จากประสบการณ์ของผมที่เคยเจอ ผมได้ผลักดันแฟนจนได้ไปต่างประเทศมีเงินมีทองมากมาย จนอยู่มาวันหนึ่งเขาเริ่มพูดกับผมว่าทำไมถึงไม่ยอมพัฒนาตัวเองบ้าง จะอยู่แต่แบบนี้หรอ ทั้งๆที่ผมก็ช่วยเหลือเธอไม่ว่าจะเป็นเรื่องาน เรื่องเรียน หรือแม้กระทั่งช่วยปลุกเธอให้ตื่นมาทำงานช่วงกะดึก แฟนผมทำงานทำความสะอาดโรงเรียนทำในช่วงตี 3 ของที่นั้น ก็ประมาณเที่ยงคืนของประเทศไทย ผมก็อยู่ดึกๆแทบทุกวันเพื่อที่จะปลุกเธอให้ตื่นเพราะส่วนใหญ่จะไม่ตื่น
.
พอเขาได้ไปอยู่ในสังคมใหม่ ๆ เริ่มมีเงินมากขึ้นเขาก็ใช้เงินแบบเยอะมากทั้งที่ตอนอยู่กับผมที่ประเทศไทยแค่กินอาหารตามตลาดนัด 100 บาท (ซื้อหลายอย่างนะครับ) ยังบ่นจะเป็นจะตาย แต่พอไปต่างประเทศมีซื้อรองเท้า ซื้อเสื้อผ้า แบรนด์เนมใส่ชิว ๆ
.
แต่ประเด็นคือกลับพูดกับผมว่าผมไม่คู่ควรกับเขา เพราะไม่ยอมพัฒนาไม่ยอมหาเงินมาเพื่อที่จะได้มาอยู่ต่างประเทศแบบเขาบ้าง (ซึ่งการที่เขาได้ไปต่างประเทศเพราะพ่อแม่เขามีเงินเก็บเป็นล้าน พี่เขาทำงานเป็นพยาบาลระดับหัวหน้าเงินเดือน 6 หมื่นกว่า ๆ ก็มีเงินทำเรื่องอยู่แล้ว แต่กับผมที่ตัวคนเดียวจะไปเอาเงินจากไหนเยอะแยะมาดำเนินเรื่องไปกันละ) เขาก็บอกกับผมว่าก็มันไม่พยายามเอง ก็ไปกู้ขอเงินพ่อแม่ ให้พ่อแม่กู้เงินมาเพื่อดำเนินเรื่องสิ ผมก็บอกว่าบ้าไปหรือเปล่าจะให้พ่อแม่ไปเป็นหนี้หรอ กว่าเขาจะส่งเรียนจบ ป.ตรีได้ก็ยากเย็น ยังจะให้เขามาช่วยมาเป็นภาระเขาอีกหรอ
.
ผมก็เลยบอกว่าขอเก็บเงินเองดีกว่า แต่แฟนผมก็มาบอกอีก กว่าจะเก็บเงินได้อีกกี่ปีละจะได้มา เธอนี้ดูไม่มีอนาคตเลยเนอะ ไม่คิดจะอยากมาที่ดีดีบ้างเลย ผมก็ได้แต่คิดในใจนะก็พ่อแม่ไม่ได้รวยแบบบ้านเธอไหม (บ้านเขาทำเกษตรมีเงินหลายล้านเลย ซื้อรถ ซื้อบ้านเป็นว่าเล่น เงินสดด้วยนะ) แต่แฟนผมก็ยังบอกว่าบ้านตัวเองจนไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้นหรอก
.
พอห่างกันแบบนี้ประมาณ 1 ปี แฟนผมก็เริ่มทำตัวห่าง ไม่ค่อยคุย อารมณ์เสียง่าย พูดอะไรไม่ถูกใจปุ๊บเอาแต่บอกว่าไม่ต้องคุยกันละนะ แล้วก็วางสายไปเลย หายไปทั้งวันทั้งคืน จากคนที่ไม่ค่อยชอบไปเที่ยวก็ออกไปเที่ยวทุกวันหยุด จากคนที่บอกว่าไม่ชอบเข้าผับก็ไปเที่ยวผับกลับ ตี 4 ตี 5 ตลอด จากคนที่เดินห้างกับผมแล้วบ่นว่าเหนื่อยปวดขา แต่ไปเดินเที่ยวป่ากับเพื่อนที่นั้นแดดร้อน ๆ บอกชอบมากสบายมาก
.
