ปีที่แล้ว (66) ได้เคยเขียนบทความถึงหุ้น BLC มาแล้วครั้งหรือสองครั้ง ตอนนั้นจำได้ราคาหุ้นก็วน ๆ อยู่แถว ๆ 5 -6 บาท หลังจากผ่านไปประมาณเกือบ ผมได้มีโอกาสกลับมาดูหุ้นตัวนี้อีกครั้ง ราคาก็ยังอยู่แถว ๆ 5 บาทกว่า ๆ เหมือนเดิม เทียบกับราคา IPO ที่ 10.50 บาท นั้น ยังคงห่างไกลพอสมควรครับ
ถึงตอนนี้ผมก็ยังคงสงสัยอยู่ว่า ทำไมตลาดจึงยังไม่ยอมให้มูลค่าหุ้นตัวนี้สักที? เพื่อน ๆ ก็สงสัยเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ
หันมาดู Performance ปี 66 กันดูบ้าง ก็จัดอยู่ในเกณฑ์ดีเลยครับ บริษัท มีกำไรอัตรากำไรสุทธิในปี 66 ดีกว่าปี 65 แสดงให้เห็นว่าบริษัทสามารถควบคุมต้นทุน และค่าใช้จ่ายได้ดีกว่าปี 65 โดยมีกำไร จำนวน 145 ลบ. เทียบกับปี 65 มีกำไรเพียง 125 ลบ. ก็ถือว่ามีการเติบโตอยู่ประมาณ 16% ซึ่งก็ยังเติบโตมากกว่าอุตสาหกรรมยาในไทยนะครับ
สำหรับความคิดของผมนั้น ผมคิดว่าการที่ตลาดไม่ให้ราคากับหุ้น BLC สักเท่าไหร่นั้น น่าจะมาจากสาเหตุหลัก ๆ ได้แก่ บริษัทยังอยู่ในช่วงการลงทุนสร้างโรงงานผลิตยา ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จปี 68-69 อีกทั้งตัวยาของบริษัท BLC ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก (ให้ผมนึกถึงยาของ BLC ผมก็นึกไม่ออกเหมือนกันครับ 555)
ฉะนั้น บริษัทควรทำตลาดเพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาทั้ง On line และ Off line เพื่อสร้าง Brand Awareness สำหรับลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ให้มากขึ้น เมื่อยาเป็นที่รู้จักมากขึ้นแล้ว แถมราคายังถูกว่าราคายาลิขสิทธิ์อีกด้วย รวมถึงด้านประสิทธิภาพของยาก็น่าจะใกล้เคียงกับยาลิขสิทธิ์ แค่นี้ก็น่าจะทำให้รายได้และกำไรเพิ่มขึ้น เท่านี้ตลาดก็น่าจะหันมามองหุ้นตัวนี้มากขึ้นครับ
สำหรับคนที่อยากลงทุนหุ้นตัวนี้ คงต้องให้เวลานานสักหน่อย เพราะการเติบโตจริง ๆ น่าจะมาประมาณปี 68 เป็นต้นไป (หลังจากสร้างโรงงานใหม่เสร็จ) ตัวผมเองก็สนใจนะครับ เพราะผมชอบ Business Model ของบริษัท แต่ยังไม่ได้ลงทุน เพราะผมคิดว่าควรรอให้เห็นภาพการเติบโตชัดมากขึ้นกว่านี้อีกหน่อย ส่วนใครจะลงทุนตอนนี้ หรือตอนไหน ก็คงต้องแล้วแต่ดุลยพินิจของแต่ละท่านนะครับ เรื่องนี้บอกกันไม่ได้
ปล. Performance Q1-67 ออกมาดีใช้ได้ ทั้งรายได้ และกำไรเพิ่มขึ้น มากกว่า Q1-66 ครับ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ
ดช.จุ่น
BLC ดีขึ้นนะ!
ถึงตอนนี้ผมก็ยังคงสงสัยอยู่ว่า ทำไมตลาดจึงยังไม่ยอมให้มูลค่าหุ้นตัวนี้สักที? เพื่อน ๆ ก็สงสัยเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ
หันมาดู Performance ปี 66 กันดูบ้าง ก็จัดอยู่ในเกณฑ์ดีเลยครับ บริษัท มีกำไรอัตรากำไรสุทธิในปี 66 ดีกว่าปี 65 แสดงให้เห็นว่าบริษัทสามารถควบคุมต้นทุน และค่าใช้จ่ายได้ดีกว่าปี 65 โดยมีกำไร จำนวน 145 ลบ. เทียบกับปี 65 มีกำไรเพียง 125 ลบ. ก็ถือว่ามีการเติบโตอยู่ประมาณ 16% ซึ่งก็ยังเติบโตมากกว่าอุตสาหกรรมยาในไทยนะครับ
สำหรับความคิดของผมนั้น ผมคิดว่าการที่ตลาดไม่ให้ราคากับหุ้น BLC สักเท่าไหร่นั้น น่าจะมาจากสาเหตุหลัก ๆ ได้แก่ บริษัทยังอยู่ในช่วงการลงทุนสร้างโรงงานผลิตยา ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จปี 68-69 อีกทั้งตัวยาของบริษัท BLC ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก (ให้ผมนึกถึงยาของ BLC ผมก็นึกไม่ออกเหมือนกันครับ 555)
ฉะนั้น บริษัทควรทำตลาดเพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาทั้ง On line และ Off line เพื่อสร้าง Brand Awareness สำหรับลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ให้มากขึ้น เมื่อยาเป็นที่รู้จักมากขึ้นแล้ว แถมราคายังถูกว่าราคายาลิขสิทธิ์อีกด้วย รวมถึงด้านประสิทธิภาพของยาก็น่าจะใกล้เคียงกับยาลิขสิทธิ์ แค่นี้ก็น่าจะทำให้รายได้และกำไรเพิ่มขึ้น เท่านี้ตลาดก็น่าจะหันมามองหุ้นตัวนี้มากขึ้นครับ
สำหรับคนที่อยากลงทุนหุ้นตัวนี้ คงต้องให้เวลานานสักหน่อย เพราะการเติบโตจริง ๆ น่าจะมาประมาณปี 68 เป็นต้นไป (หลังจากสร้างโรงงานใหม่เสร็จ) ตัวผมเองก็สนใจนะครับ เพราะผมชอบ Business Model ของบริษัท แต่ยังไม่ได้ลงทุน เพราะผมคิดว่าควรรอให้เห็นภาพการเติบโตชัดมากขึ้นกว่านี้อีกหน่อย ส่วนใครจะลงทุนตอนนี้ หรือตอนไหน ก็คงต้องแล้วแต่ดุลยพินิจของแต่ละท่านนะครับ เรื่องนี้บอกกันไม่ได้
ปล. Performance Q1-67 ออกมาดีใช้ได้ ทั้งรายได้ และกำไรเพิ่มขึ้น มากกว่า Q1-66 ครับ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ
ดช.จุ่น