เลือกส.ว.กทม.แข่งเดือด! ผู้สมัครงัด ‘พระสมเด็จ’ สู้ ‘ช่อ’ ร่วมสังเกตการณ์ ลุ้นส.ว.ประชาชน.
https://www.matichon.co.th/politics/thai-senate-2024/news_4630343
 
 
เลือก ส.ว. กทม.ระดับอำเภอแข่งดุเดือด ทำผู้สมัครบางรายเล่นของ งัด “พระสมเด็จ-พระไพรีพินาศ” อธิษฐานก่อนเข้าเลือก ‘ช่อ พรรณิการ์’ ร่วมสังเกตการณ์ด้วย ขอลุ้น ส.ว.ประชาชน ผ่านเข้ารอบประเทศ ชี้ กทม. คนดังลงเยอะ แข่งขันสูงหวั่นไม่เป็นธรรมกับจังหวัดเล็ก ผู้สมัครน้อยกว่า รับหวั่นฮั้ว-ข้อมูลรั่ว บอกข้อมูลผู้สมัครถือเป็น ‘ขุมทรัพย์’ เชื่อคดีที่ศาล ไม่ทำเลือก ส.ว.ถูกล้ม
 
เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ที่โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ แจ้งวัฒนะ บรรยากาศการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ระดับจังหวัด (กทม.) บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยผู้สมัครทยอยมากันตั้งแต่ 06.00 น. ผู้สมัครบางคนพกสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาด้วยพร้อมยกมือไหว้ก่อนเข้าประตูห้องประชุมและขอให้ได้เป็น ส.ว. เพื่อไปพัฒนาบ้านเมือง เนื่องจากมาก่อนเวลาผู้สมัครบางส่วนจึงสมัครใจนั่งรออยู่ที่ป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้ามโรงแรม บางส่วนไปรอที่ล็อบบี้โรงแรมจนกระทั่งเวลา 07.00 น. สมาชิกเริ่มคึกคักเตรียมรอที่จะเข้าห้องประชุมในเวลา 08.00 น.
 
ทั้งนี้ ในเวลา 07.30 น. น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า เดินทางมาสังเกตการณ์การเลือก ส.ว.ในครั้งนี้ด้วย พร้อมเปิดเผยว่า วันนี้มาสังเกตการณ์การเลือกตั้ง ส.ว.ระดับจังหวัด ไม่ใช่เพียงเพราะเป็นคนกรุงเทพฯ อย่างเดียว แต่ตนคิดว่า กรุงเทพฯ เป็นสมรภูมิที่สำคัญที่สุด ซึ่งมีการแข่งขันสูงที่สุด เยอะที่สุด เนื่องจากมีเขตอำเภอถึง 50 เขต หมายความว่า ผู้ที่จะตกรอบในการคัดเลือกระดับจังหวัดจะมีเยอะมาก
 
น.ส.พรรณิการ์กล่าวต่อว่า ส่วนอีกหนึ่งความสำคัญคือ ผู้สมัครในกรุงเทพฯ มีความโดดเด่น และเป็นที่จับตามอง ดังนั้นวันนี้อาจจะได้เห็นบุคคลที่เราเห็นอยากเป็น ส.ว.มาก ตกรอบ ส่วนตัวมาสังเกตการณ์ ในเมื่อรอบอำเภอเรียบร้อยดี รอบจังหวัดคนน้อยลง เจ้าหน้าที่สามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นในการสังเกตการณ์ รูปแบบการจัดการ ตนคิดว่า ไม่น่ามีปัญหาอะไร มีจุดเดียวที่ยังต้องสังเกตคือ จอมอนิเตอร์ เพราะในระดับอำเภอนั้นมองไม่เห็นอะไรเลย ก็หวังว่า เจ้าหน้าที่จะปรับปรุง

“ความสำคัญที่สุดในวันนี้ อยากให้ผู้สมัครที่เราเห็นเป็น ส.ว.ของประชาชนได้จริงๆ ลุ้นผ่านเข้ารอบระดับจังหวัดให้ได้ เพราะดิฉันเชื่อว่า รอบจังหวัดเป็นรอบที่ยากที่สุด ผู้สมัครที่มีโปรไฟล์ดี ความสามารถโดดเด่น หากผ่านเข้ารอบนี้ไปได้ ดิฉันเชื่อว่า ก็จะสามารถฝ่าฟันจนเป็น ส.ว.ได้” น.ส.พรรณิการ์กล่าว
 