ผมก็ได้ลองถามว่าเป็นเพราะอะไร เขาก็ตอบมาคำเดียวเลย ฉันเบื่อเธออ่ะ เบื่อที่จะต้องมีแฟนแต่ต้องอยู่ตัวคนเดียวแบบนี้เหมือนตัวคนเดียวไม่มีใครเลย แล้วก็มาบอกเลิกผมด้วยเหตุผลว่าสงสัยเราจะไปกันไม่ได้ เราคงเข้ากันไม่ได้หรอก แล้วก็คือชอบงอน ชอบทำเหมือนกับว่าจะมาตอนไหนก็มาจะไปตอนไหนก็ได้ ไม่แคร์ เช่น เลิกงานก็ไม่บอกไม่กล่าวอะไร นั่งรถไฟกลับก็ไม่ทักแชท บางครั้งมีอ่านแต่ก็ไม่ตอบ นู่นละครับค่อยมาตอบอีกทีตอนใกล้จะนอน ซึ่งมันเป็นเวลาที่ผมเพิ่งเลิกงานพอดีคือ 1 ทุ่มที่ประเทศไทย แล้วนางก็มาบอกผมว่าไม่รอละนะ ขอนอนก่อนละ แต่ต้องให้ผมรอมาปลุกนางไปทำงานตอนเที่ยงคืนของประเทศไทยเป็นแบบนี้มา 1 ปีกว่า ถ้าวันไหนไม่ทำให้ก็จะไปทำงานสายโดนหักเงินบ้างละ ต้องทำล่วงเวลาบ้างละ บางวันปลุกช้าผมก็โดนด่าอีกว่า มัวทำห่าอะไรไม่ยอมปลุกเห็นไหมตื่นสายเลย (ซึ่งบางวันผมก็เพลียเผลอหลับไป)
.
แล้วด้วยที่นางไปวีซ่านักเรียนก็ต้องมีการเรียน มีการบ้านผมก็เป็นคนที่ทำการบ้านให้นางตลอด สอบทีไรก็ทำข้อสอบให้จนผ่านมาตลอด หรือแม้กระทั่งเอกสารผมก็ช่วยทำตั้งแต่ดำเนินเรื่อง จนปัจจุบันพวกเอกสารเกี่ยวกับงาน เงินเดือนผมก็ทำให้
.
พอผมไม่สบายใจอะไรหรือน้อยใจที่นางไม่ค่อยแคร์ใจผม นางก็จะเอาแต่บอกว่าง้อใครไม่เป็นอ่ะ เอาเงินไปแทนละกัน ผมก็บอกว่าไม่เงินได้ป่ะ แค่ใส่ใจกันดูแลใจกันดีดีมันจะตายเลยหรือไง นางก็บอกว่าขี้เกียจอ่ะเหนื่อย แค่ทำงานมาก็เหนื่อยละยังจะต้องมาใส่ใจอะไรอีก
.
พอมันหลายๆครั้งเข้า ผมก็เออรับเงินก็ได้ อย่างน้อยเอาเงินมาไปหาความสุขเอาเองก็ได้ไม่ต้องมาใส่ใจก็ได้ (เริ่มจะเห็นแก่ตัวเองบ้างละ) แต่พอมันมีหลายครั้งเข้าก็ไม่ไหว ก็ไม่อยากได้เงินแล้วอยากได้การแคร์ใจใส่ใจมากกว่าเงิน ก็เลยบอกว่าพอละไม่เอาเงินเปลี่ยนเป็นการใส่ใจดูแลใจกันบ้างดิ ไม่ใช่เอาเงินมาแก้ปัญหาแบบนี้ตลอดได้ป่ะ
.
นางก็บอกว่าแล้วไง ทำไมจะต้องแคร์ใจด้วยเหนื่อยนะโว๊ย งั้นก็ไม่ต้องเอาห่าอะไรอีกละ นางก็โมโหด่า (ด่าแบบขอพูดคำหยาบนะครับ อี
พ่อตาย กูเหนื่อยนะโว๊ยทำงานหาเงินยังจะต้องมาใส่ใจอะไรอีก ทำไมกูจะต้องมานั่งรอด้วย ทำไมกูจะต้องมาแคร์ใจ ผมก็ตอบกลับไปว่าอ้าว แล้วนี้ฉันไม่เหนื่อยไงทำงานฉันก็ต้องทำ ไม่ใช่ฉันอยู่เฉยๆไปวันๆ สักหน่อย เลิกงานมาก็ต้องมาทำงานให้เธอ มารอปลุกเธอ ต้องนอนดึกๆดื่นๆ เพื่อปลุกเธออยู่กับเธอทำให้ขนาดนี้ยังไม่พออีกหรอ)
.
