‘ก้าวไกล’เตรียม แถลงแนวทางสู้คดีโค้งสุดท้าย 2 ส.ค.ด้าน ‘พริษฐ์’ ขออย่าด่วนสรุปพรรคจะโดนยุบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4708281
‘พิธา-ชัยธวัช’ เตรียม แถลงแนวทางสู้คดีโค้งสุดท้าย 2 ส.ค. ด้าน “พริษฐ์ ” ขออย่าด่วนสรุป ‘ก้าวไกล’ จะโดนยุบ ยันไม่ถอดใจ ยังเดินหน้าทำงานต่อ
เมื่อวันที่ 30 ก.ค.เวลา 09.50 น. ที่รัฐสภา นาย
พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงแนวทางของพรรคก้าวไกล ในการต่อสู้คดียุบพรรค ว่าในวันที่ 2 ส.ค.เวลา 15.00 น.นาย
ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลและนาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค จะแถลงต่อสาธารณะถึงคำแถลงปิดคดีเพื่อมายืนยันอีกครั้ง ถึงแนวทางที่พรรคฯดำเนินการต่อสู้และปกป้องพรรคฯเป็นอย่างไรบ้าง
“
ยืนยันไม่ได้ถอดใจว่าพรรคจะถูกยุบและไม่อยากให้สังคมด่วนสรุปว่า พรรคจะถูกยุบ และเราจะพยายามทำเต็มที่เพื่อปกป้องพรรค” นายพริษฐ์ กล่าว
นาย
พริษฐ์ กล่าวต่อว่า ภาพรวมในตอนนี้ พรรคก้าวไกลโฟกัสและให้ความสำคัญ 2 เรื่อง คือ พยายามทำเต็มที่ภายใต้ช่องทางที่เหลือเพื่อทำให้พรรคไม่ถูกยุบ อีกส่วนหนึ่งพรรคก็เดินหน้าทำงานต่อ โดยผ่านกลไกของสภาผู้แทนราษฎร ในเรื่องของการผลักดันกฏหมาย ใช้กลไกของคณะกรรมาธิการฯ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งกลไกกระทู้ต่างๆ เพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล และเดินหน้าทำงานระดับท้องถิ่นด้วยเช่นกัน ซึ่งสนามการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วน จังหวัดราชบุรี น่าจะเป็นสนามแรกที่พรรคส่งลงเลือกตั้ง
สำหรับเนื้อหาสาระในการแถลงนั้น โฆษกพรรคก้าวไกลกล่าวว่า จะเป็นการเผยแพร่และสรุปคำแถลงปิดคดี ที่เรายื่นให้กับศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นข้อมูลชุดเดียวกันกับที่เรายื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเป็นความพยายามจะยืนยันแนวทางการต่อสู้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งแบ่งเป็น 9 ข้อตามที่นายพิธาได้เคยแถลงไว้ ทั้งเรื่องการต่อสู้เรื่องกระบวนการที่เรามองว่าไม่ชอบในการยื่นเรื่องของการยุบพรรคโดย คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)รวมถึงการสู้ในเชิงเนื้อหาสาระด้วย ยืนยันว่าสิ่งที่เราทำไปไม่ได้เป็นการล้มล้างการปกครองหรืออะไรที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คงมีการสรุปแนวทางอีกรอบหนึ่งรวมถึงการชี้แจง และตอบข้อสงสัย ที่ดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา..
