ดิฉันในฐานะที่เป็นอเมริกันซิติเซ่นคนหนึ่งและทำงานให้รัฐบาลอเมริกา
ขอใช้สิทธิ์ชี้แจงที่พาดพิงอเมริกา และเขียนทำให้อเมริกาเสียหายค่ะ ดิฉันจำเป็นต้องตอบโต้เพื่อปกป้องเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ของอเมริกาค่ะ
เวลาคุณจะฟังใครหรือเชื่อข้อมูลใคร อย่างแรกคุณต้องดูเครดิตความน่าเชื่อถือของผู้พูดด้วย ภาษาอังกฤษ เรียกว่า credibility
มาดูประวัติขความน่าเชื่อถือองหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช
1. แต่งเรื่องโกหก ในหนังสือเรื่องโครงกระดูกในตู้ บอกว่า
ท่านป้าของนาง คือ หม่อมเจ้า ฉวีวาด ปราโมช ตอนที่ลี้ภัยไปอยู่เขมร ได้ไปเป็นพระมเหสีเทวีองค์หนึ่งของ กษัตริย์เขมร ณ ตอนนั้น
คือ พระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตาร และมีพระโอรสด้วยกัน คือ พระองค์เจ้าพานคุลี
ซึ่งตอนหลังความแตก
ว่าสิ่งที่นางเขียนไม่ใช่เรื่องจริง เป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น
ความจริงคือ ท่านหญิงฉวีวาด ลี้ภัยไปเขมร
แต่ไม่ได้ไปเป็นพระมเหสีเทวีแต่อย่างใด ไปเป็นเมียของคนเขมร คนธรรมดาสามัญ มีสามีเป็นชาวเขมรถึงห้าคน ล้วนแล้วแต่เป็นคนธรรมดาทั้งสิ้น และมีลูกชายคนเดียว คือ นุด
2. เรื่องเขียน พม่าเสียเมือง ก็เขียนแบบนั่งเทียนเขียน ใส่อคติเข้าไป ใส่สีตีไข่
ใส่ร้ายราชวงศ์พม่าที่ล่มสลายไปแล้ว ที่สำคัญที่สุดคือ
ใส่ร้าย จาบจ้วง สมเด็จพระนางเจ้าศุภยาลัต พระบรมราชินี องค์สุดท้ายของพม่าอย่างน่าเกลียดที่สุด
เขียนว่าเป็นราชินีที่เหี้ยมโหดที่สุดในประวัติศาสตร์ ตัวอย่างเช่น บอกว่าสมเด็จท่านตอนเด็กๆ จับนก มาหักขาเล่น
เพราะมีจิตใจวิปริตชอบเห็นสัตว์ทนทุกข์ทรมาน
จับพี่น้องในราชวงศ์ซึ่งเป็นลูกๆของพระเจ้ามินดง ซึ่งก็เป็นพี่น้องต่างมารดากับสมเด็จท่าน
และบริวารของเจ้านายองค์ดังกล่าวหลายร้อยคน มาฆ่าอย่างโหดเหี้ยม อาทิเช่น
องค์ไหนยังเล็กๆอยู่ ก็จับขาทั้งสองข้างยกขึ้นมา แล้วเอาหัวไปฟาดกับกำแพงวัง หรือจับดินดำยัดเข้าปากแล้วก็ให้ระเบิดตาย
คือ
การเขียนแบบเนี้ย ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องจริง เป็นการส่อให้เห็นว่าจิตใจของ นางคึกฤทธิ์ มีสภาพจิตที่ไม่ปกติ
ดิฉันได้ไปคุยกับนักวิชาการชาวพม่าหลายคนที่อาศัยอยู่ที่อเมริกา และก็เล่าให้พวกเขาฟังถึงสิ่งที่นางคึกฤทธิ์เขียนถึงราชวงศ์พม่า
เขาก็บอกว่าเป็นการเขียนที่ไม่ใช่เรื่องจริง เข้าขั้น insane คนเขียนเข้าขั้นวิกลจริต
และตอนหลังสมเด็จท่านกลับมาอยู่พม่าหลังจากลี้ภัยไปอยู่อินเดียหลายสิบปี
สมเด็จท่านก็ให้สัมภาษณ์ก่อนเสด็จสวรรคตว่า
ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นอะไรทั้งสิ้นเกี่ยวกับการเข่นฆ่าสมาชิกในราชวงศ์
ยิ่งตอกย้ำว่า
สิ่งที่นางคึกฤทธิ์เขียน เป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น
แล้วก็ไม่เคยออกมาแสดงความรับผิดชอบอะไรซักอย่าง คนแบบนี้เหรอคะที่สมควรเอามาเป็นแบบอย่าง
เอาแค่สองเรื่องนี้ ก็บ่งชี้ได้ว่า credibility ของนางคึกฤทธิ์ เป็นคนเชื่อถือไม่ได้ และก็เป็นคนใช้ไม่ได้ด้วย