แล้วที่สำคัญคือ เรื่องเงินเพื่อนนาง รุ่นพี่นางขอยืมเงินไปแล้วเบี้ยวไม่คืน ก็ใจดี ครั้งแรกไม่เท่าไร ครั้งที่สอง สาม สี่ ห้า ก็ยังให้ยืม ผมเลยบอกว่าอ้าวทำไมใจดีกับเพื่อนขนาดนั้น ทั้งๆที่เขาทำร้ายเธอขนาดนี้ แต่กับผมที่ทำดีให้ตลอดช่วยเหลือตลอดกลับไม่แคร์ใจผมบ้างเลย (นางก็ด่าเพื่อนนะว่าไม่ดี) นางขึ้นเลยบอกว่าผมจะไปรู้อะไร ทำไมจะต้องมาด่าเพื่อนของนางแค่ยืมเงินแล้วไม่คืน ทำไมจะต้องไปด่าเพื่อนของนางด้วยว่าไม่ดี แล้วก็โกรธผมมากๆ ผมก็งงสิ
.
ผมก็บอกว่าถ้าเพื่อนมันไม่ดีแบบนั้นจะไปคบด้วยทำไม นางก็บอกว่าผมจะไปรู้อะไรสังคมผู้หญิงก็แบบนี้แหละ
ใส่กันต่อหน้า อย่ามา
ทำเป็นรู้ดีไปหน่อยเลย นางพูดแบบนี้กับผมจริงๆครับ แล้วนางก็บอกว่าอย่ามาพูดแบบนี้อีกไม่ชอบถ้ามาพูดเรื่องเพื่อนแบบนี้อีก เลิกคุยเลย
.
แล้วรูมเมทที่อยู่ด้วยกัน แฟนผมก็บอกว่าทำตัวแย่มาก ดึกๆเปิดไฟไม่สนใจคนอื่นที่นอนอยู่เลย ไปอาบน้ำ ไปทำเสียงดังไม่สนใจคนอื่น หรือแม้กระทั่งปิดพัดลมเพราะตัวเองหนาว แต่ไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะร้อนไหม แล้วก็มีเรื่องยืมเงินไปอีกก็กว่าจะได้คืนก็นานมากๆ
.
ผมก็บอกกับแฟนผมไปว่างั้นก็ย้ายไปหาที่อื่นสิจะทนอยู่ทำไมกับคนไม่ดีแบบนี้ นางก็ขึ้นอีกว่าจะมาว่าเพื่อนฉันทำไมถึงมันจะไม่ดีแต่มันก็เพื่อนฉัน
.
แต่กับผมที่ทำงานให้ ช่วยเหลือทุกอย่าง ได้เงินมาเพราะแฟนผมง้อไม่เป็นไม่อยากแคร์ใจเลยให้เงินมา กลับบอกว่าผมไม่ดีที่หวังแต่เงินของแฟนผม ผมก็บอกไม่เอาเงินก็ได้ป่ะ ไม่ต้องเอามาให้ขอแค่ใส่ใจแคร์ใจกันก็พอ (เพราะทุกครั้งที่ทะเลาะกันแฟนผมจะบอกว่าเหนื่อยอ่ะงั้นโอนเงินให้แล้วจบไม่ต้องมางอนได้ป่ะ)
.
แล้วทุกครั้งที่ทะเลาะกันเพราะเรื่องไม่ยอมแคร์ใจ พอผมพูดว่าทีกับเพื่อนทำไมเกรงใจใส่ใจจังเลย นางก็ขึ้นแล้วบอกว่าพอๆ เลิกคุย จบไม่ต้องมาคุยกันอีกแล้ว แล้วก็ตัดสายทิ้งผมไปเลย
.
มันเลยกลายเป็นบทเรียนที่สำคัญ สำหรับผมเลยว่าการที่เราทุ่มเทจนใครสักคนหนึ่งได้ดี มีเงินมีทองมากมายแต่เขากลับไม่แคร์ใจเรามากขนาดนี้ ขนาดร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ยังเปลี่ยนไปได้แบบหน้ามือเป็นหลังเท้าแบบนี้เลยหรอ ทำให้ผมเข้าใจละว่าไม่ควรทุ่มเทเงินทอง พลังกายพลังใจให้ใครเต็มที่จนไม่เหลือให้กับตัวเอง
.
ควรที่จะพัฒนาตัวเองให้ดีก่อนใครเสมอ และค่อยไปซับพอร์ตก็พอไม่ต้องดันจนเขาไปอยู่จุดสูงสุด เพราะเมื่อไรที่เขาไปถึงจุดนั้นแล้วเขายังอยู่ใต้เขา เขาจะมองเราเป็นแค่เบี้ยตัวหนึ่งที่ไม่จำเป็นต้องแคร์จะเขี่ยทิ้ง จะทำอย่างไรก็ได้
.
อยากให้ทุกคนที่อ่านกระทู้นี้รักตัวเองให้มากๆนะครับ อย่าหลงรักใครจนทุ่มเทให้เขาสุดตัวจนตัวเองไม่เหลืออะไร
.