โรม ยก พ.ร.บ.อุ้มหายเตือน ถ้า รบ.ส่งตัวผู้ลี้ภัยชาวเวียดนามกลับ กระทบการลงทุนแน่
https://www.matichon.co.th/politics/news_4708332
‘โรม’ กระตุกรัฐบาล คิดให้ดีปมผู้ลี้ภัยชาวเวียดนาม ยก พ.ร.บ.อุ้มหาย ห้ามดำเนินการส่งไปที่อันตรายต่อชีวิต ชี้จะกระทบไปถึงขั้นความเชื่อมั่นนักลงทุน-ภาพรวมเศรษฐกิจ-อนาคตประเทศ
เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 30 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นาย
รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี 4 ส.ส.สหรัฐ ส่งจดหมายถึงนายกรัฐมนตรีไทยเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ลี้ภัยชาวเวียดนามว่า เรื่องนี้คิดว่าต้องไปดูในรายละเอียด แต่เบื้องต้นถ้าเราส่งเขากลับไป แล้วนำไปสู่การที่เขาได้รับอันตรายต่อชีวิต ต้องยอมรับว่าเรามีระบบกฎหมายของเรา เกี่ยวกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การอุ้มหายและซ้อมทรมาน ถ้าเราอ่านแค่ชื่อ เราจะไม่เห็นถึงความเชื่อมโยงของเรื่องนี้ แต่ถ้าเราไปดูจะพบว่ามีอยู่มาตราหนึ่งที่ห้ามส่งบุคคลไปยังประเทศที่จะทำให้เขาได้รับอันตรายต่อชีวิต ซึ่งเป็นเรื่องที่ระบบกฎหมายภายในห้ามเราดำเนินกฎหมายดังกล่าว ดังนั้น ถ้าเราส่งเขากลับไปยังเวียดนาม คำถามสำคัญคือเขาจะได้รับอันตรายต่อชีวิตหรือไม่ ถ้าเป็นแบบนั้น เราก็ไม่สามารถทำได้
นาย
รังสิมันต์กล่าวว่า ในส่วนที่เขาขอยื่นลี้ภัย เข้าใจว่าไม่ได้ขอลี้ภัยในไทย เขาต้องการไปประเทศที่สาม ก็ต้องไปดูว่าประเทศที่สามเป็นประเทศอะไร ต้องยอมรับว่าภายใต้ระบบของเรา เราให้คนลี้ภัยไปยังประเทศที่สามจำนวนไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว แอบทำบ้าง เปิดเผยบ้าง ดังนั้น ถ้าลี้ภัยได้โดยให้เกิดความปลอดภัยต่อตัวเขา คิดว่าก็ไม่ได้ติดขัดอะไร และเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องคิดให้เยอะว่าถ้าบริหารจัดการเรื่องนี้ไม่ดี มันจะทำลายภาพลักษณ์ของประเทศไทยอย่างมาก
นาย
รังสิมันต์กล่าวต่อว่า มันไม่ใช่แค่เรื่องของสิทธิมนุษยชน ซึ่งประเทศไทยกำลังยื่นขอเข้าเป็นสมาชิกบอร์ดสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติอีกด้วยเท่านั้น แต่หมายถึงภาพลักษณ์ของการลงทุน ภาพลักษณ์ประเทศ ที่เขาต้องคิดเหมือนกันว่าการลงทุนในประเทศที่มีปัญหาเรื่องมนุษยชนสมควรมาลงทุนหรือไม่ รวมถึงด้านเศรษฐกิจที่เป็นอนาคตของประเทศไทยด้วย... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.matichon.co.th/politics/news_4708374
‘โรม’ชี้ปมตำรวจเอี่ยวเว็บพนันทำลายความเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม
https://www.dailynews.co.th/news/3699789/
‘โรม’ชี้ปม‘บิ๊กโจ๊ก’ เอี่ยวเว็บพนันทำลายความเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมไปแล้ว อัดนายกรัฐมนตรีแก้ปัญหาล่าช้า จี้ ‘เศรษฐา’กำจัดปัญหาคอรัปชั่นทั้งระบบ ไล่น้ำเสียออกจากองค์กรตำรวจ
เมื่อวันที่ 30 ก.ค. ที่รัฐสภา นาย
รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่สิ้นเดือนนี้ คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) จะมีการพิจารณาวาระคำร้องอุทธรณ์ พล.ต.อ.
สุรเชษฐ์ หักผ่านรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ให้ถูกออกจากราชการไว้ก่อนชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ว่า ส่วนตัวไม่อยากจะไปทำนาย แต่มองว่าเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีจัดการได้ค่อนข้างช้า และเรื่องนี้มี 2 ประเด็น โดยหากพล.ต.อ.
สุรเชษฐ์บริสุทธิ์ ต้องมองกลับไปที่กระบวนการทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาว่า ขณะนี้เป็นธรรมต่อพล.ต.อ.
สุรเชษฐ์หรือไม่ และความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ทำลายความเชื่อมั่นของกระบวนการยุติธรรมไปเยอะ แต่ถ้าสุดท้ายพล.ต.อ.
สุรเชษฐ์มีความเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์จริง ก็ต้องจับตากระบวนการต่อไป ว่ามีใครเกี่ยวข้องหรือไม่และกระบวนการทั้งหมดชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า เว็บพนันเป็นปัญหาสำคัญที่รัฐบาลไม่ได้เอาจริงเอาจัง เพราะในขณะที่รัฐบาลนาย
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ต้องการที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยนำเงินใส่ระบบเข้าไปจำนวนมาก ขณะเดียวกันปัญหาเว็บพนัน ก็นำเงินออกจากระบบตัวเลขอาจจะถึงแสนล้าน ซึ่งความมั่งคั่งของผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ พบว่ามีไม่น้อยอยู่ในกระบวนการตำรวจและเกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม อาจจะเกี่ยวข้องกับผู้พิพากษาด้วยซ้ำ และเรื่องนี้ไม่ได้หมายความถึงพล.ต.อ.
