สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
เอาแบบชาวบ้านเข้าใจดีกว่า ไม่ต้องพึ่งวิชาการ เวลาพูดคนไม่เรียนเศรษฐศาสตร์จะไม่เขาใจ เงินไม่มีเพราะคนงาน ลูกจ้างไม่มีงานให้ทำ ก็ไม่มีเงินไปซื้อของ คนขายของก็ไม่มีรายได้จะไปซื้อของมาขายอีกที่ เมื่อแม่ค้าไปไปซื้อของมาขาย โรงงานผลิตสินค้าก็ไม่มีรายได้ก็ลดคนงานลดงานลง คนงานก็ไม่มีเงิน คือเผแนลูกโซ่ใช่ไหมจขกท.
เอาคราวนี้ผมขอยกตัวอย่างจริงมาให้เห็น ผมไปร้านโชห่วยเมื่อวานแก่บอกว่าขายของไม่ดีเลย ไหนใครบอกว่าจะดี ผมก็ถามว่าทำไม่ แก่ก็เลาว่า คนงานทำเฟอร์นิเจอด์ที่เป็นลูกค้าส่วนใหญ่กลับบ้านนอกเพราะโรงงานไม่มีงานให้ แก่เลยรายได้หด
ในวันเดียวกันผมไปโรงงานเสาเข็มไปที่แค้มคนงาน เขาบอกว่าไม่ได้ทำก๋วยเตี๋ยวขายแล้ว เพราะคนงานกลับบ้าน งานเสาเข็มมีน้อย เหลือไม่มาก ทำขายไม่คุ้ม
สองวันก่อนคนเป็นช่างรับเอาคอมเฟสเซอร์แอร์รถยนต์ไปซ่อมทำใหม่เขาก็บ่นว่า เดือนๆได้ไม่ต่ำเดือนละสี่ ห้าหมื่นบาท เดือนหลังๆหมื่นกว่าบาทยังหืดขึ้นคอ
ยังแม้ค้าขายก๋วยเตี๋ยวบอกว่าคนไปไหนหมด สามวันดีสี่วันไข้ ตั้งแต่ปีใหม่เงียบมาก
นี่แค่ตัวอย่างที่เกิดจริงเอามาให้ดู ยังมีบางที่ปิดร้านไปเจ็ดแปดวันแล้ว ก๋วยเตี๋ยวเป็ดชื่อดังกะมาขยายสาขาชานเมืองลงทุนซื้อตึกสองห้องรวมแปดร้าน หายฉ่อย นี่คือสภาวะเงินฝืด คือคนเริ่มไม่มีเงินซื้อของ ต้องประหยัดใช้ ขโมยก็เยอะ ไฟก็หมั่นไหม้โรงงานบ่อยจัก เรือแป๊ะจะไปรอดไหมเนี่ย?
เอาคราวนี้ผมขอยกตัวอย่างจริงมาให้เห็น ผมไปร้านโชห่วยเมื่อวานแก่บอกว่าขายของไม่ดีเลย ไหนใครบอกว่าจะดี ผมก็ถามว่าทำไม่ แก่ก็เลาว่า คนงานทำเฟอร์นิเจอด์ที่เป็นลูกค้าส่วนใหญ่กลับบ้านนอกเพราะโรงงานไม่มีงานให้ แก่เลยรายได้หด
ในวันเดียวกันผมไปโรงงานเสาเข็มไปที่แค้มคนงาน เขาบอกว่าไม่ได้ทำก๋วยเตี๋ยวขายแล้ว เพราะคนงานกลับบ้าน งานเสาเข็มมีน้อย เหลือไม่มาก ทำขายไม่คุ้ม
สองวันก่อนคนเป็นช่างรับเอาคอมเฟสเซอร์แอร์รถยนต์ไปซ่อมทำใหม่เขาก็บ่นว่า เดือนๆได้ไม่ต่ำเดือนละสี่ ห้าหมื่นบาท เดือนหลังๆหมื่นกว่าบาทยังหืดขึ้นคอ
ยังแม้ค้าขายก๋วยเตี๋ยวบอกว่าคนไปไหนหมด สามวันดีสี่วันไข้ ตั้งแต่ปีใหม่เงียบมาก
นี่แค่ตัวอย่างที่เกิดจริงเอามาให้ดู ยังมีบางที่ปิดร้านไปเจ็ดแปดวันแล้ว ก๋วยเตี๋ยวเป็ดชื่อดังกะมาขยายสาขาชานเมืองลงทุนซื้อตึกสองห้องรวมแปดร้าน หายฉ่อย นี่คือสภาวะเงินฝืด คือคนเริ่มไม่มีเงินซื้อของ ต้องประหยัดใช้ ขโมยก็เยอะ ไฟก็หมั่นไหม้โรงงานบ่อยจัก เรือแป๊ะจะไปรอดไหมเนี่ย?
