พอดีผมอยากลองเริ่มเขียนนิยายผมแต่งมาแต่ไม่กล้าลงเพื่อนๆพี่ๆช่วยลองอ่านแล้วคอมเม้นท์หน่อยนะครับ

กระทู้คำถาม
เรื่อง ยังไม่ได้คิด
นะค่ำคืนแห่งหนึ่ง เวลา 21:30 น. ในสถานที่เรียกว่าประเทศแห่งนวัตกรรมที่มีเทคโนโลยี่ก้าวหน้าที่สุดในโลกแถมยังมีพวกใช้พลังจิตมากที่สุดในโลกอีกเช่นกันเมืองหลวงนั้นมีชื่อว่าเมืองแห่งการเริ่มต้น
สถานที่แห่งหนึ่งในเมืองแห่งการเริ่มต้น
แอ๊ด *เสียงเปิดประตู*
ฮึบ *เสียงบิดขี้เกรียจ*
ชายหนุ่มเดินออกจากร้านขายซูชิด้วยใบหน้าเริงร่า
“ได้เวลากลับบ้านไปกินซูชิแล้วสิ”
เมื่อชายหนุ่มเดินตรงไปยังซอย สามแยกชายหนุ่มเลี้ยวทางขวาก็เห็นนักเลงชาย 6 คน กำลังรุมรังแกผู้หญิงทันใดนั้นจิตวิญญาณของลูกผู้ชายที่มีนามว่ามาซาโตะก็ลุกโชนขึ้น
“เฮ้ยไอ้พวกนักเลง 6 คนนั้นน่ะกลางค่ำกลางคืนแล้วไม่ยอมนอนดีแต่สร้างปัญหาเจอนี่หน่อยซูชิพิฆาต”
เมื่อพูดจบมาสโตะได้ขว้างซูชิเข้าไปที่ใบหน้าแต่ดวงดันซวยซูชิที่เขาปาไปนั้นเข้าเต็มหน้าของหัวหน้าแก๊งนักเลงหัวหน้านักเลงนิ่งไปสักพักจู่ๆก็มีเส้นเลือดปูดขึ้นมาบนหัวที่โล้นเรียบเนียนหัวที่ขาวใส่สะท้อนแสงจันทร์นะบัดนี้ได้แปลเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำทันไดนั้นลูกน้องของชายหัวโล้นก็พูดขึ้น
“เฮ้ยแกกล้าดียังไงมาทำกับลูกพี่ของเราแบบนี้อย่างนี้มันต้องสั่งสอน”
เมื่อมาซาโตะเห็นท่าไม่ดีสิ่งที่เขาคิดได้ในตอนนี้คือ
“ซวยล่ะสิตูแบบนี้ต้องเผ่นท่าเดียวแล้ว”
เมื่อคิดได้ดังนั้นมาซาโตะจึงหันหลังใส่เกียร์หมาขึ้นมาทันที
ว๊ากกก….
