ตอนที่แล้วผมพูดถึงอุตสาหกรรมยาเป็นแล้วบางส่วน และเขียนทิ้งท้ายไว้ว่าจะติดตามงบการเงิน Q2-66 ของ BLC ว่าเป็นอย่างไรบ้าง และปัจจุบันงบการเงินของบริษัท ก็ได้ออกมาเรียบร้อยแล้วเมื่อเดือน ส.ค.66 แล้วครับ
หลังจากที่ผมได้ลองอ่านงบการเงินของบริษัทนี้ดูแล้ว พอสรุปตัวเลขสำคัญ ๆ ในงบการเงินใน Q2-66 ได้ว่า ทั้งยอดขาย และกำไรของบริษัท BLC ไม่ได้เลวร้ายอะไรมากมายครับ แถมผมคิดว่ามันค่อนข้างเป็นไปในทิศทางที่ดีเสียด้วย
พูดให้เข้าใจมากขึ้นก็คือ BLC มียอดขาย และกำไรใน Q2-66 มากกว่า(YoY) Q2-65 และที่ดูดีกว่านั้นก็คือ NP มีเปอร์เซ็นต์ที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยบริษัทแจ้งว่า ได้รับประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) ส่งผลให้ต้นทุนสินค้าต่อหน่วยลดลงครับ
มันจึงเป็นที่มาของคำถามที่นักลงทุนหลาย ๆ คนสงสัยว่า เอ๊..ผลประกอบการก็ดูโอ.เค.นิ แต่ทำไมราคาไม่ไปไหนเลยล่ะ? ผมเองก็สงสัยเหมือนพวกคุณล่ะครับ 555
การที่ราคาที่ไม่ไปไหนนั้น ตามความคิดของผม ผมคิดว่าตลาดไม่ค่อยให้มูลค่ากับอุตสาหกรรมยาเท่าที่ควรครับ อาจเป็นไปได้ว่าอุตสาหกรรมนี้ไม่ค่อยมีการเติบโตที่โดดเด่นมากนัก คือโตปีละ 5-7% ต่อปี เท่านั้นเอง อีกทั้งบริษัทที่ผลิตยาในตลาดหลักทรัพย์ก็ไม่ค่อยมีให้เห็นกันเสียด้วย จึงไม่มีข้อมูลเปรียบเทียบสักเท่าไหร่
อีกทั้งตัวบริษัท BLC เองก็ไม่ใช่บริษัทที่จ่ายปันผลสูงมากนัก และยังอยู่ในช่วงของการ Investment อย่างน้อยก็อีก 2-3 ปีข้างหน้ากว่าจะเห็นผล ด้วยเหตุนี้นักลงทุนจึงยังไม่ค่อยสนใจ เพราะคงต้องรอไปอีกอย่างน้อย 2-3 ปีเช่นเดียวกันครับ กว่าจะรู้ว่าที่ซื้อนั้นโอ.เค.หรือไม่
จึงไม่น่าแปลกในที่ราคาของ BLC ยังไม่ค่อยจะไปไหน แม้ว่าผลประกอบการจะออกมาใช้ได้ก็ตาม แต่หากถามว่าสามารถลงทุนในบริษัท BLC ได้หรือไม่?
ข้อนี้ผมคงต้องตอบว่า “แล้วแต่มุมมองของแต่ละท่านครับ” เพราะคงต้องใช้เวลามากพอสมควรกว่าจะได้ผลตอบแทนที่คาดหวังไว้ครับ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ
ดช.จุ่น
BLC หุ้นยา ที่(อาจจะ)เกินเยียวยา! ตอน 2
หลังจากที่ผมได้ลองอ่านงบการเงินของบริษัทนี้ดูแล้ว พอสรุปตัวเลขสำคัญ ๆ ในงบการเงินใน Q2-66 ได้ว่า ทั้งยอดขาย และกำไรของบริษัท BLC ไม่ได้เลวร้ายอะไรมากมายครับ แถมผมคิดว่ามันค่อนข้างเป็นไปในทิศทางที่ดีเสียด้วย
พูดให้เข้าใจมากขึ้นก็คือ BLC มียอดขาย และกำไรใน Q2-66 มากกว่า(YoY) Q2-65 และที่ดูดีกว่านั้นก็คือ NP มีเปอร์เซ็นต์ที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยบริษัทแจ้งว่า ได้รับประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) ส่งผลให้ต้นทุนสินค้าต่อหน่วยลดลงครับ
มันจึงเป็นที่มาของคำถามที่นักลงทุนหลาย ๆ คนสงสัยว่า เอ๊..ผลประกอบการก็ดูโอ.เค.นิ แต่ทำไมราคาไม่ไปไหนเลยล่ะ? ผมเองก็สงสัยเหมือนพวกคุณล่ะครับ 555
การที่ราคาที่ไม่ไปไหนนั้น ตามความคิดของผม ผมคิดว่าตลาดไม่ค่อยให้มูลค่ากับอุตสาหกรรมยาเท่าที่ควรครับ อาจเป็นไปได้ว่าอุตสาหกรรมนี้ไม่ค่อยมีการเติบโตที่โดดเด่นมากนัก คือโตปีละ 5-7% ต่อปี เท่านั้นเอง อีกทั้งบริษัทที่ผลิตยาในตลาดหลักทรัพย์ก็ไม่ค่อยมีให้เห็นกันเสียด้วย จึงไม่มีข้อมูลเปรียบเทียบสักเท่าไหร่
อีกทั้งตัวบริษัท BLC เองก็ไม่ใช่บริษัทที่จ่ายปันผลสูงมากนัก และยังอยู่ในช่วงของการ Investment อย่างน้อยก็อีก 2-3 ปีข้างหน้ากว่าจะเห็นผล ด้วยเหตุนี้นักลงทุนจึงยังไม่ค่อยสนใจ เพราะคงต้องรอไปอีกอย่างน้อย 2-3 ปีเช่นเดียวกันครับ กว่าจะรู้ว่าที่ซื้อนั้นโอ.เค.หรือไม่
จึงไม่น่าแปลกในที่ราคาของ BLC ยังไม่ค่อยจะไปไหน แม้ว่าผลประกอบการจะออกมาใช้ได้ก็ตาม แต่หากถามว่าสามารถลงทุนในบริษัท BLC ได้หรือไม่?
ข้อนี้ผมคงต้องตอบว่า “แล้วแต่มุมมองของแต่ละท่านครับ” เพราะคงต้องใช้เวลามากพอสมควรกว่าจะได้ผลตอบแทนที่คาดหวังไว้ครับ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ
ดช.จุ่น