ลักษณะของเสียงและนามรู้เสียง

ฟังคลิป : https://www.dhammahome.com/audio/topic/3934

**************************************************

ขอตอบจดหมายของท่านผู้ฟังท่านหนึ่ง

ถามว่า : ขณะที่มีสติระลึกรู้ทันลักษณะของสิ่งที่ปรากฏแต่ละทาง เช่น ระลึกรู้ลักษณะของเสียง ถ้าเสียงสิ้นลงไป นามที่ได้ยินก็ดับพร้อมกัน เช่นนี้ จะใช่เห็นรูปนามดับหรือไม่

อ.สุจินต์ "พร้อมกันได้อย่างไร พร้อมกันโดยปริยัติ หรือว่าพร้อมกันโดยสติระลึกรู้ สิ่งที่ปรากฏทางหูเป็นลักษณะของเสียง เมื่อระลึกรู้ลักษณะของเสียงแล้วเวลาที่เสียงดับลงไป นามได้ยินดับพร้อมกัน รู้ได้อย่างไรว่านามได้ยินดับพร้อมกัน ในขณะนั้นระลึกรู้ลักษณะของเสียง แล้วจะบอกว่า ในขณะที่เสียงดับไป นามได้ยินดับพร้อมกัน รู้ได้อย่างไร ในเมื่อสติระลึกรู้ลักษณะของเสียงเท่านั้น แล้วทำไมถึงรู้ว่าถ้าสิ้นเสียงลงไปนามได้ยินดับพร้อมกัน จะระลึกรู้ทั้งนามได้ยินและเสียงด้วยพร้อมกันในขณะเดียวกันไม่ได้ เพราะฉะนั้น ความรู้อย่างนี้เป็นความรู้ขั้นการศึกษา แต่ไม่ใช่ในขณะที่สติระลึกรู้ลักษณะของนามก็รู้ในลักษณะที่เป็นนาม ระลึกรู้ลักษณะของรูปก็รู้ในลักษณะที่เป็นรูป เวลาที่รูปดับไป หมดไป หรือว่าขณะที่กำลังระลึกรู้ลักษณะที่ได้ยิน ได้ยินก็ดับไป หมดไป"
 
ผู้ฟังถามว่า :  มีความสงสัยว่า จะใช่รูปนามดับหรือไม่

อ.สุจินต์ :  "ขณะนั้น ยังไม่ได้รู้ลักษณะของนามอื่น รูปอื่น ทางตา จมูก ลิ้น กาย ใจ มากมาย เช่น ระลึกรู้ลักษณะของเสียง ถ้าสิ้นเสียงลงไป นามที่ได้ยินดับพร้อมกัน ไม่ถูก เวลาที่เสียงดับสติระลึกรู้เสียงแล้วจะไปนามที่ได้ยินดับพร้อมกันไม่ได้ เพราะว่าสติขณะนั้นไม่ได้ระลึกรู้ลักษณะของนามได้ยิน สติระลึกรู้ลักษณะของเสียงเท่านั้น เพราะฉะนั้นเมื่อเป็นเสียงหมดก็เป็นเสียงหมด

การเจริญสติปัฏฐานนั้น จะต้องเจริญจนกระทั่งปัญญาสมบูรณ์ขึ้นเป็นขั้นๆ ขั้นที่ ๑ คือ นามรูปปริจเฉทญาณ เป็นความสมบูรณ์ที่ประจักษ์ลักษณะของนามแต่ละนาม รูปแต่ละรูป โดยความ “ไม่ใช่ตัวตน” ทางมโนทวาร เวลานี้มีใครทราบบ้างว่ามีทางมโนทวารเกิดต่อจากทางตาทางหู กำลังเห็นขณะนี้ เห็นทางตาแล้วรูปก็ดับไป แล้วนามจะต้องรู้สีที่ปรากฏทางตานี้ต่อ หรือว่าเสียงที่ปรากฏทางหูดับไปแล้ว สภาพรู้ทางใจจะต้องรับรู้เสียงนั้นต่อจากทางหู เวลานี้มีใครทราบบ้างว่าจิตทางมโนทวารเกิดขึ้นรับรู้อารมณ์ทางตาต่อจากขณะที่กำลังเห็น รับรู้เสียงทางหูต่อจากที่กำลังได้ยินที่กำลังปรากฏทางหู

แต่นามรูปปริจเฉทญาณ เป็นการรู้แจ้งลักษณะของนามและรูป ทีละนาม ทีละรูปที่กำลังปรากฏในขณะนี้ โดยสภาพความไม่ใช่ตัวตน   เวลานี้ก็มีเห็น บางทีสติกำลังระลึกรู้ที่เห็นก็เป็นสภาพรู้ แต่ตัวตนก็ยังมีอยู่เรื่อยๆ ยังไม่หมดไปเลย

ไม่ใช่ว่าการเจริญสติปัฏฐานพระผู้มีพระภาคทรงบำเพ็ญบารมีหลายอสงไขยแสนกัปป์ เพื่อจะสอนให้เรามีสติระลึกรู้นิดๆ หน่อยๆ แล้วก็เป็นการรู้นามดับรูปดับ เร็วๆ อย่างนี้ไม่ได้  แต่ว่าการเจริญสติเริ่มรู้ลักษณะของนามและรูปทีละเล็กทีละน้อย จนกว่าจะสมบูรณ์ขึ้น และผู้นั้นจะไม่รู้สภาพของนามและรูปที่ต่างกันไม่ได้

เมื่อปัญญาสมบูรณ์แล้ว ปัญญานั้นรู้ลักษณะของนามแต่ละนามแต่ละชนิด รูปแต่ละชนิดโดยสภาพความไม่ใช่ตัวตน  เพราะเวลานี้ถึงจะระลึกรู้เสียง หรือระลึกรู้ได้ยิน ก็ยังมีความเป็นตัวตนที่มีอยู่เรื่อยๆ ต่อกันทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ยังไม่ประจักษ์โดยทางมโนทวาร ถึงลักษณะที่ต่างกันของนามแต่ละชนิด รูปแต่ละชนิด ซึ่งไม่ใช่ตัวตน   เมื่อปรากฏทางมโนทวารก็แยกสภาพของนามและรูปนั้นชัดเจนทีเดียวว่า รูปเป็นรูปไม่ใช่นาม นามก็เป็นสภาพรู้แต่ละอย่าง แล้วแต่ว่าลักษณะในขณะนั้นรูปใดนามใดจะปรากฏ"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่