JJNY : 6in1 “HRW”เตือน│“สายน้ำ”คาใจ│“ชัยธวัช”แนะสังคายนา│ชุติพงศ์จี้ดันกPRTR│ใช้ดีเซล!แวะปั๊มด่วน│อินโดนีเซียเตือนภัย

“ฮิวแมน ไรท์ส วอทช์” เตือน การปราบปรามนักเคลื่อนไหวสูงขึ้นในไทย
https://www.dailynews.co.th/news/3438319/

ฮิวแมน ไรท์ส วอทช์ (เอชอาร์ดับเบิลยู) กลุ่มสิทธิจากนิวยอร์ก รายงานว่ามีการปราบปราบและคุกคามผู้เห็นต่างมากขึ้นในไทย รวมไปถึงชาวต่างชาติและผู้ที่อาศัยอยู่ต่างประเทศ และการร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ ในการส่งตัวผู้ลี้ภัยและผู้วิจารณ์รัฐบาลอย่างผิดกฎหมาย
 
 
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 16 พ.ค. ว่า รายงานโดยฮิวแมน ไรท์ส วอทช์ (เอชอาร์ดับเบิลยู) ระบุว่า นักเคลื่อนไหวและผู้เห็นต่างที่ขอลี้ภัยในไทย กำลังตกเป็นเป้าหมายของการคุกคาม, การสอดแนม และความรุนแรงทางกายภาพ ซึ่งบ่อยครั้งกระทำด้วยความร่วมมือจากทางการไทย
 
เอชอาร์ดับเบิลยูกล่าวว่า ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา มีการปราบปรามชาวต่างชาติในไทยเพิ่มมากขึ้น และการร่วมมือกับรัฐบาลประเทศอื่น ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนตัวผู้เห็นต่างชาวต่างชาติ ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลไทยขณะอาศัยอยู่ในต่างประเทศ โดยประเทศเหล่านี้รวมไปถึงจีน, บาห์เรน และประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)
 
รายงานระบุเพิ่มเติมว่า มีหลายกรณีที่เจ้าหน้าที่ไทยจับกุมผู้ข้อลี้ภัยและผู้ลี้ภัย และทำการส่งกลับประเทศบ้านเกิดโดยไม่ผ่านกระบวนการอันสมควร “ทางการไทยมีส่วนร่วมในการ “แลกเปลี่ยน” กับรัฐบาลเพื่อนบ้าน เพื่อแลกตัวผู้เห็นต่างของกันและกันอย่างผิดกฎหมาย” นางเอเลน เพียร์สัน ผอ.ภูมิภาคเอเชียของฮิวแมน ไรท์ส วอทช์ กล่าว

เพียร์สันเรียกร้องให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ออกคำสั่งสอบสวนอย่างโปร่งใส และครบถ้วนโดยทันที เกี่ยวกับการจับกุมตามอำเภอใจ, การใช้ความรุนแรง และการบังคับส่งผู้ลี้ภัยและผู้ไม่เห็นด้วยทางการเมืองกลับประเทศ
 
เอชอาร์ดับเบิลยูระบุว่า ได้วิเคราะห์คดี 25 คดี ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยระหว่างปี 2566-2567 และดำเนินการสัมภาษณ์เหยื่อ, สมาชิกในครอบครัว และพยานแล้ว 18 ครั้ง
 
มากไปกว่านั้น ที่ประเทศไทย เมื่อช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้เห็นต่างจากเวียดนามถูกติดตามและลักพาตัวไป, นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยลาวถูกบังคับให้สูญหาย หรือถูกสังหาร และผู้นำด้านสิทธิแอลจีบีทีคิวชาวมาเลเซีย ตกเป็นเป้าหมายในการส่งตัวกลับประเทศ นอกจากนั้น ทางการไทยยังควบคุมตัวและเนรเทศผู้เห็นต่าง และผู้ลี้ภัยชาวจีนอย่างผิดกฎหมาย
 
รายงานระบุต่อไปว่า นักเคลื่อนไหวชาวไทยจำนวนหนึ่ง ถูกสังหารหรือสูญหายในกัมพูชา, ลาว และเวียดนาม ด้วยเหตุนี้ “การปราบปรามข้ามชาติ” กำลังส่งผลกระทบที่น่าหวาดกลัว ต่อการวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมือง และเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ และองค์กรระหว่างประเทศดำเนินการ
 