อ๋อ สุดท้ายผมก็เลิกกับผญคนั้นแล้วนะครับ ไม่ทนอยู่กับผญที่ Toxic แบบนี้แล้วละ
.
(ผญที่มองตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลแล้วคิดว่าตัวเองปังมากแม่ มีเงินมากมายจะทำอะไรกับผชก็ได้ No สน No แคร์ ไม่มีทางเจอรักแท้ได้หรอกครับ)
.
(ไม่ว่าจะผญหรือผชก็ไม่ควรมีความคิดและการกระทำแบบนี้ทั้งนั้น)
แต่พอผมได้ลองกลับมาศึกษามามองดูตัวเองก็ได้รับรู้ว่าจริง ๆ แล้วต้นเหตุอาจจะมาจากผมเองที่อ่อนแอ ยอมให้ผญมากระทำ เพราะผญไม่อยากอยู่กับผชที่ตามใจแบบ ครับไปซ้ายครับ ไปขวาครับ อะไรก็ตามใจผญไปหมด ผญเบื่อผชแบบนี้ครับ
.
ผชอย่างเราๆต้องพัฒนาตัวเองให้เหนือกว่าผญตลอดเวลา เพราะผญจะยอมรับผชที่เหนือกว่าตนเองเสมอ เมื่อไรก็ตามที่ผญเหนือกว่าผชปุ๊บเขาจะไม่มองผชคนนั้นเป็นผช แต่จะผชเป็นแค่คนๆหนึ่งที่ไม่ได้มีเสน่ห์ไม่ได้น่าคบด้วย จึงไม่จำเป็นที่จะต้องแคร์ใจ หรือใส่ใจอะไรมากมาย มันคือธรรมชาติของผญ ซึ่งผมก็เพิ่งมาเข้าใจไม่นานนี้เอง
.
มันเป็นสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะสิ่งมีชีวิตแบบไหน ตัวเมียก็อยากอยู่กับตัวผู้ที่แข็งแกร่งกว่าตนเองเสมอ น้อยมากที่ผญจะอยากอยู่กับผชที่อ่อนแอกว่าตนเอง ผญอาจจะไม่รู้ตัวและไม่ค่อยยอมรับกันว่ามันคือเรื่องจริง
.
ลองดูง่ายๆ ผชที่รวยกว่าแล้วคบกับผญที่จนกว่า กับ ผญที่รวยกว่าแล้วคบกับผชที่จนกว่า แบบไหนเจอได้เยอะกว่ากัน แทบจะไม่ต้องไปทำวิจัยที่ไหนเลยครับคำตอบคือ ผชที่รวยกว่าแล้วคบกับผญที่จนกว่ามีเยอะกว่าแน่นอน เพราะผญแทบจะไม่อยากอยู่กับผชที่จนเพราะมองเป็นภาระ
.
แต่กลับกันผชส่วนใหญ่ไม่ได้มองที่ฐานะมากมายแบบที่ผญมองกัน ไม่ได้มองความมั่นคงมากขนาดที่ผญมองเลย ขอแค่มีความเป็นผญที่อ่อนหวาน เข้าอกเข้าใจกัน ไม่เป็นภาระก็พอ (ไม่จำเป็นต้องมีเงินมากมายแค่ไม่สร้างหนี้ให้กันก็พอ) แต่ผญบางคนมองว่าถ้าคบกับผชต้องทำให้ฐานะตัวเองดีขึ้นไปอีกระดับให้ได้ ไม่ใช่จะมาคบแล้วมาหารกัน มาช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่จะต้องมายกระดับชีวิตของตัวเองถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องคบกัน
.
อย่างที่ผมเจอแม้ว่าแต่ก่อนผมจะมีฐานะการเงินที่มากกว่า เช่น ดูแลค่าใช้จ่ายแทบทั้งหมด ค่าน้ำค่าไฟค่าห้อง ค่าเดินทาง ค่ากินส่วนใหญ่ เพื่อให้เขาเก็บเงินไม่ต้องใช้จ่ายเพื่อเอาไปทำวีซ่าทำเรื่องไปต่างประเทศ แต่พอแฟนผมได้ไปปุ๊บทุกอย่างมันกลับกัน อดีตแฟนผมมีฐานะการเงินที่มากกว่าผมก็เริ่มไม่แคร์ใจ มองผมไม่เหมือนเดิมไม่ใช่ผชที่พึ่งพาได้อีกแล้ว เคยมีคำพูดของเขาพูดว่าแล้วเธอมีเงินมากพอจะให้ฉันมากกว่าที่ฉันหาได้ไหมละ ตอนนั้นผมงงกับตรรกะของนางเลยว่า อ้าวก็ฉันทุ่มเทให้เธอไปจนหมดแล้วไง ทำให้เธอได้ถึงฝันได้มีอนาคตที่ดี แล้วมาพูดแบบนี้กับฉันได้ไง ตอนนั้นคือ งง มาก
.
