สวัสดีค่ะ ยาวหน่อยนะคะ
เรากับแฟนคบกันมาตั้งแต่ม.ปลาย จริงๆเราเป็นคนชอบคนยาก แต่เค้าก็มีความพยายาม มีความสม่ำเสมอ จีบเราอยู่ 3 ปีจนเราได้คบกันตอนมปลายปีสุดท้าย จากนั้นก็รักกันอย่างดีเรื่อยมา ผ่านปัญหามากมายด้วยกัน ตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย จนเรียนจบป.โท ต่อป.เอกและเรียนจบป.เอกมาด้วยกัน แชร์ทุกเรื่องราว แชร์ความฝันร่วมกันมาตลอดค่ะ ตอนเรียนป.เอกเค้าเองก็ผ่านมันมาอย่างยากลำบาก เพราะมีปัญหาเรื่องสภาพจิตใจ เราก็เข้าใจ และพยายามช่วยเหลือเท่าที่ช่วยได้มาตลอด ไม่ได้มีการบังคับให้มาเรียนด้วยนะคะ ตัวเค้าเองก็อยากเรียนอยากทำงานสายวิชาการ ส่วนเราตอนแรกอยากทำงานสายวิชาการ แต่พอเรียนจบ เราไปทำเอกชนแทนเพราะไม่ค่อยแฮปปี้กับงานสายวิชาการค่ะ
ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้รวมเวลาประมาณ 13 ปีกว่าค่ะ ที่ใช้ชีวิตร่วมกันมา ตอนแรกยังเด็กอยู่เลยแยกกันอยู่บ้านใครบ้านมัน แต่พอเรียนจบทำงานแล้วถึงได้ย้ายมาอยู่ด้วยกันค่ะ ก็รักกันดี เค้าเป็นคนจิตใจดีแล้วก็อ่อนโยนค่ะ ตัวเราเองเป็นคนค่อนข้างจริงจัง ทะเยอทะยานเรื่องงาน พัฒนาตัวเองตลอดจนได้หน้าที่การงานที่ดีค่ะ ตัวเค้าเองก็หน้าที่การงานดี แต่ทำงานสายวิชาการ รายได้แน่นอนว่าไม่เท่าเอกชนที่เราทำ รายได้เค้าไม่ได้น้อยแค่ไม่เยอะเท่าเรา และรายได้จะโตช้ากว่าเราที่ทำงานเอกชน แต่เราภูมิใจในตัวเค้าเสมอค่ะ แล้วก็เคารพนับถือเค้าในฐานะคนๆนึงที่เป็นคนรักเรา เราไม่เคยวัดคุณค่าของเค้าจากรายได้ เรารู้ว่าเค้าเป็นคนฉลาด มีสติปัญญาดีค่ะ อาจจะฉลาดกว่าเราอีก แค่เค้าไม่ได้ทะเยอทะยานเท่าเรา เค้าอยากทำงานที่เค้าสบายใจ และได้เอาเวลาไปทำสิ่งที่อื่นๆที่ชอบ เค้ามีงานอดิเรกของเค้าที่เค้าคาดหวังว่าจะสร้างรายได้จากมันได้ เราก็เคารพแนวคิดนี้ ขอแค่เค้ามีความสุขค่ะ เราดีใจที่ได้แชร์ชีวิตร่วมกับเค้าค่ะ เค้ามีคุณค่ามากสำหรับเราเสมอ
คนเราเวลาอยู่ด้วยกัน มันก็จะมีค่าใช้จ่ายร่วมกันใช่มั้ยคะ เช่น ค่าเช่าคอนโด น้ำไฟ น้ำมัน รวมถึงเราก็คุยกับเค้าเรื่องแต่งงาน เพราะว่า 30 แล้วก็ควรจะวางแผนเรื่องแต่งงานได้แล้ว เราไม่ได้บอกว่าจะต้องแต่งวันนี้เดี๋ยวนี้ แต่ขอให้เห็นภาพร่วมกัน ช่วยกันเก็บตังไป อาจจะสักปีสองปีข้างหน้าค่อยจัดงานก็ได้ คุณแม่เค้าก็รักเรา เตรียมแหวนแต่งงานไว้ให้เราด้วย ตอนนั้นเป็นช่วงที่เค้าเพิ่งได้งานทำ เค้าเองอาจจะไม่ได้คิดถึงเรื่องจะแต่งตอนนั้น แต่พอเราคุยกว่าควรจะเก็บเงินนะ เค้าก็โอเคและแบ่งเงินมาในบัญชีกองกลางที่เก็บร่วมกันมาตลอดค่ะ ปีแรกผ่านไปที่เก็บเงินด้วยกัน ยังไม่มีปัญหาอะไร เพราะเค้ามีเงินจากเงินเดือนแล้วก็พอมีเงินจากงานอดิเรกเสริมๆกันไป ทำให้เค้าไม่ได้ลำบากอะไรมาก