ถ้าอเมริกาเป็นเพื่อนที่เลวที่สุดของไทยจริง ก็ไม่มีประเทศไหนในโลกนี้เป็นเพื่อนที่ดีของไทยแล้วค่ะ(หงส์เหนือมังกร)
ขอใช้สิทธิ์ชี้แจงที่พาดพิงอเมริกา และเขียนทำให้อเมริกาเสียหายค่ะ ดิฉันจำเป็นต้องตอบโต้เพื่อปกป้องเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ของอเมริกาค่ะ
เวลาคุณจะฟังใครหรือเชื่อข้อมูลใคร อย่างแรกคุณต้องดูเครดิตความน่าเชื่อถือของผู้พูดด้วย ภาษาอังกฤษ เรียกว่า credibility
มาดูประวัติขความน่าเชื่อถือองหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช
1. แต่งเรื่องโกหก ในหนังสือเรื่องโครงกระดูกในตู้ บอกว่า
ท่านป้าของนาง คือ หม่อมเจ้า ฉวีวาด ปราโมช ตอนที่ลี้ภัยไปอยู่เขมร ได้ไปเป็นพระมเหสีเทวีองค์หนึ่งของ กษัตริย์เขมร ณ ตอนนั้น
คือ พระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตาร และมีพระโอรสด้วยกัน คือ พระองค์เจ้าพานคุลี
ซึ่งตอนหลังความแตก ว่าสิ่งที่นางเขียนไม่ใช่เรื่องจริง เป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น
ความจริงคือ ท่านหญิงฉวีวาด ลี้ภัยไปเขมร แต่ไม่ได้ไปเป็นพระมเหสีเทวีแต่อย่างใด ไปเป็นเมียของคนเขมร คนธรรมดาสามัญ มีสามีเป็นชาวเขมรถึงห้าคน ล้วนแล้วแต่เป็นคนธรรมดาทั้งสิ้น และมีลูกชายคนเดียว คือ นุด
2. เรื่องเขียน พม่าเสียเมือง ก็เขียนแบบนั่งเทียนเขียน ใส่อคติเข้าไป ใส่สีตีไข่
ใส่ร้ายราชวงศ์พม่าที่ล่มสลายไปแล้ว ที่สำคัญที่สุดคือ
ใส่ร้าย จาบจ้วง สมเด็จพระนางเจ้าศุภยาลัต พระบรมราชินี องค์สุดท้ายของพม่าอย่างน่าเกลียดที่สุด
เขียนว่าเป็นราชินีที่เหี้ยมโหดที่สุดในประวัติศาสตร์ ตัวอย่างเช่น บอกว่าสมเด็จท่านตอนเด็กๆ จับนก มาหักขาเล่น
เพราะมีจิตใจวิปริตชอบเห็นสัตว์ทนทุกข์ทรมาน
จับพี่น้องในราชวงศ์ซึ่งเป็นลูกๆของพระเจ้ามินดง ซึ่งก็เป็นพี่น้องต่างมารดากับสมเด็จท่าน
และบริวารของเจ้านายองค์ดังกล่าวหลายร้อยคน มาฆ่าอย่างโหดเหี้ยม อาทิเช่น
องค์ไหนยังเล็กๆอยู่ ก็จับขาทั้งสองข้างยกขึ้นมา แล้วเอาหัวไปฟาดกับกำแพงวัง หรือจับดินดำยัดเข้าปากแล้วก็ให้ระเบิดตาย
คือ การเขียนแบบเนี้ย ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องจริง เป็นการส่อให้เห็นว่าจิตใจของ นางคึกฤทธิ์ มีสภาพจิตที่ไม่ปกติ
ดิฉันได้ไปคุยกับนักวิชาการชาวพม่าหลายคนที่อาศัยอยู่ที่อเมริกา และก็เล่าให้พวกเขาฟังถึงสิ่งที่นางคึกฤทธิ์เขียนถึงราชวงศ์พม่า
เขาก็บอกว่าเป็นการเขียนที่ไม่ใช่เรื่องจริง เข้าขั้น insane คนเขียนเข้าขั้นวิกลจริต
และตอนหลังสมเด็จท่านกลับมาอยู่พม่าหลังจากลี้ภัยไปอยู่อินเดียหลายสิบปี
สมเด็จท่านก็ให้สัมภาษณ์ก่อนเสด็จสวรรคตว่า ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นอะไรทั้งสิ้นเกี่ยวกับการเข่นฆ่าสมาชิกในราชวงศ์
ยิ่งตอกย้ำว่า สิ่งที่นางคึกฤทธิ์เขียน เป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น
แล้วก็ไม่เคยออกมาแสดงความรับผิดชอบอะไรซักอย่าง คนแบบนี้เหรอคะที่สมควรเอามาเป็นแบบอย่าง
เอาแค่สองเรื่องนี้ ก็บ่งชี้ได้ว่า credibility ของนางคึกฤทธิ์ เป็นคนเชื่อถือไม่ได้ และก็เป็นคนใช้ไม่ได้ด้วย