จ้างพี่เลี้ยง โดนแขวะว่าจะมีลูกทำไม

เราเป็นแม่บ้านfull-time หน้าที่หลักคือ ดูความเรียบร้อยในบ้าน จัดหาอาหารให้สามีมื้อเช้ากับเย็น ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของเค้า ส่วนสามีทำกิจการของครอบครัว ตอนยังไม่ท้องก็มีแม่บ้านทำความสะอาดบ้านแบบไป-กลับ มาทำงานสัปดาห์ละ6วัน
พี่เราชอบพูดว่า อยู่ว่างๆทำไมไม่ทำเอง งานการก็ไม่ได้ทำ วันๆทำอะไรที่เป็นประโยชน์บ้าง (สามีไม่เคยเดือดร้อนกับเรื่องนี้ เค้าสนับสนุนให้จ้างเพราะไม่อยากให้เราเหนื่อย) เราฟังบ่อยๆก็ไม่โอเค จนต้องไปนั่งคุยกับ psychologist
ตอนนี้ใกล้คลอดครรภ์แฝด ตกลงกับสามีว่า จ้างพี่เลี้ยง2คน ให้มาอยู่ที่บ้านก่อนคลอด นี่ก็มากันครบแล้ว ช่วงนี้ยังไม่มีงานให้เค้าทำมากนัก เค้าก็จัดของน้อง เตรียมของ เตรียมห้องน้อง ดูแลเรา หยิบจับนั่นนี่ เตรียมอาหารให้เรา แบ่งเบาหน้าที่สามี สามีก็วุ่นวายกับทำงาน และซื้อของกินเข้าบ้าน(ปกติเป็นหน้าที่เรา) เพราะเราท้องโตมาก ยืนเดินไม่ค่อยไหว มีภาวะท้องแข็งถี่จนได้แอดมิท กลับมาอยู่บ้านก็นอนนิ่งๆทั้งวัน ขึ้นลงบันไดลำบาก ปวดหน่วงไปหมด
หลังคลอดกะให้พี่เลี้ยงช่วยประกบน้อง 1:1  อาจนอนกับน้องด้วย เพราะสามีเราต้องทำงาน ไม่นอนไม่ได้จริงๆ ส่วนเราตั้งใจปั๊มนม ทั้งวันทั้งคืนตามรอบ ถ้าพาเข้าเต้า2 คนกลัวเราไม่ไหว และสอนพัฒนาการลูก คุยภาษาอังกฤษกับลูก เราเองก็อยู่กับลูกและพี่เลี้ยง24/7 คอยตรวจเช็คงานพี่เลี้ยงค่ะ

วันนี้โทรคุยกับแม่ แม่ถามถึงพี่เลี้ยงกับแม่บ้านว่าเป็นยังไงบ้าง เราก็ตอบตามที่เค้าถาม อยู่ดีๆแม่พูด “ถ้าให้คนอื่นเลี้ยงจะมีลูกทำไม”
เราถามกลับว่า เกี่ยวอะไรกัน?
จนตอนนี้ก็ยัง งงอยู่ เพราะคิดว่าแม่เราน่าจะเข้าใจเราที่สุด 0.0 ก่อนหน้าที่เคยคุยกันยังสนับสนุนให้มีพี่เลี้ยงอยู่เลย

มันผิดมากเหรอคะที่จ้างคนมาช่วยเลี้ยงทั้งที่เราไม่ได้ทำงาน เรากับสามีไม่ได้ลำบากเรื่องเงินที่จ้างพี่เลี้ยง2 แม่บ้าน1 ค่ะ
อาจจะใกล้คลอดเลยSensitiveมั้งคะถึงได้เก็บมาคิด เพราะเป็นคำพูดจากแม่ด้วย ผู้ซึ่งเราคุยด้วยเกือบทุกวัน -.-
(ไม่ได้ตั้งกระทู้เพื่อให้ใครมาด่าแม่นะคะ เห็นบางคอมเม้นบอกแทนที่จะเก็บไว้ในใจ ตั้งให้คนด่าแม่ทำไม เป็นงงค่ะ คุณคะ ตั้งเพราะอยากdiscussกับคนอื่น อยากฟังความเห็นที่หลากหลายที่มีประโยชน์ค่ะ เรากับสามีไม่เคยมีลูก มือใหม่กันทั้งคู่ก็อยากได้ข้อมูลดีๆจากผู้มีประสบการณ์)