แต่พอปีที่สอง แต่เราคิดว่าจุดที่มีปัญหาคือตอนที่รายได้จากงานอดิเรกของเค้ามันไม่เป็นไปตามที่เค้าคาดหวัง เค้าเสียเงินไปกับงานนั้นพอสมควร มากกว่าเงินที่เสียไปคือเค้าน่าจะเสียความมั่นใจด้วย และการที่ต้องแบ่งเงินมาเก็บแต่งงาน/จ่ายค่าใช้จ่าย จากเงินเดือนเค้าอย่างเดียวมันก็หนักไปสำหรับเค้าค่ะ จุดนี้เราก็เข้าใจเค้า พยาพยามปรับแผนการเก็บตังใหม่ แบ่งส่วนรายได้ต่อเดือนให้มันพอที่เค้าจำมีเงินเก็บไปใช้ส่วนตัวด้วย ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่เราได้งานใหม่ แล้วเงินเดือนเราเพิ่มขึ้นเป็นก้าวกระโดดเลย เค้ายินดีกับเรานะคะ แต่เราไม่แน่ใจว่านั่นกดดันเค้ากว่าเดิมมั้ย เราพยายามถามเค้าตลอดว่าโอเคมั้ย มีความสุขดีมั้ย เพราะเราสังเกตว่าเค้ามักจะไปทานเบียร์กับเพิ่อนตอนเย็น อยากอยู่กับเพื่อนเยอะๆ เวลาที่เคยใช้กับเราเค้าก็เหมือนไม่มีแล้ว ไม่ได้ออกไปกินข้าวกันตอนเย็นๆเหมือนเดิม เรารู้สึกว่าเค้ายังรักเรานะ แต่ไม่อยากอยู่กับเราค่ะ
เค้าบอกเลิกเราเมื่อวาน วันคริสมาสเลยค่ะ หลังวันครบรอบ 13 ปี 3 เดือน แต่วันเดียว โหดร้ายมากเลยค่ะ55555555 สิ่งที่ทำให้เราเสียใจที่สุดคือเค้าบอกว่าเค้าไม่มีความสุขเวลาอยู่กับเราค่ะ เค้ารักเราแต่อยู่กับเราแล้วเค้าไม่รักตัวเอง เค้ารู้ว่าเรารักเค้า อยากเห็นเค้ามีความสุข ทุกๆวันที่กลับห้องเค้าเลยโกหกเราว่าเค้ามีความสุข ทำเหมือนไม่มีปัญหาอะไร ทำตัวตลกๆให้เราหัวเราะได้ทุกวัน แต่จริงๆคือเค้าไม่มีความสุขเลย เค้าคิดเรื่องนี้มาเป็นเดือนๆ ตอนที่นอนอยู่ข้างๆกันเวลาที่เราหลับไปแล้วเค้าก็คิดเรื่องนี้ตลอด เหมือนเค้าเตรียมใจมานานแล้ว เค้ามาบอกเราวันนั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย เหมือนไม่มีความรู้สึกอะไรเลยค่ะ อาจจะรักเราน้อยลงโดยไม่รู้ตัวแล้วเหลืออยู่แค่ความผูกพันกับสงสารหรือเปล่าเราก็ไม่รู้ค่ะ
เราเสียใจมาก ตั้งแต่ใช้ชีวิตมาเราไม่เคยจินตนาการถึงวันที่ไม่มีเค้าค่ะ เรามั่นใจว่าไม่ว่ายังไงเราก็อยากใช้ชีวิตกับเค้าไปจนแก่ เพราะเค้ารักเรา เราก็รักเค้า เราคุยกับเค้าได้ทุกเรื่อง อะไรที่เราบอกใครไม่ได้ เราคุยกับเค้าได้ เค้าเป็นคู่คิด เหมือนเป็นครอบครัว เราเรียนด้วยกันมานาน แชร์เพื่อนร่วมกัน นอกจากคนรักเค้าก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเราด้วยค่ะ เป็นเหมือนครอบครัว พอเราเสียเค้าไปเราก็เหมือนเสียหลักเลยค่ะ เราเสียคู่คิด เสียเค้าที่เรามองว่าเป็นเพื่อนแท้ เสียกลุ่มเพื่อนที่คีพคอนเนคชั่นไว้ผ่านเค้า มากไปกว่านั้นคือเราเสียอนาคตที่เราอยากจะมีเค้าในนั้นค่ะ