ผู้สื่อข่าวถามถึงหลายอำเภอที่มีการนับคะแนนใหม่ น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติในการ 900 กว่าอำเภอ แต่สิ่งที่เรากังวล คือในช่วง 3-4 วันมานี้ มีข่าวแพร่สะพัดว่า การจ่ายเงินหลัก 20,000-30,000 บาท ให้กับผู้สมัคร ถือเป็นพายุหมุนสำหรับ ส.ว. ดังนั้นตนขอย้ำว่า ผู้ที่จ่ายเงินให้ไปเลือกคนอื่น หรือไปเลือกใคร มีโทษจำคุก ส่วนผู้ที่แจ้งเบาะแสจะมีรางวัลนำจับหลักแสนบาท ซึ่งตนคิดว่าตอนเลือก ส.ส.ก็มีรางวัลนำจับแบบนี้เช่นกัน แต่ไม่มีใครได้รับรางวัลเลย เพราะกลัวอิทธิพล ตนจึงอยากให้ Active Citizen จับตาการเลือก ส.ว.ให้ได้มากที่สุด ตนเชื่อว่า จากรอบจังหวัดไปสู่ระดับประเทศ ค่าตัวก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น
 
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีผู้สมัคร ส.ว. เข้าไปรอในระดับประเทศแล้ว น.ส.พรรณิการ์กล่าวยอมรับว่า มีอยู่จริง และบางส่วนเป็นคนที่ตนรู้จักด้วย แต่ไม่สามารถพูดชื่อได้ แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวกับว่าเขานั้นมีตั๋ว แต่เป็นเพราะช่องโหว่ของระบบ ที่ให้แต่ละจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดเล็กๆ ไม่มีการแข่งขันเลย ขอแค่มีคนโหวต 1 คะแนนก็เข้าไปรอระดับประเทศแล้ว ในขณะที่พื้นที่กรุงเทพฯ แข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ก่อให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ
 
“ที่ผ่านมาในรอบอำเภอ หลายคนพูดออกมาชัดเจนว่า ให้น้องไม่ได้ เพราะของพี่มีโพยแล้ว เราจึงเห็นได้ชัดว่าเป็นลักษณะการจัดตั้ง จากกลุ่มการเมืองใหญ่มีอยู่จริง แต่ไม่เป็นไร เราก็ทำอย่างดีที่สุด ให้ผู้สมัครที่เป็นตัวแทนของประชาชนเข้าไปเจือจาง” น.ส.พรรณิการ์กล่าว
 
น.ส.พรรณิการ์กล่าวต่อว่า ตนชื่นใจที่เห็นประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ส่วนที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณา คดีข้อกฎหมายที่ได้มาของ ส.ว.จะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ตนคิดว่า ไม่มีความเสี่ยงมากถึงขั้นล้มกระบวนการ คิดว่าศาลรัฐธรรมนูญมีการชั่งน้ำหนักมาเป็นอย่างดี ว่าจะมีความเสียหายเกิดขึ้นเยอะขนาดไหน แม้ว่ากฎระเบียบจะขัดต่อรัฐธรรมนูญจริง ก็สามารถตัดสินในรูปแบบอื่นได้ และอาจจะไม่ได้ทำให้การเลือก ส.ว.ระดับอำเภอ และระดับจังหวัดเป็นโมฆะ ตนคิดว่าศาลคำนึงว่ามีความเสียหายอย่างไร
 
เมื่อถามว่าการเลือก ส.ว.ระดับอำเภอมีข้อมูลผู้สมัครหลุดออกมามองอย่างไร น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่ไม่ควรยอมรับ จริงๆ แล้วมีข้อมูลผู้สมัครหลุดรอดออกมาตลอด และหากมีเส้นสายดีพอกับข้าราชการ ก็จะได้มาซึ่งข้อมูลอย่างนี้ ตนคิดว่า กฎหมาย PDPA อย่าทำให้กลายเป็นกระดาษทิชชูทิ้งลงถังขยะ ตนคิดว่า เป็นเรื่องปกตินานไปแล้ว ที่คนที่เข้าถึงเส้นสาย เข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้มากกว่าประชาชนทั่วไป และนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ประโยชน์ ข้อมูลผู้สมัคร ส.ว. ตนพูดได้เลยว่า เป็นขุมทรัพย์ จึงคิดว่าเป็นปัญหาสำคัญ เนื่องจากเป็นระบบปิด
 
