“ชัยธวัช” ร่วมงานศพ “บุ้ง ทะลุวัง” คืนแรก ออกตัว “ก้าวไกล” ไม่ได้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหว
https://ch3plus.com/news/political/morning/400209
“ชัยธวัช” ร่วมงานศพ “บุ้ง ทะลุวัง” คืนแรก ออกตัว “ก้าวไกล” ไม่ได้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหว เพราะเป็นการตัดสินใจของตัวบุคคล ชวนสังคมมองต้นเหตุโศกนาฏกรรม อยู่ที่ไม่ให้สิทธิประกันตัว เผย กมธ.นิรโทษกรรม เตรียมยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาล
16 พฤษภาคม 2567 ที่วัดสุทธาโภชน์ เขตลาดกระบัง นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางมาร่วมงานสวดพระอภิธรรมในพิธีบำเพ็ญกุศลคืนแรกของ นางสาว
เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ
“บุ้ง ทะลุวัง” นักกิจกรรมที่เสียชีวิตในเรือนจำ ระหว่างการอดอาหารประท้วงสิทธิประกันตัว
โดยนาย
ชัยธวัช ให้สัมภาษณ์หลังร่วมงานสวดพระอภิธรรมคืนแรก ของนางสาว
เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง ทะลุวัง ถึงการเรียกร้องต่อรัฐบาลถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่า วันนี้มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญเรื่องพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ซึ่งมีการยื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการด้วย จึงได้หยิบยกเรื่องนี้มาพูดคุยกัน โดยทางประธานคณะกรรมการธิการ ได้เสนอให้ทำหนังสือไปถึงนายกรัฐมนตรี ระหว่างที่ยังไม่มีกฎหมายนิรโทษกรรม
เฉพาะกระบวนการยุติธรรมในชั้นตำรวจ และชั้นอัยการ รวมถึงฝ่ายบริหาร สามารถหารือกับฝ่ายตุลาการได้ หากรัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจน ส่วนในสภาเอง จะมีการพิจารณาเรื่องกฎหมายเกี่ยวกับ ป.วิอาญา ที่ทำให้สิทธิในการประกันตัวถูกรับรองอย่างแท้จริง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเป้าหมายระยะยาว แต่การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ทั้งในบทบาทที่ตนเองอยู่ในคณะกรรมาธิการ และฝ่ายค้าน ต้องผลักดันข้อเสนอให้ฝ่ายบริหารมีนโยบายในการแก้ไขปัญหาเรื่องคดีทางการเมือง สิทธิในกระบวนการยุติธรรมของผู้ที่ถูกกล่าวหาจากการแสดงออกทางการเมืองโดยสันติ
นาย
ชัยธวัช ระบุต่อว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างประธานกรรมาธิการการพิจารณาว่าจะมีกี่ข้อเสนอในการส่งให้รัฐบาล และประธานกรรมาธิการจะรับไปดำเนินการต่อ ซึ่งเรื่องการปล่อยตัวนักโทษทางการเมืองที่ถูกคุมขังอยู่ในขณะนี้ ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง โดยปัญหาเรื่องการประกันตัวก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีเคยระบุเอาไว้ว่า เป็นปัญหาของศาล เพราะบางส่วนเป็นเรื่องของศาล แต่ฝ่ายบริหาร ถ้ามีนโยบายที่ชัดเจน ที่อยากคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง และช่วยฟื้นฟูนิติรัฐ ตามที่รัฐบาลเคยแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เราไม่ได้เสนอให้รัฐบาลเข้าไปแทรกแซงฝ่ายตุลาการ แต่รัฐบาลสามารถหารือพูดคุยกับฝ่ายตุลาการได้เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน เชื่อว่าจะส่งผลได้