เราไม่โทษเค้านะคะ มันไม่มีใครผิดหรือหรอก เราทำเต็มที่แล้ว เค้าก็คงทำเต็มที่แล้วจริงๆค่ะ เราไม่เกลียดเค้าเลยแม้แต่นิดเดียว เราเข้าใจทุกอย่าง ยังหวังดีและอยากให้เค้าไปเจอกับคนที่เค้ามีความสุขที่ได้อยู่ด้วยค่ะ ถึงจะไม่ใช่เรา แต่มันเศร้าตรงที่เวลาอยู่กับเค้า เรามีความสุขที่สุดเลยค่ะ เค้าทำให้เรารู้สึกว่าเราเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกเสมอมาเลยค่ะ
เราสงสัยว่าต่อไปนี้เราจะทำยังไงดี มันจะมีวันที่เรากลับมามีความสุขมั้ย คนเรารักกันมานาน 13 ปี แทบไม่มีปัญหาอะไร ยังเลิกกันได้เหมือนที่ผ่านมาไม่มีความหมาย เราจะกล้ารักใครอีกมั้ยคะ จะมีใครที่ทำให้เรามั่นใจอีกมั้ยว่าจะไม่ทิ้งเราไปอีก เราอยู่คนเดียวก็ได้นะคะ แต่อยู่กับเค้ามันดีกว่าเสมอเลยค่ะ ตลอด 13 ปี เราไปกับเค้าทุกที่เลยค่ะ มาวันนี้เราไม่อยากไปที่ที่ๆเคยไปกับเค้าเลย เราไม่กล้าดูรูปที่ถ่ายด้วยกันในมือถือหรือในไอจี มันเศร้ามากค่ะ เราจะมีวันหายหรือเปล่าคะ
ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ก็ของคุณมากนะคะ
เลิกกับแฟนที่คบกันมา 13 ปี เสียใจมากค่ะ เราสังสัยว่ามันจะมีวันที่เรามีความสุขได้อีกครั้งมั้ยคะ
เรากับแฟนคบกันมาตั้งแต่ม.ปลาย จริงๆเราเป็นคนชอบคนยาก แต่เค้าก็มีความพยายาม มีความสม่ำเสมอ จีบเราอยู่ 3 ปีจนเราได้คบกันตอนมปลายปีสุดท้าย จากนั้นก็รักกันอย่างดีเรื่อยมา ผ่านปัญหามากมายด้วยกัน ตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย จนเรียนจบป.โท ต่อป.เอกและเรียนจบป.เอกมาด้วยกัน แชร์ทุกเรื่องราว แชร์ความฝันร่วมกันมาตลอดค่ะ ตอนเรียนป.เอกเค้าเองก็ผ่านมันมาอย่างยากลำบาก เพราะมีปัญหาเรื่องสภาพจิตใจ เราก็เข้าใจ และพยายามช่วยเหลือเท่าที่ช่วยได้มาตลอด ไม่ได้มีการบังคับให้มาเรียนด้วยนะคะ ตัวเค้าเองก็อยากเรียนอยากทำงานสายวิชาการ ส่วนเราตอนแรกอยากทำงานสายวิชาการ แต่พอเรียนจบ เราไปทำเอกชนแทนเพราะไม่ค่อยแฮปปี้กับงานสายวิชาการค่ะ
ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้รวมเวลาประมาณ 13 ปีกว่าค่ะ ที่ใช้ชีวิตร่วมกันมา ตอนแรกยังเด็กอยู่เลยแยกกันอยู่บ้านใครบ้านมัน แต่พอเรียนจบทำงานแล้วถึงได้ย้ายมาอยู่ด้วยกันค่ะ ก็รักกันดี เค้าเป็นคนจิตใจดีแล้วก็อ่อนโยนค่ะ ตัวเราเองเป็นคนค่อนข้างจริงจัง ทะเยอทะยานเรื่องงาน พัฒนาตัวเองตลอดจนได้หน้าที่การงานที่ดีค่ะ ตัวเค้าเองก็หน้าที่การงานดี