รายงานอ้างถึงกรณีของรัฐบาล 75 กรณี จาก 24 ประเทศ รวมถึงซาอุดีอาระเบีย, บาห์เรน, เบลารุส และกัมพูชา ที่ดำเนินการละเมิดสิทธิมนุษยชน เพื่อปิดปากหรือยับยั้งความขัดแย้งในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ด้วยวิธีการต่าง ๆ ได้แก่ การสังหาร, การลักพาตัว, การเคลื่อนย้ายโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย, การใช้อำนาจทางกงสุลโดยมิชอบ, การกำหนดเป้าหมายและลงโทษโดยรวมต่อญาติ และการโจมตีทางดิจิทัล
 
นอกจากนั้น รัฐบาลบางประเทศยังได้ใช้หมายแดงของตำรวจสากล ซึ่งทำให้เกิดการแจ้งเตือนไปทั่วโลก ในทางที่ผิด ส่งผลให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย สามารถจับกุมบุคคลหนึ่งคนได้ก่อนที่จะส่งผู้ร้ายข้ามแดน.



“สายน้ำ” คาใจราชทัณฑ์แถลงไม่ตรงกัน กรณีช่วยชีวิต “บุ้ง ทะลุวัง” ขณะเกิดเหตุ หวั่นหลักฐานถูกทำลาย
https://ch3plus.com/news/political/morning/400159

นายนภสินธุ์ ตรียาภิวัฒน์ หรือสายน้ำ นักกิจกรรมทางการเมืองในฐานะเพื่อนของ น.ส.เนติพร กล่าวภายหลังกรมราชทัณฑ์ออกมาแถลงเกี่ยวกับการเสียชีวิตโดยบอกว่า คาใจหลายประเด็น และมองว่าก่อนที่ราชทัณฑ์จะแถลงควรเตรียมตัวและมีหลักฐานที่แน่ชัดมากกว่าการที่แถลงแล้วพูดไม่เหมือนกัน ไม่ยอมระบุรายละเอียดใด ๆ เลย มองว่ายิ่งทำให้เรื่องน่าสงสัยมากขึ้นไปอีก ขณะที่อีกคนบอกว่าปั๊มหัวใจตรงนั้นเลย ด้านอีกคนบอกว่าพาตัวลงไปปั๊ม แล้วพาลงไปอย่างไร มีการประคองหรือไม่ หรือทำถูกหลักการหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราสงสัยกันอยู่

เมื่อถามว่าตามหลักการช่วยชีวิตคน ควรปั๊มหัวใจให้ขึ้นก่อนที่จะมีการเคลื่อนย้ายหรือไม่ นายนภสินธุ์ ระบุว่า ตนไม่ได้เรียนด้านการแพทย์มา แต่เท่าที่รู้ หากจับสัญญาณชีพไม่ขึ้นควรที่จะ PCR โดยทันที โดยอุปกรณ์ที่เพียบพร้อมทุกอย่างที่ราชทัณฑ์บอก ซึ่งไม่ได้มีการใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจในการช่วยชีวิต ซึ่งสิ่งเป็นมาตรฐานโรงพยาบาล และบางสถานที่ เช่น มหาวิทยาลัยฯ และที่สาธารณะอื่น ๆ ก็มีเครื่องนี้แล้ว ซึ่งราชทัณฑ์บอกว่าไม่ได้ใช้เครื่องมือนี้ ตนเองก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่ได้ใช้

นายนภสินธุ์ กล่าวว่า กล้องวงจรปิดจะเป็นตัวตัดสินทุกอย่างว่า ขั้นตอนในการกระทำถูกต้องหรือไม่, ใครเป็นคนกระทำ , ใครเป็นคนปั๊มหัวใจ และปั๊มถูกวิธีหรือไม่ ปั๊มนานเท่าไหร่ต่อเนื่องตั้งแต่เกิดเหตุจนไปถึงรพ.ธรรมศาสตร์ฯ หรือไม่ รวมทั้งสัญญาณชีพขณะนั้นเป็นอย่างไร ทั้งหมดนี้มองว่าต้องมีข้อมูลและรายละเอียดที่เป็นหลักฐานออกมา เราถึงตรวจสอบและยืนยันกันได้