สุรเชษฐ์เพียงแค่คนเดียว แต่ต้องคิดทั้งระบบ ว่ามีตำรวจหรือข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน ขอย้ำว่าไม่ได้อยากให้จบแค่พล.ต.อ.
สุรเชษฐ์ และพล.ต.อ.
ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ที่ต่อสู้กัน แต่ควรจัดการกับปัญหาคอรัปชั่นในระบบราชการทั้งหมด
นาย
รังสิมันต์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับองค์กรตำรวจไปแล้ว ดังนั้น ไม่ว่าผลการประชุม ก.พ.ค.ตร. จะเป็นอย่างไรตนไม่คิดว่า จะมีความแตกต่างกัน เพราะจะมีคนสองกลุ่ม ที่จะมองว่าพล.ต.อ.สุรเชษฐ์เกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้อง แต่จากการดำเนินการที่ล่าช้าทำให้เห็นภาพสองนายตำรวจทะเลาะกัน ถือเป็นการทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด แต่ถ้าจะพูดเฉพาะเรื่องที่ตำรวจเกี่ยวข้องกับเว็บ ก็ต้องบอกว่าเรื่องนี้มีเค้ามูลความจริง และนายกรัฐมนตรีต้องเร่งขยายผล หากมีความประสงค์จะฟื้นฟูองค์กรตำรวจ จำเป็นต้องขับไล่น้ำเสียออกจากองค์กรตำรวจที่มีอยู่จำนวนมาก
ส่วนพล.ต.อ.
สุรเชษฐ์จะได้กลับมารับราชการเหมือนเดิมหรือไม่นั้น นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่าต้องไปดูข้อกฎหมาย แต่ถ้าให้อ่านใจพล.ต.อ.
สุรเชษฐ์ก็มองว่าสามารถกลับมาได้ ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับข้อกฎหมายว่าจะทำได้แค่ไหน แต่ถ้าเรื่องนี้จบแบบเป็นคุณกับพล.ต.อ.
สุรเชษฐ์ ก็จะมีคนอีกจำนวนมากที่ต้องรับผิดชอบต่อเรื่องนี้
JJNY : ‘ก้าวไกล’เตรียม แถลงแนวทางสู้คดี│โรมยกพ.ร.บ.อุ้มหายเตือน│โรมชี้ปมตำรวจเอี่ยวเว็บพนัน│คลื่นความร้อนปกคลุมเกาหลีใต้
https://www.matichon.co.th/politics/news_4708281
‘พิธา-ชัยธวัช’ เตรียม แถลงแนวทางสู้คดีโค้งสุดท้าย 2 ส.ค. ด้าน “พริษฐ์ ” ขออย่าด่วนสรุป ‘ก้าวไกล’ จะโดนยุบ ยันไม่ถอดใจ ยังเดินหน้าทำงานต่อ
เมื่อวันที่ 30 ก.ค.เวลา 09.50 น. ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงแนวทางของพรรคก้าวไกล ในการต่อสู้คดียุบพรรค ว่าในวันที่ 2 ส.ค.เวลา 15.00 น.นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลและนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค จะแถลงต่อสาธารณะถึงคำแถลงปิดคดีเพื่อมายืนยันอีกครั้ง ถึงแนวทางที่พรรคฯดำเนินการต่อสู้และปกป้องพรรคฯเป็นอย่างไรบ้าง
“ยืนยันไม่ได้ถอดใจว่าพรรคจะถูกยุบและไม่อยากให้สังคมด่วนสรุปว่า พรรคจะถูกยุบ และเราจะพยายามทำเต็มที่เพื่อปกป้องพรรค” นายพริษฐ์ กล่าว
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ภาพรวมในตอนนี้ พรรคก้าวไกลโฟกัสและให้ความสำคัญ 2 เรื่อง คือ พยายามทำเต็มที่ภายใต้ช่องทางที่เหลือเพื่อทำให้พรรคไม่ถูกยุบ อีกส่วนหนึ่งพรรคก็เดินหน้าทำงานต่อ โดยผ่านกลไกของสภาผู้แทนราษฎร ในเรื่องของการผลักดันกฏหมาย ใช้กลไกของคณะกรรมาธิการฯ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งกลไกกระทู้ต่างๆ เพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล และเดินหน้าทำงานระดับท้องถิ่นด้วยเช่นกัน ซึ่งสนามการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วน จังหวัดราชบุรี น่าจะเป็นสนามแรกที่พรรคส่งลงเลือกตั้ง
สำหรับเนื้อหาสาระในการแถลงนั้น โฆษกพรรคก้าวไกลกล่าวว่า จะเป็นการเผยแพร่และสรุปคำแถลงปิดคดี ที่เรายื่นให้กับศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นข้อมูลชุดเดียวกันกับที่เรายื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเป็นความพยายามจะยืนยันแนวทางการต่อสู้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งแบ่งเป็น 9 ข้อตามที่นายพิธาได้เคยแถลงไว้ ทั้งเรื่องการต่อสู้เรื่องกระบวนการที่เรามองว่าไม่ชอบในการยื่นเรื่องของการยุบพรรคโดย คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)รวมถึงการสู้ในเชิงเนื้อหาสาระด้วย ยืนยันว่าสิ่งที่เราทำไปไม่ได้เป็นการล้มล้างการปกครองหรืออะไรที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คงมีการสรุปแนวทางอีกรอบหนึ่งรวมถึงการชี้แจง และตอบข้อสงสัย ที่ดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา..