ปล ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นมากนะคะ ไม่คิดว่าจะมีคนเข้ามาตอบ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เสนอแนะ และให้กำลังใจกันเยอะขนาดนี้ เราได้แนวคิดที่ควรนำไปปรับใช้พอสมควรค่ะ
ส่วนใครจะเม้นจิกกัดขอผ่านก่อนนะคะ ช่วงนี้ใจบาง ไม่พร้อมรับพลังลบค่า
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 30
เราท้องอยู่ ใกล้จะคลอดเช่นกัน ขนาดลูกคนเดียวเรายังจะอยากจ้างพี่เลี้ยงเลยค่ะ แต่เรากลับกันกับคุณตรง เราคนทำงานหาเงินเป็นหลัก เราขอให้สามีดูแลลูก พร้อมจ้างพี่เลี้ยงให้1คน พอดีชอบทำงานอยู่บ้านแล้วเบื่อ เพราะเราว่าการดูแลลูกมันหนักนะ ถ้าเรามีปัญญาจ้างมาแบ่งเบาดูแลข้าวของ ซักผ้า ล้างขวดนม ช่วยเลี้ยงเราก็อยากจ้างช่วยสามี ยังเคยคุยกันว่าถ้าแฝดเราต้องจ้าง2ประกบคนต่อคนเพราะเราทำหลอดแก้ว แต่บังเอิญสุดท้ายเราเลือกมีทีละคนกลัวอุ้มท้องไม่ไหว

มีพี่เลี้ยงไม่เห็นผิดตรงไหน คุณก็อยู่กับเค้า ได้เลี้ยงดูเค้า ได้สอนเค้าอยู่ดี แต่มีคนช่วยแบ่งเบา ไม่ต้องคิดมากค่ะ

เราว่าชีวิตคุณน่าอิจฉามากกว่านะ ♥️

ผู้ใหญ่บางทีก็แบบนี้แหละ คิดอะไรต่างจากรุ่นเราๆ อย่างบ้านเราพ่อบอกไม่ต้องรีบนั่งคาซีทหลอกให้โตก่อน เราบอกไม่ได้ต้องนั่งตั้งแต่แรกเลย เพื่อความปลอดภัย และให้เด็กชิน พ่อเราก็บอกโตก่อนมันก็รู้เรื่องค่อยให้นั่ง คือความเห็นไม่ตรงกันในแต่ละรุ่นเป็นเรื่องปกติจ้า
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 58
ครอบครัวของเรา ถ้าเราดูแลครอบครัวตัวเองด้วยกำลังของตัวเอง ไม่จำเป้นต้องไปฟังแม่ในประเด็นเรื่องจ้างพี่เลี้ยงครับ

แต่แอบเป็นห่วงเรื่องให้เด็กนอนกับพี่เลี้ยง รวมถึงเรื่องอื่นๆ ที่คุณยังไม่ได้เล่า เช่น
- ป้อนนมนี่ใครป้อนครับ
- อุ้มกล่อมลูกนี่ใครทำครับ
- ลูกร้องไห้ใครเข้ามาอุ้มปลอบครับ

เรื่องที่น่าเป็นห่วงมากๆ คือเรื่องสายสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกครับ เด็กเล็กเดือนแรกยังมองไม่เห็นอะไรรับรู้จากการสัมผัสเป็นหลัก กลิ่นกาย น้ำเสียงโดยเฉพาะเวลาที่เค้าร้องไห้แล้วมีคนมาปลอบคือสิ่งที่ลูกจดจำอยู่ในใต้สำนึก  โดยปกติที่ลูกส่วนใหญ่มักจะผูกพันและต้องการแม่มากกว่าพ่อก็เพราะเรื่องเหล่านี้ครับ  แต่ถ้าเรื่องพวกนี้กลายเป็นงานของพี่เลี้ยง  สายสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกจะบอบบางลงไปเยอะเลยครับ   เรื่องอ่านหนังให้ลูกฟังก็เป็นเรื่องที่ดีมากครับ  แต่อย่าลืมว่าความความผูกพันของคนเราจะแน่นแฟ้นมากกว่าเวลาที่คนเรามีปัญหาหรือรู้สึกไม่ปลอดภัยครับ   หากคุณเอา 3 เรื่องข้างต้นให้เป็นงานส่วนใหญ่ของพี่เลี้ยงก็น่าเสียดายครับ

เรื่องปั๊มนมแม่ จริงๆ แล้วมีไว้สำหรับแม่ที่ต้องทำงาน  หากเป็นคุณแม่ฟูลไทม์ นมจากเต้าคือดีที่สุดครับ ดีทั้งในแง่สารอาหารและการสร้างสายสัมพันธ์  และหากต้องการให้ลูกกินนมแม่ยาวๆ หลังจากที่นมแม่หมดไปแล้ว คุณสามารถให้นมจากเต้าไปด้วยและเอาส่วนที่ยังเหลือปั๊มเก็บไว้ได้ด้วย บ้านผมก็ทำแบบนั้นครับ

