สวัสดีค่ะ ปัจจุบันเรากินไม่ได้ นอนไม่หลับมาจะ 1 สัปดาห์แล้ว เราอยากระบายกับเพื่อนๆพี่ๆ ในพันทิปมาก็เลย ....
เรากับเค้าคบกันมา 6 ปี ผ่านทุกข์ผ่านอุปสรรคมาด้วยกันก็มาก คบกันตั้งแต่เรียนอยู่มัธยมปลาย มีช่วงที่ได้ไปอยู่บ้านพ่อแม่เค้านานสุดก็ครึ่งปี แต่ก่อนหน้าก็ได้แวะเวียนไปหาไปนอนตลอดค่ะ ส่วนเค้าก็เคยมาอยู่บ้านเราเกือบปี ตอนคบกันช่วง 3 ปีแรก เคยจับได้ว่าเขามีคนอื่น จึงได้เลิกรากันไป แต่ก็ยังมีช่องทางติดต่อกัน เขาได้ไปใช้ชีวิตอิสระของเขา ส่วนเราทำใจไม่เคยจะได้เลย แต่เราก็คุยกันทุกวัน จนเขากับเรากลับมาคบกันอีก หลังจากกลับมาคบกัน เราได้อยู่ด้วยกันที่บ้านพ่อแม่เขา จนเราต้องย้ายมาอยู่นครปฐม กลับมาเรียนเปิดเทอม เรากับเขาก็ตกลงกันว่าจะมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน มาสร้างตัวต่อไปด้วยกัน มาที่นี่ แรกๆ เขาเครียด ไม่ออกไปไหน เพราะเขากลัวว่าจะทำงานนานไม่ได้ เราเป็นห่วงเขามาก จึงตั้งใจเรียนและทำงานควบคู่ไปด้วย ไม่ยอมให้เขาอด เขาอยากกินอยากได้อะไรที่เราทำให้ได้ เราจะทำให้ทันที อยากให้ทำอะไรให้เราจะรีบทำให้ถ้าเราทำได้ ด้วยเพราะเขาไม่กล้าทำอะไรเพราะเขาเป็นโรคซึมเศร้า เขากังวลตลอดเวลา เราทุกข์ใจมาก แต่เราก็มีข่วงเวลาที่มีความสุขมากเช่นกันค่ะ เขาทำอาหารรอเรากลับจากเรียน กลับจากที่ทำงานทุกวัน เราคุยถึงสิ่งที่เราอยากมีในอนาคตด้วยกัน บอกรักกันเสมอเลย จนเขาได้ทำงานที่แรก แล้วเขาต้องออก เพราะเราทะเลาะกันค่ะ เขาจึงต้องหางานที่ใหม่ แต่ครั้งนี้เขาทำ 2 ที่ควบคู่กัน เพราะเขาอยากส่งเงินให้แม่ และอยากให้หนูออกจากงานมาเรียนอย่างเดียว เขาจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง เขาดูเหนื่อยล้ามาก เราทำได้เพียงอำนวยความสะดวกเรื่องของกิน ของใช้ และให้กำลังใจเขาในทุกๆวันค่ะ แต่ก็ทำได้ไม่นาน เราก็ทะเลาะกัน เนื่องจากเขาไม่ให้เราอ่านหนังสือหรือเรียนในห้อง เขาอยากนอนเงียบๆคนเดียว เราก็เถียงไปว่าเราอยู่ตรงมุมของเราเงียบๆ ไม่ได้รบกวนอะไรเลย แต่เขาหงุดหงิดอาจเพราะนอนน้อย และใช้คำพูดที่ต่างคนต่างทำร้ายจิตใจกัน ทำให้เขาหนีออกไปจากห้อง แต่อีกวันเราก็เจอเขา เพราะพี่ที่ทำงานช่วยพาเขากลับมา และคุยทำความเข้าใจกันค่ะ ส่วนเขาก็กลับไปทำงานต่อค่ะ ต่อมา เขาล้า จนตื่นไปทำงานที่แรกไม่ไหว เราก็ไม่ได้อยู่ปลุกเขาทุกวัน (เขาต้องให้เราช่วยปลุกค่ะ เสียงนาฬิกาปลุกทำให้เขาไม่ตื่น) เขาจึงต้องลาออกจากที่แรก