ปธ.กมธ.ทหาร เบรกสุทิน ซื้อข้าว 10 ปีให้ทหารกิน แนะต้องพิสูจน์ก่อน ไม่ใช่รมว.กินโชว์ การันตีคุณภาพ.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4568117
ประธานกมธ.ทหาร เบรกสุทิน ซื้อข้าว 10 ปีให้ทหารกิน แนะต้องผ่านพิสูจน์ก่อน ไม่ใช่รมว.กินโชว์ แล้วการันตีคุณภาพ
เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2567 นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร ได้โพสต์เฟซบุ๊ก กรณี นาย
สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมรับซื้อข้าวจากโครงการรับจำนำข้าว มาประกอบเลี้ยงกำลังพลในกองทัพ โดยระบุว่า
จะซื้อข้าว 10 ปีให้ทหารกิน ต้องตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ก่อน แค่กินโชว์ช้อน สองช้อนเชื่อไม่ได้
โดย นายวิโรจน์ ระบุว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่า คุณสุทิน ประกาศว่าพร้อมซื้อข้าว 10 ปี มาให้กำลังพล โดยให้สัมภาษณ์ว่าการชิมของคุณภูมิธรรม เวชยชัย รมว.พาณิชย์ ถือเป็นการรับรองคุณภาพระดับหนึ่ง
ผมถือว่า เป็นวิธีคิดที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก เพราะการชิมเป็นพิธีช้อนสองช้อน ของคุณภูมิธรรม ไม่สามารถการันตีคุณภาพ และความปลอดภัยของข้าวได้
หากจะมีการจัดซื้อจริง ต้องมีการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ ในจำนวนสุ่มที่มากพอ ที่จะสามารถการันตี ความปลอดภัยของกำลังพลได้
โดยอย่างน้อย ต้องมีการตรวจสอบยืนยัน ในรายการดังต่อไปนี้
1) ต้องไม่มีสารรมควันข้าวตกค้าง ไม่ว่าจะเป็นสารเมทิลโบรไมด์ (methyl bromide) หรืออลูมิเนียมฟอสไฟด์ (aluminium phosphide) หรือ ฟอสฟีน ตกค้างอยู่ในเมล็ดข้าวสาร
2) ต้องไม่มีสารก่อมะเร็งที่เรียกว่า “อะฟลาท็อกซิน” เจือปนในเมล็ดข้าวสาร
3) ต้องมีการยืนยันจากห้องปฏิบัติการว่า การล้างน้ำ หรือซาวข้าว จะสามารถชะล้าง สารรมควันต่างๆ ให้หมดไปได้ เนื่องจากมีนักวิชาการจำนวนหนึ่งท้วงติงว่า สารเคมีหลายตัวหากสะสมอยู่ในข้าวสารเป็นระยะเวลานาน ต่อให้ล้าง 20 ครั้ง ก็ล้างไม่ออก
ผมต้องย้ำตรงนี้ว่า การชิมโชว์ไม่สามารถการันตีอะไรได้ ต่อให้คุณสุทินออกมาชิมโชว์ด้วยตัวเอง ก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะคุณสุทินไม่ได้กินข้าว 10 ปี ทุกมื้อ ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจจัดซื้อให้ทหารกิน ต้องตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น และต้องมีปริมาณการตรวจที่มากพอด้วย ไม่ใช่สุ่มจิ๊บๆ มาตรวจพอเป็นพิธี
อย่าให้ทหารต้องถอนหายใจ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่สิ้นหวังแบบตลกร้ายว่า “เป็นทหารได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด” เลยครับ
https://www.facebook.com/wirojlak/posts/pfbid0e7LdzTHRJBCSHVCVmbWXvkF1iJoYaNiMRP4nJG644D1UyWwV13U1DMAZvAxG5wbDl