ความคิดเห็นที่ 21
น้ำมันราคาต่ำลง ต้นทุนการผลิตการขนส่งก็ต่ำ ราคาสินค้าก็ต่ำลง เงินที่ใช้ซื้อก็ต่ำลงไปด้วย
ก็น่าจะดี แต่มันไม่ใช่
เพราะถึงต้นทุนจะต่ำลง ราคาสินค้าจะต่ำลง แต่จำนวนเงินในตลาดก็ลดลง เงินฝืดเล็ก ๆ ก็เริ่ม
บ้านเมือง อยู่ในสภาวะความเชื่อมั่นถดถอย
การลงทุนน้อย ชะงัก
ทุกภาคส่วนต่างรอ เพราะไม่แน่ใจว่า บ้านเมืองจะไปในทิศทางไหน จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เมื่อเงินฝืดเล็ก ๆ เริ่ม มันก็กระทบไปเป็นระลอก ๆ
รัฐก็มีสติปัญญาทำได้แค่อัดฉีดงบประมาณ ขึ้นเงินเดือน
ซึ่งเงินที่อัดลงไป ก็ไปกระจุกตัวที่ผู้รับเหมาที่ผูกขาดอยู่แล้ว
เงินเดือนที่ขึ้น ก็ไปหาห้างกับแบงค์ ที่บรรดาข้าราชการและรัฐวิสาหกิจใช้บริการ
มีเพียงส่วนน้อยที่หลุดเข้าไปหมุนในระบบเศรษฐกิจ
เงินฝืดเริ่มก่อตัว บวกกับความเชื่อมั่น ความสับสน มันก็เลยเกิดอาการฝืดหนักขึ้น
ใช้น้อย เก็บมาก ไม่มีการลงทุนเพิ่ม ปริมาณเงินในระบบก็หาย
ไอ้การจะกระตุ้นด้วยเมกะโปรเจค อย่างสองล้านล้าน หรือน้ำ 3.5 แสนล้านก็หายไป
รัฐบาลนี้ก็พยายามจะทำต่อ แต่ก็ติดขัดสองอย่าง
หนึ่งคือ ด่าเขาไว้เยอะ จะทำตามเขาก็ไม่กล้า
สอง ไม่มีความสามารถที่จะทำให้เกิดผลได้ ก็เพราะไม่มีความรู้ความคิดพอนั่นแหละ ดีแต่วางก้าม
ถ้ายังแก้ไขไม่ได้ แก้ไขไม่เป็น แก้ไขไม่ทัน เงินฝืดก็จะส่งผล
ต่อไปก็จะมีเรื่องว่างงานตามมา เรื่องอุปทานล้นตามมา ลามถึงภาคอสังหาเมื่อไร
ก็เผาจริงล่ะครับ
ผมก็มั่วให้ความเห็นของผมแบบนี้แหละ
ก็น่าจะดี แต่มันไม่ใช่
เพราะถึงต้นทุนจะต่ำลง ราคาสินค้าจะต่ำลง แต่จำนวนเงินในตลาดก็ลดลง เงินฝืดเล็ก ๆ ก็เริ่ม
บ้านเมือง อยู่ในสภาวะความเชื่อมั่นถดถอย
การลงทุนน้อย ชะงัก
ทุกภาคส่วนต่างรอ เพราะไม่แน่ใจว่า บ้านเมืองจะไปในทิศทางไหน จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เมื่อเงินฝืดเล็ก ๆ เริ่ม มันก็กระทบไปเป็นระลอก ๆ
รัฐก็มีสติปัญญาทำได้แค่อัดฉีดงบประมาณ ขึ้นเงินเดือน
ซึ่งเงินที่อัดลงไป ก็ไปกระจุกตัวที่ผู้รับเหมาที่ผูกขาดอยู่แล้ว
เงินเดือนที่ขึ้น ก็ไปหาห้างกับแบงค์ ที่บรรดาข้าราชการและรัฐวิสาหกิจใช้บริการ
มีเพียงส่วนน้อยที่หลุดเข้าไปหมุนในระบบเศรษฐกิจ
เงินฝืดเริ่มก่อตัว บวกกับความเชื่อมั่น ความสับสน มันก็เลยเกิดอาการฝืดหนักขึ้น
ใช้น้อย เก็บมาก ไม่มีการลงทุนเพิ่ม ปริมาณเงินในระบบก็หาย
