นับเป็นอีกหนึ่งสถิติของตลาดหุ้นไทยที่ไม่มีใครอยากให้จารึกไว้กับการเทขายอย่างถล่มทลายของนักลงทุนต่างชาติ โดยเป็นการขายสุทธิติดต่อกันเกินกว่า 20 วันทำการ รวมเป็นมูลค่า 39,716 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการขายติดกันยาวนานที่สุด
ลำดับที่ 5 ในรอบกว่า 20 ปีของตลาดหุ้นไทย และจากเหตุการณ์นี้จึงทำให้เกิดการตีความไปต่างๆนานา ทั้งในมุมเชิงลบอย่างการหมดอนาคตของตลาดหุ้นไทย หรือในมุมเชิงบวกกึ่งเข้าข้างตัวเองอย่างการยิ่งขายเยอะยิ่งใกล้จะต้องซื้อกลับ แล้วคำถามคือฝั่งไหนถูก ? เราจะมาลองวิเคราะห์คำตอบกันจากข้อมูลการขายติดกันนานสุดลำดับ 1-4 ในประวัติศาสตร์ ดังนี้
รูปแสดงการขายติดต่อกันของต่างชาติและการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในช่วงปี 2008-2009
อันดับที่ 1 ปี 2008 วิกฤตซัพไพร์ม “26 วัน”
สำหรับสถิติการขายติดต่อกันยาวนานที่สุดของต่างชาติ คงต้องย้อนกลับไปถึง 16 ปีก่อนกับช่วงวิกฤตซัพไพร์ม ที่ต่างชาติแสดงอิทธิฤทธิ์กระหน่ำขายหนักแบบทิศทางเดียว ซึ่งสถิติที่ทำไว้ในตอนนั้น คือ 26 วันทำการ รวม 43,410 ล้านบาท และเป็นระยะต้นทางของขาลงครั้งใหญ่ (วงกลมสีฟ้า) ก่อนที่จะยังคงขายต่อเนื่องไปอีกเป็นเวลากว่าครึ่งปีกดดัชนีให้ลงลึก และเมื่อวิกฤตเริ่มคลี่คลายแล้ว จึงซื้อกลับและรีบาวแรงในปีถัดไป (2009) อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้คงไม่สามารถอ้างอิงปัจจุบันได้ เนื่องจากสถานการณ์ที่แตกต่างกันโดยครั้งนั้นเกิดจากวิกฤตการณ์โลก ส่วนในครั้งนี้เกิดจากแค่ในไทยเท่านั้น ดังนั้นเรามาพิจารณาดูกันต่อที่อันดับถัดมา
รูปแสดงการขายติดต่อกันของต่างชาติและการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในช่วงปี 2016
อันดับที่ 2 ปี 2016 ข่าวร้ายในประเทศ “25 วัน”
เป็นช่วงเหตการณ์สูญเสียที่คนไทยต่างไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น โดยหลังจากที่เรื่องนี้เกิดขึ้นทำให้ต่างชาติเองก็กังวลกับความสั่นคลอนของประเทศ จึงเทขายหุ้นติดต่อกันถึง 25 วันทำการ
แต่ก็ไม่สามารถจะกดให้ตลาดหุ้นลงได้ (วงกลมสีฟ้า) เนื่องจากกลุ่มคนในประเทศทั้ง 3 กลุ่ม ต่างสามัคคีกัน (โดยเฉพาะกองทุน) ซื้อพยุงจนสุดท้ายต่างชาติต้องกลับลำมาซื้อจนกลายเป็นขาขึ้นต่อทันที โดยเหตุการณ์นี้นับเป็นเพียงไม่กี่ครั้งที่ต่างชาติผิดทางอย่างชัดเจน และทำให้รู้ว่า
หากถ้าทุกกลุ่มในประเทศช่วยกันซื้อหุ้นก็เอาชนะ Flow ขายของต่างชาติและบังคับให้พวกเขาต้อง Cover Short พร้อมซื้อหุ้นกลับ โดยเราก็หวังว่าในปี 2024 หรือในอนาคตอันใกลนี้จะเป็นแบบนี้อีกครั้ง
รูปแสดงการขายติดต่อกันของต่างชาติและการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในช่วงปี 2013
อันดับที่ 3 ปี 2013 วิกฤตยุโรป “23 วัน”