เมื่อถามถึงกรณีที่ราชทัณฑ์ระบุว่า หลังจากที่ส่งตัว น.ส.เนติพร จาก รพ.ธรรมศาสตร์กลับไปรักษาตัวที่รพ.ราชทัณฑ์เมื่อวันที่ 4 เมษายน น.ส.เนติพร ได้กินข้าวตลอด เช่น ข้าวต้ม ไข่เจียว ฯลฯ และอยู่อย่างสุขสบาย ประเด็นนี้ นายนภสินธุ์ กล่าวว่า “ถ้าสุขสบาย เพื่อนผมคงไม่ตาย หากบอกว่าสุขสบาย อยากถามว่าสุขสบายยังไง ถึงทำให้ตอนนี้ผมมาอยู่ที่วัดได้” ทั้งนี้ขอยืนยันว่า ไม่ว่าจะกินหรือไม่กิน สุดท้ายเพื่อนก็ตายในอ้อมอกและการดูแลของราชทัณฑ์

นายนภสินธุ์ กล่าวว่า ขณะนี้สงสัยทุกประเด็น และยังไม่ตัดประเด็นใดออก จนกว่าจะมีรายละเอียดออกมา แต่บอกได้ชัดเจนว่าผลการเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร ครั้งนี้ มาจากการคุมขังโดยไม่ชอบ จนทำให้เข้าไปอยู่ในเรือนจำและเสียชีวิต

นายนภสินธุ์ กล่าวว่า จากเหตุการณ์นี้ประชาชนคงได้เห็นกับตัวแล้วว่า การที่ราชทัณฑ์ดูแลอดีตนายกรัฐมนตรีอีกแบบ และดูแลเพื่อนของตนอีกแบบหนึ่ง คงเป็นตัวบ่งชัดที่ดีว่ามีการดูแลสองมาตรฐานหรือไม่

นายนภสินธุ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า อยากฝากให้รัฐบาลบอกกรมราชทัณฑ์ว่าให้เก็บหลักฐานทุกอย่างไว้ และให้ส่งมอบให้ทางครอบครัวหรือทนายความ เพื่อนำมาใช้ในการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงว่าสุดท้ายแล้วเกิดอะไรขึ้น เพราะส่วนตัวกังวลว่าหลักฐานจะถูกทำลาย เนื่องจากว่าหลักฐานส่วนใหญ่เป็นกระดาษ เพราะในอดีตที่ผ่านมาสำหรับคดีใหญ่ ๆ ก็มีการถูกทำลายหลักฐานเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นทั้งเอกสารหรือกล้องวงจรปิด

เมื่อถามถึงประเด็นที่ราชทัณฑ์ส่งตัว น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ ผู้ต้องขังคดีป่วนขบวนเสด็จ มารักษาตัวที่ รพ.ธรรมศาสตร์ เพราะว่ากลัวเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยหรือไม่เพราะก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา มีการพยายามขอมารักษา แต่บางครั้งก็อนุญาตให้มาก่อนจะให้ส่งตัวกลับ นายนภสินธุ์ กล่าวว่า มองว่าราชทัณฑ์เคยมาเสมอว่า รพ.ราชทัณฑ์ เพียบพร้อมในการดูแลแต่ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความไม่พร้อมนั้นแล้ว

ขณะเดียวกันวันนี้มีนักกิจกรรมหลายคน เช่น รุ้ง ปนัสยา และ มายด์ ภัสราวลี เข้ายื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภาให้ตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และชี้แจงอย่างโปร่งใสนั้น ส่วนตัวยังไม่ได้มีการพูดคุยกับใครเลยเพราะยุ่งกับการจัดงานศพ คิดว่าหลังจากนี้อาจจะมีการพูดคุยกัน



“ชัยธวัช” แนะรัฐบาลออกมติ ครม.สังคายนา สิทธิประกันตัว หลัง”บุ้งทะลุวัง” เสียชีวิต
https://www.matichon.co.th/politics/news_4579192

“ชัยธวัช” แนะรัฐบาลออกมติ ครม.สังคายนา สิทธิประกันตัว คลายปัญหาคดีทางการเมือง หลัง”บุ้งทะลุวัง” เสียชีวิต
 
เมื่อเวลา 14.00 น วันที่ 16 พ.ค. ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีการเสียชีวิต ของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง ทะลุวัง ว่า สะท้อนให้เห็นปัญหา ประเด็นคดีทางการเมืองยังเป็นเรื่องสำคัญ ในสังคมไทยปัจจุบัน รวมถึงคดีที่ถูกกล่าวหา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่มักไม่ได้รับสิทธิประกันตัว ซึ่งการเสียชีวิตของบุ้ง ก็เกี่ยวข้องกับปัญหานี้ จนมีการประท้วงอดอาหาร แม้หลายคนอาจไม่เห็นด้วย แต่เป็นการตัดสินใจของเจ้าตัว ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นก็ควรจะมีการทบทวน ว่าจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างไรให้ดีกับทุกฝ่าย
 
