ยูเอ็น กังวล ยุบก้าวไกล เรียกร้องรบ. หาทางออกเพื่อยืนยันปชต.-เคารพเสรีภาพในการแสดงออก
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4726914
ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กังวลอย่างมากต่อการยุบพรรคก้าวไกล
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม
ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ โวลเกอร์ เติร์ก กล่าววันนี้ว่า การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยุบพรรคก้าวไกลและตัดสิทธิทางการเมืองของผู้บริหารพรรคเป็นสิ่งที่น่ากังวลใจอย่างมาก และบั่นทอนกระบวนการประชาธิปไตยและลิดรอนพหุนิยมทางการเมือง
ศาลตัดสินให้พรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคที่ชนะคะแนนเสียงมากที่สุดในการเลือกตั้งที่ผ่านมา มีความผิดฐานบ่อนทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและการความมั่นคงของรัฐจากการรณรงค์เพื่อปฏิรูปกฎหมายหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ นอกเหนือจากการยุบพรรคแล้ว คณะกรรมการบริหารพรรคยังถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี
ข้าหลวงใหญ่ฯ กล่าวว่ากลไกสิทธิมนุษยชนได้แสดงความกังวลต่อการห้ามการรณรงค์ดังกล่าวซึ่งระบุไว้ในมาตรา 112 ของกฎหมายอาญานี้ว่า มีเนื้อหาขัดต่อพันธกรณีของประเทศไทยที่มีต่อกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองและควรได้รับการทบทวน
“
คำตัดสินดังกล่าวมีผลกระทบต่อเสรีภาพการขั้นพื้นฐานของการแสดงออกและการรวมตัวอย่างร้ายแรง และสิทธิในการมีส่วนร่วมทางการเมือง และในกิจการสาธารณะในประเทศไทย” นายเติร์ก กล่าว และว่า “
ไม่ควรมีพรรคการเมืองหรือนักการเมืองคนใดควรได้รับโทษจากการรณรงค์โดยสงบเพื่อการปฏิรูปกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อการสนับสนุนสิทธิมนุษยชน”
“
ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาล หาทางออกเพื่อยืนยันประชาธิปไตยที่สนับสนุนและเคารพสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการรวมตัว และยุติการใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเพื่อปราบปรามเสียงวิพากษ์วิจารณ์”
“
ความหลากหลายทางความคิดและความเห็นเป็นพื้นฐานของการเคารพและปกป้องสิทธิมนุษยชน และการบรรลุการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมโดยสงบ”.
รีบเช็กบิล 44 คนเร็วยิ่งป่าเถื่อนมากขึ้น ระบบเน่าเฟะ จุดชนวนแรงปะทุ ห่วงโศกนาฏกรรม
https://www.matichon.co.th/matichon-tv/news_4726463
The Politics ข่าวบ้าน การเมือง สัมภาษณ์พิเศษ ศ.ดร.
อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์ คณะมนุษยศาสตร์ ม.เชียงใหม่ วิเคราะห์อนาคต สส.อดีตพรรคก้าวไกล และเจาะลึกรายละเอียดคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ มองว่าเป็น “
การเมืองป่าเถื่อน” ไม่ได้คิดถึงความชอบธรรมอย่างที่มันควรจะเป็น เชื่อว่าจะมีการเล่นงาน 44 สส.โดยเร็ว เพื่อให้อยู่ช่วงเดียวกันกับการยุบพรรค ซึ่งชนชั้นนำมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมได้ แต่มันจะยิ่งป่าเถื่อนมากขึ้น คำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมา เป็นเพราะเขามั่นใจแล้วว่าควบคุมแรงปะทุต่างๆ ได้ แต่เชื่อว่าเขาคิดผิด ประเมินความรู้สึกของประชาชนต่ำเกินไป ผู้คนอาจจะยอมโดนคดีกันมากขึ้น เป็นแรงกระเพื่อมใต้น้ำหนักหน่วงอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน.