จริง ๆ เคสนี้ควรถูกยกให้เป็นการขายติดกันมากสุดในประวัติศาสตร์ พราะหากไม่มีวันที่กลับมาซื้อเพียง 1 วันและแค่ 31 ล้านบาท เราจะได้เห็นสถิติการขายติดต่อกันถึง 40 วันทำการ ! ซึ่งหากพิจารณาเฉพาะข้อมูลที่เกิดขึ้นจริง จะเป็นการขายติดกันถึง 23 วันทำการรวม 67,033 ล้านบาท (กรอบสีฟ้าซ้ายมือ) และก็เป็นอีกครั้งทีตอกย้ำว่าในทุกรอบที่ถูกขายติดต่อกัน จะตามมาพร้อมกับการรีบาวขึ้นแรง โดยในรอบนี้ตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลดลงตาม Flow อย่างที่ควรจะเป็น แต่ก็ใช้เวลาเพียงแค่ไม่ถึง 1 เดือนหลัง Flow ขายของต่างชาติหยุดลงในการรีบาวกลับเป็นขาขึ้นแรงอีกครั้ง และก็หวังว่าในปัจจุบันนี้เราจะได้เห็นภาพแบบนี้ที่ไม่ได้เห็นมานาน
รูปแสดงการขายติดต่อกันของต่างชาติและการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในช่วงปี 2015
อันดับ 4 ปี 2018 สงครามการค้าจีน VS สหรัฐ “22 วัน”
สำหรับเหตุการณ์นี้เป็นลำดับสุดท้ายของการขายติดต่อกันเกิน 20 วันทำการของต่างชาติ โดยเป็นสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ ที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นทั่วทั้งโลกในไตรมาสสุดท้ายของปี 2018 โดยต่างชาติได้ทำการขายหุ้นไทย 22 วันติดกันรวม 66,963 ล้านบาท จากนั้นตลาดหุ้นก็ทำ Sideway Down คล้ายกับปัจจุบัน ก่อนที่จะมีการรีบาวกลับในช่วงต้นปี
สรุปแล้วตลาดหุ้นมีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นเพิ่มหลังจากผ่านช่วงการขายหุ้นติด ๆ กันของต่างชาติ โดยตัดกลับมาที่ปัจจุบัน (24 มิ.ย.) ซึ่งเป็นวันที่ต่างชาติได้ทำการขายติดต่อกัน 22 วันทำการ และหากในสัปดาห์นี้ต่างชาติมีการขายติดต่อกันทั้งสัปดาห์ตลอด 5 วันทำการ ก็จะกลายเป็นสถิติใหม่ในทันที แต่อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่านักลงทุนทุกท่านคงคาด(หวัง)ว่ามันจะไม่เกิดขึ้น เนื่องจากในต้นสัปดาห์หน้า (1 ก.ค.) ตลาดหลักทรัพย์กำลังประกาศใช้มาตรการสำคัญ "Uptick Rule" เพื่อคุมการ Short Sell อย่างเข้มงวด ซึ่งอาจเป็นจังหวะที่เหมาะสม ที่จะทำให้ต่างชาติหยุดขายสุทธิและหยุดสถิติการขายติดต่อกันนานสุดนี้ และส่งผลให้คลาดกลับตัวเป็นขาขึ้นเหมือนเช่นที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
สุดท้ายเราเองก็ไม่รู้ว่ามาตรการครั้งนี้ จะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของตลาดหรือไม่ เพราะหลายคนก็มองว่าต่อให้คุมเข้มงวดแค่ไหน ก็ยังสามารถ Short Sell หรือขายหุ้นได้อยู่ดี แต่โดยส่วนตัวเราและจากข้อมูลที่เก็บรวบรวมไว้ เราคิดว่ามาตรการนี้จะช่วยส่งผลในทางบวกอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเราจะนำมาเปิดเผยให้บทความถัดไป ติดตามกันไว้นะครับ และหวังว่าในไตรมาสหน้าหรือครึ่งปีหลังนี้ จะเป็นฤกษ์งามยามดีให้กับนักลงทุน หลังจากต้องทนกับสภาวะตลาดขาลงมาเป็นเวลากว่าปีครึ่ง รวมถึงจะช่วยให้เราสามารถทำ Challenge
"Live Trade TFEX" ได้ตามเป้าที่ต้องการ โดยเราพร้อมจะนำกำไรที่ได้ตอบแทนคืนสังคมและทุกคนที่ติดตาม ฝากเป็นกำลังใจให้เราด้วยการติดตามด้วยนะครับ และถ้าทำสำเร็จเราจะนำหลักการที่ใช้มาเผยแพร้ให้กับทุกท่านได้นำไปใช้กันต่อ ขอบคุณครับ
Credit :
https://www.facebook.com/tfexforfuture
ร่วมพูดคุยทิศทางหุ้น,TFEX
Line OpenChat : TFEX For Future
https://line.me/ti/g2/btLW138AZRRYIUeuCe-5GQ