นาย
ชัยธวัช กล่าวต่อว่า สิทธิในการประกันตัว เริ่มต้นได้ตั้งแต่ในชั้นตำรวจ ปัญหาที่ผ่านมาคือผู้ที่ถูกกล่าวหาในคดีทางการเมือง โดยเฉพาะคดีในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ในช่วงหลัง ตำรวจจะไม่พิจารณาให้สิทธิการประกันตัวเลย เมื่อผู้ต้องหามารายงานตัว และรับทราบข้อกล่าวหา ก็จะส่งศาลฝากขังทันที ตำรวจก็จะโยนไปให้เป็นภาระของผู้พิพากษา ดังนั้น ในชั้นตำรวจรัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจนมาก เพราะอยู่ภายใต้ การกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี ซึ่งสามารถทำได้ในอนาคต
ส่วนความคิดเห็นของบางส่วนที่ออกมาบอกว่าพรรคก้าวไกลเป็นสาเหตุให้นางสาวเนติพรเสียชีวิต เพราะอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวทางการเมือง นาย
ชัยธวัช ระบุว่า หากพิจารณาดี ๆ พรรคก้าวไกลไม่เคยสนับสนุนนางสาว
เนติพร หรือการอดอาหาร แต่สิ่งที่เกิดขึ้นโดยข้อเท็จจริง คือเป็นการตัดสินใจโดยแต่ละท่านทั้งสิ้น อย่างกรณีของนางสาว
ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ ตั้งแต่ครั้งแรกที่อดอาหารประท้วง เรามีความพยายามในการประสานติดต่อให้ยุติการอดอาหารประท้วง แต่สุดท้าย ต้องยืนยันว่า ตัวเขาเองเป็นผู้ที่ตัดสินใจ คงไม่มีใครที่จะผลักให้คนอื่นไปอดอาหารแล้วเสียชีวิต
นาย
ชัยธวัช ระบุว่า ต้องมาดูว่าตอนนี้ปัญหาอยู่ตรงไหน โดยเปรียบเทียบเหมือนสุภาพสตรีที่ถูกข่มขืนเพียงเพราะแต่งกายโป๊ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่ต้นเหตุของปัญหานี้ คือ ปัญหาซ้ำซากของการไม่ได้รับสิทธิการประกันตัวในกระบวนการยุติธรรม จนสุดท้าย เมื่อถึงจุดหนึ่ง ก็เป็นวิธีการเดียวที่สามารถทำได้ในฐานะผู้ต้องขัง ทั้งที่ยังไม่ถูกพิพากษาว่ามีความผิด ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องนำมาพิจารณา ย้ำว่า สิทธิในการประกันตัวเป็นเรื่องของทุกคน ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่แต่ละท่านทำ หรือถูกกล่าวหา เรื่องนั้นให้ไปว่ากันในชั้นศาล โดยการไม่ให้ประกันตัว ควรเป็นเฉพาะกรณีเท่านั้น
ส่วนหลังจากนี้จะมีการช่วยเหลือผู้ต้องขังยังไง โดยเฉพาะนางสาว
ทานตะวันที่อดอาหารอยู่ นาย
ชัยธวัช มองว่า คนที่ใกล้ชิดกับนางสาว
ทานตะวันเป็นห่วงแน่ ๆ และไม่มีใครอยากให้เกิดกรณีแบบนางสาว
เนติพรอีก เราจึงต้องช่วยกันสื่อสารกับนางสาว
ทานตะวัน และอีกทางที่จะช่วยได้มากคือ หากมีสัญญาณที่ดีเกิดขึ้น ไม่ว่าจะมาจากฝั่งไหนน่าจะเป็นปัจจัยที่จะช่วยทำให้ไม่เกิดโศกนาฏกรรมแบบนี้อีก
ส่วนจะมีการสื่อสารเรื่องนี้กับผู้ที่เคลื่อนไหวทั้งในสภา และนอกสภาอย่างไรต่อนั้น นาย
ชัยธวัช ระบุว่า ตนเองห้ามไม่ได้ว่าจะมีใครโจมตี หรือกล่าวหาว่าพรรคก้าวไกลอยู่เบื้องหลังของคนหนุ่มสาว ซึ่งเป็นมาตั้งแต่ปี 2563 และยืนยันด้วยข้อเท็จจริงว่า เราไม่ได้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหว ที่ผ่านมาเป็นไปด้วยตัวเขาเอง และสิ่งที่เราพยายามทำคือการสื่อสารกับสังคม แม้ว่าจะไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหว หรือความคิดของคนรุ่นใหม่ แต่แนวทางที่ดีที่สุด เพื่อป้องกันการสูญเสียคือแนวทางสายกลาง ไม่ควรผลักให้ใครต้องสุดขั้วขึ้นไปเรื่อย ๆ เรื่องนี้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้
นาย
ชัยธวัช ยังยกตัวอย่าง กรณีของนางสาว
ทานตะวัน เริ่มต้นจากการทำโพล และเกิดการตั้งคำถามว่า เกิดอะไรกับกระบวนการยุติธรรมในสังคมไทย เพราะสุดท้ายคนที่แค่ทำโพล ต้องออกมาแสดงออกในรูปแบบที่หลายคนมองว่าก้าวร้าวมากขึ้นเรื่อย ๆ นี่คือเรื่องที่เราต้องทบทวน และเราต้องช่วยกันชวนคิดกับคนรุ่นใหม่ว่า วิธีการสื่อสารแบบไหน ที่จะทำให้คนรับฟังมากยิ่งขึ้น แต่สถานการณ์ตอนนี้ คือ การอดอาหารประท้วงเพื่อเรียกร้องเพียงแค่สิทธิการประกันตัว คิดว่าเราต้องคุยตรงนี้ก่อน มิเช่นนั้น จะผิดประเด็นไปเรื่อย ๆ
“ทำไมคนบางกลุ่ม ถึงสามารถมีอภิสิทธิ์ได้รับการดูแลอย่างดีในกรมราชทัณฑ์ หรือว่าได้รับการปล่อยตัว ทั้ง ๆ ที่ในบางมิติถูกกระทำการรุนแรงกว่าด้วยซ้ำ ผมคิดว่าอย่าพึ่งผิดประเด็น การที่พยายามจะมาถามว่าพรรคก้าวไกลจะจัดการอย่างไร ผิดไปจากประเด็นของคนที่ต้องรับผิดชอบจริง ๆ” นาย
ชัยธวัช กล่าวทิ้งท้าย
ทสท.แนะใช้งบกลางแก้ปัญหาโรงงานสารเคมีไหม้ จวก รบ.แก้ปัญหาช้า
https://www.dailynews.co.th/news/3440790/
ทสท.จวกรัฐบาลล่าช้าแก้ปัญหามลพิษ ปมไฟไหม้โรงงานสารเคมี จ.ระยองไม่ทันการณ์ความเดือดร้อนที่ฤดูฝนกำลังมา แนะเร่งใช้งบกลางมาขจัดมลพิษ สุขภาพอนามัยและชีวิตประชาชนต้องมาก่อน
เมื่อวันที่ 16 พ.ค. นาย
ศักดิ์ณรงค์ ศิริพร ณ ราชสีมา รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทยให้ความเห็นต่อการแก้ไขปัญหาการบำบัดสารเคมีร้ายแรงตกค้างในดิน ในน้ำ และใต้ดิน ตลอดจนการย้ายสารเคมีของบ.วิน โพรเสส จ.ระยอง ที่ถูกเพลิงไหม้ ว่าส่วนตัวมองว่าการแก้ปัญหาดังกล่าวมีความๅล่าช้า ไม่ทันการณ์ขณะที่ฤดูฝนกำลังย่างเข้ามา ที่สำคัญชาวบ้านยังรวมตัวกันร้องเรียนต่อจังหวัด และกระทรวงอุตสาหกรรมให้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนอย่างต่อเนื่องและตนเห็นใจกับประชาชนอย่างมากและเท่าที่ติดตามสถานการณ์การแก้ไขปัญหา มีปัจจัยสำคัญคืองบประมาณเพราะการขจัดมลพิษซึ่งเป็นสารเคมีร้ายแรงอย่างถูกต้องตามมาตรฐานสากลจะต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ซึ่งการใช้งบประมาณปกติของกระทรวงอุตสาหกรรม และการฟ้องร้องจาก บ.วิน โพรเสส น่าจะไม่ทันการณ์ความเดือดร้อนของประชาชนในขณะที่ฤดูฝนกำลังจะดข้ามา
นาย
ศักดิ์ณรงค์ กล่าวว่า หนทางเดียวที่จะแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนต้องยกปัญหาด้านสุขภาพอนามัยและชีวิตประชาชนเป็นปัญหาสำคัญสูงสุดและถือเป็นภัยพิบัติ เป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องรีบแก้ไข ซึ่งกรณีดังกล่าวเข้าหลักเกณฑ์การใช้ งบกลางเพราะ วัตถุประสงค์ของการมีงบกลาง ก็เพื่อแก้ไขปัญหาภัยพิบัติฉุกเฉินที่ประชาชนได้รับอย่างทันท่วงที