ไอ้การจะกระตุ้นด้วยเมกะโปรเจค อย่างสองล้านล้าน หรือน้ำ 3.5 แสนล้านก็หายไป
รัฐบาลนี้ก็พยายามจะทำต่อ แต่ก็ติดขัดสองอย่าง
หนึ่งคือ ด่าเขาไว้เยอะ จะทำตามเขาก็ไม่กล้า
สอง ไม่มีความสามารถที่จะทำให้เกิดผลได้ ก็เพราะไม่มีความรู้ความคิดพอนั่นแหละ ดีแต่วางก้าม
ถ้ายังแก้ไขไม่ได้ แก้ไขไม่เป็น แก้ไขไม่ทัน เงินฝืดก็จะส่งผล
ต่อไปก็จะมีเรื่องว่างงานตามมา เรื่องอุปทานล้นตามมา ลามถึงภาคอสังหาเมื่อไร
ก็เผาจริงล่ะครับ
ผมก็มั่วให้ความเห็นของผมแบบนี้แหละ
ความคิดเห็นที่ 16
แปลง่ายๆคือคนไทยไม่มีเงินใช้แล้วงัยครับ
-ราคาพืชผลทางการเกษตรแทบทุกชนิดลดลงครึ่งหนึ่ง เกษตรกร 40 ล้านคนไม่มีเงินใช้
-ส่งออกติดลบ ฉันทนาทั้งหลายไม่มีโอทีทำ ไม่มีเงินใช้
-การท่องเที่ยวติดลบ คนในอุตสาหกรรมบริการตกงาน ไม่มีลูกค้า ไม่มีเงินใช้
-ข้าราชการซึ่งเป็นส่วนน้อย 2 ล้านคน เงินเดือนขึ้น โบนัสอื้อซ่า แต่ไปผลาญในบ่อนเขมรหมด เงินก็ไม่หมันเวียนในระบบ
แล้วอะไรจะตามมาละครับ ภาษีงัย ธุรกิจไม่มีกำไร ใครจะมาเสียภาษีล่ะ ภาษีทางตรงควรเป็นรายได้หลักของรัฐบาล เมื่อภาษีไม่ได้หรือได้น้อย แล้วจะเกิดอะไรต่อ ประเทศได้เจ๊งกันหมดยังงัยล่ะครับ นี่แหละเจ๊งจริงๆ
-ราคาพืชผลทางการเกษตรแทบทุกชนิดลดลงครึ่งหนึ่ง เกษตรกร 40 ล้านคนไม่มีเงินใช้
-ส่งออกติดลบ ฉันทนาทั้งหลายไม่มีโอทีทำ ไม่มีเงินใช้
-การท่องเที่ยวติดลบ คนในอุตสาหกรรมบริการตกงาน ไม่มีลูกค้า ไม่มีเงินใช้
-ข้าราชการซึ่งเป็นส่วนน้อย 2 ล้านคน เงินเดือนขึ้น โบนัสอื้อซ่า แต่ไปผลาญในบ่อนเขมรหมด เงินก็ไม่หมันเวียนในระบบ
แล้วอะไรจะตามมาละครับ ภาษีงัย ธุรกิจไม่มีกำไร ใครจะมาเสียภาษีล่ะ ภาษีทางตรงควรเป็นรายได้หลักของรัฐบาล เมื่อภาษีไม่ได้หรือได้น้อย แล้วจะเกิดอะไรต่อ ประเทศได้เจ๊งกันหมดยังงัยล่ะครับ นี่แหละเจ๊งจริงๆ
ความคิดเห็นที่ 45
อยากได้ความเห็นสภาพการซื้อขายของผู้ประกอบการจริงๆบ้างไหมครับ? ผมเองทำธุรกิจนำเข้าจัดจำหน่ายสินค้าอิเลกโทรนิกส์ไฟฟ้า ลูกค้าคือภาคการผลิตโรงงานและภาครัฐ ยอดขายไตรมาส 3ปีที่แล้วยังดีอยู่และถือว่าดีมากๆ แต่พอเข้าช่วงปลายปียอดขายหายไปดื้อๆกว่าครึ่ง ต้นปีเปิดศักราชมานี่ยิ่งแย่กว่าเดิมอีก ยอดขายแค่ 1ใน3ของอัตราปกติ และยังไม่รู้เลยว่าจะเป็นอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน
สิ่งที่ผู้ประกอบการอย่างผมตอนนี้เท่าที่ทำได้คือหยุดการลงทุน หยุดการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยและพยายามบริหารเงินหมุนให้อยู่รอด ผมเห็นบางความเห็นที่บอกว่าไปห้างคนยังแน่น ผมบอกได้เลยว่าคนส่วนมากในกทมทำงานประจำ รายได้คือเงินเดือนซึ่งก็ยังได้รับตามปกติ แรงจับจ่ายยังพอมี แต่เจ้าของธุรกิจหรือผู้ประกอบการนั่นแหละที่ต้องแบกภาระเงินเดือนเหล่านี้เอาไว้ และถ้าหากสถานการณ์มันยังไม่ดีขึ้น คนเหล่านี้แหละที่จะโดนเป็นรายต่อไป
สำหรับคนที่บอกว่าราคาน้ำมันลดทำให้ธุรกิจกำไรเพิ่มขึ้น อยากจะบอกว่าธุรกิจหลายๆส่วนไม่ด้พึ่งราคาน้ำมันอย่างเดียว ผมไม่ได้อยู่ในภาคการผลิต หรือขนส่ง ผมเชื่อว่าผู้ประกอบการจำพวกซื้อมาขายไป ไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรเลยจากราคาน้ำมัน สิ่งที่เรารอคือแรงกระตุ้นจากภาครัฐที่ควรเน้นการสร้างความเชื่อมั่นให้กลับมาโดยเร็ว และเน้นให้เงินกระจายไปสู่ระบบให้มากขึ้นและตรงจุด หยุดตีปากทำเก่งไปวันๆเถิดครับท่านผู้นำและคุณหม่อม...ท่านดีแต่พูดว่าทุกอย่างจะดีขึ้นๆ แต่สิ่งที่ท่านพยายามทำมันไม่เห็นผลออกมาเลย ประเมิณตนเองด้วยครับ
สิ่งที่ผู้ประกอบการอย่างผมตอนนี้เท่าที่ทำได้คือหยุดการลงทุน หยุดการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยและพยายามบริหารเงินหมุนให้อยู่รอด ผมเห็นบางความเห็นที่บอกว่าไปห้างคนยังแน่น ผมบอกได้เลยว่าคนส่วนมากในกทมทำงานประจำ รายได้คือเงินเดือนซึ่งก็ยังได้รับตามปกติ แรงจับจ่ายยังพอมี แต่เจ้าของธุรกิจหรือผู้ประกอบการนั่นแหละที่ต้องแบกภาระเงินเดือนเหล่านี้เอาไว้ และถ้าหากสถานการณ์มันยังไม่ดีขึ้น คนเหล่านี้แหละที่จะโดนเป็นรายต่อไป
สำหรับคนที่บอกว่าราคาน้ำมันลดทำให้ธุรกิจกำไรเพิ่มขึ้น อยากจะบอกว่าธุรกิจหลายๆส่วนไม่ด้พึ่งราคาน้ำมันอย่างเดียว ผมไม่ได้อยู่ในภาคการผลิต หรือขนส่ง ผมเชื่อว่าผู้ประกอบการจำพวกซื้อมาขายไป ไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรเลยจากราคาน้ำมัน สิ่งที่เรารอคือแรงกระตุ้นจากภาครัฐที่ควรเน้นการสร้างความเชื่อมั่นให้กลับมาโดยเร็ว และเน้นให้เงินกระจายไปสู่ระบบให้มากขึ้นและตรงจุด หยุดตีปากทำเก่งไปวันๆเถิดครับท่านผู้นำและคุณหม่อม...ท่านดีแต่พูดว่าทุกอย่างจะดีขึ้นๆ แต่สิ่งที่ท่านพยายามทำมันไม่เห็นผลออกมาเลย ประเมิณตนเองด้วยครับ
แสดงความคิดเห็น
เศรษฐกิจไทยเปลี่ยนจากช่วง "เงินเฟ้อลด" (Disinflation) เป็น "เงินฝืด" (Deflation) อย่างเป็นทางการแล้ว