เขาซึมไปเลยค่ะ เราก็รู้สึกผิดและเศร้ามาก ว่าทำไมเราไม่ขอเข้างานช้า เพื่อที่จะได้ปลุกเขากันนะ ผ่านไป 2-3 วัน เราก็รู้ว่า เขาได้คุยกับน้องผู้หญิงคนที่ทำงานด้วยกัน แต่คนละกะ (รายละเอียดคงไม่ลงลึกมากนะคะ) เราก็โมโหและน้อยใจมาก ส่วนเขาก็บอกว่าไม่มีอะไร แค่อยากมีเพื่อนคุย เราก็ถามเขาว่า พี่ๆที่สนิทที่ทำงานทำไมไม่ปรึกษาไม่คุยกับเขา ทำไมต้องเป็นน้องคนนี้ ที่คุยแล้วลบแชททิ้ง ถ้าไม่มีอะไร คุณจะลบทำไม เราจึงทักไปถามน้องเขา แล้วได้แชทมาทั้งหมด เราจึงน้อยใจค่ะ แต่ก็จบที่เขาไปลาออกกับทางที่ทำงาน และเราก็กลับมาทะเลาะกันหนักมาก อีกวันเขารีบหนีไปโดยเราสืบได้ว่าจะไปทำงานที่เดิมที่เขาเคยทำที่ต่างจังหวัด เราจึงคุยกับทางเจ้านายเขาว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้านายเก่าเขาเลยส่งเขากลับมา แล้วเราก็ทะเลาะกันอีก จนเจ้าของหอให้เรา 2 คนย้ายออก ต้องรีบหาหอใหม่ค่ะ จนได้หอๆนึง แล้วเราก็รีบสมัครงานที่ใหม่ที่ใกล้หอนี้ ส่วนเขาก็เครียด ไม่อยากทำอะไรในช่วงนี้ เราก็เครียดมากค่ะ ต้องเรียนต้องรีบรอเขาอนุมัติเข้าทำงาน ระหว่างว่างงานกัน ก็มีช่วงเวลาที่มีความสุขกัน บอกรักกัน ทำกับข้าว ทำกิจกรรมร่วมกัน ไปเที่ยวด้วยกัน เราชอบคุยกันว่าจะออกรถคันนี้นะ อยากทำงานนี้ด้วยกัน อยากมีธุรกิจด้วยกัน อยากสร้างตัวกัน ถ้ามีรถจะได้ไปขับเที่ยวทั่วประเทศกัน ซึ่งเป็นความฝันของเขาและเราที่อยากมีร่วมกัน เราอยากมีรถด้วยกันมาก แต่ช่วงเวลาทุกข์ก็มีค่ะ เราจะรู้สึกผิดตลอดเวลา เราจะนึกตลอดเวลาว่า เราทำให้เขาต้องออกจากงาน และอยู่แต่ในห้อง เราแอบร้องไห้คนเดียวตลอดเลย หลังจากนั้น เขาก็สมัครงานที่เดียวกับเรา จนถึงเวลาที่เขาเรียกไปทำงานทั้งคู่ ช่วงแรกเราทำงานด้วยกันแบบราบรื่น แต่หลังๆ ด้วยความใกล้ชิด เราคงแสดงความรำคาญกับเขาบ้างเวลาทำงาน และเตือนเขาด้วยความเป็นห่วงเขาตลอด เพราะไม่อยากให้ทำงานช้า เพราะทุกคนที่ทำงานเขาสังเกตแฟนเราตลอดเวลา ผู้จัดการและคนที่ทำงานคุยกับเราว่า ช่วงคุยกับเขาให้ได้ไหม ว่าให้กระตือรือร้นมากกว่านี้ เราก็โอเค ยิ่งเป็นห่วงแฟนมากกว่าเดิม เราจึงกลับไปคุยกัน อีกวันเขามีเรื่องเครียด เขาไปทำงานปกติ แต่อยู่ๆเขาก็เดินออกจากที่ทำงาน ทุกคนงงมาก แล้วหลังจากนนเขากลับมา เขาก็โดนผู้จัดการดุ เราก็เครียดแทน เพราะกลัวว่าเขาจะไม่ไหว ไม่กี่วันผ่านไป เราก็เห็นเขามีเพื่อนในไลน์เพิ่ม