แต่ตอนนี้ผมเข้าใจละว่าเพราะผมมันอ่อนแอเอง แฟนเก่าผมเลยกระทำแบบนั้นใส่ผมเอง
เราควรทุ่มเทให้แฟนเราได้มีอนาคตที่ดีหรือเปล่า ?
.
พอเขาได้ไปอยู่ในสังคมใหม่ ๆ เริ่มมีเงินมากขึ้นเขาก็ใช้เงินแบบเยอะมากทั้งที่ตอนอยู่กับผมที่ประเทศไทยแค่กินอาหารตามตลาดนัด 100 บาท (ซื้อหลายอย่างนะครับ) ยังบ่นจะเป็นจะตาย แต่พอไปต่างประเทศมีซื้อรองเท้า ซื้อเสื้อผ้า แบรนด์เนมใส่ชิว ๆ
.
แต่ประเด็นคือกลับพูดกับผมว่าผมไม่คู่ควรกับเขา เพราะไม่ยอมพัฒนาไม่ยอมหาเงินมาเพื่อที่จะได้มาอยู่ต่างประเทศแบบเขาบ้าง (ซึ่งการที่เขาได้ไปต่างประเทศเพราะพ่อแม่เขามีเงินเก็บเป็นล้าน พี่เขาทำงานเป็นพยาบาลระดับหัวหน้าเงินเดือน 6 หมื่นกว่า ๆ ก็มีเงินทำเรื่องอยู่แล้ว แต่กับผมที่ตัวคนเดียวจะไปเอาเงินจากไหนเยอะแยะมาดำเนินเรื่องไปกันละ) เขาก็บอกกับผมว่าก็มันไม่พยายามเอง ก็ไปกู้ขอเงินพ่อแม่ ให้พ่อแม่กู้เงินมาเพื่อดำเนินเรื่องสิ ผมก็บอกว่าบ้าไปหรือเปล่าจะให้พ่อแม่ไปเป็นหนี้หรอ กว่าเขาจะส่งเรียนจบ ป.ตรีได้ก็ยากเย็น ยังจะให้เขามาช่วยมาเป็นภาระเขาอีกหรอ
.
ผมก็เลยบอกว่าขอเก็บเงินเองดีกว่า แต่แฟนผมก็มาบอกอีก กว่าจะเก็บเงินได้อีกกี่ปีละจะได้มา เธอนี้ดูไม่มีอนาคตเลยเนอะ ไม่คิดจะอยากมาที่ดีดีบ้างเลย ผมก็ได้แต่คิดในใจนะก็พ่อแม่ไม่ได้รวยแบบบ้านเธอไหม (บ้านเขาทำเกษตรมีเงินหลายล้านเลย ซื้อรถ ซื้อบ้านเป็นว่าเล่น เงินสดด้วยนะ) แต่แฟนผมก็ยังบอกว่าบ้านตัวเองจนไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้นหรอก
.
พอห่างกันแบบนี้ประมาณ 1 ปี แฟนผมก็เริ่มทำตัวห่าง ไม่ค่อยคุย อารมณ์เสียง่าย พูดอะไรไม่ถูกใจปุ๊บเอาแต่บอกว่าไม่ต้องคุยกันละนะ แล้วก็วางสายไปเลย หายไปทั้งวันทั้งคืน จากคนที่ไม่ค่อยชอบไปเที่ยวก็ออกไปเที่ยวทุกวันหยุด จากคนที่บอกว่าไม่ชอบเข้าผับก็ไปเที่ยวผับกลับ ตี 4 ตี 5 ตลอด จากคนที่เดินห้างกับผมแล้วบ่นว่าเหนื่อยปวดขา แต่ไปเดินเที่ยวป่ากับเพื่อนที่นั้นแดดร้อน ๆ บอกชอบมากสบายมาก
.
