จะจัดการความรู้สึกนี้ยังไง หรือต้องการกำลังใจจากใครซักคน

ขอเกริ่นก่อนเลยนะคะ ทางนี้แต่งงานกับสามีเนื่องจากการดูตัวค่ะ คุณพ่อฝั่งสามีเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับคุณแม่ฝ่ายเรา ที่ต่างประเทศค่ะ แล้วบังเอิญแม่สื่อมาที่บ้านเราแล้วเค้าพูดว่าบ้านของฝั่งสามีต้องการหาลูกสะใภ้ คุณแม่เลยบอกให้เราไปดูตัวค่ะ เนื่องจาก ชื่อเสียงของคุณแม่เราและพ่อเค้าค่อนข้างดังในหมู่บ้านที่ต่างประเทศ เกี่ยวกับเรื่องขยันทำงาน กตัญญู พอ 2 บ้านจะดองกันคนที่หมู่บ้านนั้นก้รู้กันหมดค่ะ 

นิสัยสามี เป็นคนขยันทำงานมาก เครียดกับทุกสิ่ง ทุกเรื่อง แม้กระทั่งเรื่องเล็กๆน้อยๆ เคยจะเลิกกันเนื่องจาก ทางเราไปแก้ไขเสริมคางเล็กน้อยค่ะ จนผญาติผู้ใหญ่ลงมาคุยไม่ให้เลิก ช่วงก่อนแต่งงานเวลาเค้าทำผิด ไม่เคยพูดคำว่าขอโทษ พอเรางอล กลายเป็นสุดท้ายเราเป็นฝ่ายผิด ครั้งแรกๆไม่คุยกัน 1-2 วัน จนหลังๆลามไปเกือบเดือนก็มีค่ะแต่ทุกครั้งเราจะเป็นคนทักไปให้เคลียร์กันเสมอ ถึงแม้เราจะเป็นฝ่ายถูกก้ตาม เข้าเรื่องเลยนะคะ

หลังจากแต่งงานไป เราบอกเค้าว่าจริงๆแล้วเงินค่าสินสอดคือส่วนของผู้หญิง ต้องถามฝ่ายหญิงว่ามองเป็นส่วนรวมไหม เค้าก็เอาไปถามบ้านเค้า แม่สามีแจ้งว่าเป็ยของฝ่ายหญิง อันนี้สงสัยค่ะมันควรเป็นส่วนของใครคะ หรือแล้วแต่ตกลงกัน เพราะหลังจากนั้นผ่านมา 3 ปี เค้าบอกว่า แม่สามีพูดแค่เรื่องให้จบเฉยๆแต่มันคือส่วนของทั้งคู่ค่ะ คือทางนี้ก็มีส่วนผิด คือเอาเงินสด(ไม่นับสินทรัพย์อื่นๆ) เอาไปลงทุน แต่ขาดทุนจนหมดค่ะ เค้าเลยมาโมโหเรื่องนี้ ที่เรานำเงินไปใช้จนหมด

ทุกวันนี้แต่งงาน ท้องลูกคนที่ 2 แล้ว ก็ยังโดนว่าตลอดเรื่องนี้ เราเข้าใจว่าเราผิดจริงค่ะ เค้าให้เราไปหางานทำข้างนอก ทั้งที่เรามีทำงานบ้านเค้า จันทร์-เสาร์ ตั้งแต่ 8.00-17.00 น. เค้าบอกให้เราทำงานบ้านเค้าเสร็จตอนเย็นไปเปิดร้านขายของแล้วค่อยกลับบ้านช่วงเที่ยงคืน เราเลยถามเค้าไปว่าแล้วเอาเวลาไหนเลี้ยงลูกคนโต เค้าบอกว่าเป็นหน้าที่พี่เลี้ยง พี่เลี้ยงก็มี เราโดนคำนี้มาตั้งแต่คลอดลูกคนแรกค่ะเค้าไม่เคยช่วยเราเลี้ยงลูกเลย พอวันอาทิตย์ก้บอกเค้าต้องการพักผ่อน ทำงานตอนเย็นเลิกงาน ก็แทบไม่ได้ช่วยดู เป็นหน้าที่พี่เลี้ยงกับเราที่ต้องสลับกัน ซึ่งเค้าน่าจะได้รับอิทธิพลความคิดว่าจากพ่อแม่เค้าค่ะว่าหน้าที่เลี้ยงลูกคือหน้าที่ผู้หญิง ตอนเราคลอดลูก แม่เค้าก็จะบอกไม่ต้อวปลุกเค้ามาช่วยเลี้ยงลูกเพราะเค้าทำงานหนัก แต่พอเราทำงานแล้ว แม่สามก็ยังคงพูดอยู่ว่าเค้าทำงานหนักทั้งที่เราก็ทำงานเหมือนกัน เค้าว่าเราตลอดให้ออกไปหางานทำเพิ่มทั้งที่เราก็ท้องอยู่ซึ่งอีก 3 เดือนจะคลอดลูก แต่พอเราถามเค้าว่า เค้าคิดอยากทำไรบ้างไหม เค้าบอกไม่อ่ะ เคสเรากับเธอไม่เหมือนกัน ของเราเป็นกงสี จะทำอะไรก็เงินรวม เราบอกไม่เกี่ยวพี่กับน้องเธอ ก็มีทำแยกออกมา

