พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต พระปฏิบัติ ผู้มักน้อยและสันโดษ
ผมมาทำงานระยองปีแรก 2553 ก็โทรหาอาจารย์โจ้ ผู้ก่อตั้งกลุ่มพุทธธรรมกรรมฐาน (สายหลวงปู่มั่น) หลายๆมหาวิทยาลัย เช่น ธรรมศาสตร์ จุฬา รามคำแหง หอการค้า เป็นต้น สอบถาม ว่าที่ระยองมีครูบาอาจารย์ท่านไหนน่ากราบไหว้บ้าง
อาจารย์โจ้ ให้รายชื่อครูบาอาจารย์มา 3 ท่าน คือ
1.พระอาจารย์สุชิน วัดธรรมสถิต (ศิษย์ท่านพ่อเฟื่องและหลวงตามหาบัว)
2.พระอาจารย์อนันต์ วัดมาบจันทร์ (ศิษย์หลวงปู่ชา)
3.พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวราราม (ศิษย์หลวงตามหาบัวและสมเด็จญาณ)
พระอาจารย์สุชาติ เรียนจบวิศว จากสหรัฐอเมริกา แต่มีความสนใจปฏิบัติตั้งแต่เด็ก เมื่อเรียนจบจึงตัดสินใจบวชตั้งแต่อายุ 20 กว่าๆ โดยบวชกับสมเด็จญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ที่วัดบวรฯ สมเด็จญาณให้ไปศึกษาธรรมกับองค์หลวงตามหาบัว ที่วัดป่าบ้านตาด เป็นเวลาถึง 10 พรรษา จนได้อรรถได้ธรรม หลวงตามหาบัว จึงให้กลับมาอยู่กับสมเด็จญาณ ที่วัดญาณสังวราราม จ.ชลบุรี ท่านไม่เคยรับกิจนิมนต์ออกจากวัดเลย
ผมจึงชวนเพื่อนสนิทไปกราบพระอาจารย์สุชินและพระอาจารย์อนันต์บ่อยๆ เพราะอยู่ใกล้ระยอง พระอาจารย์สุชาติ อยู่ใกล้สัตหีบ จึงไม่มีโอกาสได้ไป
เพราะไกลจากที่พักมาก จนกระทั่งปลายปี 2553 ผมอยากไปกราบท่านมากๆ จึงขอร้องให้เพื่อนพาไปกราบ (ผมยังไม่มีรถ)
ส.-อา. จึงขับรถไปวัดญาณ และสอบถามเจ้าหน้าที่และพระลูกวัดว่าท่านจำวัดที่กุฏิไหน ได้คำตอบว่า ท่านอยู่บนเขาชีโอนข้างๆวัด เป็นเขตอุทยาน เพื่อนจึงขับรถไปตามทางที่พระบอก มีเจ้าหน้าที่เฝ้าอยู่ทางเข้าเขาชีโอน จึงขออนุญาตขึ้นไปกราบพระอาจารย์สุชาติครับ เจ้าหน้าที่ก็ยิ้มแย้มและชี้ให้ขับรถขึ้นไปบนเขาชีโอนซึ่งเป็นเขาที่มีต้มไม้ร่มรื่น เงียบสงบมากๆ เขามีความสูงชันระดับหนึ่ง
เมื่อขึ้นไปบนเขา จะมีศาลาไม้เล็กๆ ศาลาหนึ่ง ชื่อว่า ศาลาจุลธรรม ที่ในหลวง ร.9 เคยตั้งใจจะสละราชสมบัติ มาบวชปฏิบัติ ณ ศาลาแห่งนี้ เป็นศาลาที่พระอาจารย์สุชาติใช้แสดงธรรม และมีกุฏิเล็กๆหลังหนึ่ง ขนาดเล็กมากๆ ประมาณ 10 ตรม. พออยู่ได้คนเดียว อยู่ไม่ไกลจากศาลาจุลธรรม
ตอนนั้นพระอาจารย์สุชาติยังไม่มีชื่อเสียงมาก ยังไม่ค่อยมีคนขึ้นไปกราบและฟังธรรมจากท่านมากเท่าไหร่ ผมและเพื่อนจึงได้มีโอกาสไปกราบท่านที่หน้ากุฏิ โดยได้เตรียมสังฆทานไปถวายท่าน ไม่นานพระอาจารย์สุชาติก็ออกมาต้อนรับและสนทนาธรรมด้วยที่หน้ากุฏิ ผมจึงแนะนำตัวเองว่าผมเพิ่งบวชศึกษาธรรมจาก พระอาจารย์โสภา วัดแสงธรรมวังเขาเขียว เมื่อต้นปี 2553 (พระอาจารย์โสภาเป็นศิษย์รุ่นน้อง) พระอาจารย์สุชาติ จึงเมตตาผมมากๆ สร้างความปีติให้ผมและเพื่อนมากๆ