ผมก็ได้ลองถามว่าเป็นเพราะอะไร เขาก็ตอบมาคำเดียวเลย ฉันเบื่อเธออ่ะ เบื่อที่จะต้องมีแฟนแต่ต้องอยู่ตัวคนเดียวแบบนี้เหมือนตัวคนเดียวไม่มีใครเลย แล้วก็มาบอกเลิกผมด้วยเหตุผลว่าสงสัยเราจะไปกันไม่ได้ เราคงเข้ากันไม่ได้หรอก แล้วก็คือชอบงอน ชอบทำเหมือนกับว่าจะมาตอนไหนก็มาจะไปตอนไหนก็ได้ ไม่แคร์ เช่น เลิกงานก็ไม่บอกไม่กล่าวอะไร นั่งรถไฟกลับก็ไม่ทักแชท บางครั้งมีอ่านแต่ก็ไม่ตอบ นู่นละครับค่อยมาตอบอีกทีตอนใกล้จะนอน ซึ่งมันเป็นเวลาที่ผมเพิ่งเลิกงานพอดีคือ 1 ทุ่มที่ประเทศไทย แล้วนางก็มาบอกผมว่าไม่รอละนะ ขอนอนก่อนละ แต่ต้องให้ผมรอมาปลุกนางไปทำงานตอนเที่ยงคืนของประเทศไทยเป็นแบบนี้มา 1 ปีกว่า ถ้าวันไหนไม่ทำให้ก็จะไปทำงานสายโดนหักเงินบ้างละ ต้องทำล่วงเวลาบ้างละ บางวันปลุกช้าผมก็โดนด่าอีกว่า มัวทำห่าอะไรไม่ยอมปลุกเห็นไหมตื่นสายเลย (ซึ่งบางวันผมก็เพลียเผลอหลับไป)
.
แล้วด้วยที่นางไปวีซ่านักเรียนก็ต้องมีการเรียน มีการบ้านผมก็เป็นคนที่ทำการบ้านให้นางตลอด สอบทีไรก็ทำข้อสอบให้จนผ่านมาตลอด หรือแม้กระทั่งเอกสารผมก็ช่วยทำตั้งแต่ดำเนินเรื่อง จนปัจจุบันพวกเอกสารเกี่ยวกับงาน เงินเดือนผมก็ทำให้
.
พอผมไม่สบายใจอะไรหรือน้อยใจที่นางไม่ค่อยแคร์ใจผม นางก็จะเอาแต่บอกว่าง้อใครไม่เป็นอ่ะ เอาเงินไปแทนละกัน ผมก็บอกว่าไม่เงินได้ป่ะ แค่ใส่ใจกันดูแลใจกันดีดีมันจะตายเลยหรือไง นางก็บอกว่าขี้เกียจอ่ะเหนื่อย แค่ทำงานมาก็เหนื่อยละยังจะต้องมาใส่ใจอะไรอีก
.
พอมันหลายๆครั้งเข้า ผมก็เออรับเงินก็ได้ อย่างน้อยเอาเงินมาไปหาความสุขเอาเองก็ได้ไม่ต้องมาใส่ใจก็ได้ (เริ่มจะเห็นแก่ตัวเองบ้างละ) แต่พอมันมีหลายครั้งเข้าก็ไม่ไหว ก็ไม่อยากได้เงินแล้วอยากได้การแคร์ใจใส่ใจมากกว่าเงิน ก็เลยบอกว่าพอละไม่เอาเงินเปลี่ยนเป็นการใส่ใจดูแลใจกันบ้างดิ ไม่ใช่เอาเงินมาแก้ปัญหาแบบนี้ตลอดได้ป่ะ
.
นางก็บอกว่าแล้วไง ทำไมจะต้องแคร์ใจด้วยเหนื่อยนะโว๊ย งั้นก็ไม่ต้องเอาห่าอะไรอีกละ นางก็โมโหด่า (ด่าแบบขอพูดคำหยาบนะครับ อี พ่อตาย กูเหนื่อยนะโว๊ยทำงานหาเงินยังจะต้องมาใส่ใจอะไรอีก ทำไมกูจะต้องมานั่งรอด้วย ทำไมกูจะต้องมาแคร์ใจ ผมก็ตอบกลับไปว่าอ้าว แล้วนี้ฉันไม่เหนื่อยไงทำงานฉันก็ต้องทำ ไม่ใช่ฉันอยู่เฉยๆไปวันๆ สักหน่อย เลิกงานมาก็ต้องมาทำงานให้เธอ มารอปลุกเธอ ต้องนอนดึกๆดื่นๆ เพื่อปลุกเธออยู่กับเธอทำให้ขนาดนี้ยังไม่พออีกหรอ)
.
แล้วที่สำคัญคือ เรื่องเงินเพื่อนนาง รุ่นพี่นางขอยืมเงินไปแล้วเบี้ยวไม่คืน ก็ใจดี ครั้งแรกไม่เท่าไร ครั้งที่สอง สาม สี่ ห้า ก็ยังให้ยืม ผมเลยบอกว่าอ้าวทำไมใจดีกับเพื่อนขนาดนั้น ทั้งๆที่เขาทำร้ายเธอขนาดนี้ แต่กับผมที่ทำดีให้ตลอดช่วยเหลือตลอดกลับไม่แคร์ใจผมบ้างเลย (นางก็ด่าเพื่อนนะว่าไม่ดี) นางขึ้นเลยบอกว่าผมจะไปรู้อะไร ทำไมจะต้องมาด่าเพื่อนของนางแค่ยืมเงินแล้วไม่คืน ทำไมจะต้องไปด่าเพื่อนของนางด้วยว่าไม่ดี แล้วก็โกรธผมมากๆ ผมก็งงสิ
.
