JJNY : 5in1 พิธาจับตาประชุม│“พิธา”ซัดกกต.│‘วิโรจน์’ตกใจ‘พท.’│LH Bank มองศก.โตต่ำกว่า 2.5%│“ISIS-K”เร่งรับสมัครวัยรุ่น

พิธา จับตาประชุมร่วมแก้รธน. ‘ส.ว.ชุดใหม่’ จะทำเพื่อปชช.ได้มากน้อยแค่ไหน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4702010
 
 
พิธา ชวนจับตา ส.ว.ชุดใหม่ ประชุมร่วมแก้ รธน. จะทำเพื่อประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน เหตุไม่ยึดโยงกับ ปชช.

เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 ที่ชุมชนบุญร่มไทร กทม. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงผลการเลือกประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภาทั้งสองคน ซึ่งมีผลคะแนนเป็นกลุ่มก้อน ระดับ 150-160 คะแนน ว่า สังคมมีข้อครหาในเรื่องเอกภาพและอิสระของความเป็น ส.ว. ซึ่งก็ต้องมาดูกันต่อในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการรัฐประหาร ที่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล เตรียมยื่นเข้าสู่สภา ที่จะต้องมีการประชุมร่วมระหว่างสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา โดยจะมีการอภิปรายทั้งสองฝ่าย และจะได้ดูว่า ส.ว.ที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชนมากนัก จะทำเพื่อประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน

ส่วนอุปสรรคที่กฎหมายฉบับต่างๆ จะต้องผ่านสมาชิกวุฒิสภาชุดนี้นั้น นายพิธากล่าวว่า ขอให้ดูต่อไป เพราะไม่อยากสรุปในสิ่งที่ตนไม่ได้ติดตาม หรือเรื่องที่จะรู้ว่าใครต่อใครคิดอย่างไร แต่ก็ย้ำว่ามีวิธีที่จะทดสอบ คือการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งจะรวมไปถึงรัฐบาลด้วย ว่าคำสัญญาที่เคยให้กับประชาชนไว้จะเป็นอย่างไร และจะเป็นประโยชน์กับประชาชนที่กังวลว่าจะเกิดการรัฐประหารในปี 2567 นี้ หรือไม่



“พิธา” ซัด กกต. ทำก้าวไกลเสียโอกาสแจงคดียุบพรรค ถามจะรับผิดชอบอย่างไร
https://www.thairath.co.th/news/politic/2803416

“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ยังมั่นใจในข้อกฎหมายสู้คดียุบพรรคก้าวไกล ซัด “กกต.” หากให้โอกาสชี้แจง คดีจะไม่ถึงศาล มองศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่ปกป้องประชาธิปไตย ไม่ใช่ทำลาย
 
วันที่ 26 กรกฎาคม 2567 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดฟังคำวินิจฉัย คดียุบพรรคก้าวไกลในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ว่า ยังมั่นใจในข้อเท็จจริง และความสม่ำเสมอของระบบยุติธรรม โดยสิ่งที่พรรคก้าวไกลต่อสู้คือ ข้อกฎหมาย ซึ่งพรรคก้าวไกลชี้ให้เห็นว่า กรณีของพรรคก้าวไกลต่างจากการยุบพรรคในอดีต เพราะมีระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อปี 2566 และกกต.ต้องดำเนินการตามระเบียบ แต่กกต. ไม่ได้ดำเนินการเช่นนั้น จึงทำให้พรรคก้าวไกลเสียโอกาสในการชี้แจง ตั้งแต่ต้นทางของระบบยุติธรรม 
 
นายพิธา เชื่อว่า ถ้าหาก กกต.ทำตามระเบียบ มีโอกาสให้รับทราบข้อเท็จจริง และต่อสู้ ตั้งแต่ชั้นของ กกต. อาจจะไม่มีคดีนี้เกิดขึ้น และวันนี้ตัวเองเสียโอกาสนี้ไปแล้ว และเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นปลายทางของกระบวนการยุติธรรม แล้ว กกต.จะรับผิดชอบอย่างไร
 