เขาวิ่งไปพร้อมกรีดร้องกลุ่มนักเลงทั้ง 6 คนยืนอึ้งไปสักพัก
“มัวยืนทำบ้าอะไรกันอยู่ตามไอ้เด็กนั้นไปซะสิ”
เมื่อหัวหน้านักเลงพูดจบลูกน้องที่สตั้นอยู่ก็เริ่มตั้งสติแล้วก็วิ่งตามมาซาโตะไปขณะที่มาซาโตะกำลังวิ่งหนีเขาเหลือบหันไปมองก็เห็นนักเลงทั้ง 5 คนกำลังวิ่งตามมาพลางพูด
“หยุดเดี๋ยวนี้นะเว้ยไอ้เด็กน้อยกลับมาให้จับซะดีๆ”
“ถ้ากลับไปให้พวกแกจับฉันก็โดนกระทืบสิเฟ้ย”
มาซาโตะพูดขณะวิ่งหนีพลางบ่นพึมพัม
“นี้มันวันบ้าบออะไรกันวะเนียทำไมวันนี้ถึงได้ดวงซวยขนาดนี้แค่ออกมาซื้อของกินหลังเลิกเรียนเท่านั้นเองปัดโธ่เวย”
จู่ๆมาซาโตะก็คิดขึ้นมาได้ว่าทั้งหมดนี้เกิดจากวันที่1มกราคม
“ใช้แล้วมันเป็นเพราะวันที่1 มกราคม แน่ๆ”
เพราะมันคือวันปีใหม่ที่ทุกคนได้หยุดยาวและสามารถกลับบ้านไปสังสรรค์กับครอบครัวได้เป็นวันที่ทำให้เขาเดินกลับบ้านช้ากว่าวันปกติเพราะมาซาโตะดันเหลือบไปมองเห็นโปสเตอร์โฆษณาลดราคา sushiขณะที่เขาเดินทางไปเรียนทำให้เขาเกิดอาการอยากเข้าไปลิ้มลองของถูกซึงชายที่ชื่อมาซาโตะนั้นจนมากทำงานเก็บเงินแค่ค่ากินก็จะไม่พออยู่แล้วอีป้าเจ้าของอพาร์ทเม้นท์ดันมาทวงนี้ทุกวันอีกเมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วเขาจึงซื้อกลับไปกินที่บ้านด้วยอาการเริงร่าและในวันที่เขาเดินทางไปโรงเรียนนั้นเขาได้ก้าวเท้าซ้ายออกจากบ้าน
“บ้าเอ้ยรายการดูดวงวันนี้บอกว่าคนที่ก้าวเท้าซ้ายออกจากบ้านจะเป็นคนที่ดวงซวยสุดๆนี้ตูลืมเรื่องสำคัญแบบนี้ได้ไงเนี่ยหรืออาจเป็นเพราะเราก้าวเท้าผิดข้าง”
เมื่อมาซาโตะบนพลางวิ่งหนี้เสร็จหันกลับไปมองก็เห็นพวกนักเลงกำลังเหนื่อยจากการวิ่งไล่ตามมาซาโตะ
“ได้เวลาสลัดพวกมันออกแล้วสินะ”
มาซาโตะกระโจนออกจากถนนวิ่งลัดเลาะตามซอกซอยเมื่อแก๊งนักเลง 5 คนเห็นดังนั้นจึงวิ่งตามมาซะโตะไปแต่ก็ไม่ทันการเสียแล้วเพราะเขาได้คาดสายตากับมาซาโตะนักเลงหัวเสียอย่างมาก
“ไปตามหามันให้เจอมันหนีไปได้ไม่ไกลนักหรอก”
หนึ่งในนักเลง 5 คนได้พูดเชิงออกคำสั่งหลังจากนั้นนักเลงทั้ง 5 ก็แยกตัวกันตามหามาซาโตะเมื่อมาซาโตะ เห็นพวกนักเลงแยกกันแล้วมาซาโตะจึงค่อยๆออกจากช่องกำแพงระหว่างบ้าน
เฮ้อ *เสียงถอนหายใจ*
“ดูเหมือนเจ้าพวกนั้นจะไปกันหมดแล้วนะ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากข้างหลัง
“ใครหรอที่นายว่าไปกันหมดนะ”
ชายลึกลับจากด้านหลังของมาซาโตะถาม
“ก็เจ้าพวกนักเลงหน้าตาโหดๆนั้นไงล่ะวันๆไม่ทำอะไรดีแต่สร้างปัญหา”
มาซาโตะพูดไปพลางหันกลับไปมองเสียงชายลึกลับจากด้านของเข้าเมื่อหันไปก็พบกับหัวโปร่งแสงสะท้อนกลับแสงจันทร์สาดเข้ามาที่ม่านตาของมาซาโตะ จ๊าก…
“นี่ใครเอาแสงอะไรมาสาดใส่ตาฉันเนี่ย”
เมื่อมาซาโตะค่อยๆจ่องมองดีๆแล้วก็พบกับหัวหน้าแก็งนักเลงอยู่ด่านหลังนั้นเอง ที่ผ่านมาหัวหน้าแก๊งนักเลงค่อยๆเดินมาอย่างช้าๆก็บังเอิญพบมาซาโตะโผ่ลออกมาจากซอกกำแพงนั่นเอง
“ซวยโครต!”