ต่อมาเวลา 08.30 น. ที่โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ แจ้งวัฒนะ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเปิดให้ผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ระดับจังหวัดของ กทม. บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก โดย กทม. ถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีการแข่งขันสูงที่สุด ทำให้มีผู้สมัครบางคนถึงขนาดเล่นของ พกพระสมเด็จที่นับถือ และพระไพรีพินาศ มาไหว้อธิษฐานก่อนเข้าไปรายงานตัวเลือก ส.ว.ต่อไป

---

 
ลงคะแนนเลือก ส.ว.ที่โคราชคึกคัก มีผู้สมัครระดับอำเภอ 231 คน ลุ้นเป็น 1 ใน 40 ไปสู่ระดับประเทศ.
https://www.matichon.co.th/politics/thai-senate-2024/news_4630544

ลงคะแนนเลือก ส.ว.ที่โคราชคึกคัก มีผู้สมัครระดับอำเภอ 231 คน ลุ้นเป็น 1 ใน 40 ไปสู่ระดับประเทศ
 
เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2567 ที่ห้องเอ็มซีซี ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช บรรยากาศการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภาในระดับจังหวัด ค่อนข้างคึกคัก โดยมีผู้สมัครที่ผ่านการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภาในระดับอำเภอ เดินทางมารายงานตัวที่บริเวณหน้าห้องเอ็มซีซีฮอลล์ตั้งแต่ช่วงเช้า จนเวลา 08.00 น. ทางคณะกรรมการการเลือกตั้งได้เปิดให้ผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภาในระดับจังหวัดเข้ามาลงทะเบียน ซึ่งนายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะประธานการเลือกตั้งจังหวัดนครราชสีมา ได้เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์และให้กำลังใจ ทักทายผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภาอย่างเป็นกันเอง
  
ทั้งนี้ จังหวัดนครราชสีมา มีผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภาที่ผ่านการคัดเลือกระดับอำเภอจำนวน 324 คน แต่เช้าวันนี้มีผู้มาลงทะเบียนเข้ารับการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา ระดับจังหวัด แค่ 321 คน ไม่มารายงานตัว 3 คน โดยมีครบทั้ง 20 กลุ่ม ซึ่งกลุ่มที่มีจำนวนผู้สมัครมากที่สุด ได้แก่ กลุ่มที่ 3 จำนวน 49 คน และกลุ่มที่มีผู้สมัครน้อยที่สุด ได้แก่ กลุ่มที่ 11 มีจำนวน 3 คน ในส่วนของการลงคะแนนคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับจังหวัดนั้น มีจำนวน 16 กลุ่ม ที่จะต้องมีการคัดเลือกในรอบแรก และมีจำนวน 4 กลุ่มที่ไม่จำเป็นจะต้องคัดเลือกในรอบแรก สามารถผ่านลอยลำเข้าไปรอคัดเลือกในรอบที่ 2 ได้เลย
  
ซึ่ง พ.ต.ท.ระพีพงษ์ จิรพัฒนาลักษณ์ ผอ.กกต.จังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า “การจัดการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภาในระดับจังหวัดในช่วงเช้าวันนี้ ไม่มีปัญหาติดขัดแต่อย่างใด นอกจากนี้ การคัดเลือกระดับจังหวัด ยังไม่พบการร้องเรียนหรือการกระทำผิดกฎหมายเข้ามา ซึ่งการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภาในระดับจังหวัดวันนี้ จะมีผู้ผ่านการคัดเลือกทั้งหมด 40 คนจากผู้สมัครทั้ง 20 กลุ่ม เพื่อเป็นตัวแทนระดับจังหวัด เข้าสู่การคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับประเทศต่อไป”
 

---

 
บิ๊กธุรกิจ ห่วงเศรษฐกิจไทยเข้าสู่ภาวะเงินฝืด กำลังซื้อวูบ กระทบเป้าจีดีพีหลุด 3%
https://www.matichon.co.th/economy/news_4630040