ส่วนคดีที่ 40 สว. ยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรี ที่จะมีการชี้ชะตาในเดือนสิงหาคม มองสถานการณ์การเมืองอย่างไร นายพิธา ระบุว่า หากมองในมุมระบบประชาธิปไตยที่แท้จริง สิ่งที่ทำลายสมาธิ ทั้งพรรคก้าวไกล และนายกรัฐมนตรีเอง ไม่ควรที่จะเกิดขึ้น ซึ่งตอนนี้ใช้เวลาไปกับการเสียสมาธิ กับการแย่งชิงอำนาจและการเข้าสู่อำนาจ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปัญหาของประชาชน หมักหมม คาราคาซังมานาน
 
นายพิธา กล่าวต่อว่า หากพรรคการเมืองจะเกิดการยุบสลายไป ก็ต้องเกิดเพราะไม่มีคนเลือก ประชาชนสร้างขึ้นมา ก็ต้องเป็นผู้พิพากษาพรรคการเมือง เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรีที่มาจากนโยบาย ก็ต้องรับผิดชอบด้วยมาตรฐานทางการเมือง หากรู้ว่าผิดก็ควรจะลาออกแล้วเปิดทางให้คนอื่น แต่ไม่ควรที่จะให้องค์กรอิสระที่มีหน้าที่ปกป้องประชาธิปไตย ไม่ใช่มีหน้าที่ทำลายประชาธิปไตย ควรจะให้เป็นไปตามระบบครรลองคลองธรรมของประชาธิปไตยที่ถูกต้อง พร้อมย้ำชัดว่า ไม่เห็นด้วยที่นายกรัฐมนตรีจะต้องหลุด เพราะกระบวนการที่เกิดขึ้น
...
 
ทั้งนี้ที่ในระหว่างที่ลงพื้นที่รับฟังปัญหาของชาวบ้าน แล้วพูดว่า เสียดายที่ไม่ได้เข้าทำเนียบรัฐบาลระหว่างรับฟังปัญหาของชาวบ้าน นายพิธา ตอบว่า เพราะกระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง และกระทรวงความมั่นคง เป็นกระทรวงที่พรรคก้าวไกลอยากจะเข้าไปบริหารเมื่อครั้งมีการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อผลักดันแก้ปัญหาในหลายเรื่อง



‘วิโรจน์’ตกใจ‘เพื่อไทย’ขวางคนนอกร่วมนั่งกรรมาธิการงบฯกทม.ปี 68
https://www.dailynews.co.th/news/3686553/
 
‘วิโรจน์’ ตกใจ ‘เพื่อไทย’ ขวางคนนอกร่วมนั่งกรรมาธิการงบฯ กทม. ปี 68 เผย ‘ชัชชาติ’ เคยตอบรับดีมาก ยันเสนอ 2 รายชื่อ 30 ก.ค. นี้ หากอยากค้าน ให้โหวตไม่รับรองเอง.

เมื่อวันที่ 26 ก.ค. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ และประธานคณะกรรมการนโยบาย กทม. พรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า ตามที่ตนได้เคยแจ้งให้กับประชาชนทราบว่า ได้หารือกับนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่าฯ กทม. แล้วว่า จะเสนอบุคคลภายนอก ที่มีความรู้ความสามารถในเรื่องงบประมาณ และมีประสบการณ์ในการตรวจสอบการทุจริต เข้าไปเป็นกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างงบประมาณ กทม. พ.ศ. 2568 ในสัดส่วนของพรรคก้าวไกล จำนวน 2 ท่าน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากจากนายชัชชาติ เพื่อที่จะช่วยกันทำให้งบ กทม. 90,000 ล้านบาท ให้มีความโปร่งใส และเกิดประโยชน์กับชาว กทม. อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ในวันนี้ ตนรู้สึกตกใจ และกังวลใจอย่างมาก ที่รับทราบข่าวมาว่าพรรคเพื่อไทย มีแนวคิดที่จะไม่ให้บุคคลภายนอกเข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างงบประมาณ กทม. ที่จะพิจารณาในสภา กทม. ในวันที่ 30 ก.ค. นี้