นายชัยธวัชกล่าวต่อว่า ในระหว่างที่ยังไม่มีการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม มีหลายเรื่องที่รัฐบาลทำได้ เช่น การมีนโยบายที่ชัดเจนว่าจะปรับปรุงกระบวนการยุติธรรมอย่างไร การลดความตึงเครียดในคดีทางการเมือง ตั้งแต่ชั้นตำรวจ ที่อยู่ในอำนาจของรัฐบาล การกลั่นกรองคดีต่างๆ ในชั้นตำรวจ สามารถทำให้ดีขึ้นได้ หรือการคืนสิทธิประกันตัว ก็ทำได้ตั้งแต่ชั้นตำรวจ ถ้าตำรวจยึดหลักต้องเคารพสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน โดยไม่มีเหตุยกเว้นให้ประกันตัวไม่ได้
 
คดีความจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 หรือแกนนำในคดีสำคัญ อาจจะเป็นเป้าหมายแรกในการส่งศาลฝากขังตลอดไม่ให้มีการประกันตัวในชั้นตำรวจ จึงทำให้เกิดปัญหา แต่หากคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมตินโยบายที่ชัดเจน ก็สามารถประสานอัยการเพื่อรับมตินโยบายไปพิจารณาว่าจะสั่งฟ้อง หรือไม่สั่งฟ้อง ในคดีที่ไม่เป็นประโยชน์สาธารณะ เพื่อสั่งไม่ฟ้อง หรือแม้แต่ฝ่ายตุลาการเอง ก็สามารถพูดคุยหารือกันได้ โดยไม่ใช่การแทรกแซงอำนาจตุลาการ” นายชัยธวัชกล่าว 
 
นายชัยธวัชกล่าวต่อว่า ตนเห็นว่าคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร ควรจะมีการเสนอความเห็นจาก กมธ.ไปยังรัฐบาล เพื่อคลี่คลายปัญหาคดีทางการเมือง หรือความรู้สึกของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรม ในระหว่างที่ยังไม่มีรายงานข้อสรุปของ กมธ.



ชุติพงศ์ จี้ รบ.ดันกฏหมาย PRTR หลังเกิดเพลิงไหม้-สารรั่วไหลทั่วประเทศ นับ 10 ครั้ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4578827

“ชุติพงศ์” จี้ รัฐบาลดันกฎหมาย PRTR หลังเกิดเพลิงไหม้-สารรั่วไหลทั่วประเทศ เกือบ 10 ครั้ง เผย โรงงานระยองไฟปะทุ ก่อควันพิษ กระทบโรงเรียนในพื้นที่ เปิดเรียนไม่ได้
 
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 16 พฤษภาคม ที่รัฐสภา นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ ส.ส.ระยอง พรรคก้าวไกล แถลงกรณีความคืบหน้าการควบคุมเหตุเพลิงไหม้ที่โกดัง 3 โรงงานวินโพรเซส ที่ จ.ระยอง เมื่อวานนี้ (15 พ.ค.) ฝนตกลงมาส่งผลให้สารควบคุมไฟสลาย ทำให้มีเปลวไฟปะทุ ที่กอง Aluminium Dross ส่งผลมีควันจำนวนมากออกมาจากโรงงาน ทำให้วันนี้ โรงเรียนวัดหนองพะวา ไม่สามารถเปิดเรียนได้ และยังไม่ทราบว่าจะเปิดเรียนได้เมื่อไหร่ ทั้งนี้ ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น มีอาการผื่นเกิดขึ้นตามร่างกาย และยังมีความกังวลว่าจะรับสารพิษจากการหายใจหรือไม่
 
นายชุติพงศ์กล่าวว่า คำถามคือทางกระทรวงอุตสาหกรรม ที่รับผิดชอบการขนย้ายครั้งนี้ มีแผนการแล้วหรือไม่ว่า ขนแล้วขนไปไหน ที่สำคัญคือขนเสร็จเมื่อไร แผนการจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษจะมีแนวทางอย่างไร เพราะมีกระแสข่าวว่า หลังจากเกิดเหตุ ทางเจ้าของโรงงานยังเข้าออกโรงงานอยู่ปกติ ทั้งที่มีประกาศไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าในโกดัง ทั้งนี้ ในวันที่ 17 พ.ค. ทางกรรมาธิการ (กมธ.) การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะลงพื้นที่เพื่อประชุมกับทุกภาคส่วนหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่