นาย
ศักดิ์ณรงค์ กล่าวอีกว่าเท่าที่ได้ติดตามสถานการณ์พบว่า สารเคมีร้ายแรงของ บ.วิน โพรเสส ไม่ได้รับการบำบัดอย่างถูกต้องตามหลักวิชาและได้ไหลจากบ่อพักสู่แหล่งน้ำธรรมชาติลงทั้งน้ำและดินรอบ ๆ บริเวณโรงงาน นอกจากนั้นก็ควรตรวจสอบว่ามีการลักลอบปล่อยสารเคมีร้ายแรงโดยไม่ผ่านการบำบัดลงยังชั้นใต้ดิน หรือไม่ โดยควรให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลขุดเจาะสำรวจน้ำใต้ดินว่ามีสารเคมีร้ายแรงจากโรงงานปนเปื้อนในชั้นน้ำใต้ดินหรือไม่ เพราะหากมี จะเป็นอ้นตรายยิ่งเมื่อมีการนำน้ำนั้นไปใช้ในการอุปโภค บริโภค
นาย
ศักดิ์ณรงค์ กล่าวอีกว่าขอเสนอแนะว่า กระทรวงอุตสาหกรรมควรของบกลางจากรัฐบาลมาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างทันการณ์ และพรรคไทยสร้างไทยขอเป็นส่วนหนึ่งในการตรวจสอบว่า รัฐบาลจะใช้งบกลางอย่างถูกต้องตามหลักเกณฑ์ หรือไม่ ยิ่งขณะนี้มีข่าวว่า รัฐบาลจะใช้งบประมาณปี 2567 ส่วนหนึ่งไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเลตเป็นกรณีที่เราจะต้องคัดค้านอย่างแข็งขันและหากนำงบกลางที่จะต้องเตรียมไว้เพื่อแก้ไขปัญหาภัยพิบัติของพี่น้องประชาชนไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมือง เป็นเรื่องที่พรรคไทยสร้างไทยและประชาชนรับไม่ได้และต้องคัดค้านอย่างแน่นอนส่วนการแก้ไขปัญหาโรงงานอุตสาหกรรมที่สร้างปัญหามลพิษแก่ประชาชนและสิ่งแวดล้อมในระยะยาวนั้นมองว่าขณะนี้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในระบบราชการดังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรมควรนำวิกฤตที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นโอกาสที่จะยกเครื่องกระบวนการจัดตั้งและการตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมให้ได้มาตรฐานสากล เพราะปัจจุบันโลกให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ประเทศของเราและพี่น้องประชาชนจะอยู่ยากหากประเทศไทยก้าวไม่ทันกับพัฒนาการของโลกที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม
บิ๊กธุรกิจ เกาะติดค่าแรง 400 บาท ห่วงระยะยาวแข่งช่วงชิงแรงงาน
https://www.matichon.co.th/economy/news_4580020
บิ๊กธุรกิจ เกาะติดค่าแรง 400 บาท ห่วงระยะยาวแข่งช่วงชิงแรงงาน
เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม นาย
สุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวถึงการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทต่อวันทั่วประเทศว่า เห็นด้วยที่ภาครัฐมีนโยบายเพิ่มรายได้ให้กับภาคแรงงาน ในส่วนของบริษัทมีผลกระทบไม่มากนักประมาณ 3% เนื่องจากพนักงานส่วนใหญ่ได้ค่าแรงสูงกว่า 400 บาทอยู่แล้ว ขณะที่แรงงานที่ได้รับค่าแรงขั้นต่ำนั้นมีไม่ถึง 3% ทั้งนี้ ต้องรอดูรายละเอียดที่แต่ละจังหวัดจะประกาศออกมาอีกครั้ง แต่สิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญมากกว่าในเรื่องของค่าแรง คือการพัฒนาบุคลากร พนักงาน ให้มีศักยภาพ และประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
น.ส.