แต่ทำงานสายวิชาการ รายได้แน่นอนว่าไม่เท่าเอกชนที่เราทำ รายได้เค้าไม่ได้น้อยแค่ไม่เยอะเท่าเรา และรายได้จะโตช้ากว่าเราที่ทำงานเอกชน แต่เราภูมิใจในตัวเค้าเสมอค่ะ แล้วก็เคารพนับถือเค้าในฐานะคนๆนึงที่เป็นคนรักเรา เราไม่เคยวัดคุณค่าของเค้าจากรายได้ เรารู้ว่าเค้าเป็นคนฉลาด มีสติปัญญาดีค่ะ อาจจะฉลาดกว่าเราอีก แค่เค้าไม่ได้ทะเยอทะยานเท่าเรา เค้าอยากทำงานที่เค้าสบายใจ และได้เอาเวลาไปทำสิ่งที่อื่นๆที่ชอบ เค้ามีงานอดิเรกของเค้าที่เค้าคาดหวังว่าจะสร้างรายได้จากมันได้ เราก็เคารพแนวคิดนี้ ขอแค่เค้ามีความสุขค่ะ เราดีใจที่ได้แชร์ชีวิตร่วมกับเค้าค่ะ เค้ามีคุณค่ามากสำหรับเราเสมอ
คนเราเวลาอยู่ด้วยกัน มันก็จะมีค่าใช้จ่ายร่วมกันใช่มั้ยคะ เช่น ค่าเช่าคอนโด น้ำไฟ น้ำมัน รวมถึงเราก็คุยกับเค้าเรื่องแต่งงาน เพราะว่า 30 แล้วก็ควรจะวางแผนเรื่องแต่งงานได้แล้ว เราไม่ได้บอกว่าจะต้องแต่งวันนี้เดี๋ยวนี้ แต่ขอให้เห็นภาพร่วมกัน ช่วยกันเก็บตังไป อาจจะสักปีสองปีข้างหน้าค่อยจัดงานก็ได้ คุณแม่เค้าก็รักเรา เตรียมแหวนแต่งงานไว้ให้เราด้วย ตอนนั้นเป็นช่วงที่เค้าเพิ่งได้งานทำ เค้าเองอาจจะไม่ได้คิดถึงเรื่องจะแต่งตอนนั้น แต่พอเราคุยกว่าควรจะเก็บเงินนะ เค้าก็โอเคและแบ่งเงินมาในบัญชีกองกลางที่เก็บร่วมกันมาตลอดค่ะ ปีแรกผ่านไปที่เก็บเงินด้วยกัน ยังไม่มีปัญหาอะไร เพราะเค้ามีเงินจากเงินเดือนแล้วก็พอมีเงินจากงานอดิเรกเสริมๆกันไป ทำให้เค้าไม่ได้ลำบากอะไรมาก
แต่พอปีที่สอง แต่เราคิดว่าจุดที่มีปัญหาคือตอนที่รายได้จากงานอดิเรกของเค้ามันไม่เป็นไปตามที่เค้าคาดหวัง เค้าเสียเงินไปกับงานนั้นพอสมควร มากกว่าเงินที่เสียไปคือเค้าน่าจะเสียความมั่นใจด้วย และการที่ต้องแบ่งเงินมาเก็บแต่งงาน/จ่ายค่าใช้จ่าย จากเงินเดือนเค้าอย่างเดียวมันก็หนักไปสำหรับเค้าค่ะ จุดนี้เราก็เข้าใจเค้า พยาพยามปรับแผนการเก็บตังใหม่ แบ่งส่วนรายได้ต่อเดือนให้มันพอที่เค้าจำมีเงินเก็บไปใช้ส่วนตัวด้วย ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่เราได้งานใหม่ แล้วเงินเดือนเราเพิ่มขึ้นเป็นก้าวกระโดดเลย เค้ายินดีกับเรานะคะ แต่เราไม่แน่ใจว่านั่นกดดันเค้ากว่าเดิมมั้ย เราพยายามถามเค้าตลอดว่าโอเคมั้ย มีความสุขดีมั้ย เพราะเราสังเกตว่าเค้ามักจะไปทานเบียร์กับเพิ่อนตอนเย็น อยากอยู่กับเพื่อนเยอะๆ เวลาที่เคยใช้กับเราเค้าก็เหมือนไม่มีแล้ว ไม่ได้ออกไปกินข้าวกันตอนเย็นๆเหมือนเดิม เรารู้สึกว่าเค้ายังรักเรานะ แต่ไม่อยากอยู่กับเราค่ะ