มาซาโตะตะโกนด้วยใบหน้าที่หงิงงอเหมือนทรงผมที่หยิกหยักโสกของเขา
“แกเตรียมตัวกินหมัดของฉันแล้วใช้ไหม”
หัวหน้าแก๊งนักเลงพูดพร้อมเดินเขาไปหามาซาโตะอย่างช้าๆ
“ผมว่าเราต้องมีเรื่องเข้าใจผิดอะไรกันแน่ๆ พอดีตอนนั้นมือผมอาจลื่นเลยทำซูชิหลุดมือนะครับ” แฮะๆ *เสียงหัวเราะแห้ง*
มาซาโตะพูดด้วยท่าทางทีเล่นทีจริง
เมื่อหัวหน้านักเลงได้ยินดังนั้น
“ออ งั้นหรองั้นฉันก็มือลื่นเหมือนกัน”
หัวหน้านักเลงพูดพร้อมปล่อยหมัดขวาหวังชกเข้าไปที่หน้าของมาซาโตะทันใด้นั้นจู่ๆหัวหน้านักเลงก็ปวดขี้ขึ้นมา
“นี้มันอะไรกัน”
หัวหน้านักเลงอุทานออกมาด้วยท่าทางที่ตกใจเล็กน้อยพร้อมใบหน้าที่เขียวอมม่วงพลางยกมือซ้ายไปอุดก้นไว้เมื่อมาซาโตะเห็นดังนั้นจึงปล่อยหมัดขวาตรงใส่ท้อง
ย๊ากกกกก…
“หมัดตรงสยบราชัน”
เปรี้ยง!....
หัวหน้านักเลงถึงกลับกะเด็นหงายหลังสลบไปทันที
“เรียบร้อยเผ่นก่อนดีกว่าก่อนที่ไอ้โล้นนี้จะตื่นขึ้นมา

เช้าวันที่ 2 มกราคม
หัวหน้าแก๊งนักเลงได้ตื่นขึ้นเมื่อกวาดสายตามองรอบๆก็เห็นลูกน้องคนที่2มานอนเฝ้าอยู่
ก๊อก *เสียงเคาะประตู*
แอ๊ด *เสียงเปิดประตู*
คนที่เปิดประตูเข้ามานั้นคือลูกน้องคนที่1
“หัวกน้าคุณฟื้นแล้ว”
ลูกน้องคนที่1พูดด้วยท่าทางที่ดีใจจนน้ำตาไหล
“เบาๆหน่อยสิ ชินอิจิ ฮิชิดะกำลังหลับอยู่นะ”
พูดยังไม่ทันสิ้นประโยคฮิชิดะก็ตื่นขึ้นมาในตาของฮิชิดะเบิกกว้างพร้อมยิงคำถามรัวๆไปที่ลูกพี่ของเขาจนลูกพี่เขาตอบแถบไม่ทันจู่ๆชินอิจิก็พูดแซก
“แล้วตกลงหัวหน้าโดนอะไรเข้าไปครับถึงได้นอนอยู่ในสภาพนั้นครับคุณซากุราอิ”
เมื่อซากุราอิได้ยินก็สตั้นไปพักนึง
“ไม่รู้สิจำได้แต่โดนต่อยไปแค่หนึงหมัดนะ”
ชินอิจิตกใจเล็กน้อยหมัดนั้นแรงขนาดที่ทำให้คุณสลบได้เลยหรอครับ
“ไม่รู้สิมันจำได้แค่นี้นะสิ”
“แล้วเราจะตามจับไอ้เจ้าหัวหยิกนั้นต่อไหมครับ”
ชินอิจิถามต่อ
“ไม่แล้วละฉันมีลางสังหรณ์ว่าจะต้องได้เจอเจ้าหัวหยิกนั้นอีก”
เมื่อชินอิจิได้ยินดังนั้นจึงยื่นผ้าอ้อมมาให้
“นายยื่นผ้าอานามัยให้ฉันทำไม”