กิตติวรรณ อนุเวชสกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แมคไทย จำกัด กล่าวว่า เรื่องค่าแรง 400 บาทนั้น บริษัทกำลังติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่าภาครัฐจะประกาศทางการอย่างไร และพร้อมปรับแผนให้สอดคล้องกับภาครัฐ โดยในปัจจุบันมีสาขาบางแห่งที่มีค่าแรงเกินระดับดังกล่าวแล้ว แต่หากภาครัฐมีการปรับค่าแรงขึ้นมา ก็ต้องติดตามและประเมินผลกระทบ พร้อมแผนในการรับมือต่างๆ
JJNY : “ชัยธวัช”ออกตัว“ก้าวไกล”ไม่ได้อยู่เบื้องหลัง│ทสท.แนะใช้งบกลาง│บิ๊กธุรกิจเกาะติดค่าแรง│ครอบครัวตัวประกันเล่าให้ฟัง
https://ch3plus.com/news/political/morning/400209
“ชัยธวัช” ร่วมงานศพ “บุ้ง ทะลุวัง” คืนแรก ออกตัว “ก้าวไกล” ไม่ได้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหว เพราะเป็นการตัดสินใจของตัวบุคคล ชวนสังคมมองต้นเหตุโศกนาฏกรรม อยู่ที่ไม่ให้สิทธิประกันตัว เผย กมธ.นิรโทษกรรม เตรียมยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาล
16 พฤษภาคม 2567 ที่วัดสุทธาโภชน์ เขตลาดกระบัง นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางมาร่วมงานสวดพระอภิธรรมในพิธีบำเพ็ญกุศลคืนแรกของ นางสาวเนติพร เสน่ห์สังคม หรือ “บุ้ง ทะลุวัง” นักกิจกรรมที่เสียชีวิตในเรือนจำ ระหว่างการอดอาหารประท้วงสิทธิประกันตัว
โดยนายชัยธวัช ให้สัมภาษณ์หลังร่วมงานสวดพระอภิธรรมคืนแรก ของนางสาวเนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง ทะลุวัง ถึงการเรียกร้องต่อรัฐบาลถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่า วันนี้มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญเรื่องพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ซึ่งมีการยื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการด้วย จึงได้หยิบยกเรื่องนี้มาพูดคุยกัน โดยทางประธานคณะกรรมการธิการ ได้เสนอให้ทำหนังสือไปถึงนายกรัฐมนตรี ระหว่างที่ยังไม่มีกฎหมายนิรโทษกรรม
เฉพาะกระบวนการยุติธรรมในชั้นตำรวจ และชั้นอัยการ รวมถึงฝ่ายบริหาร สามารถหารือกับฝ่ายตุลาการได้ หากรัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจน ส่วนในสภาเอง จะมีการพิจารณาเรื่องกฎหมายเกี่ยวกับ ป.วิอาญา ที่ทำให้สิทธิในการประกันตัวถูกรับรองอย่างแท้จริง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเป้าหมายระยะยาว แต่การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ทั้งในบทบาทที่ตนเองอยู่ในคณะกรรมาธิการ และฝ่ายค้าน ต้องผลักดันข้อเสนอให้ฝ่ายบริหารมีนโยบายในการแก้ไขปัญหาเรื่องคดีทางการเมือง สิทธิในกระบวนการยุติธรรมของผู้ที่ถูกกล่าวหาจากการแสดงออกทางการเมืองโดยสันติ
นายชัยธวัช ระบุต่อว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างประธานกรรมาธิการการพิจารณาว่าจะมีกี่ข้อเสนอในการส่งให้รัฐบาล และประธานกรรมาธิการจะรับไปดำเนินการต่อ ซึ่งเรื่องการปล่อยตัวนักโทษทางการเมืองที่ถูกคุมขังอยู่ในขณะนี้ ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง โดยปัญหาเรื่องการประกันตัวก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีเคยระบุเอาไว้ว่า เป็นปัญหาของศาล เพราะบางส่วนเป็นเรื่องของศาล แต่ฝ่ายบริหาร ถ้ามีนโยบายที่ชัดเจน ที่อยากคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง และช่วยฟื้นฟูนิติรัฐ ตามที่รัฐบาลเคยแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เราไม่ได้เสนอให้รัฐบาลเข้าไปแทรกแซงฝ่ายตุลาการ แต่รัฐบาลสามารถหารือพูดคุยกับฝ่ายตุลาการได้เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน เชื่อว่าจะส่งผลได้