ส.อีคอมเมิร์ซ จับมือเอ็สเอ็มอีไทย ขอพบ ‘เศรษฐา’ กู้วิกฤตสู้แพลตฟอร์มจีน
https://www.matichon.co.th/economy/news_4726576
สมาคมอีคอมเมิร์ซ จับมือเอ็สเอ็มอีไทย ขอพบ ‘เศรษฐา’ กู้วิกฤตสู้แพลตฟอร์มจีนบุกตีตลาดสินค้าออนไลน์ไทย
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา น.ส.
กุลธิรัตน์ ภควัชร์ไกรเลิศ นายกสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย (อีคอมเมิร์ซ) กล่าวกรณีแพลตฟอร์ม “
เทมู” ของจีนว่า ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยอย่างแน่นอน โดยเฉพาะร้านค้าเอสเอ็มอี เนื่องจากขายสินค้าราคาถูก และส่งคืนสินค้านานกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ ได้ภายใน 90 วัน ขณะที่แพลตฟอร์มอื่นอยู่ที่ประมาณ 14 วัน คาดว่าจะทำให้ได้รับความสนใจจากลูกค้ามากขึ้น
“
อยากให้ผู้ประกอบการตระหนักถึงผลสะเทือน รวมถึงภาครัฐด้วยเร่งหาวิธีการรับมือ ภายในเดือนกันยายนนี้สมาคมจะร่วมกับทางสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อกำหนดนโยบายด้านอีคอมเมิร์ซช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยสู้กับสินค้าต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีน ขณะที่ได้ร่วมกันทำโฟกัสกรุ๊ป เพื่อรวบรวมทำเป็นข้อมูลเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป และสเต็ปต่อไปอาจจะต้องมีการร่วมมือกับภาครัฐผลักดันสินค้าไทยไปขายต่างประเทศด้วย” น.ส.
กุลธิรัตน์กล่าว
นาย
แสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยว่า สมาพันธ์ได้รับเรื่องปัญหาทุนจีนเข้ามารุกตลาดไทย เดือดร้อนต่อธุรกิจเอสเอ็มอีจำนวนมากและเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และขอให้สมาพันธ์เป็นตัวกลางในการประสานงานกับนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลให้เร่งป้องกันและแก้ไขโดยด่วน ทั้งนี้ ธุรกิจที่ร้องขอกำลังถูกทุนจีนเข้ามารุกธุรกิจในไทย คือ ธุรกิจนำเที่ยวในลักษณะจีนศูนย์เหรียญ ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคยี่ห้อคนไทยถูกปลอมสินค้าและละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ทำให้เข้าใจว่าผลิตโดยบริษัทคนไทย แต่มีการผลิตและนำเข้าจากจีนและจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ หลังลูกค้าที่ซื้อไปร้องเรียนมากับบริษัทผู้ผลิต (ยาสีฟันยี่ห้อคนไทย) จึงรู้ว่าถูกปลอมสินค้าและไม่ได้ขายผ่านแพลตฟอร์มนั้น
หรืองานรับเหมาต่อเติมและก่อสร้างบ้าน อีกธุรกิจที่นายทุนจากจีนมาตั้งบริษัท นำเข้าและใช้สินค้าผลิตจากจีนเป็นหลัก ร้านอาหารทั่วไปเจอในลักษณะจับจองพื้นที่ตามตลาดนัดและแผงขายของทั่วไปแต่เป็นสินค้าจากจีน รวมถึงภาคเกษตร นอกจากล้ง ที่เข้ามาทำธุรกิจในไทยนานแล้ว กำลังขยายไปถึงคอนแทร็กต์ฟาร์มมิ่ง (ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า) เข้าไปตีเหมาราคาและจ้างปลูกผลไม้และสินค้าเกษตร ที่กังวลคือจ้างนอมินีซื้อที่ดินเพื่อเพาะปลูกแทนการทำสัญญาซื้อกับผู้ปลูกคนไทยโดยตรง ขณะนี้กำลังเจอปัญหาหอมแดง กระเทียมไทย ที่แหล่งผลิตในภาคเหนือ มีผลผลิตล้นตลาด จากผลผลิตปีนี้สูงและบางส่วนเจอลักลอบจากชายแดน จนกระทบต่อราคาตกต่ำ
ตอนนี้หลายธุรกิจไม่แค่แพลตฟอร์มออนไลน์ “