พระอาจารย์สุชาติ เป็นพระที่สมถะ มักน้อยสันโดษมาก ชีวิตส่วนใหญ่ท่านจะปฏิบัติอยู่บนเขาชีโอน ไม่รับกิจนิมนต์นอกวัด ท่านฉันข้าวมื้อเดียว ไม่ฉันน้ำปานะ จะฉันแต่น้ำเปล่าเท่านั้น ไม่มีพระคอยอุปัฏฐากดูแลท่าน ไม่มีรถยนต์ส่วนตัวเวลาขึ้นลงเขาท่านพระติดรถลูกศิษย์หรือเดินขึ้นลงเอง ครั้งหนึ่งท่านต้องการลงจากเขาเวลาเย็นจึงขอติดรถเพื่อนลงจากเขาเพื่อไปวัดญาณฯ มีครั้งหนึ่งมีลูกศิษย์นำเครื่องกรองอากาศมาถวายท่าน แต่ท่านไม่รับเพราะอากาศบนเขาดีอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องใช้
ตั้งแต่นั้นมาเมื่อมีเวลาว่างผมจะหาโอกาสไปฟังธรรมพระอาจารย์สุชาติบนเขาชีโอน และถวายภัตตาหารท่านที่วัดญาณฯ เป็นประจำ ติดขัดปัญหาจากการปฏิบัติก็จะนำไปเรียนถามท่านประจำ ปี 2557 จึงตัดสินใจซื้อบ้านอยู่ใกล้ๆ ท่าน ประมาณ 15-20 นาที นับเป็นสิ่งประเสริฐที่สุดที่ผมได้มาทำงานที่ระยอง คือ ได้ใกล้ชิด ฟังธรรมจากครูบาอาจารย์
ผมไปกราบท่านตั้งแต่ปี 2553-ปัจจุบัน ผมไม่เคยเห็นท่านรับกิจนิมนต์นอกวัดเลย ปัจจุบันท่านย้ายมาอยู่กุฏิเบอร์ 5 วัดญาณฯ เนื่องจากชราภาพมากแล้วแต่ก็เป็้นกุฏิเล็กๆ เหมือนพระลูกวัดทั่วไป
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต พระปฏิบัติ ผู้มักน้อยและสันโดษ
ผมมาทำงานระยองปีแรก 2553 ก็โทรหาอาจารย์โจ้ ผู้ก่อตั้งกลุ่มพุทธธรรมกรรมฐาน (สายหลวงปู่มั่น) หลายๆมหาวิทยาลัย เช่น ธรรมศาสตร์ จุฬา รามคำแหง หอการค้า เป็นต้น สอบถาม ว่าที่ระยองมีครูบาอาจารย์ท่านไหนน่ากราบไหว้บ้าง
อาจารย์โจ้ ให้รายชื่อครูบาอาจารย์มา 3 ท่าน คือ
1.พระอาจารย์สุชิน วัดธรรมสถิต (ศิษย์ท่านพ่อเฟื่องและหลวงตามหาบัว)
2.พระอาจารย์อนันต์ วัดมาบจันทร์ (ศิษย์หลวงปู่ชา)
3.พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวราราม (ศิษย์หลวงตามหาบัวและสมเด็จญาณ)
พระอาจารย์สุชาติ เรียนจบวิศว จากสหรัฐอเมริกา แต่มีความสนใจปฏิบัติตั้งแต่เด็ก เมื่อเรียนจบจึงตัดสินใจบวชตั้งแต่อายุ 20 กว่าๆ โดยบวชกับสมเด็จญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ที่วัดบวรฯ สมเด็จญาณให้ไปศึกษาธรรมกับองค์หลวงตามหาบัว ที่วัดป่าบ้านตาด เป็นเวลาถึง 10 พรรษา จนได้อรรถได้ธรรม หลวงตามหาบัว จึงให้กลับมาอยู่กับสมเด็จญาณ ที่วัดญาณสังวราราม จ.ชลบุรี ท่านไม่เคยรับกิจนิมนต์ออกจากวัดเลย
ผมจึงชวนเพื่อนสนิทไปกราบพระอาจารย์สุชินและพระอาจารย์อนันต์บ่อยๆ เพราะอยู่ใกล้ระยอง พระอาจารย์สุชาติ อยู่ใกล้สัตหีบ จึงไม่มีโอกาสได้ไป