เราก็ถามเขาว่า ใครเหรอ เห็นเป็นเพื่อนในไลน์ (เราถามแบบใช้น้ำเสียงดี และไม่ได้คิดอะไรค่ะ) เขาก็หงุดหงิดทันที และบอกว่ามันเพิ่มมาในไลน์เอง เราก็โอเค แต่เขาก็อารมณ์ไม่ดีเลย จนไปทำงานเขาก็ยังอารมณ์ไม่ดี เราก็ทำงานกันยาก เราน้อยใจจัง อยากให้เรื่องที่เราผิดใจกัน เก็บไว้ที่บ้าน แล้วที่ทำงานอยากทำงานปกติ แต่กลายเป็นว่าเขาหงุดหงิดตลอดเวลา เราเลิกงานก่อน เลยกลับหอก่อน เรามานั่งน้อยใจและคิดมากว่า เขาจะทำงานได้อีกนานไหมนะ จนมาอีกวัน เขาได้ทะเลาะกับผู้จัดการ โดยเขาบอกว่าเป็นเพราะเรา ใช่ เรารู้สึกผิดมาก เราเป็นคนผิดเองมาตลอด อันนี้เรายอมรับ ที่เราแอบร้องไห้เวลาเขานอน เวลาเขาไม่อยู่ น้ำตามันจะไหลออกมาเองทุกครั้ง ว่าผิดที่เราเอง เขาจึงต้องออกจากงานอีกแล้ว หลังจากที่เขาออกจากงานที่นี่ เขาอยากเปิดร้านขายไก่ทอด และข้าว เขาชวนเราไปซื้อของด้วยกัน เราสนับสนุนเขามาก ซื้ออุปกรณ์ และของทุกอย่างให้ เผื่อจะได้สร้างอาชีพอิสระจากตรงนี้ จะได้ไม่ต้องกดดันทำงานตามเวลา และต้องตื่นให้ทันไปทำงาน เราตื่นเต้นกันมากในการเริ่มธุรกิจเล็กๆนี้ เราทำโบรชัวร์เมนูประชาสัมพันธ์เพื่อนๆพี่ๆ เขาก็แนะนำเพื่อนที่เขารู้จัก จนเรามีลูกค้า 2 คนแรก เราดีใจกันมาก แต่ตอนทำครัว ครัวเรามันจะอยู่ในห้องๆเดียวกันกับห้องนอน ทำให้เวลาทำครัว จะเละในระดับหนึ่ง เราก็มีหงุดหงิดบ้างโดยอัตโนมัติ เพราะเราเป็นคนทำความสะอาดเอง บวกกับเรากลับจากทำงานด้วยความเครียดมาก เขาก็สังเกตได้ แต่ผ่านไปแปปเดียว เราก็กลับมาปกติ ไม่ได้มีอะไรเลย เขาก็น่าจะน้อยใจ แต่วันถัดไป เขาก็ออกไปซื้อของในตลาดตั้งแต่เช้า มาทำกับข้าวให้ และทำให้ทุกวันเลยค่ะ เขาน่ารักมาก ส่วนเราเก็บกวาด อาจหงุดหงิดบ้างแบบเงียบๆ แต่เขาทำให้เราขนาดนี้ เราแค่เก็บกวาดแปปเดียวก็เสร็จ หลังจากนั้นเขามีอบรมที่กทม.หลังจากกลับจากอบรมเขาก็จะซื้อกาแฟ หรือชงกาแฟไปให้ที่ทำงานทุกวัน เราเบรกกลับไปกินข้าวฝีมือเขาทุกวัน จนวันที่ 20 ที่ผ่านมา เขานัดกับเราว่าจะพาไปงานที่โบสถ์กันวันเสาร์หลังเรียนอบรมครั้งสุดท้ายกัน เขาบอกเขาจะรีบกลับบ้าน แล้งพาไป วันอาทิตย์เขาก็จะพาเราไปโบสต์ในกทม. เราก็ดีใจมากๆ รอเขาที่บ้านอย่างใจจดใจจ่อ จนเวลาผ่านไป มันค่ำมากแล้ว เขายังไม่กลับมา (ของที่เขาพกไปอบรมมีเพียงเงิน 100 บาทและบัตรประชาชน เขาไม่มีโทรศัพท์) เราได้เพียงรอเขา แต่เขาก็ยังไม่กลับมา เราเริ่มคิดว่า เขาต้องหลงทาง หรือเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ เพราะเขาเพิ่งเข้ากทม.