เทมู” ที่รูปแบบทำธุรกิจเหมาทั้งระบบ กำลังเป็นปัญหาของธุรกิจไทยกำลังถูกฆ่าตัดตอน รัฐจะอ้างว่าเป็นเสรีการค้า เป็นคนละเรื่อง เปิดเสรีการค้าก็ต้องเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และอุตสาหกรรมหรือธุรกิจในประเทศต้องประสบความเดือดร้อน รัฐบาลปล่อยปัญหาไปเรื่อยๆ ธุรกิจไทยคงปิดไปเรื่อยๆ เอสเอ็มอีไทยก็ยังเจอปัญหาเดิม คือ เข้าไม่ถึงแหล่งทุน แม้รัฐออกซอฟต์โลนแสนล้านบาท หรืออนุมัติ 5 หมื่นล้านให้ บสย.ค้ำสินเชื่อเอสเอ็มอี ก็ติดเกณฑ์เดิมๆ คือ นิยามขนาดเอสเอ็มอีแต่ละธนาคารไม่เหมือนกัน และยังเลือกปล่อยกู้ให้ลูกค้าเดิมที่แข็งแรงอยู่แล้ว ไม่ได้มีการขยายถึงเอสเอ็มอีใหม่ที่แข็งแรง ตั้งใจทำธุรกิจ แค่ติดเรื่องขาดสภาพคล่องจากวิกฤตสะสมตั้งแต่โควิด ก็มีการร้องมาถึงสมาพันธ์ที่แบงก์จะโทรไปถามลูกค้าที่แข็งแรงอยู่ว่าจะให้กู้เพิ่มผ่านมาตรการรัฐที่ออกมา แต่รายที่ยื่นกู้แบบขาดสภาพคล่องจริงๆ กลับไม่ได้รับการพิจารณา
JJNY : ยูเอ็น กังวลยุบก้าวไกล│ระบบเน่าเฟะ จุดชนวนแรงปะทุ│ส.อีคอมเมิร์ซ จับมือเอ็สเอ็มอีไทย│เมียนมาพบหารือทูตพิเศษจีน
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4726914
ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กังวลอย่างมากต่อการยุบพรรคก้าวไกล
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ โวลเกอร์ เติร์ก กล่าววันนี้ว่า การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยุบพรรคก้าวไกลและตัดสิทธิทางการเมืองของผู้บริหารพรรคเป็นสิ่งที่น่ากังวลใจอย่างมาก และบั่นทอนกระบวนการประชาธิปไตยและลิดรอนพหุนิยมทางการเมือง
ศาลตัดสินให้พรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคที่ชนะคะแนนเสียงมากที่สุดในการเลือกตั้งที่ผ่านมา มีความผิดฐานบ่อนทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและการความมั่นคงของรัฐจากการรณรงค์เพื่อปฏิรูปกฎหมายหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ นอกเหนือจากการยุบพรรคแล้ว คณะกรรมการบริหารพรรคยังถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี
ข้าหลวงใหญ่ฯ กล่าวว่ากลไกสิทธิมนุษยชนได้แสดงความกังวลต่อการห้ามการรณรงค์ดังกล่าวซึ่งระบุไว้ในมาตรา 112 ของกฎหมายอาญานี้ว่า มีเนื้อหาขัดต่อพันธกรณีของประเทศไทยที่มีต่อกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองและควรได้รับการทบทวน
“คำตัดสินดังกล่าวมีผลกระทบต่อเสรีภาพการขั้นพื้นฐานของการแสดงออกและการรวมตัวอย่างร้ายแรง และสิทธิในการมีส่วนร่วมทางการเมือง และในกิจการสาธารณะในประเทศไทย” นายเติร์ก กล่าว และว่า “ไม่ควรมีพรรคการเมืองหรือนักการเมืองคนใดควรได้รับโทษจากการรณรงค์โดยสงบเพื่อการปฏิรูปกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อการสนับสนุนสิทธิมนุษยชน”
“ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาล หาทางออกเพื่อยืนยันประชาธิปไตยที่สนับสนุนและเคารพสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการรวมตัว และยุติการใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเพื่อปราบปรามเสียงวิพากษ์วิจารณ์”
“ความหลากหลายทางความคิดและความเห็นเป็นพื้นฐานของการเคารพและปกป้องสิทธิมนุษยชน และการบรรลุการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมโดยสงบ”.