เพราะไกลจากที่พักมาก จนกระทั่งปลายปี 2553 ผมอยากไปกราบท่านมากๆ จึงขอร้องให้เพื่อนพาไปกราบ (ผมยังไม่มีรถ)
ส.-อา. จึงขับรถไปวัดญาณ และสอบถามเจ้าหน้าที่และพระลูกวัดว่าท่านจำวัดที่กุฏิไหน ได้คำตอบว่า ท่านอยู่บนเขาชีโอนข้างๆวัด เป็นเขตอุทยาน เพื่อนจึงขับรถไปตามทางที่พระบอก มีเจ้าหน้าที่เฝ้าอยู่ทางเข้าเขาชีโอน จึงขออนุญาตขึ้นไปกราบพระอาจารย์สุชาติครับ เจ้าหน้าที่ก็ยิ้มแย้มและชี้ให้ขับรถขึ้นไปบนเขาชีโอนซึ่งเป็นเขาที่มีต้มไม้ร่มรื่น เงียบสงบมากๆ เขามีความสูงชันระดับหนึ่ง
เมื่อขึ้นไปบนเขา จะมีศาลาไม้เล็กๆ ศาลาหนึ่ง ชื่อว่า ศาลาจุลธรรม ที่ในหลวง ร.9 เคยตั้งใจจะสละราชสมบัติ มาบวชปฏิบัติ ณ ศาลาแห่งนี้ เป็นศาลาที่พระอาจารย์สุชาติใช้แสดงธรรม และมีกุฏิเล็กๆหลังหนึ่ง ขนาดเล็กมากๆ ประมาณ 10 ตรม. พออยู่ได้คนเดียว อยู่ไม่ไกลจากศาลาจุลธรรม
ตอนนั้นพระอาจารย์สุชาติยังไม่มีชื่อเสียงมาก ยังไม่ค่อยมีคนขึ้นไปกราบและฟังธรรมจากท่านมากเท่าไหร่ ผมและเพื่อนจึงได้มีโอกาสไปกราบท่านที่หน้ากุฏิ โดยได้เตรียมสังฆทานไปถวายท่าน ไม่นานพระอาจารย์สุชาติก็ออกมาต้อนรับและสนทนาธรรมด้วยที่หน้ากุฏิ ผมจึงแนะนำตัวเองว่าผมเพิ่งบวชศึกษาธรรมจาก พระอาจารย์โสภา วัดแสงธรรมวังเขาเขียว เมื่อต้นปี 2553 (พระอาจารย์โสภาเป็นศิษย์รุ่นน้อง) พระอาจารย์สุชาติ จึงเมตตาผมมากๆ สร้างความปีติให้ผมและเพื่อนมากๆ
พระอาจารย์สุชาติ เป็นพระที่สมถะ มักน้อยสันโดษมาก ชีวิตส่วนใหญ่ท่านจะปฏิบัติอยู่บนเขาชีโอน ไม่รับกิจนิมนต์นอกวัด ท่านฉันข้าวมื้อเดียว ไม่ฉันน้ำปานะ จะฉันแต่น้ำเปล่าเท่านั้น ไม่มีพระคอยอุปัฏฐากดูแลท่าน ไม่มีรถยนต์ส่วนตัวเวลาขึ้นลงเขาท่านพระติดรถลูกศิษย์หรือเดินขึ้นลงเอง ครั้งหนึ่งท่านต้องการลงจากเขาเวลาเย็นจึงขอติดรถเพื่อนลงจากเขาเพื่อไปวัดญาณฯ มีครั้งหนึ่งมีลูกศิษย์นำเครื่องกรองอากาศมาถวายท่าน แต่ท่านไม่รับเพราะอากาศบนเขาดีอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องใช้
ตั้งแต่นั้นมาเมื่อมีเวลาว่างผมจะหาโอกาสไปฟังธรรมพระอาจารย์สุชาติบนเขาชีโอน และถวายภัตตาหารท่านที่วัดญาณฯ เป็นประจำ ติดขัดปัญหาจากการปฏิบัติก็จะนำไปเรียนถามท่านประจำ ปี 2557 จึงตัดสินใจซื้อบ้านอยู่ใกล้ๆ ท่าน ประมาณ 15-20 นาที นับเป็นสิ่งประเสริฐที่สุดที่ผมได้มาทำงานที่ระยอง คือ ได้ใกล้ชิด ฟังธรรมจากครูบาอาจารย์
ผมไปกราบท่านตั้งแต่ปี 2553-ปัจจุบัน ผมไม่เคยเห็นท่านรับกิจนิมนต์นอกวัดเลย ปัจจุบันท่านย้ายมาอยู่กุฏิเบอร์ 5 วัดญาณฯ เนื่องจากชราภาพมากแล้วแต่ก็เป็้นกุฏิเล็กๆ เหมือนพระลูกวัดทั่วไป