ชินอิจิตกใจเล็กน้อย!เมื่อได้ยินคำพูดของซากุราอิ
“นี้คุณจำไม่ได้หรอครับว่าคุณสลบในสภาพไหนนะ”
ชินอิจิถามด้วยความสงสัย
“ก็ใช้นะสิ”
ซากุราอิตอบทันควัน ทันไดนั้นฮิชิดะก็พูดแทรก
“ก็คุณนอนสลบกลางถนนแถมยังขี้แตกค่ากางเกงอีกหากนะครับ”
เมื่อสิ้นประโยคของฮิชิดะหน้าของซากุราอิก็แดงก่ำพร้อมเส้นเลือดที่ปูดขึ้นมาบดบังหัวที่ใสดั่งกระจกของเขาเข้ายิ้มเล็กน้อง
“หน่อยเจ้าหัวหยิกถ้าฉันเจอ แกได้ตายคามือฉันแน่ ว๊ากกกก”
ติด…ตี้…ติดๆ *เสียงนาฬิกาปลุก*
ปัง…! *เสียงมือกระทบกับนาฬิกา*
“ให้ตายสิเช้าแล้วหรอเนีย”
มาซาโตะพูดพร้อมบิดตัวไปมาหลังบิดขี้เกรียจเสร็จมาซาโตะจึงรีบแปรงฟันอาบน้ำเตรียมตัวไปโรงเรียน
ปุ้ง! *เสียงนิ้วก้อยกระแทกกับขอบโตะ
อ๊ากกก…
มาซาโตะร้องเสียงดังรั้น
“ให้ตายสิซวยมาตั้งแต่เมื่อว่านแล้วยังไม่หายอีก”
มาซาโตะบ่นพร้อมหยิบมือถือขึ้นมาเช็คดวงของวันนี้พลางเดินไปหยิบกระเป๋านักเรียนออกเดินทางเมื่อมาซาโตะจะก้าวเท้าซ้ายออกจากห้องก็ชงักชั่วครู่นึง
“ดวงของวันนี้คนที่ก้าวเท้าซ้ายจะเป็นวันซวยสุดๆแถมยังโดนผู้หญิงที่ไม่รู้จักมาเตะเข้าหน้าอีก”
เมื่อมาซาโตะอ่านเจอดังนั้นเหงือของมาซาโตะก็เริ่มซึมออกมาเล็กน้อย
“เกือบไปแล้วซิเรา”
เฮ้อ *เสียงถอนหายใจ*
มาซาโตะค่อยๆชักเท่าซ้ายของเขาถอยหลังกลับเข้ามาในห้องแต่โชคร้ายเมื่อเขาก้าวเท้าถอยหลังไปสดุดสายไฟทำให้เสียหลักเท้าของมาซาโตะล่วงลงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว
 ปึง…. *เสียงเท้ากระทบกับพื้น*
ใช้แล้วมาซาโตะได้ใช้เท่าซ้ายของเขาออกจากบ้าน
“ซวยโครต”
มาซาโตะตะโกนลั่นพร้อมมือทั้งสองข้างเกาหัว
เฮ้อ *เสียงถอนหายใจ*
“ช่างมันเถอะเดียวไปเรียนสายกันพอดี กีโมงแล้วนะ”
มาซาโตะเหลือบไปเห็นนาฬิกาในห้องนั้งเล่น 7:24 น.
ทั้นได้นั้นใบหน้าของมาซาโตะก็หงิงงอพลางตะโกน
“สายแล้ว ซวยโครต”
ว๊ากกก… *เสียงร้องขณะวิ้ง*
มาซาโตะรีบวิ่งไปที่สถานนี้รถไฟอย่างรวดเร็ว
อันนี้แค่คร่าวนะรู้สึกยังไงคอมเม้นบอกหน่อยนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่