ครั้งแรก เรากลัวมาก อีกวันหลังเลิกงาน เราจึงเริมไปสืบ และสอบถามจากที่เขาฝึกอบรม จนถึงขั้นต้องแจ้งความคนหาย และขออนุญาตดูกล้องวงจรปิดจากทั้งนอกตึกที่เขาอบรม และภายนอก ทราบเพียงเขาเดินออกไปกับผู้หญิงมีอายุคนนึง แต่หลังจากนั้นเราสืบต่อไม่ได้เลย พ่อกับย่าเขาก็ช่วยกันตาม แต่สุดท้าย เราหาเขาไม่เจอเลย เราร้องไห้ทุกวัน เราคอยแต่ตามหาเหตุผลว่า เป็นเพราะเราในทุกๆวัน เราโทษแต่ตัวเราเอง เราไม่โทษใครเลย เราอาจให้เขาได้ไม่มากพอ เราทำให้เขาต้องลาออกจากงาน และไม่ได้ส่งเงินในที่บ้าน และไม่ได้ออกรถในเร็ววัน แต่เราเชื่อว่า เราทุ่มสุดตัวให้เขามากๆมาตลอด เรายอมไม่ซื้อของไม่จำเป็นเพื่อที่พวกเราจะได้ซื้อของกินของใช้ที่จำเป็น และไม่อดกัน อยากกินอะไรเราก็จะได้ซื้อกินกันโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก เรารักเขามาก เรานอนกอดกัน บอกรักกันทุกวัน จนถึงก่อนวันสุดท้ายที่เขาจะหายไป ในตอนเช้าก่อนของวันที่เขาจะไม่กลับมา เราไปส่งเขาขึ้นรถเมล์ไปอบรม เราบอกให้เขาตั้งใจเรียนแล้วรีบกลับมาจะได้ไปเที่ยวกันนะ เขาบอกว่า จะรีบกลับมา .....
เราพยายามหาเหตุผลนึงได้ว่า เขาคงอยากมีชีวิตที่อิสระ โดยไม่อยากมีเราอยู่ข้างๆ เขาจะได้สร้างตัวในรูปแบบของเขา เพราะเราไปเป็นอุปสรรคกับเขา แต่เขาเลือกจะจากเราไปแบบไม่เอาอะไรไปเลย เขาทิ้งทุกอย่างไว้ในห้องของเรา เรานอนจมปลักในห้องเราตลอดเวลา เราได้เพียงแค่รอเวลา และทำตัวเราเองให้มีคุณค่าพอที่เขาจะกลับมา ได้กลับมาเจอเราในวันที่เราพร้อมทั้งคู่ เรายังมีความหวังว่าสักวันเขาจะติดต่อกลับมา จากความผูกพันของพวกเราที่คิดว่ามันไม่จางหายไป เขาจำเบอร์และชื่อเราได้ เราจะรอเขาเสมอค่ะ เราเชื่อในความสัมพันธ์ 6 ปีที่ผ่านมา เราใจสลายมาก ตอนนี้เราอยากได้กำลังใจจากทุกคนมากๆเลยค่ะ เราไม่ได้กินอะไรมาจะ 1 สัปดาห์แล้ว เราอยู่ตัวคนเดียวในห้องแห่งความทรงจำ เราอยากไปต่อแต่ตอนนี้เราไม่ไหวเลย ...ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
#ถ้าตัวเองได้เผลอกดเข้ามาอ่านกระทู้นี้ อยากจะบอกว่า ฉันรออยู่ตรงนี้ที่เดิมเสมอนะ จะรักตลอดไป ตลอดมารักเธอมากขึ้นทุกวัน ไม่เคยน้อยลงเลย P. และขอโทษสำหรับทุกอย่างที่เคยทำผิดพลาดไป ฉันขอโทษนะ ฉันจะตั้งใจเรียน และทำงาน และรอตัวเองกลับมานะ รีบกลับมานะ อยากนอนกอด เดินจูงมือกันทุกวันเหมือนดังเดิม