รีบเช็กบิล 44 คนเร็วยิ่งป่าเถื่อนมากขึ้น ระบบเน่าเฟะ จุดชนวนแรงปะทุ ห่วงโศกนาฏกรรม
https://www.matichon.co.th/matichon-tv/news_4726463
The Politics ข่าวบ้าน การเมือง สัมภาษณ์พิเศษ ศ.ดร.อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์ คณะมนุษยศาสตร์ ม.เชียงใหม่ วิเคราะห์อนาคต สส.อดีตพรรคก้าวไกล และเจาะลึกรายละเอียดคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ มองว่าเป็น “การเมืองป่าเถื่อน” ไม่ได้คิดถึงความชอบธรรมอย่างที่มันควรจะเป็น เชื่อว่าจะมีการเล่นงาน 44 สส.โดยเร็ว เพื่อให้อยู่ช่วงเดียวกันกับการยุบพรรค ซึ่งชนชั้นนำมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมได้ แต่มันจะยิ่งป่าเถื่อนมากขึ้น คำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมา เป็นเพราะเขามั่นใจแล้วว่าควบคุมแรงปะทุต่างๆ ได้ แต่เชื่อว่าเขาคิดผิด ประเมินความรู้สึกของประชาชนต่ำเกินไป ผู้คนอาจจะยอมโดนคดีกันมากขึ้น เป็นแรงกระเพื่อมใต้น้ำหนักหน่วงอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน.
ส.อีคอมเมิร์ซ จับมือเอ็สเอ็มอีไทย ขอพบ ‘เศรษฐา’ กู้วิกฤตสู้แพลตฟอร์มจีน
https://www.matichon.co.th/economy/news_4726576
สมาคมอีคอมเมิร์ซ จับมือเอ็สเอ็มอีไทย ขอพบ ‘เศรษฐา’ กู้วิกฤตสู้แพลตฟอร์มจีนบุกตีตลาดสินค้าออนไลน์ไทย
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา น.ส.กุลธิรัตน์ ภควัชร์ไกรเลิศ นายกสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย (อีคอมเมิร์ซ) กล่าวกรณีแพลตฟอร์ม “เทมู” ของจีนว่า ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยอย่างแน่นอน โดยเฉพาะร้านค้าเอสเอ็มอี เนื่องจากขายสินค้าราคาถูก และส่งคืนสินค้านานกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ ได้ภายใน 90 วัน ขณะที่แพลตฟอร์มอื่นอยู่ที่ประมาณ 14 วัน คาดว่าจะทำให้ได้รับความสนใจจากลูกค้ามากขึ้น
“อยากให้ผู้ประกอบการตระหนักถึงผลสะเทือน รวมถึงภาครัฐด้วยเร่งหาวิธีการรับมือ ภายในเดือนกันยายนนี้สมาคมจะร่วมกับทางสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อกำหนดนโยบายด้านอีคอมเมิร์ซช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยสู้กับสินค้าต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีน ขณะที่ได้ร่วมกันทำโฟกัสกรุ๊ป เพื่อรวบรวมทำเป็นข้อมูลเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป และสเต็ปต่อไปอาจจะต้องมีการร่วมมือกับภาครัฐผลักดันสินค้าไทยไปขายต่างประเทศด้วย” น.ส.กุลธิรัตน์กล่าว
นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยว่า สมาพันธ์ได้รับเรื่องปัญหาทุนจีนเข้ามารุกตลาดไทย เดือดร้อนต่อธุรกิจเอสเอ็มอีจำนวนมากและเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และขอให้สมาพันธ์เป็นตัวกลางในการประสานงานกับนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลให้เร่งป้องกันและแก้ไขโดยด่วน ทั้งนี้ ธุรกิจที่ร้องขอกำลังถูกทุนจีนเข้ามารุกธุรกิจในไทย คือ ธุรกิจนำเที่ยวในลักษณะจีนศูนย์เหรียญ ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคยี่ห้อคนไทยถูกปลอมสินค้าและละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ทำให้เข้าใจว่าผลิตโดยบริษัทคนไทย แต่มีการผลิตและนำเข้าจากจีนและจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ หลังลูกค้าที่ซื้อไปร้องเรียนมากับบริษัทผู้ผลิต (ยาสีฟันยี่ห้อคนไทย) จึงรู้ว่าถูกปลอมสินค้าและไม่ได้ขายผ่านแพลตฟอร์มนั้น
หรืองานรับเหมาต่อเติมและก่อสร้างบ้าน อีกธุรกิจที่นายทุนจากจีนมาตั้งบริษัท นำเข้าและใช้สินค้าผลิตจากจีนเป็นหลัก ร้านอาหารทั่วไปเจอในลักษณะจับจองพื้นที่ตามตลาดนัดและแผงขายของทั่วไปแต่เป็นสินค้าจากจีน รวมถึงภาคเกษตร นอกจากล้ง ที่เข้ามาทำธุรกิจในไทยนานแล้ว กำลังขยายไปถึงคอนแทร็กต์ฟาร์มมิ่ง (ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า) เข้าไปตีเหมาราคาและจ้างปลูกผลไม้และสินค้าเกษตร ที่กังวลคือจ้างนอมินีซื้อที่ดินเพื่อเพาะปลูกแทนการทำสัญญาซื้อกับผู้ปลูกคนไทยโดยตรง ขณะนี้กำลังเจอปัญหาหอมแดง กระเทียมไทย ที่แหล่งผลิตในภาคเหนือ มีผลผลิตล้นตลาด จากผลผลิตปีนี้สูงและบางส่วนเจอลักลอบจากชายแดน จนกระทบต่อราคาตกต่ำ
ตอนนี้หลายธุรกิจไม่แค่แพลตฟอร์มออนไลน์ “เทมู” ที่รูปแบบทำธุรกิจเหมาทั้งระบบ กำลังเป็นปัญหาของธุรกิจไทยกำลังถูกฆ่าตัดตอน รัฐจะอ้างว่าเป็นเสรีการค้า เป็นคนละเรื่อง เปิดเสรีการค้าก็ต้องเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และอุตสาหกรรมหรือธุรกิจในประเทศต้องประสบความเดือดร้อน รัฐบาลปล่อยปัญหาไปเรื่อยๆ ธุรกิจไทยคงปิดไปเรื่อยๆ เอสเอ็มอีไทยก็ยังเจอปัญหาเดิม คือ เข้าไม่ถึงแหล่งทุน แม้รัฐออกซอฟต์โลนแสนล้านบาท หรืออนุมัติ 5 หมื่นล้านให้ บสย.ค้ำสินเชื่อเอสเอ็มอี ก็ติดเกณฑ์เดิมๆ คือ นิยามขนาดเอสเอ็มอีแต่ละธนาคารไม่เหมือนกัน และยังเลือกปล่อยกู้ให้ลูกค้าเดิมที่แข็งแรงอยู่แล้ว ไม่ได้มีการขยายถึงเอสเอ็มอีใหม่ที่แข็งแรง ตั้งใจทำธุรกิจ แค่ติดเรื่องขาดสภาพคล่องจากวิกฤตสะสมตั้งแต่โควิด ก็มีการร้องมาถึงสมาพันธ์ที่แบงก์จะโทรไปถามลูกค้าที่แข็งแรงอยู่ว่าจะให้กู้เพิ่มผ่านมาตรการรัฐที่ออกมา แต่รายที่ยื่นกู้แบบขาดสภาพคล่องจริงๆ กลับไม่ได้รับการพิจารณา