เค้าบอกเลิกเราเมื่อวาน วันคริสมาสเลยค่ะ หลังวันครบรอบ 13 ปี 3 เดือน แต่วันเดียว โหดร้ายมากเลยค่ะ55555555 สิ่งที่ทำให้เราเสียใจที่สุดคือเค้าบอกว่าเค้าไม่มีความสุขเวลาอยู่กับเราค่ะ เค้ารักเราแต่อยู่กับเราแล้วเค้าไม่รักตัวเอง เค้ารู้ว่าเรารักเค้า อยากเห็นเค้ามีความสุข ทุกๆวันที่กลับห้องเค้าเลยโกหกเราว่าเค้ามีความสุข ทำเหมือนไม่มีปัญหาอะไร ทำตัวตลกๆให้เราหัวเราะได้ทุกวัน แต่จริงๆคือเค้าไม่มีความสุขเลย เค้าคิดเรื่องนี้มาเป็นเดือนๆ ตอนที่นอนอยู่ข้างๆกันเวลาที่เราหลับไปแล้วเค้าก็คิดเรื่องนี้ตลอด เหมือนเค้าเตรียมใจมานานแล้ว เค้ามาบอกเราวันนั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย เหมือนไม่มีความรู้สึกอะไรเลยค่ะ อาจจะรักเราน้อยลงโดยไม่รู้ตัวแล้วเหลืออยู่แค่ความผูกพันกับสงสารหรือเปล่าเราก็ไม่รู้ค่ะ
เราเสียใจมาก ตั้งแต่ใช้ชีวิตมาเราไม่เคยจินตนาการถึงวันที่ไม่มีเค้าค่ะ เรามั่นใจว่าไม่ว่ายังไงเราก็อยากใช้ชีวิตกับเค้าไปจนแก่ เพราะเค้ารักเรา เราก็รักเค้า เราคุยกับเค้าได้ทุกเรื่อง อะไรที่เราบอกใครไม่ได้ เราคุยกับเค้าได้ เค้าเป็นคู่คิด เหมือนเป็นครอบครัว เราเรียนด้วยกันมานาน แชร์เพื่อนร่วมกัน นอกจากคนรักเค้าก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเราด้วยค่ะ เป็นเหมือนครอบครัว พอเราเสียเค้าไปเราก็เหมือนเสียหลักเลยค่ะ เราเสียคู่คิด เสียเค้าที่เรามองว่าเป็นเพื่อนแท้ เสียกลุ่มเพื่อนที่คีพคอนเนคชั่นไว้ผ่านเค้า มากไปกว่านั้นคือเราเสียอนาคตที่เราอยากจะมีเค้าในนั้นค่ะ
เราไม่โทษเค้านะคะ มันไม่มีใครผิดหรือหรอก เราทำเต็มที่แล้ว เค้าก็คงทำเต็มที่แล้วจริงๆค่ะ เราไม่เกลียดเค้าเลยแม้แต่นิดเดียว เราเข้าใจทุกอย่าง ยังหวังดีและอยากให้เค้าไปเจอกับคนที่เค้ามีความสุขที่ได้อยู่ด้วยค่ะ ถึงจะไม่ใช่เรา แต่มันเศร้าตรงที่เวลาอยู่กับเค้า เรามีความสุขที่สุดเลยค่ะ เค้าทำให้เรารู้สึกว่าเราเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกเสมอมาเลยค่ะ
เราสงสัยว่าต่อไปนี้เราจะทำยังไงดี มันจะมีวันที่เรากลับมามีความสุขมั้ย คนเรารักกันมานาน 13 ปี แทบไม่มีปัญหาอะไร ยังเลิกกันได้เหมือนที่ผ่านมาไม่มีความหมาย เราจะกล้ารักใครอีกมั้ยคะ จะมีใครที่ทำให้เรามั่นใจอีกมั้ยว่าจะไม่ทิ้งเราไปอีก เราอยู่คนเดียวก็ได้นะคะ แต่อยู่กับเค้ามันดีกว่าเสมอเลยค่ะ ตลอด 13 ปี เราไปกับเค้าทุกที่เลยค่ะ มาวันนี้เราไม่อยากไปที่ที่ๆเคยไปกับเค้าเลย เราไม่กล้าดูรูปที่ถ่ายด้วยกันในมือถือหรือในไอจี มันเศร้ามากค่ะ เราจะมีวันหายหรือเปล่าคะ
ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ก็ของคุณมากนะคะ