก็เห็นอยู่ทนโท่ เพียงแต่ไม่ต้องตั้งชื่อมัน เราก็เลี่ยงบาลีง่ายๆ ก็อย่าไปเรียกชื่อมันสิ ก็แค่กลับ mindset ใหม่ แค่คิดว่ามันก็เป็นแค่ก้อนเนื้อที่ประชุมจากธาตุดินน้ำลมไฟ เท่านั้นเอง แค่นี้ก็บรรลุโสดาบันได้แล้ว
ความเข้าใจเรื่อง "อนัตตา" ของนายภูมิ สู่ภพสูง ถูกต้องหรือไม่
เข้าใจว่า "มีผัก" >>> และความเป็นอนัตตาของผัก คือ >>> 1)ผักไฮโดรโปนิกส์-ต้นใหญ่ รากเล็ก 2)ผักปลูกลงดิน-ต้นเล็ก รากใหญ่ (ข้อมูล ezgrogarden.com)"
เข้าใจว่า "มีต้นไม้" >>> และความเป็นอนัตตาของต้นไม้ คือ >>> 1)ดินทราย-ต้นเล็ก,ดินร่วน-ต้นใหญ่ 2)แสงน้อย-โตช้า,แสงมาก-โตเร็ว
เข้าใจว่า "มีดอกดาวเรือง" >>> และความเป็นอนัตตาของดอกดาวเรือง คือ >>> ถ้าปลูกในฤดูหนาวใช้เวลาออกดอก60วัน ถ้าปลูกในฤดูร้อนใช้เวลาออกดอก70วัน เพราะในช่วงดังกล่าวดาวเรืองจะเจริญเติบโตทาง
เข้าใจว่า "มีไก่" และความเป็นอนัตตาของไก่ คือ >>> ไก่ตอน-ตัวโต,ไก่ไม่ตอน-ตัวไม่โต
_______________________________________
ในขณะที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้คำที่ลึกซึ้งว่า "อนัตตา" จากการที่ได้ทรงบำเพ็ญมาอย่างยาวนานถึง 4 อสงไขยกับอีกแสนกัป จึงได้ทรงตรัสรู้ความจริงว่า "ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตน ไม่มีผัก ไม่ดอกดาวเรือง ไม่มีไก่ ฯลฯ"
แต่ไม่ได้ใช้วิธีการนั่งเทียนนึกเอาเองว่า ความเป็นอนัตตาของ ผัก ต้นไม้ ดอกดาวเรือง ไก่ เป็นอย่างไร แล้วก็สรุปอย่างง่ายๆ เอาเองว่า ก็คือความเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติ เมื่อคลอดจากท้องแม่ เป็นทารก เติบโตเป็นวัยรุ่น เป็นหนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่ เข้าสู่วัยกลางคน แก่ แก่หง่อม แก่หง่อมมาก เจ็บ ตาย
ความเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติที่ใครก็มองเห็นได้ เข้าใจได้ อาแปะข้างบ้านที่ผ่านชีวิตมานาน ก็เข้าใจสภาพเปลี่ยนแปลงนี้ได้เองและปลงตกกับชีวิตได้เองโดยไม่ต้องอาศัยการบำเพ็ญบารมีอย่างยาวนานแสนนนนนนนเหลือเกิน
ความรู้น่าอัศจรรย์และแสนประเสริฐจากการที่ได้บำเพ็ญบารมีอย่างยาวนานถึง 4 อสงไขยกับอีกแสนกัป คือ "ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตน" จะเป็นเพียงการเลี่ยงบาลี เล่นคำง่ายๆ ว่า ก็มีสัตว์ มีผัก มีต้นไม้ แต่แค่เปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติ (ใครบ้างที่ไม่รู้? ถ้าความจริงที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ มีเพียงง่ายๆ เท่านี้ แล้วสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ จะเป็นความอัศจรรย์จนสั่นสะเทือนไปถึงหมื่นโลกธาตุได้อย่างไร?)
หรือว่า ที่แท้แล้ว ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตน เลยจริงๆๆ เพียงแต่เรายังมองไม่เห็น ยังไม่เข้าใจ ยังไม่ประจักษ์แจ้ง จึงเข้าใจเอาตามประสาปุถุชนว่า ต้องมีสัตว์สิ ก็เห็นอยู่ทนโท่ เพียงแต่ไม่ต้องตั้งชื่อมัน เราก็เลี่ยงบาลีง่ายๆ ก็อย่าไปเรียกชื่อมันสิ ก็แค่กลับ mindset ใหม่ แค่คิดว่ามันก็เป็นแค่ก้อนเนื้อที่ประชุมจากธาตุดินน้ำลมไฟ เท่านั้นเอง แค่นี้ก็บรรลุโสดาบันได้แล้ว