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า สิทธิในการประกันตัว เริ่มต้นได้ตั้งแต่ในชั้นตำรวจ ปัญหาที่ผ่านมาคือผู้ที่ถูกกล่าวหาในคดีทางการเมือง โดยเฉพาะคดีในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ในช่วงหลัง ตำรวจจะไม่พิจารณาให้สิทธิการประกันตัวเลย เมื่อผู้ต้องหามารายงานตัว และรับทราบข้อกล่าวหา ก็จะส่งศาลฝากขังทันที ตำรวจก็จะโยนไปให้เป็นภาระของผู้พิพากษา ดังนั้น ในชั้นตำรวจรัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจนมาก เพราะอยู่ภายใต้ การกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี ซึ่งสามารถทำได้ในอนาคต
ส่วนความคิดเห็นของบางส่วนที่ออกมาบอกว่าพรรคก้าวไกลเป็นสาเหตุให้นางสาวเนติพรเสียชีวิต เพราะอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวทางการเมือง นายชัยธวัช ระบุว่า หากพิจารณาดี ๆ พรรคก้าวไกลไม่เคยสนับสนุนนางสาวเนติพร หรือการอดอาหาร แต่สิ่งที่เกิดขึ้นโดยข้อเท็จจริง คือเป็นการตัดสินใจโดยแต่ละท่านทั้งสิ้น อย่างกรณีของนางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ ตั้งแต่ครั้งแรกที่อดอาหารประท้วง เรามีความพยายามในการประสานติดต่อให้ยุติการอดอาหารประท้วง แต่สุดท้าย ต้องยืนยันว่า ตัวเขาเองเป็นผู้ที่ตัดสินใจ คงไม่มีใครที่จะผลักให้คนอื่นไปอดอาหารแล้วเสียชีวิต
นายชัยธวัช ระบุว่า ต้องมาดูว่าตอนนี้ปัญหาอยู่ตรงไหน โดยเปรียบเทียบเหมือนสุภาพสตรีที่ถูกข่มขืนเพียงเพราะแต่งกายโป๊ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่ต้นเหตุของปัญหานี้ คือ ปัญหาซ้ำซากของการไม่ได้รับสิทธิการประกันตัวในกระบวนการยุติธรรม จนสุดท้าย เมื่อถึงจุดหนึ่ง ก็เป็นวิธีการเดียวที่สามารถทำได้ในฐานะผู้ต้องขัง ทั้งที่ยังไม่ถูกพิพากษาว่ามีความผิด ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องนำมาพิจารณา ย้ำว่า สิทธิในการประกันตัวเป็นเรื่องของทุกคน ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่แต่ละท่านทำ หรือถูกกล่าวหา เรื่องนั้นให้ไปว่ากันในชั้นศาล โดยการไม่ให้ประกันตัว ควรเป็นเฉพาะกรณีเท่านั้น
ส่วนหลังจากนี้จะมีการช่วยเหลือผู้ต้องขังยังไง โดยเฉพาะนางสาวทานตะวันที่อดอาหารอยู่ นายชัยธวัช มองว่า คนที่ใกล้ชิดกับนางสาวทานตะวันเป็นห่วงแน่ ๆ และไม่มีใครอยากให้เกิดกรณีแบบนางสาวเนติพรอีก เราจึงต้องช่วยกันสื่อสารกับนางสาวทานตะวัน และอีกทางที่จะช่วยได้มากคือ หากมีสัญญาณที่ดีเกิดขึ้น ไม่ว่าจะมาจากฝั่งไหนน่าจะเป็นปัจจัยที่จะช่วยทำให้ไม่เกิดโศกนาฏกรรมแบบนี้อีก