แฟนเราหายไปจากชีวิตโดยไม่บอกกล่าว อยากได้กำลังใจจังเลยค่ะ
เรากับเค้าคบกันมา 6 ปี ผ่านทุกข์ผ่านอุปสรรคมาด้วยกันก็มาก คบกันตั้งแต่เรียนอยู่มัธยมปลาย มีช่วงที่ได้ไปอยู่บ้านพ่อแม่เค้านานสุดก็ครึ่งปี แต่ก่อนหน้าก็ได้แวะเวียนไปหาไปนอนตลอดค่ะ ส่วนเค้าก็เคยมาอยู่บ้านเราเกือบปี ตอนคบกันช่วง 3 ปีแรก เคยจับได้ว่าเขามีคนอื่น จึงได้เลิกรากันไป แต่ก็ยังมีช่องทางติดต่อกัน เขาได้ไปใช้ชีวิตอิสระของเขา ส่วนเราทำใจไม่เคยจะได้เลย แต่เราก็คุยกันทุกวัน จนเขากับเรากลับมาคบกันอีก หลังจากกลับมาคบกัน เราได้อยู่ด้วยกันที่บ้านพ่อแม่เขา จนเราต้องย้ายมาอยู่นครปฐม กลับมาเรียนเปิดเทอม เรากับเขาก็ตกลงกันว่าจะมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน มาสร้างตัวต่อไปด้วยกัน มาที่นี่ แรกๆ เขาเครียด ไม่ออกไปไหน เพราะเขากลัวว่าจะทำงานนานไม่ได้ เราเป็นห่วงเขามาก จึงตั้งใจเรียนและทำงานควบคู่ไปด้วย ไม่ยอมให้เขาอด เขาอยากกินอยากได้อะไรที่เราทำให้ได้ เราจะทำให้ทันที อยากให้ทำอะไรให้เราจะรีบทำให้ถ้าเราทำได้ ด้วยเพราะเขาไม่กล้าทำอะไรเพราะเขาเป็นโรคซึมเศร้า เขากังวลตลอดเวลา เราทุกข์ใจมาก แต่เราก็มีข่วงเวลาที่มีความสุขมากเช่นกันค่ะ เขาทำอาหารรอเรากลับจากเรียน กลับจากที่ทำงานทุกวัน เราคุยถึงสิ่งที่เราอยากมีในอนาคตด้วยกัน บอกรักกันเสมอเลย จนเขาได้ทำงานที่แรก แล้วเขาต้องออก เพราะเราทะเลาะกันค่ะ เขาจึงต้องหางานที่ใหม่ แต่ครั้งนี้เขาทำ 2 ที่ควบคู่กัน เพราะเขาอยากส่งเงินให้แม่ และอยากให้หนูออกจากงานมาเรียนอย่างเดียว เขาจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง เขาดูเหนื่อยล้ามาก เราทำได้เพียงอำนวยความสะดวกเรื่องของกิน ของใช้ และให้กำลังใจเขาในทุกๆวันค่ะ แต่ก็ทำได้ไม่นาน เราก็ทะเลาะกัน เนื่องจากเขาไม่ให้เราอ่านหนังสือหรือเรียนในห้อง เขาอยากนอนเงียบๆคนเดียว เราก็เถียงไปว่าเราอยู่ตรงมุมของเราเงียบๆ ไม่ได้รบกวนอะไรเลย แต่เขาหงุดหงิดอาจเพราะนอนน้อย และใช้คำพูดที่ต่างคนต่างทำร้ายจิตใจกัน ทำให้เขาหนีออกไปจากห้อง แต่อีกวันเราก็เจอเขา เพราะพี่ที่ทำงานช่วยพาเขากลับมา และคุยทำความเข้าใจกันค่ะ ส่วนเขาก็กลับไปทำงานต่อค่ะ ต่อมา เขาล้า จนตื่นไปทำงานที่แรกไม่ไหว เราก็ไม่ได้อยู่ปลุกเขาทุกวัน (เขาต้องให้เราช่วยปลุกค่ะ เสียงนาฬิกาปลุกทำให้เขาไม่ตื่น) เขาจึงต้องลาออกจากที่แรก