ทำไมเขาถึงต้องการรักษาระดับเงินเฟ้อประมาณ 2%? เพราะก่อนหน้านี้ญี่ปุ่นอยู่ในภาวะเงินฝืดมาเป็นทศวรรษ ไต่อยู่ที่ 0 บวกลบนิดหน่อยมาตลอด ประชาชนเลือก Abe เข้ามา เพื่อจะยกระดับเงินเฟ้อ เพิ่มการเติบโตทางศก. และยกระดับความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายนั่นเอง ผมเบื่อหม่อมที่เป็นรองนายกฯ ดูแลศก.ของไทยมาก ๆ พวกนี้คาบช้อนช้อนทองมาเกิด พูดอยู่นั่นแหละว่าไม่เป็นไร ๆ เดี๋ยวดีเอง คนไม่มีจะกินจะใช้แล้ว เข้าใจเปล่า? พวกนี้ดีแต่พูดและด่าคนอื่น แต่ตัวเองทำอะไรเป็นบ้าง?
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10153054635076649&set=a.10150096728651649.281712.824066648&type=1
Status ของคุณธีรภัทร เขียนดีมาก
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10152542998351809&set=a.10150547951876809.369786.684336808&type=1&theater
เศรษฐกิจไทยเปลี่ยนจากช่วง "เงินเฟ้อลด" (Disinflation) เป็น "เงินฝืด" (Deflation) อย่างเป็นทางการแล้ว
(แก้ไขเพิ่มเติม 21:39 เพื่อให้ชัดเจน ขณะนี้คือการเริ่มเข้าสู่ภาวะเงินฝืด ด้วยสภาพเงินเฟ้อติดลบนะครับ ถ้าจะถือว่าเป็น "ภาวะเงินฝืด" ต้องมีเงินเฟ้อติดลบติดต่อกันก่อน)
หลายท่านอาจจะสงสัยว่า "เงินฝืด" ไม่ดียังไง เงินเท่าเดิมทำให้ซื้อของได้มากขึ้นไม่ดีรึ
ตอบว่า "เงินฝืด" ทำให้เศรษฐกิจไม่เคลื่อนไหวหมุนเวียน ต่อให้ซื้อของได้เงินมากขึ้นแต่ไม่มีเงินซื้อ ผลคือไม่มีกิน คนไม่มีเงินใช้จ่ายไม่มีความเชื่อมั่น เศรษฐกิจอาจตกอยู่ในวงจรอุบาทว์ของเงินฝืด (vicious cycle of deflation) ภาวะแบบนี้จะไม่ก่อนวัตกรรม ไม่ก่อการผลิต คนค่อยๆ เหี่ยวเฉาแห้งไปเรื่อยๆ
ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง ภาวะเงินฝืดทำให้มูลค่าหนี้ที่แท้จริง (Real value of debt) สูงขึ้น คนต้องหาเงินมาใช้หนี้ในมูลค่าที่มากขึ้นต่อสินค้าหรือการผลิตที่ตนหาได้ เช่น แต่ก่อนข้าวเกวียนละหมื่นสอง ขายข้าวห้าเกวียนก็จ่ายค่าปุ๋ยค่ายาต้นฤดูได้ แต่ตอนนี้ข้าวเกวียนละห้าพัน ต้องขายข้าวถึงสิบสองเกวียนถึงจะใช้หนี้หมด เป็นต้น
ผู้ได้เปรียบในขั้นแรกของภาวะเงินฝืดนี้คือเจ้าหนี้และธนาคาร ที่เงินมีมูลค่าแท้จริง (Real value of money) มากขึ้น แต่หากสภาพสังคมถดถอยเสียแล้ว ไม่นานก็จะลามไปทุกภาคส่วน
"ความเชื่อมั่น" ที่จะใช้จ่ายจนเกิดเงินเฟ้อน้อยๆ ในระดับที่ควบคุมได้ จึงจำเป็นและสำคัญ