โรม ยก พ.ร.บ.อุ้มหายเตือน ถ้า รบ.ส่งตัวผู้ลี้ภัยชาวเวียดนามกลับ กระทบการลงทุนแน่
https://www.matichon.co.th/politics/news_4708332
‘โรม’ กระตุกรัฐบาล คิดให้ดีปมผู้ลี้ภัยชาวเวียดนาม ยก พ.ร.บ.อุ้มหาย ห้ามดำเนินการส่งไปที่อันตรายต่อชีวิต ชี้จะกระทบไปถึงขั้นความเชื่อมั่นนักลงทุน-ภาพรวมเศรษฐกิจ-อนาคตประเทศ
เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 30 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี 4 ส.ส.สหรัฐ ส่งจดหมายถึงนายกรัฐมนตรีไทยเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ลี้ภัยชาวเวียดนามว่า เรื่องนี้คิดว่าต้องไปดูในรายละเอียด แต่เบื้องต้นถ้าเราส่งเขากลับไป แล้วนำไปสู่การที่เขาได้รับอันตรายต่อชีวิต ต้องยอมรับว่าเรามีระบบกฎหมายของเรา เกี่ยวกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การอุ้มหายและซ้อมทรมาน ถ้าเราอ่านแค่ชื่อ เราจะไม่เห็นถึงความเชื่อมโยงของเรื่องนี้ แต่ถ้าเราไปดูจะพบว่ามีอยู่มาตราหนึ่งที่ห้ามส่งบุคคลไปยังประเทศที่จะทำให้เขาได้รับอันตรายต่อชีวิต ซึ่งเป็นเรื่องที่ระบบกฎหมายภายในห้ามเราดำเนินกฎหมายดังกล่าว ดังนั้น ถ้าเราส่งเขากลับไปยังเวียดนาม คำถามสำคัญคือเขาจะได้รับอันตรายต่อชีวิตหรือไม่ ถ้าเป็นแบบนั้น เราก็ไม่สามารถทำได้
นายรังสิมันต์กล่าวว่า ในส่วนที่เขาขอยื่นลี้ภัย เข้าใจว่าไม่ได้ขอลี้ภัยในไทย เขาต้องการไปประเทศที่สาม ก็ต้องไปดูว่าประเทศที่สามเป็นประเทศอะไร ต้องยอมรับว่าภายใต้ระบบของเรา เราให้คนลี้ภัยไปยังประเทศที่สามจำนวนไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว แอบทำบ้าง เปิดเผยบ้าง ดังนั้น ถ้าลี้ภัยได้โดยให้เกิดความปลอดภัยต่อตัวเขา คิดว่าก็ไม่ได้ติดขัดอะไร และเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องคิดให้เยอะว่าถ้าบริหารจัดการเรื่องนี้ไม่ดี มันจะทำลายภาพลักษณ์ของประเทศไทยอย่างมาก
นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า มันไม่ใช่แค่เรื่องของสิทธิมนุษยชน ซึ่งประเทศไทยกำลังยื่นขอเข้าเป็นสมาชิกบอร์ดสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติอีกด้วยเท่านั้น แต่หมายถึงภาพลักษณ์ของการลงทุน ภาพลักษณ์ประเทศ ที่เขาต้องคิดเหมือนกันว่าการลงทุนในประเทศที่มีปัญหาเรื่องมนุษยชนสมควรมาลงทุนหรือไม่ รวมถึงด้านเศรษฐกิจที่เป็นอนาคตของประเทศไทยด้วย... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.matichon.co.th/politics/news_4708374
‘โรม’ชี้ปมตำรวจเอี่ยวเว็บพนันทำลายความเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม
https://www.dailynews.co.th/news/3699789/
‘โรม’ชี้ปม‘บิ๊กโจ๊ก’ เอี่ยวเว็บพนันทำลายความเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมไปแล้ว อัดนายกรัฐมนตรีแก้ปัญหาล่าช้า จี้ ‘เศรษฐา’กำจัดปัญหาคอรัปชั่นทั้งระบบ ไล่น้ำเสียออกจากองค์กรตำรวจ