เขาซึมไปเลยค่ะ เราก็รู้สึกผิดและเศร้ามาก ว่าทำไมเราไม่ขอเข้างานช้า เพื่อที่จะได้ปลุกเขากันนะ ผ่านไป 2-3 วัน เราก็รู้ว่า เขาได้คุยกับน้องผู้หญิงคนที่ทำงานด้วยกัน แต่คนละกะ (รายละเอียดคงไม่ลงลึกมากนะคะ) เราก็โมโหและน้อยใจมาก ส่วนเขาก็บอกว่าไม่มีอะไร แค่อยากมีเพื่อนคุย เราก็ถามเขาว่า พี่ๆที่สนิทที่ทำงานทำไมไม่ปรึกษาไม่คุยกับเขา ทำไมต้องเป็นน้องคนนี้ ที่คุยแล้วลบแชททิ้ง ถ้าไม่มีอะไร คุณจะลบทำไม เราจึงทักไปถามน้องเขา แล้วได้แชทมาทั้งหมด เราจึงน้อยใจค่ะ แต่ก็จบที่เขาไปลาออกกับทางที่ทำงาน และเราก็กลับมาทะเลาะกันหนักมาก อีกวันเขารีบหนีไปโดยเราสืบได้ว่าจะไปทำงานที่เดิมที่เขาเคยทำที่ต่างจังหวัด เราจึงคุยกับทางเจ้านายเขาว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้านายเก่าเขาเลยส่งเขากลับมา แล้วเราก็ทะเลาะกันอีก จนเจ้าของหอให้เรา 2 คนย้ายออก ต้องรีบหาหอใหม่ค่ะ จนได้หอๆนึง แล้วเราก็รีบสมัครงานที่ใหม่ที่ใกล้หอนี้ ส่วนเขาก็เครียด ไม่อยากทำอะไรในช่วงนี้ เราก็เครียดมากค่ะ ต้องเรียนต้องรีบรอเขาอนุมัติเข้าทำงาน ระหว่างว่างงานกัน ก็มีช่วงเวลาที่มีความสุขกัน บอกรักกัน ทำกับข้าว ทำกิจกรรมร่วมกัน ไปเที่ยวด้วยกัน เราชอบคุยกันว่าจะออกรถคันนี้นะ อยากทำงานนี้ด้วยกัน อยากมีธุรกิจด้วยกัน อยากสร้างตัวกัน ถ้ามีรถจะได้ไปขับเที่ยวทั่วประเทศกัน ซึ่งเป็นความฝันของเขาและเราที่อยากมีร่วมกัน เราอยากมีรถด้วยกันมาก แต่ช่วงเวลาทุกข์ก็มีค่ะ เราจะรู้สึกผิดตลอดเวลา เราจะนึกตลอดเวลาว่า เราทำให้เขาต้องออกจากงาน และอยู่แต่ในห้อง เราแอบร้องไห้คนเดียวตลอดเลย หลังจากนั้น เขาก็สมัครงานที่เดียวกับเรา จนถึงเวลาที่เขาเรียกไปทำงานทั้งคู่ ช่วงแรกเราทำงานด้วยกันแบบราบรื่น แต่หลังๆ ด้วยความใกล้ชิด เราคงแสดงความรำคาญกับเขาบ้างเวลาทำงาน และเตือนเขาด้วยความเป็นห่วงเขาตลอด เพราะไม่อยากให้ทำงานช้า เพราะทุกคนที่ทำงานเขาสังเกตแฟนเราตลอดเวลา ผู้จัดการและคนที่ทำงานคุยกับเราว่า ช่วงคุยกับเขาให้ได้ไหม ว่าให้กระตือรือร้นมากกว่านี้ เราก็โอเค ยิ่งเป็นห่วงแฟนมากกว่าเดิม เราจึงกลับไปคุยกัน อีกวันเขามีเรื่องเครียด เขาไปทำงานปกติ แต่อยู่ๆเขาก็เดินออกจากที่ทำงาน ทุกคนงงมาก แล้วหลังจากนนเขากลับมา เขาก็โดนผู้จัดการดุ เราก็เครียดแทน เพราะกลัวว่าเขาจะไม่ไหว ไม่กี่วันผ่านไป เราก็เห็นเขามีเพื่อนในไลน์เพิ่ม เราก็ถามเขาว่า ใครเหรอ เห็นเป็นเพื่อนในไลน์ (เราถามแบบใช้น้ำเสียงดี และไม่ได้คิดอะไรค่ะ) เขาก็หงุดหงิดทันที และบอกว่ามันเพิ่มมาในไลน์เอง เราก็โอเค แต่เขาก็อารมณ์ไม่ดีเลย จนไปทำงานเขาก็ยังอารมณ์ไม่ดี เราก็ทำงานกันยาก เราน้อยใจจัง อยากให้เรื่องที่เราผิดใจกัน เก็บไว้ที่บ้าน แล้วที่ทำงานอยากทำงานปกติ แต่กลายเป็นว่าเขาหงุดหงิดตลอดเวลา เราเลิกงานก่อน เลยกลับหอก่อน เรามานั่งน้อยใจและคิดมากว่า เขาจะทำงานได้อีกนานไหมนะ จนมาอีกวัน เขาได้ทะเลาะกับผู้จัดการ โดยเขาบอกว่าเป็นเพราะเรา ใช่ เรารู้สึกผิดมาก เราเป็นคนผิดเองมาตลอด อันนี้เรายอมรับ ที่เราแอบร้องไห้เวลาเขานอน เวลาเขาไม่อยู่ น้ำตามันจะไหลออกมาเองทุกครั้ง ว่าผิดที่เราเอง เขาจึงต้องออกจากงานอีกแล้ว หลังจากที่เขาออกจากงานที่นี่ เขาอยากเปิดร้านขายไก่ทอด และข้าว เขาชวนเราไปซื้อของด้วยกัน เราสนับสนุนเขามาก ซื้ออุปกรณ์ และของทุกอย่างให้ เผื่อจะได้สร้างอาชีพอิสระจากตรงนี้ จะได้ไม่ต้องกดดันทำงานตามเวลา และต้องตื่นให้ทันไปทำงาน เราตื่นเต้นกันมากในการเริ่มธุรกิจเล็กๆนี้ เราทำโบรชัวร์เมนูประชาสัมพันธ์เพื่อนๆพี่ๆ เขาก็แนะนำเพื่อนที่เขารู้จัก จนเรามีลูกค้า 2 คนแรก เราดีใจกันมาก แต่ตอนทำครัว ครัวเรามันจะอยู่ในห้องๆเดียวกันกับห้องนอน ทำให้เวลาทำครัว จะเละในระดับหนึ่ง เราก็มีหงุดหงิดบ้างโดยอัตโนมัติ เพราะเราเป็นคนทำความสะอาดเอง บวกกับเรากลับจากทำงานด้วยความเครียดมาก เขาก็สังเกตได้ แต่ผ่านไปแปปเดียว เราก็กลับมาปกติ ไม่ได้มีอะไรเลย เขาก็น่าจะน้อยใจ แต่วันถัดไป เขาก็ออกไปซื้อของในตลาดตั้งแต่เช้า มาทำกับข้าวให้ และทำให้ทุกวันเลยค่ะ เขาน่ารักมาก ส่วนเราเก็บกวาด อาจหงุดหงิดบ้างแบบเงียบๆ แต่เขาทำให้เราขนาดนี้ เราแค่เก็บกวาดแปปเดียวก็เสร็จ หลังจากนั้นเขามีอบรมที่กทม.หลังจากกลับจากอบรมเขาก็จะซื้อกาแฟ หรือชงกาแฟไปให้ที่ทำงานทุกวัน เราเบรกกลับไปกินข้าวฝีมือเขาทุกวัน จนวันที่ 20 ที่ผ่านมา เขานัดกับเราว่าจะพาไปงานที่โบสถ์กันวันเสาร์หลังเรียนอบรมครั้งสุดท้ายกัน เขาบอกเขาจะรีบกลับบ้าน แล้งพาไป วันอาทิตย์เขาก็จะพาเราไปโบสต์ในกทม. เราก็ดีใจมากๆ รอเขาที่บ้านอย่างใจจดใจจ่อ จนเวลาผ่านไป มันค่ำมากแล้ว เขายังไม่กลับมา (ของที่เขาพกไปอบรมมีเพียงเงิน 100 บาทและบัตรประชาชน เขาไม่มีโทรศัพท์) เราได้เพียงรอเขา แต่เขาก็ยังไม่กลับมา เราเริ่มคิดว่า เขาต้องหลงทาง หรือเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ เพราะเขาเพิ่งเข้ากทม.