ต่างชาติขายหุ้นติดต่อกัน 20 วัน❗จุดซื้อหรือจุดขายมาดูกัน
นับเป็นอีกหนึ่งสถิติของตลาดหุ้นไทยที่ไม่มีใครอยากให้จารึกไว้กับการเทขายอย่างถล่มทลายของนักลงทุนต่างชาติ โดยเป็นการขายสุทธิติดต่อกันเกินกว่า 20 วันทำการ รวมเป็นมูลค่า 39,716 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการขายติดกันยาวนานที่สุดลำดับที่ 5 ในรอบกว่า 20 ปีของตลาดหุ้นไทย และจากเหตุการณ์นี้จึงทำให้เกิดการตีความไปต่างๆนานา ทั้งในมุมเชิงลบอย่างการหมดอนาคตของตลาดหุ้นไทย หรือในมุมเชิงบวกกึ่งเข้าข้างตัวเองอย่างการยิ่งขายเยอะยิ่งใกล้จะต้องซื้อกลับ แล้วคำถามคือฝั่งไหนถูก ? เราจะมาลองวิเคราะห์คำตอบกันจากข้อมูลการขายติดกันนานสุดลำดับ 1-4 ในประวัติศาสตร์ ดังนี้
รูปแสดงการขายติดต่อกันของต่างชาติและการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในช่วงปี 2008-2009
อันดับที่ 1 ปี 2008 วิกฤตซัพไพร์ม “26 วัน”
สำหรับสถิติการขายติดต่อกันยาวนานที่สุดของต่างชาติ คงต้องย้อนกลับไปถึง 16 ปีก่อนกับช่วงวิกฤตซัพไพร์ม ที่ต่างชาติแสดงอิทธิฤทธิ์กระหน่ำขายหนักแบบทิศทางเดียว ซึ่งสถิติที่ทำไว้ในตอนนั้น คือ 26 วันทำการ รวม 43,410 ล้านบาท และเป็นระยะต้นทางของขาลงครั้งใหญ่ (วงกลมสีฟ้า) ก่อนที่จะยังคงขายต่อเนื่องไปอีกเป็นเวลากว่าครึ่งปีกดดัชนีให้ลงลึก และเมื่อวิกฤตเริ่มคลี่คลายแล้ว จึงซื้อกลับและรีบาวแรงในปีถัดไป (2009) อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้คงไม่สามารถอ้างอิงปัจจุบันได้ เนื่องจากสถานการณ์ที่แตกต่างกันโดยครั้งนั้นเกิดจากวิกฤตการณ์โลก ส่วนในครั้งนี้เกิดจากแค่ในไทยเท่านั้น ดังนั้นเรามาพิจารณาดูกันต่อที่อันดับถัดมา
รูปแสดงการขายติดต่อกันของต่างชาติและการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในช่วงปี 2016
อันดับที่ 2 ปี 2016 ข่าวร้ายในประเทศ “25 วัน”
เป็นช่วงเหตการณ์สูญเสียที่คนไทยต่างไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น โดยหลังจากที่เรื่องนี้เกิดขึ้นทำให้ต่างชาติเองก็กังวลกับความสั่นคลอนของประเทศ จึงเทขายหุ้นติดต่อกันถึง 25 วันทำการ แต่ก็ไม่สามารถจะกดให้ตลาดหุ้นลงได้ (วงกลมสีฟ้า) เนื่องจากกลุ่มคนในประเทศทั้ง 3 กลุ่ม ต่างสามัคคีกัน (โดยเฉพาะกองทุน) ซื้อพยุงจนสุดท้ายต่างชาติต้องกลับลำมาซื้อจนกลายเป็นขาขึ้นต่อทันที โดยเหตุการณ์นี้นับเป็นเพียงไม่กี่ครั้งที่ต่างชาติผิดทางอย่างชัดเจน และทำให้รู้ว่า หากถ้าทุกกลุ่มในประเทศช่วยกันซื้อหุ้นก็เอาชนะ Flow ขายของต่างชาติและบังคับให้พวกเขาต้อง Cover Short พร้อมซื้อหุ้นกลับ โดยเราก็หวังว่าในปี 2024 หรือในอนาคตอันใกลนี้จะเป็นแบบนี้อีกครั้ง
รูปแสดงการขายติดต่อกันของต่างชาติและการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในช่วงปี 2013
อันดับที่ 3 ปี 2013 วิกฤตยุโรป “23 วัน”
