ถั่ว3ชนิดไร้สารเคมีอุดมด้วยโอเมก้า3จะกินดิบก็ได้ประโยชน์สูงกินสุกเพื่อเพิ่มความหอมกรอบอร่อย
ช่วยบำรุงเซลล์สมอง   เพิ่มการไหลเวียนเลือดในสมอง   ช่วยเรื่องความจำและการคิด ลดความเสี่ยงการเกิดโรคสมองเสื่อม
      ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมเพิ่มขึ้นปีละ10%ยิ่งอายุมากขึ้นโอกาสเกิดโรคสูงขึ้นโดยผู้สูงอายุ9ใน10คนที่ไม่ได้ทำงานหรือออกกำลังกายอย่างเพียงพอจะมีโอกาสเกิดโรคได้และเนื่องจากยังไม่มียารักษาให้หายขาดได้แต่จะทำได้เพียงชะลอการเสียชีวิตจากโรคให้ช้าลงอาการชองโรคสมองเสื่อมจะค่อยๆเป็นไปอย่างช้าๆ
     70% ของสมองคือไขมัน ซึ่งไขมันมีส่วนสำคัญกับการทำงานของสมอง โดยไขมันที่ดีที่สมองต้องการมากที่สุดคือ โอเมก้า 3 เพราะช่วยส่งเสริมพัฒนาการของสมอง การเรียนรู้และความจำ• วอลนัท
 
    นอกจากจะหน้าตาคล้ายสมองแล้วยังเป็นถั่วที่ดีกับสมองเป็นอันดับ 1 ถั่ววอลนัท 100 กรัม มีปริมาณโอเมก้า 3 สูงถึง 9,080 มก. (568%AI) และ ช่วยลดการอักเสบในร่างกายได้ดีกว่าถั่วชนิดอื่น กินวันละ ¼ ถ้วยตวง ได้ปริมาณโอเมก้า3เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการใน 1 วัน
    สามารถกินดิบได้ หรือนำไปคั่วอบ 10 นาทีเพิ่มความกรอบ หอมมัน จะกินเล่น, โรยสลัด โยเกิร์ต ซุป สมูทตี้ ผสมในขนมก็ได้
    • พีแคน
 
    มีวิตามิน แร่ธาตุหลายชนิดที่จำเป็นกับทุกระบบการทำงานของสมองสารสื่อประสาท การสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาทภายในฮิปโปแคมปัส ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับความจำ การเรียนรู้และอารมณ์
พีแคน 100 กรัม มีปริมาณโอเมก้า 3 สูงถึง 986 มก. (62%AI) แนะนำกินวันละ 10-15 เม็ด
    สามารถกินดิบได้ หรือคั่วอบ 5-10 นาที เพิ่มหวานหอมมัน จะกินเล่น, โรยสลัด โยเกิร์ต ซุป สมูทตี้ ผสมในขนม
   • ไพน์นัท
 
    มีส่วนช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังสมอง ทำให้สมองทำงานได้ดี ไพน์นัท 100 กรัม มีปริมาณโอเมก้า 3 สูงถึง 787 มก. (49%AI) แนะนำกินวันละ 2 ช้อนโต๊ะ
    สามารถกินดิบได้หรือคั่วอบ 3-5 นาที เพิ่มความหอมมัน (กินเล่น, ทำซอส, โรยอาหารได้หลายชนิด สลัด ซุป พาสต้า แกง ผสมในขนม)
   แนะนำวิธีกินอร่อย ได้ประโยชน์
• ถั่วดิบ – ประโยชน์สูงกว่าคั่วอบสุก ควรล้างให้สะอาด ผึ่งให้แห้งก่อนนำมากิน
• ถั่วคั่วอบสุก – ไม่ควรอบด้วยไฟแรง และใช้เวลานานเพราะจะทำให้สูญเสียสารอาหารและไขมันไม่อิ่มตัวในถั่วถูกความร้อนทำลายจนเกิดสารอนุมูลอิสระ และอาจเกิดสาร อะครีละมายด์ที่ก่อมะเร็งในสัตว์ควรอบที่140°C 15นาที
นอกจากอาหารแล้วยังแนะนำให้ออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมต่างๆ
• ควรออกกำลังกายที่ทำให้หัวใจเต้นแรง เล่นให้เหนื่อยและเหงื่อออก วันละครึ่งชั่วโมงถึง 1 ชั่วโมง จะช่วยขับของเสียออกจากสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากถึงสองเท่า การออกกำลังกายเพียง 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ไม่พอ แนะนำออกกำลังกาย 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ช่วยลดปัจจัยเสี่ยงสมองเสื่อมได้ 37% และถ้าเล่นทุกวันจะลดปัจจัยเสี่ยงได้ 57% และยังช่วยคลายความเครียด ช่วยให้หลับสนิท
อ้างอิง:https://www.lemonfarm.com/th/