ครั้งแรก เรากลัวมาก อีกวันหลังเลิกงาน เราจึงเริมไปสืบ และสอบถามจากที่เขาฝึกอบรม จนถึงขั้นต้องแจ้งความคนหาย และขออนุญาตดูกล้องวงจรปิดจากทั้งนอกตึกที่เขาอบรม และภายนอก ทราบเพียงเขาเดินออกไปกับผู้หญิงมีอายุคนนึง แต่หลังจากนั้นเราสืบต่อไม่ได้เลย พ่อกับย่าเขาก็ช่วยกันตาม แต่สุดท้าย เราหาเขาไม่เจอเลย เราร้องไห้ทุกวัน เราคอยแต่ตามหาเหตุผลว่า เป็นเพราะเราในทุกๆวัน เราโทษแต่ตัวเราเอง เราไม่โทษใครเลย เราอาจให้เขาได้ไม่มากพอ เราทำให้เขาต้องลาออกจากงาน และไม่ได้ส่งเงินในที่บ้าน และไม่ได้ออกรถในเร็ววัน แต่เราเชื่อว่า เราทุ่มสุดตัวให้เขามากๆมาตลอด เรายอมไม่ซื้อของไม่จำเป็นเพื่อที่พวกเราจะได้ซื้อของกินของใช้ที่จำเป็น และไม่อดกัน อยากกินอะไรเราก็จะได้ซื้อกินกันโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก เรารักเขามาก เรานอนกอดกัน บอกรักกันทุกวัน จนถึงก่อนวันสุดท้ายที่เขาจะหายไป ในตอนเช้าก่อนของวันที่เขาจะไม่กลับมา เราไปส่งเขาขึ้นรถเมล์ไปอบรม เราบอกให้เขาตั้งใจเรียนแล้วรีบกลับมาจะได้ไปเที่ยวกันนะ เขาบอกว่า จะรีบกลับมา .....
เราพยายามหาเหตุผลนึงได้ว่า เขาคงอยากมีชีวิตที่อิสระ โดยไม่อยากมีเราอยู่ข้างๆ เขาจะได้สร้างตัวในรูปแบบของเขา เพราะเราไปเป็นอุปสรรคกับเขา แต่เขาเลือกจะจากเราไปแบบไม่เอาอะไรไปเลย เขาทิ้งทุกอย่างไว้ในห้องของเรา เรานอนจมปลักในห้องเราตลอดเวลา เราได้เพียงแค่รอเวลา และทำตัวเราเองให้มีคุณค่าพอที่เขาจะกลับมา ได้กลับมาเจอเราในวันที่เราพร้อมทั้งคู่ เรายังมีความหวังว่าสักวันเขาจะติดต่อกลับมา จากความผูกพันของพวกเราที่คิดว่ามันไม่จางหายไป เขาจำเบอร์และชื่อเราได้ เราจะรอเขาเสมอค่ะ เราเชื่อในความสัมพันธ์ 6 ปีที่ผ่านมา เราใจสลายมาก ตอนนี้เราอยากได้กำลังใจจากทุกคนมากๆเลยค่ะ เราไม่ได้กินอะไรมาจะ 1 สัปดาห์แล้ว เราอยู่ตัวคนเดียวในห้องแห่งความทรงจำ เราอยากไปต่อแต่ตอนนี้เราไม่ไหวเลย ...ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
#ถ้าตัวเองได้เผลอกดเข้ามาอ่านกระทู้นี้ อยากจะบอกว่า ฉันรออยู่ตรงนี้ที่เดิมเสมอนะ จะรักตลอดไป ตลอดมารักเธอมากขึ้นทุกวัน ไม่เคยน้อยลงเลย P. และขอโทษสำหรับทุกอย่างที่เคยทำผิดพลาดไป ฉันขอโทษนะ ฉันจะตั้งใจเรียน และทำงาน และรอตัวเองกลับมานะ รีบกลับมานะ อยากนอนกอด เดินจูงมือกันทุกวันเหมือนดังเดิม