จะมีตัวชี้วัดหรือเส้นแบ่งใดไหมระหว่างความทุกข์กับความสุข
ปิ่นรู้สึกตัวว่าเธอกำลังยืนอยู่ตรงกลางของอุโมงค์ยาว ที่ปลายด้านหนึ่งสว่างจ้าและเธอมองเห็นชัดว่าปากอุโมงค์ด้านนั้นคือความทุกข์
แต่พอหันไปอีกด้าน ปลายทางของมันคือ ความสุข....แต่ช่างมืดมิด
หญิงสาวยืนนิ่งอยู่ตรงกลาง ระหว่าง ความทุกข์กับความสุข
เธอไม่ทุกข์ แต่ก็ไม่มีความสุข
แล้วการที่เราไม่มีความสุข จะเรียกว่ามีความทุกข์ไหม ปิ่นตอบตัวเองไม่ได้
เธอไม่เดินไปยังด้านสว่างเพราะรู้ว่านั่นคือทุกข์
แต่เธอก็ไม่กล้าเดินไปยังด้านมืด เพราะไม่แน่ใจว่ามีความสุขอยู่ตรงนั้นไหม
“ไม่มีความทุกข์ก็ดีแล้วไงปิ่น” เพื่อนบอก มีกระแสเสียงหมั่นไส้อยู่ตรงนั้น และเพื่อนคงอยากจะพูดต่ออีกว่า
“โชคดีกว่าคนอื่นแล้วยังจะเรียกร้องอะไรอีก” แต่เพื่อนก็ไม่ได้พูดออกมา
ผิดหรือที่คนเราอยากจะมีความสุข
ปิ่นไม่ชอบชีวิตตัวเองเลย เหมือนอยู่ไปวัน ๆ ตื่นเช้าขึ้นมารีบแต่งตัวไปทำงาน มีชีวิตที่รีบเร่ง เหน็ดเหนื่อยเพื่อแลกกับเงินเดือน เพื่อเอาไว้ซื้อหา
ปัจจัยสี่ หรือ ห้า หรือ หก
ปิ่นไม่มีหนี้สิน หรือภาระใด ๆ ซึ่งคนรอบข้างต่างพากันอิจฉา
วัน คืน สัปดาห์ เดือน ผ่านไปเรื่อย ๆ ไม่ทุกข์แต่ก็ไม่สุข
ปิ่นยังคงยืนอย่ภายในอุโมงค์แห่งนั้น หันไปมองทางขวา...ปลายอุโมงค์ที่มีแสงสว่างดูสดใสสวยงาม แต่เธอรู้แล้วว่าที่นั่น คือความทุกข์
พอหันไปทางซ้าย...ปลายอุโมงค์ที่มืดมิด มันคือด้านตรงข้ามกับความทุกข์
แต่แน่ใจหรือว่า ที่ปลายทางแห่งนั้น จะมีความสุขรออยู่
ปิ่นถอนหายใจ ขยับตัวไปยืนพิงกำแพงอุโมงค์ รู้สึกอ่อนล้ากับความไม่แน่ใจ ว่าเธอควรจะเลือกเดินไปทางซ้าย ที่อาจจะพบเจอกับความสุข
หรือ
ยืนนิ่งอยู่กับที่ ยืนอยู่กับความลังเล แล้วปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไป...กับชีวิตเดิม ๆ ที่ไม่สุขและไม่ทุกข์
เส้นแบ่งความทุกข์กับความสุข
ปิ่นรู้สึกตัวว่าเธอกำลังยืนอยู่ตรงกลางของอุโมงค์ยาว ที่ปลายด้านหนึ่งสว่างจ้าและเธอมองเห็นชัดว่าปากอุโมงค์ด้านนั้นคือความทุกข์
แต่พอหันไปอีกด้าน ปลายทางของมันคือ ความสุข....แต่ช่างมืดมิด
หญิงสาวยืนนิ่งอยู่ตรงกลาง ระหว่าง ความทุกข์กับความสุข
เธอไม่ทุกข์ แต่ก็ไม่มีความสุข
แล้วการที่เราไม่มีความสุข จะเรียกว่ามีความทุกข์ไหม ปิ่นตอบตัวเองไม่ได้
เธอไม่เดินไปยังด้านสว่างเพราะรู้ว่านั่นคือทุกข์
แต่เธอก็ไม่กล้าเดินไปยังด้านมืด เพราะไม่แน่ใจว่ามีความสุขอยู่ตรงนั้นไหม
“ไม่มีความทุกข์ก็ดีแล้วไงปิ่น” เพื่อนบอก มีกระแสเสียงหมั่นไส้อยู่ตรงนั้น และเพื่อนคงอยากจะพูดต่ออีกว่า “โชคดีกว่าคนอื่นแล้วยังจะเรียกร้องอะไรอีก” แต่เพื่อนก็ไม่ได้พูดออกมา
ผิดหรือที่คนเราอยากจะมีความสุข
ปิ่นไม่ชอบชีวิตตัวเองเลย เหมือนอยู่ไปวัน ๆ ตื่นเช้าขึ้นมารีบแต่งตัวไปทำงาน มีชีวิตที่รีบเร่ง เหน็ดเหนื่อยเพื่อแลกกับเงินเดือน เพื่อเอาไว้ซื้อหา
ปัจจัยสี่ หรือ ห้า หรือ หก
ปิ่นไม่มีหนี้สิน หรือภาระใด ๆ ซึ่งคนรอบข้างต่างพากันอิจฉา
วัน คืน สัปดาห์ เดือน ผ่านไปเรื่อย ๆ ไม่ทุกข์แต่ก็ไม่สุข
ปิ่นยังคงยืนอย่ภายในอุโมงค์แห่งนั้น หันไปมองทางขวา...ปลายอุโมงค์ที่มีแสงสว่างดูสดใสสวยงาม แต่เธอรู้แล้วว่าที่นั่น คือความทุกข์
พอหันไปทางซ้าย...ปลายอุโมงค์ที่มืดมิด มันคือด้านตรงข้ามกับความทุกข์
แต่แน่ใจหรือว่า ที่ปลายทางแห่งนั้น จะมีความสุขรออยู่
ปิ่นถอนหายใจ ขยับตัวไปยืนพิงกำแพงอุโมงค์ รู้สึกอ่อนล้ากับความไม่แน่ใจ ว่าเธอควรจะเลือกเดินไปทางซ้าย ที่อาจจะพบเจอกับความสุข
หรือ
ยืนนิ่งอยู่กับที่ ยืนอยู่กับความลังเล แล้วปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไป...กับชีวิตเดิม ๆ ที่ไม่สุขและไม่ทุกข์