บางครั้งเราติดธุระ เช่นเรื่องสมัครเรียนขอลาวันเสาร์ครั้งเดียว เค้าก็ว่าเรา ไม่ให้เราไป บอกว่าเอาเรื่องไร้สาระมาทำให้เสียเวลางาน แต่เค้าก็มีลาไปทำเรื่องอะไรที่ไม่เกี่ยวกับงานก็บ่อย และ พี่ชายเค้าก็ลาบ่อยมากช่วงนี้เพราะติดสังคม แต่ไม่มีใครว่าอะไรพวกเค้าเลย แถมแม่สามียังบอกว่าเค้าไปหาสังคมนานๆทีไม่ผิด ทั้งที่ออกบอกมากค่ะ

เรื่องเงิน ก็เหมือนกันเงินเดือนเรา 25k ช่วงแรกๆเราพอมีเงิน เราซื้อของไม่เบิกเงินเค้าเลยค่ะ จนพอเราไม่ไหวเราก้เบิกบ้างเรื่องค่านม แพมเพิสลูก และมีแบ่งเงินของเรามาทำออมทรัพย์ให้ลูก 2 เล่มค่ะ เค้าหาว่าเราสปอยลูกเราเกินไป เงินตั้งเยอะทำไมใช้ไม่พอ ไม่เคยถามเราเลยว่า เงินใช้พอไหม มีอะไรต้องซื้อให้ลูกไหม พอเราบ่นบอกไม่ช่วยออกเค้าก้บอกว่า ไม่พูดแล้วจะรู้ไหมว่ามี แต่บางทีเราควรบอกเค้าหรอคะ ไม่ใช่ว่าเค้าต้องมาถามเราบ้างไหมคะ บอกก็บ่น ว่าใช้เงินเยอะ ไม่บอกก็บ่น ไม่รู้จะเอายังไงดีค่ะ ส่วนของที่ซื้อให้ลูก ก็พวกวิตามินบำรุงลูก เสื้อผ้า สบู่ หรือของใช้จำเป็น หนังสือนิทาน ของเล่นเสริมพัฒนาการ และอื่นๆ ทุกอย่างเราเป็นคนออกเองทั้งหมดค่ะ 

เราทำงานเหลือเวลาพักคือวันอาทิตย์ 1 วัน เราอยากพักบ้าง แต่พอหันไปหาลูกก้สงสาร เลยต้องยกวันนั้นให้ลูกแทน เราเคยบ่นให้สามีฟัง เค้าบอกว่าเราไม่ควรมีความคิดนี้ เราแต่งงาาน มีลูกแล้ว แต่ส่วนของเค้า บางทีเราฝากลูกให้เค้าดูแปปนึงเราขอเป่าผมก่อนหรือทำอะไรแปปนึง เค้ากลับนอนเล่นมือถือ ดูหนังให้ลูกเล่นคนเดียว จนลูกลงมาจากเตียงลงมานั่งเล่นข้างเรา บางทีเค้ายังไม่รู้เลย เราก้เหนื่อยเป็นนะ ออกไปไหนก็ไม่ค่อยได้ เพราะ เป็นผู้หญิง เพื่อนก็ไม่ได้เจอมาหลายปี แต่เค้าเวลาออกจากบ้าน พอเราบ่นเค้าบอกว่าเค้าไม่ได้กินเหล้ามานานแล้ว แต่นานของเค้าคือ 1 วีคหรือ 2 วีคค่ะ 