กมธ.มั่นคง จับตา ตร.ไซเบอร์แถลงคดีทลายแก๊งคอลเมืองคอน หลังสาวถึงนักการเมืองในพื้นที่
https://www.matichon.co.th/politics/news_4568168
กมธ.ความมั่นคง เชื่อทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์เมืองคอน เอี่ยวนักการเมืองในพื้นที่ ฝ่าย ตร.อ้างขอเวลา 1 สัปดาห์รู้ตัวผู้อยู่เบื้องหลัง ด้าน ‘มานพ’ เรียกร้อง เร่งบริหารจัดการกลุ่มผู้หนีภัยจากความไม่สงบเมียนมา
เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ที่รัฐสภา นา
ยปิยรัฐ จงเทพ ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ จ.นครศรีธรรมราช ว่าครั้งนี้ได้มีการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์แก๊งใหญ่ที่อยู่ภายในประเทศไทย และเลือก จ.นครศรีธรรมราช เป็นที่ตั้ง จึงมีคำถามว่าเหตุใดจึงเป็นพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช เบื้องต้นตอนนี้ได้ข้อมูลมาแล้วว่ามีการจับกุมชาวจีนหลายสิบคน คนไทย 12 คน และมีการดำเนินคดีร่วมกับทูตของจีนและทูตของญี่ปุ่น ร่วมกับเจ้าหน้าที่ประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากมีผู้เสียหายอย่างน้อย 2 รายเป็นคนญี่ปุ่น ซึ่งถูกหลอกลวงโดยมีฐานการหลอกลวงอยู่ที่ จ.นครศรีธรรมราช
นาย
ปิยรัฐกล่าวว่า วันนี้ได้รับคำตอบจากตำรวจว่าจะมีการขยายผลแน่นอน ขอเวลาเพียง 1 สัปดาห์ จะได้มีการแถลงและนำการจับกุมต่อไปว่ามีใครบ้างอยู่เบื้องหลัง ซึ่ง กมธ.ก็จะมีการติดตามเรื่องนี้ต่อไป หลังจากนี้กรณีเกี่ยวกับ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งหลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่เกิดขึ้นในประเทศไทยของเรา และมีการเสียหายมูลค่านับล้านๆ จึงอยากให้ประชาชนได้ติดตามรายละเอียดต่อไป
กมธ.กล่าวต่อว่า การจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนใน จ.นครศรีธรรมราช กมธ.ได้เชิญตำรวจไซเบอร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ในรายละเอียดขณะนี้ผู้ต้องหาทั้งหมดที่จับได้เป็นคนจีน 51 คน คนไทย 12 คน ใน 12 คนเป็นคนนครศรีธรรมราช 4 คน ควบคุมตัวทั้งหมดไว้ที่เรือนจำทุ่งสงแล้ว
ส่วนความคืบหน้าของคดีได้มีการออกสำนวนให้ทางตำรวจไซเบอร์ส่วนกลางได้พิจารณา และตำรวจไซเบอร์ได้แจ้งในที่ประชุมว่าความคืบหน้าในคดีไม่เกิน 1 สัปดาห์ก็จะมีความชัดเจน ในส่วนของการขยายผลไปที่นักการเมืองในพื้นที่ทราบตัวแล้ว ตอนนี้ข้อมูลต่างๆ น่าจะมีการแถลงต่อสาธารณชนประมาณ 1 สัปดาห์ข้างหน้า ในเรื่องนี้รองผู้ว่าฯนครศรีธรรมได้พูดในเชิงว่า การที่ จ.นครศรีธรรมราช เป็นพื้นที่เป้าหมายของแก๊งอาชญากรข้ามชาติในครั้งนี้เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าว ต.จันดี อ.ฉวาง เป็นชุมชนชาวจีนดั้งเดิม การมีคนจีนเข้ามากว่า 50 คนกลมกลืนกับคนจีนในพื้นที่ แต่ก็ได้มีการติดตาม พบว่าพื้นที่ที่แก๊งเหล่านี้มาพำนักอยู่มีการใช้น้ำและไฟเป็นจำนวนมาก เป็นส่วนที่ทำให้เกิดการจับกุม จากนี้จะมีการกวดขันในพื้นที่อย่างเข้มงวด