ส่วนจะมีการสื่อสารเรื่องนี้กับผู้ที่เคลื่อนไหวทั้งในสภา และนอกสภาอย่างไรต่อนั้น นายชัยธวัช ระบุว่า ตนเองห้ามไม่ได้ว่าจะมีใครโจมตี หรือกล่าวหาว่าพรรคก้าวไกลอยู่เบื้องหลังของคนหนุ่มสาว ซึ่งเป็นมาตั้งแต่ปี 2563 และยืนยันด้วยข้อเท็จจริงว่า เราไม่ได้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหว ที่ผ่านมาเป็นไปด้วยตัวเขาเอง และสิ่งที่เราพยายามทำคือการสื่อสารกับสังคม แม้ว่าจะไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหว หรือความคิดของคนรุ่นใหม่ แต่แนวทางที่ดีที่สุด เพื่อป้องกันการสูญเสียคือแนวทางสายกลาง ไม่ควรผลักให้ใครต้องสุดขั้วขึ้นไปเรื่อย ๆ เรื่องนี้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้
นายชัยธวัช ยังยกตัวอย่าง กรณีของนางสาวทานตะวัน เริ่มต้นจากการทำโพล และเกิดการตั้งคำถามว่า เกิดอะไรกับกระบวนการยุติธรรมในสังคมไทย เพราะสุดท้ายคนที่แค่ทำโพล ต้องออกมาแสดงออกในรูปแบบที่หลายคนมองว่าก้าวร้าวมากขึ้นเรื่อย ๆ นี่คือเรื่องที่เราต้องทบทวน และเราต้องช่วยกันชวนคิดกับคนรุ่นใหม่ว่า วิธีการสื่อสารแบบไหน ที่จะทำให้คนรับฟังมากยิ่งขึ้น แต่สถานการณ์ตอนนี้ คือ การอดอาหารประท้วงเพื่อเรียกร้องเพียงแค่สิทธิการประกันตัว คิดว่าเราต้องคุยตรงนี้ก่อน มิเช่นนั้น จะผิดประเด็นไปเรื่อย ๆ
“ทำไมคนบางกลุ่ม ถึงสามารถมีอภิสิทธิ์ได้รับการดูแลอย่างดีในกรมราชทัณฑ์ หรือว่าได้รับการปล่อยตัว ทั้ง ๆ ที่ในบางมิติถูกกระทำการรุนแรงกว่าด้วยซ้ำ ผมคิดว่าอย่าพึ่งผิดประเด็น การที่พยายามจะมาถามว่าพรรคก้าวไกลจะจัดการอย่างไร ผิดไปจากประเด็นของคนที่ต้องรับผิดชอบจริง ๆ” นายชัยธวัช กล่าวทิ้งท้าย
ทสท.แนะใช้งบกลางแก้ปัญหาโรงงานสารเคมีไหม้ จวก รบ.แก้ปัญหาช้า
https://www.dailynews.co.th/news/3440790/
ทสท.จวกรัฐบาลล่าช้าแก้ปัญหามลพิษ ปมไฟไหม้โรงงานสารเคมี จ.ระยองไม่ทันการณ์ความเดือดร้อนที่ฤดูฝนกำลังมา แนะเร่งใช้งบกลางมาขจัดมลพิษ สุขภาพอนามัยและชีวิตประชาชนต้องมาก่อน
เมื่อวันที่ 16 พ.ค. นายศักดิ์ณรงค์ ศิริพร ณ ราชสีมา รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทยให้ความเห็นต่อการแก้ไขปัญหาการบำบัดสารเคมีร้ายแรงตกค้างในดิน ในน้ำ และใต้ดิน ตลอดจนการย้ายสารเคมีของบ.วิน โพรเสส จ.ระยอง ที่ถูกเพลิงไหม้ ว่าส่วนตัวมองว่าการแก้ปัญหาดังกล่าวมีความๅล่าช้า ไม่ทันการณ์ขณะที่ฤดูฝนกำลังย่างเข้ามา ที่สำคัญชาวบ้านยังรวมตัวกันร้องเรียนต่อจังหวัด และกระทรวงอุตสาหกรรมให้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนอย่างต่อเนื่องและตนเห็นใจกับประชาชนอย่างมากและเท่าที่ติดตามสถานการณ์การแก้ไขปัญหา มีปัจจัยสำคัญคืองบประมาณเพราะการขจัดมลพิษซึ่งเป็นสารเคมีร้ายแรงอย่างถูกต้องตามมาตรฐานสากลจะต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ซึ่งการใช้งบประมาณปกติของกระทรวงอุตสาหกรรม และการฟ้องร้องจาก บ.วิน โพรเสส น่าจะไม่ทันการณ์ความเดือดร้อนของประชาชนในขณะที่ฤดูฝนกำลังจะดข้ามา
นายศักดิ์ณรงค์ กล่าวว่า หนทางเดียวที่จะแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนต้องยกปัญหาด้านสุขภาพอนามัยและชีวิตประชาชนเป็นปัญหาสำคัญสูงสุดและถือเป็นภัยพิบัติ เป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องรีบแก้ไข ซึ่งกรณีดังกล่าวเข้าหลักเกณฑ์การใช้ งบกลางเพราะ วัตถุประสงค์ของการมีงบกลาง ก็เพื่อแก้ไขปัญหาภัยพิบัติฉุกเฉินที่ประชาชนได้รับอย่างทันท่วงที