จริง ๆ เคสนี้ควรถูกยกให้เป็นการขายติดกันมากสุดในประวัติศาสตร์ พราะหากไม่มีวันที่กลับมาซื้อเพียง 1 วันและแค่ 31 ล้านบาท เราจะได้เห็นสถิติการขายติดต่อกันถึง 40 วันทำการ ! ซึ่งหากพิจารณาเฉพาะข้อมูลที่เกิดขึ้นจริง จะเป็นการขายติดกันถึง 23 วันทำการรวม 67,033 ล้านบาท (กรอบสีฟ้าซ้ายมือ) และก็เป็นอีกครั้งทีตอกย้ำว่าในทุกรอบที่ถูกขายติดต่อกัน จะตามมาพร้อมกับการรีบาวขึ้นแรง โดยในรอบนี้ตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลดลงตาม Flow อย่างที่ควรจะเป็น แต่ก็ใช้เวลาเพียงแค่ไม่ถึง 1 เดือนหลัง Flow ขายของต่างชาติหยุดลงในการรีบาวกลับเป็นขาขึ้นแรงอีกครั้ง และก็หวังว่าในปัจจุบันนี้เราจะได้เห็นภาพแบบนี้ที่ไม่ได้เห็นมานาน
รูปแสดงการขายติดต่อกันของต่างชาติและการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในช่วงปี 2015
อันดับ 4 ปี 2018 สงครามการค้าจีน VS สหรัฐ “22 วัน”
สำหรับเหตุการณ์นี้เป็นลำดับสุดท้ายของการขายติดต่อกันเกิน 20 วันทำการของต่างชาติ โดยเป็นสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ ที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นทั่วทั้งโลกในไตรมาสสุดท้ายของปี 2018 โดยต่างชาติได้ทำการขายหุ้นไทย 22 วันติดกันรวม 66,963 ล้านบาท จากนั้นตลาดหุ้นก็ทำ Sideway Down คล้ายกับปัจจุบัน ก่อนที่จะมีการรีบาวกลับในช่วงต้นปี
สรุปแล้วตลาดหุ้นมีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นเพิ่มหลังจากผ่านช่วงการขายหุ้นติด ๆ กันของต่างชาติ โดยตัดกลับมาที่ปัจจุบัน (24 มิ.ย.) ซึ่งเป็นวันที่ต่างชาติได้ทำการขายติดต่อกัน 22 วันทำการ และหากในสัปดาห์นี้ต่างชาติมีการขายติดต่อกันทั้งสัปดาห์ตลอด 5 วันทำการ ก็จะกลายเป็นสถิติใหม่ในทันที แต่อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่านักลงทุนทุกท่านคงคาด(หวัง)ว่ามันจะไม่เกิดขึ้น เนื่องจากในต้นสัปดาห์หน้า (1 ก.ค.) ตลาดหลักทรัพย์กำลังประกาศใช้มาตรการสำคัญ "Uptick Rule" เพื่อคุมการ Short Sell อย่างเข้มงวด ซึ่งอาจเป็นจังหวะที่เหมาะสม ที่จะทำให้ต่างชาติหยุดขายสุทธิและหยุดสถิติการขายติดต่อกันนานสุดนี้ และส่งผลให้คลาดกลับตัวเป็นขาขึ้นเหมือนเช่นที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
สุดท้ายเราเองก็ไม่รู้ว่ามาตรการครั้งนี้ จะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของตลาดหรือไม่ เพราะหลายคนก็มองว่าต่อให้คุมเข้มงวดแค่ไหน ก็ยังสามารถ Short Sell หรือขายหุ้นได้อยู่ดี แต่โดยส่วนตัวเราและจากข้อมูลที่เก็บรวบรวมไว้ เราคิดว่ามาตรการนี้จะช่วยส่งผลในทางบวกอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเราจะนำมาเปิดเผยให้บทความถัดไป ติดตามกันไว้นะครับ และหวังว่าในไตรมาสหน้าหรือครึ่งปีหลังนี้ จะเป็นฤกษ์งามยามดีให้กับนักลงทุน หลังจากต้องทนกับสภาวะตลาดขาลงมาเป็นเวลากว่าปีครึ่ง รวมถึงจะช่วยให้เราสามารถทำ Challenge "Live Trade TFEX" ได้ตามเป้าที่ต้องการ โดยเราพร้อมจะนำกำไรที่ได้ตอบแทนคืนสังคมและทุกคนที่ติดตาม ฝากเป็นกำลังใจให้เราด้วยการติดตามด้วยนะครับ และถ้าทำสำเร็จเราจะนำหลักการที่ใช้มาเผยแพร้ให้กับทุกท่านได้นำไปใช้กันต่อ ขอบคุณครับ
Credit : https://www.facebook.com/tfexforfuture
ร่วมพูดคุยทิศทางหุ้น,TFEX
Line OpenChat : TFEX For Future
https://line.me/ti/g2/btLW138AZRRYIUeuCe-5GQ