บิ๊กธุรกิจ ห่วงเศรษฐกิจไทยเข้าสู่ภาวะเงินฝืด กำลังซื้อวูบ กระทบเป้าจีดีพีหลุด 3%
 
เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เครือสหพัฒน์ทำธุรกิจมายาวนาน มีการทบทวนแผนธุรกิจทุกปีอยู่แล้ว แต่ไม่ได้มีการปรับแผนใหญ่ โดยในปี 2567 ยังคงเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง ล่าสุดได้เทกโอเวอร์โรงงานผลิตน้ำดื่มอาร์ซีโคล่า ด้วยวงเงิน 1,000 ล้านบาท จะดำเนินการโดยบริษัท โชคชัยพิบูล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกตั้งแต่ในเดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป
 
นายบุญชัยกล่าวว่า ขณะเดียวกันยังได้ปรับเปลี่ยนช่องทางการจัดจำหน่ายให้สอดรับกับเทรนด์เศรษฐกิจโลก ด้วยการขยายช่องการทางการขายผ่านทางออนไลน์มากขึ้น จากปัจจุบันมีสัดส่วนการขายผ่านออนไลน์และต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 10% ส่วนอีก 90% เป็นช่องทางการขายเดิมที่มีอยู่แล้ว ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มแฟชั่นที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ก่อน ส่วนสินค้าอุปโภคและบริโภคยังคงใช้ช่องทางเดิม เพราะลูกค้ายังไม่ค่อยคุ้นเคยมากนักก็ต้องค่อยปรับเปลี่ยนไป
 
นายบุญชัยกล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ต้นทุนวัตถุดิบโดยรวมในขณะนี้เริ่มปรับตัวลดลงแล้ว เมื่อเทียบกับช่วงโควิดและสงครามรัสเซียและยูเครนที่เกิดขึ้นใหม่ๆ จึงทำให้เราหายใจได้คล่องขึ้น และยังไม่มีการปรับราคาสินค้าขึ้นในขณะนี้ แต่ถ้าต้นทุนปรับสูงขึ้นอีก คงต้องมาดูกันอีกครั้งสำหรับกลุ่มสินค้าที่ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของกรมการค้าภายใน อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่ากังวลคือการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศของรัฐบาลภายในปลายปีนี้ แม้ส่วนใหญ่เครือสหพัฒน์จ่ายค่าแรงเกินจากค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว คงไม่กระทบมากนัก แต่ที่ห่วงคือโรงงานที่เป็นธุรกิจเอสเอ็มอีและต่างชาติที่เลือกเข้ามาลงทุนในไทยเพราะค่าแรงถูก หากรัฐขึ้นค่าแรง ณ ตอนนั้นเขาจะยังอยู่ต่อหรือไม่ อยากให้รัฐบาลคิดให้รอบคอบและรอบด้าน
 
“ตอนนี้คนไม่ค่อยมั่นใจเศรษฐกิจ ไม่กล้าใช้เงิน ทำให้กำลังซื้อชะลอตัวและเงียบ เกิดภาวะเงินฝืดขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งกำลังซื้อถือเป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่ง ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้ได้ และประกาศออกมาชัดๆ โดยเฉพาะแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่ทำได้จริงและเกิดประโยชน์กับประชาชนมีอะไรบ้าง
ซึ่งอาจจะฟื้นโครงการคนละครึ่งขึ้นมา หรือออกมาตรการทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามามากๆ เมื่อคนมั่นใจจะทำให้การใช้จ่ายเกิดขึ้น ซึ่งในส่วนของนักลงทุนก็เช่นกัน ถ้ารัฐบาลหรือเศรษฐกิจไม่มีความมั่นคง เขาก็คงไม่อยากจะเข้ามาลงทุน ซึ่งคุณเศรษฐาทำหน้าที่ได้ดีพอสมควร ในการเป็นเซลล์แมนไปโรดโชว์ประเทศต่างๆ แต่ก็ต้องรอดูผลตอบรับ” นายบุญชัยกล่าว
 
นายบุญชัย กล่าวว่า ส่วนการที่รัฐบาลจะผลักดันจีดีพีในปี 2567 โต3% ไม่น่าจะได้ เนื่องจากมีปัจจัยภาวะเศรษฐกิจโลก ขณะที่เศรษฐกิจไทย ยังมีปัญหาการส่งออกลดลง ธุรกิจมีการปิดตัวมากกว่าเปิดใหม่