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบเหตุผลของพรรคเพื่อไทย ว่าทำไมถึงได้คัดค้านกระบวนการที่จะพยายามที่จะทำให้งบประมาณมีความโปร่งใส เหตุใดถึงไม่เห็นด้วยที่จะให้บุคคลภายนอกที่มีความรู้ความสามารถ และมีประสบการณ์ในการตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชั่น ให้เข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการพิจารณางบประมาณ ยกตัวอย่าง การพิจารณางบประมาณประจำปี 2568 ของสภาผู้แทนราษฎร การที่พรรคก้าวไกล เสนอให้นายวีระ ธีระภัทรานนท์ เข้ามาเป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบปี 68 ก็ทำให้การตรวจสอบ การจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลมีประสิทธิภาพ และมีความสมเหตุสมผลเพิ่มมากขึ้น ประชาชนได้รับประโยชน์จากงบประมาณอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้น จึงไม่เข้าใจว่า ทำไมพรรคเพื่อไทย ถึงได้คัดค้าน การเสนอบุคคลภายนอกให้มาเป็นคณะกรรมการพิจารณาร่างงบประมาณ กทม. ในครั้งนี้

นายวิโรจน์  กล่าวว่า ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบาย กทม. ของพรรคก้าวไกล ยืนยันว่า จากการหารือกับ สก. ของพรรคก้าวไกล ยังคงยืนยันที่จะเสนอชื่อบุคคลภายนอก เข้าไปเป็นคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างงบประมาณ กทม. ในวันที่ 30 ก.ค. นี้ หากพรรคเพื่อไทยจะคัดค้าน ก็ให้โหวตไม่รับรองในสภา กทม. พร้อมกับชี้แจงเหตุผลให้กับประชาชน ให้รับทราบด้วย โดยบุคคลภายนอก จำนวน 2 ท่าน ที่พรรคก้าวไกลเสนอให้เป็นคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างงบประมาณ กทม. เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ และมีประสบการณ์อันเป็นที่ยอมรับจากสังคมอย่างแน่นอน และขอเชิญชวนชาว กทม. และประชาชนทั้งประเทศ ร่วมกันติดตามการอภิปรายงบประมาณของ กทม. ในวันที่ 30 ก.ค. นี้.


 
LH Bank มองเศรษฐกิจไทยปีนี้ โตต่ำกว่า 2.5%
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/410098

LH Bank ยังมองเศรษฐกิจไทยปีนี้ โตต่ำกว่า 2.5% โดยนายฉี ชิง-ฟู่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮาส์ หรือ LH Bank กล่าวว่า หากวิเคราะห์ภาพเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยปีนี้ ประเมินว่า เศรษฐกิจโลกจะเติบโตใกล้เคียงปีก่อนที่ 3.2% ขณะที่เศรษฐกิจไทยคาดโตต่ำกว่า 2.5% โดยประเมินว่าจะเติบโตเพียง 2.4%

ซึ่งแรงหนุนหลัก มาจากการท่องเที่ยวที่เติบโตต่อเนื่อง ทั้งนี้ การเติบโตที่ระดับ 2.4% เป็นระดับต่ำกว่าอดีตค่อนข้างมาก เพราะศักยภาพการแข่งขันของไทยที่ต่ำลง

อย่างไรก็ดี ช่วงครึ่งหลังของปีนี้ คาดจะปรับตัวดีขึ้น จากการใช้จ่ายของภาครัฐ
การลงทุนภายในประเทศ และการลงทุนจากต่างประเทศขยายตัวดีขึ้น ท่ามกลางความเสี่ยง โดยเฉพาะความไม่แน่นอนจากการเลือกตั้งสหรัฐ หากทรัมป์มา จะส่งผลให้สงครามการค้ารุนแรงขึ้น และความเสี่ยงจากการเมืองในประเทศไทย และยังมีแรงกดดันจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ระดับสูง อาจฉุดรั้งการบริโภคในประเทศให้กลับมาฟื้นตัวได้ยาก

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยการส่งออกเดือนมิถุนายน พลิกติดลบ 0.3% หลัง 2 เดือนก่อนหน้า บวกเกิน 6% สาเหตุหลักจากหมดหน้าผลไม้ ขณะที่การค้าโลกเริ่มมีความวิตกกังวลต่อแนวโน้มการใช้มาตรการกีดกันทางการค้า ทั้งยังมีความไม่แน่นอนของผลการเ ลือกตั้งในหลายประเทศ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่