เราว่าสามีเราเค้าเรียงลำดับความสำคัญในชีวิตเค้าคือ 1.งาน 2.พ่อแม่และครอบครัวเค้า 3.ลูก 4.ภรรยา ไม่เคยถามว่าลูกวันนี้กินข้าวไหม กินอะไรกินเยอะไหม ป่วยหรือไม่สบายตรงไหนไหม สิ่งที่เค้าทำคือช่วงกลางวันกับก่อนนอน หอมลูก หัวเราะ เล่นกับลูกนิดหน่อย
บางทีลูกป่วย แบบเริ่มอาการหนัก เค้าก็บอกให้รอดูอาการที่บ้าน สุดท้ายลูกก็แอดมิด เพราะติดหลานๆที่บ้าน โดนกลุ่มโรคทางเดินหายใจ เช่น rsv โควิด หรืออื่นๆตั้งแต่ ลูก 4 เดือน รวมโดนกับกลุ่มโรคนี้ไป 6 รอบ แรกๆเข้าโรงพยาบาลทุกเดือน บางเดือน 2 โรคก้มีค่ะ บ้านเค้าปลูกฝังให้อยู่เป็นครอบครัว ซึ่งตอนนี้เป็นครอบครัวใหญ่ค่ะ อากง อาม่า พี่น้องสามี สะใภ้ และหลานๆ เวลาเราพูดกับเค้า 2 คนเรื่องอาการหวัดลูกคล้ายหลานเลย เค้าว่าเราทุกรอบว่าไปโทษหลานได้ยังไง ทั้งที่คุยกัน 2 คน จนล่าสุดเราโมโห นี่ปรึกษา แค่ 2 คนไม่ได้ไปโทษ หลานหรือพ่อแม่เค้าซะหน่อย แทนที่จะปกป้องลูก แต่ดันไปปกป้องหลานหรือคนอื่น 
 

คือเราอยากหาที่ระบายค่ะ อยากหาคนรับฟังและให้กำลังใจ เราเข้าใจนะคะ ทุกคนคงจะบอกให้เราออกมา แต่เราบ่นให้ที่บ้านฟังบ่อยค่ะ แต่บ้านเราเป็นคนจีนแท้ เค้าถือเรื่องหน้าตาเป็นสำคัญ เค้าไม่ให้เราหย่าค่ะ แถมเรายังโดนว่าอีก จะพาลูกออกไปทิ้งทุกอย่างก็รู้ว่าไม่มีปัญญาเลี้ยงให้เค้าได้ดีได้แน่ๆ จนมีครั้งนึงทนไม่ไหว บอกแม่เราว่า หาที่ระบายก็ไม่มีใครรับฟัง อยากให้เค้าอยู่ข้างเราแต่เค้ากับไม่ทำ สามีก็เป็นที่พึ่งให้ไม่ได้ ปรึกษาอะไรนิดหน่อยก็โดนด่าตลอด จนไม่อยากอยู่แล้วแต่เราเป็นห่วงลูกค่ะ ทุกวันนี้อยู่บ้านสามีไม่มีความสุขเลย โดนบั่นทอนจิตใจทุกวัน ทั้งแม่สามีและสามี เค้ามองสะใภ้ทุกคนเหมือนคนใช้ที่มีหน้าที่ทำงานและผลิตลูกให้เค้าแค่นั้นค่ะ 

จะเปลี่ยนความคิดสามียังไงดีให้ดีขึ้น หรือควรทำยังไงให้ตัวเองอึดและทนมากกว่านี้คะ จริงๆ เราอยากให้เค้ารู้สึก ถ้าลูกโตแล้วลูกไม่เอาเค้าหรือเชื่อพี่เลี้ยงมากกว่า แต่ถึงเวลานั้นเค้าก็คงมาโทษเราว่าไม่สอนลูกให้รักเค้า แต่เราแทบไม่เคยเห็นว่าเค้าสามารถอยู่กลับลูก แบบเลี้ยงคนเดียวได้เกิน 1 ชม.เลยค่ะ อยากให้เค้าใส่ใจความรู้สึกมากกว่านี้ทั้งเราและลูก ปกป้องเราหากแม่สามีพูดจาไม่ดีใส่ 

ตอนนี้ก็อยากหาอะไรทำเพิ่มที่สามารถมีเงินเลี้ยงลูกได้มากกว่านี้ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่