ผมก็บอกว่าถ้าเพื่อนมันไม่ดีแบบนั้นจะไปคบด้วยทำไม นางก็บอกว่าผมจะไปรู้อะไรสังคมผู้หญิงก็แบบนี้แหละ ใส่กันต่อหน้า อย่ามาทำเป็นรู้ดีไปหน่อยเลย นางพูดแบบนี้กับผมจริงๆครับ แล้วนางก็บอกว่าอย่ามาพูดแบบนี้อีกไม่ชอบถ้ามาพูดเรื่องเพื่อนแบบนี้อีก เลิกคุยเลย
.
แล้วรูมเมทที่อยู่ด้วยกัน แฟนผมก็บอกว่าทำตัวแย่มาก ดึกๆเปิดไฟไม่สนใจคนอื่นที่นอนอยู่เลย ไปอาบน้ำ ไปทำเสียงดังไม่สนใจคนอื่น หรือแม้กระทั่งปิดพัดลมเพราะตัวเองหนาว แต่ไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะร้อนไหม แล้วก็มีเรื่องยืมเงินไปอีกก็กว่าจะได้คืนก็นานมากๆ
.
ผมก็บอกกับแฟนผมไปว่างั้นก็ย้ายไปหาที่อื่นสิจะทนอยู่ทำไมกับคนไม่ดีแบบนี้ นางก็ขึ้นอีกว่าจะมาว่าเพื่อนฉันทำไมถึงมันจะไม่ดีแต่มันก็เพื่อนฉัน
.
แต่กับผมที่ทำงานให้ ช่วยเหลือทุกอย่าง ได้เงินมาเพราะแฟนผมง้อไม่เป็นไม่อยากแคร์ใจเลยให้เงินมา กลับบอกว่าผมไม่ดีที่หวังแต่เงินของแฟนผม ผมก็บอกไม่เอาเงินก็ได้ป่ะ ไม่ต้องเอามาให้ขอแค่ใส่ใจแคร์ใจกันก็พอ (เพราะทุกครั้งที่ทะเลาะกันแฟนผมจะบอกว่าเหนื่อยอ่ะงั้นโอนเงินให้แล้วจบไม่ต้องมางอนได้ป่ะ)
.
แล้วทุกครั้งที่ทะเลาะกันเพราะเรื่องไม่ยอมแคร์ใจ พอผมพูดว่าทีกับเพื่อนทำไมเกรงใจใส่ใจจังเลย นางก็ขึ้นแล้วบอกว่าพอๆ เลิกคุย จบไม่ต้องมาคุยกันอีกแล้ว แล้วก็ตัดสายทิ้งผมไปเลย
.
มันเลยกลายเป็นบทเรียนที่สำคัญ สำหรับผมเลยว่าการที่เราทุ่มเทจนใครสักคนหนึ่งได้ดี มีเงินมีทองมากมายแต่เขากลับไม่แคร์ใจเรามากขนาดนี้ ขนาดร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ยังเปลี่ยนไปได้แบบหน้ามือเป็นหลังเท้าแบบนี้เลยหรอ ทำให้ผมเข้าใจละว่าไม่ควรทุ่มเทเงินทอง พลังกายพลังใจให้ใครเต็มที่จนไม่เหลือให้กับตัวเอง
.
ควรที่จะพัฒนาตัวเองให้ดีก่อนใครเสมอ และค่อยไปซับพอร์ตก็พอไม่ต้องดันจนเขาไปอยู่จุดสูงสุด เพราะเมื่อไรที่เขาไปถึงจุดนั้นแล้วเขายังอยู่ใต้เขา เขาจะมองเราเป็นแค่เบี้ยตัวหนึ่งที่ไม่จำเป็นต้องแคร์จะเขี่ยทิ้ง จะทำอย่างไรก็ได้
.
อยากให้ทุกคนที่อ่านกระทู้นี้รักตัวเองให้มากๆนะครับ อย่าหลงรักใครจนทุ่มเทให้เขาสุดตัวจนตัวเองไม่เหลืออะไร
.
อ๋อ สุดท้ายผมก็เลิกกับผญคนั้นแล้วนะครับ ไม่ทนอยู่กับผญที่ Toxic แบบนี้แล้วละ
.
(ผญที่มองตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลแล้วคิดว่าตัวเองปังมากแม่ มีเงินมากมายจะทำอะไรกับผชก็ได้ No สน No แคร์ ไม่มีทางเจอรักแท้ได้หรอกครับ)
.