เมื่อวันที่ 30 ก.ค. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่สิ้นเดือนนี้ คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) จะมีการพิจารณาวาระคำร้องอุทธรณ์ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักผ่านรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ให้ถูกออกจากราชการไว้ก่อนชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ว่า ส่วนตัวไม่อยากจะไปทำนาย แต่มองว่าเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีจัดการได้ค่อนข้างช้า และเรื่องนี้มี 2 ประเด็น โดยหากพล.ต.อ.สุรเชษฐ์บริสุทธิ์ ต้องมองกลับไปที่กระบวนการทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาว่า ขณะนี้เป็นธรรมต่อพล.ต.อ.สุรเชษฐ์หรือไม่ และความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ทำลายความเชื่อมั่นของกระบวนการยุติธรรมไปเยอะ แต่ถ้าสุดท้ายพล.ต.อ.สุรเชษฐ์มีความเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์จริง ก็ต้องจับตากระบวนการต่อไป ว่ามีใครเกี่ยวข้องหรือไม่และกระบวนการทั้งหมดชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เว็บพนันเป็นปัญหาสำคัญที่รัฐบาลไม่ได้เอาจริงเอาจัง เพราะในขณะที่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ต้องการที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยนำเงินใส่ระบบเข้าไปจำนวนมาก ขณะเดียวกันปัญหาเว็บพนัน ก็นำเงินออกจากระบบตัวเลขอาจจะถึงแสนล้าน ซึ่งความมั่งคั่งของผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ พบว่ามีไม่น้อยอยู่ในกระบวนการตำรวจและเกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม อาจจะเกี่ยวข้องกับผู้พิพากษาด้วยซ้ำ และเรื่องนี้ไม่ได้หมายความถึงพล.ต.อ.สุรเชษฐ์เพียงแค่คนเดียว แต่ต้องคิดทั้งระบบ ว่ามีตำรวจหรือข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน ขอย้ำว่าไม่ได้อยากให้จบแค่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และพล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ที่ต่อสู้กัน แต่ควรจัดการกับปัญหาคอรัปชั่นในระบบราชการทั้งหมด
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับองค์กรตำรวจไปแล้ว ดังนั้น ไม่ว่าผลการประชุม ก.พ.ค.ตร. จะเป็นอย่างไรตนไม่คิดว่า จะมีความแตกต่างกัน เพราะจะมีคนสองกลุ่ม ที่จะมองว่าพล.ต.อ.สุรเชษฐ์เกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้อง แต่จากการดำเนินการที่ล่าช้าทำให้เห็นภาพสองนายตำรวจทะเลาะกัน ถือเป็นการทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด แต่ถ้าจะพูดเฉพาะเรื่องที่ตำรวจเกี่ยวข้องกับเว็บ ก็ต้องบอกว่าเรื่องนี้มีเค้ามูลความจริง และนายกรัฐมนตรีต้องเร่งขยายผล หากมีความประสงค์จะฟื้นฟูองค์กรตำรวจ จำเป็นต้องขับไล่น้ำเสียออกจากองค์กรตำรวจที่มีอยู่จำนวนมาก
ส่วนพล.ต.อ.สุรเชษฐ์จะได้กลับมารับราชการเหมือนเดิมหรือไม่นั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่าต้องไปดูข้อกฎหมาย แต่ถ้าให้อ่านใจพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ก็มองว่าสามารถกลับมาได้ ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับข้อกฎหมายว่าจะทำได้แค่ไหน แต่ถ้าเรื่องนี้จบแบบเป็นคุณกับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็จะมีคนอีกจำนวนมากที่ต้องรับผิดชอบต่อเรื่องนี้