เรื่องตื่นกลางดึก ลองดูก่อนไหมครับ อย่าเพิ่งไปคิดล่วงหน้า ลองอดทนดูก่อนครับ  อย่างผมเองก็ทำงานส่วนตัวแต่ก็ให้ลูกนอนห้องเดียวกันทั้ง 2 คนแต่แยกเตียงกับพ่อแม่   ลูกจะตื่นบ่อยแค่ 1-3 เดือนแรกเท่านั้นเอง หลังจากนั้นจะตื่นน้อยลงมาก  การลุกขึ้นมาปั๊นนมก็ไม่ได้ทำให้ลูกตื่นนะเพราะนอนคนละเตียง  พอคุณแม่ตื่นเค้าก็แอบออกมาปั๊มนอกห้องนอน  การนอนห้องเดียวกัน ความสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่ห้องเดียวกันหรอกครับ  มันสำคัญตรงที่เวลาเค้ากลัว ฝันร้าย หรือผวาตื่นขึ้นมาแล้วใครเป็นคนเข้ามาปลอบ

- เด็กหิวกลางดึก แค่ร้อง เดี๋ยวก็มีนมลอยมาเข้าปากให้หายหิว    
- เด็กฉี่/อึ๊ เลอะแพมเพิสแล้วอึดอัด เดี๋ยวแพมเพิสก็ลอยมาเปลี่ยนให้  
- เด็กฝันร้าย/ผวาตื่น มีคนคอยเข้ามาปลอบประโลมด้วยอกอุ่นๆและน้ำเสียงที่อ่อนโยน  

คนที่เข้ามาทำเรื่องพวกนี้นี่แหละคือเทวดาของลูก  ถ้าพ่อแม่ทำเองเค้าก็เรียกว่าพ่อแม่เป็นเทวดาของลูก  ถ้าพี่เลี้ยงทำ พี่เลี้ยงก็เป็นที่พึ่งหรือเสาหลักของลูกแทน

ไม่ต้องเชื่อผมทั้งหมดก็ได้ แต่อยากให้ลองอ่านพวกหนังสือจิตวิทยาและพัฒนาการเด็กเล็ก แล้วปรับกระบวนการเลี้ยงให้เหมาะสมกับครอบครัวของคุณครับ   เช่นเอางานที่ต้องใกล้ชิดถึงเนื้อถึงตัวลูก (ป้อนนม อาบน้ำ เปลี่ยนเพิส ล้างก้น อุ้มกล่อม) มาไว้กับพ่อแม่   แล้วเอางานอื่นๆ (ซื้อข้าว ล้างขวดนม ซักผ้า คุยภาษาอังกฤษ)  ให้พี่เลี้ยงช่วยทำแทนครับ   การเลี้ยงเด็ก 1 ปี แรกสำคัญที่สุด 2-3 ปี รองลงมา  ถ้ายิ่งโต จะยิ่งสร้างสายสัมพันธ์ได้ยากขึ้นครับ   การใกล้ชิดและสร้างสายสัมพันธ์จะช่วยให้พ่อแม่เข้าใจความคิดจิตใจเด็กซึ่งจะช่วยให้เราเข้าใจตรรกะและวิธีของลูกได้ดีครับ
ความคิดเห็นที่ 1
คุณเป็นภรรยา เป็นแม่ สำหรับครอบครัวคุณเองค่ะ และไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ใครยอมรับหรือเข้าใจข้อจำกัดของคุณเลยค่ะ

ว่าง่ายๆคือไม่ใช่เรื่องที่คนนอก แม้จะเป็นคนใกล้ชิดคุณ จะมาตัดสิน ถูก ผิด เรื่องชีวิตของคุณค่ะ ดังนั้น ไม่มีใครจำเป็นต้องเข้าใจนอกจากคุณและสามีค่ะ

ใกล้จะคลอดแล้วมีความสุขดีกว่านะคะคุณแม่ น้องแฝดต้องน่ารักมากแน่ๆเลยค่ะ คิดถึงเรื่องดีๆเข้าไว้ คุณกำลังจะเป็นคุณแม่ลูก 3 มีน้องน่ารักตัวหอมๆนุ่มนิ่มรุมกอดรุมหอมแก้มคุณแม่ น่าชื่นใจที่สุดเลยค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่