นายศักดิ์ณรงค์ กล่าวอีกว่าเท่าที่ได้ติดตามสถานการณ์พบว่า สารเคมีร้ายแรงของ บ.วิน โพรเสส ไม่ได้รับการบำบัดอย่างถูกต้องตามหลักวิชาและได้ไหลจากบ่อพักสู่แหล่งน้ำธรรมชาติลงทั้งน้ำและดินรอบ ๆ บริเวณโรงงาน นอกจากนั้นก็ควรตรวจสอบว่ามีการลักลอบปล่อยสารเคมีร้ายแรงโดยไม่ผ่านการบำบัดลงยังชั้นใต้ดิน หรือไม่ โดยควรให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลขุดเจาะสำรวจน้ำใต้ดินว่ามีสารเคมีร้ายแรงจากโรงงานปนเปื้อนในชั้นน้ำใต้ดินหรือไม่ เพราะหากมี จะเป็นอ้นตรายยิ่งเมื่อมีการนำน้ำนั้นไปใช้ในการอุปโภค บริโภค
นายศักดิ์ณรงค์ กล่าวอีกว่าขอเสนอแนะว่า กระทรวงอุตสาหกรรมควรของบกลางจากรัฐบาลมาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างทันการณ์ และพรรคไทยสร้างไทยขอเป็นส่วนหนึ่งในการตรวจสอบว่า รัฐบาลจะใช้งบกลางอย่างถูกต้องตามหลักเกณฑ์ หรือไม่ ยิ่งขณะนี้มีข่าวว่า รัฐบาลจะใช้งบประมาณปี 2567 ส่วนหนึ่งไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเลตเป็นกรณีที่เราจะต้องคัดค้านอย่างแข็งขันและหากนำงบกลางที่จะต้องเตรียมไว้เพื่อแก้ไขปัญหาภัยพิบัติของพี่น้องประชาชนไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมือง เป็นเรื่องที่พรรคไทยสร้างไทยและประชาชนรับไม่ได้และต้องคัดค้านอย่างแน่นอนส่วนการแก้ไขปัญหาโรงงานอุตสาหกรรมที่สร้างปัญหามลพิษแก่ประชาชนและสิ่งแวดล้อมในระยะยาวนั้นมองว่าขณะนี้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในระบบราชการดังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรมควรนำวิกฤตที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นโอกาสที่จะยกเครื่องกระบวนการจัดตั้งและการตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมให้ได้มาตรฐานสากล เพราะปัจจุบันโลกให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ประเทศของเราและพี่น้องประชาชนจะอยู่ยากหากประเทศไทยก้าวไม่ทันกับพัฒนาการของโลกที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม
บิ๊กธุรกิจ เกาะติดค่าแรง 400 บาท ห่วงระยะยาวแข่งช่วงชิงแรงงาน
https://www.matichon.co.th/economy/news_4580020
บิ๊กธุรกิจ เกาะติดค่าแรง 400 บาท ห่วงระยะยาวแข่งช่วงชิงแรงงาน
เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม นายสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวถึงการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทต่อวันทั่วประเทศว่า เห็นด้วยที่ภาครัฐมีนโยบายเพิ่มรายได้ให้กับภาคแรงงาน ในส่วนของบริษัทมีผลกระทบไม่มากนักประมาณ 3% เนื่องจากพนักงานส่วนใหญ่ได้ค่าแรงสูงกว่า 400 บาทอยู่แล้ว ขณะที่แรงงานที่ได้รับค่าแรงขั้นต่ำนั้นมีไม่ถึง 3% ทั้งนี้ ต้องรอดูรายละเอียดที่แต่ละจังหวัดจะประกาศออกมาอีกครั้ง แต่สิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญมากกว่าในเรื่องของค่าแรง คือการพัฒนาบุคลากร พนักงาน ให้มีศักยภาพ และประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
น.ส.กิตติวรรณ อนุเวชสกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แมคไทย จำกัด กล่าวว่า เรื่องค่าแรง 400 บาทนั้น บริษัทกำลังติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่าภาครัฐจะประกาศทางการอย่างไร และพร้อมปรับแผนให้สอดคล้องกับภาครัฐ โดยในปัจจุบันมีสาขาบางแห่งที่มีค่าแรงเกินระดับดังกล่าวแล้ว แต่หากภาครัฐมีการปรับค่าแรงขึ้นมา ก็ต้องติดตามและประเมินผลกระทบ พร้อมแผนในการรับมือต่างๆ