(ไม่ว่าจะผญหรือผชก็ไม่ควรมีความคิดและการกระทำแบบนี้ทั้งนั้น)
แต่พอผมได้ลองกลับมาศึกษามามองดูตัวเองก็ได้รับรู้ว่าจริง ๆ แล้วต้นเหตุอาจจะมาจากผมเองที่อ่อนแอ ยอมให้ผญมากระทำ เพราะผญไม่อยากอยู่กับผชที่ตามใจแบบ ครับไปซ้ายครับ ไปขวาครับ อะไรก็ตามใจผญไปหมด ผญเบื่อผชแบบนี้ครับ
.
ผชอย่างเราๆต้องพัฒนาตัวเองให้เหนือกว่าผญตลอดเวลา เพราะผญจะยอมรับผชที่เหนือกว่าตนเองเสมอ เมื่อไรก็ตามที่ผญเหนือกว่าผชปุ๊บเขาจะไม่มองผชคนนั้นเป็นผช แต่จะผชเป็นแค่คนๆหนึ่งที่ไม่ได้มีเสน่ห์ไม่ได้น่าคบด้วย จึงไม่จำเป็นที่จะต้องแคร์ใจ หรือใส่ใจอะไรมากมาย มันคือธรรมชาติของผญ ซึ่งผมก็เพิ่งมาเข้าใจไม่นานนี้เอง
.
มันเป็นสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะสิ่งมีชีวิตแบบไหน ตัวเมียก็อยากอยู่กับตัวผู้ที่แข็งแกร่งกว่าตนเองเสมอ น้อยมากที่ผญจะอยากอยู่กับผชที่อ่อนแอกว่าตนเอง ผญอาจจะไม่รู้ตัวและไม่ค่อยยอมรับกันว่ามันคือเรื่องจริง
.
ลองดูง่ายๆ ผชที่รวยกว่าแล้วคบกับผญที่จนกว่า กับ ผญที่รวยกว่าแล้วคบกับผชที่จนกว่า แบบไหนเจอได้เยอะกว่ากัน แทบจะไม่ต้องไปทำวิจัยที่ไหนเลยครับคำตอบคือ ผชที่รวยกว่าแล้วคบกับผญที่จนกว่ามีเยอะกว่าแน่นอน เพราะผญแทบจะไม่อยากอยู่กับผชที่จนเพราะมองเป็นภาระ
.
แต่กลับกันผชส่วนใหญ่ไม่ได้มองที่ฐานะมากมายแบบที่ผญมองกัน ไม่ได้มองความมั่นคงมากขนาดที่ผญมองเลย ขอแค่มีความเป็นผญที่อ่อนหวาน เข้าอกเข้าใจกัน ไม่เป็นภาระก็พอ (ไม่จำเป็นต้องมีเงินมากมายแค่ไม่สร้างหนี้ให้กันก็พอ) แต่ผญบางคนมองว่าถ้าคบกับผชต้องทำให้ฐานะตัวเองดีขึ้นไปอีกระดับให้ได้ ไม่ใช่จะมาคบแล้วมาหารกัน มาช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่จะต้องมายกระดับชีวิตของตัวเองถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องคบกัน
.
อย่างที่ผมเจอแม้ว่าแต่ก่อนผมจะมีฐานะการเงินที่มากกว่า เช่น ดูแลค่าใช้จ่ายแทบทั้งหมด ค่าน้ำค่าไฟค่าห้อง ค่าเดินทาง ค่ากินส่วนใหญ่ เพื่อให้เขาเก็บเงินไม่ต้องใช้จ่ายเพื่อเอาไปทำวีซ่าทำเรื่องไปต่างประเทศ แต่พอแฟนผมได้ไปปุ๊บทุกอย่างมันกลับกัน อดีตแฟนผมมีฐานะการเงินที่มากกว่าผมก็เริ่มไม่แคร์ใจ มองผมไม่เหมือนเดิมไม่ใช่ผชที่พึ่งพาได้อีกแล้ว เคยมีคำพูดของเขาพูดว่าแล้วเธอมีเงินมากพอจะให้ฉันมากกว่าที่ฉันหาได้ไหมละ ตอนนั้นผมงงกับตรรกะของนางเลยว่า อ้าวก็ฉันทุ่มเทให้เธอไปจนหมดแล้วไง ทำให้เธอได้ถึงฝันได้มีอนาคตที่ดี แล้วมาพูดแบบนี้กับฉันได้ไง ตอนนั้นคือ งง มาก
.
แต่ตอนนี้ผมเข้าใจละว่าเพราะผมมันอ่อนแอเอง แฟนเก่าผมเลยกระทำแบบนั้นใส่ผมเอง