นอกจากนี้ นาย
มานพ คีรีภูวดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธาน กมธ.ความมั่นคง ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามผลกระทบที่เกิดจากความไม่สงบในเมียนมา โดยตั้งคำถามถึงการบริหารจัดการผู้หนีภัยในระดับพื้นที่ พร้อมเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหน่วยงานความมั่นคงที่อยู่หน้าด่านปฏิบัติตามแผนงานของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในกรณีเกิดสถานการณ์สู้รบในเมืองทวาย รัฐกะเหรี่ยง เมียนมา ที่อยู่ตรงข้ามกับ จ.กาญจนบุรี ขณะนี้มีความพยายามผลักดันผู้หนีภัยสู้รบกลับไปทั้งๆ ที่สถานการณ์การสู้รบยังคงเกิดขึ้นอยู่ ซึ่งขัดกับคำแถลงและแผนงานของรัฐบาลที่ระบุว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์สู้รบเราจะดูแลผู้หนีภัยตามหลักมนุษยชนว่าเพราะเหตุใดจึงไม่ดำเนินการเหมือนในพื้นที่ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน หรือ อ.แม่สอด จ.ตาก รวมถึงการบริหารจัดการกลุ่มผู้หนีภัยทางการเมืองและกลุ่มผู้หนีภัยทางเศรษฐกิจ ซึ่งยังไม่มีระบบการดูแลที่ชัดเจนด้วย
นาย
มานพยังกล่าวถึงความพยายามในการหาทางพยายามเจรจาในรูปแบบต่างๆ ว่า กมธ.มีข้อเสนอที่ชัดเจนว่า ประเทศไทยจำเป็นจะต้องประกาศตัวอย่างชัดเจนที่จะเป็นตัวกลางเพื่อทำให้เกิดการพูดคุยในพื้นที่ปลอดภัยกับทุกๆ กลุ่มที่เกี่ยวข้อง เพราะตลอดแนวชายแดนประเทศไทยเราเลี่ยงไม่ได้ที่จะได้รับผลกระทบ
ทนายอั๋นยื่นค้าน สนธิญาร้อง “เดี่ยว”โน้ส แนะหน่วยงานหาวิธีป้องกัน การร้องเรียนไร้สาระ
https://www.khaosod.co.th/crime/news_8223929
ทนายอั๋นยื่นค้าน สนธิญาร้อง “เดี่ยว”โน้ส แนะหน่วยงานหาวิธีป้องกัน การร้องเรียนไร้สาระ ชี้ผ่านไป 2 ปี ไม่มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง ทำสังคมแตกแยก
เมื่อเวลา 14.50 น. วันที่ 9 พ.ค.2567 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ทนายอั๋น บุรีรัมย์ จะเข้ายื่นหนังสือคัดค้านคำร้องของนายสนธิญา สวัสดี ปม “เดี่ยวอุดม” พร้อมทั้งเสนอแนะให้หน่วยงานหาวิธีป้องกันการร้องเรียนที่ไร้สาระ
ทนาย
อั๋น เปิดเผยว่า ตนเดินทางมาจากบุรีรัมย์ เพื่อมาขอให้ทางบช.น.ตรวจสอบ เนื่องจากนาย
สนธิญา สวัสดี ยื่นร้องตรวจสอบกรณีของ
โน้ส อุดม แต้พานิช จัดเดียวไมโครโฟนพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับความพอเพียง ทั้งที่แก๊ง 3 ตัวบาก คือ
เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ และนาย
ศรีสุวรรณ จรรยาหายไปแล้ว ยังเหลือนาย
สนธิญา
เมื่อ 2 ปีที่แล้วมีการยื่นคำร้องคัดค้านกรณีดังกล่าวที่มีการร้องเรียนลักษณะนี้ แต่ก็ยังไม่มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงเลย ยังมีการร้องเรียนเนื้อหาการร้องเรียนที่ไร้สาระ ทำให้สังคมแตกแยก เพราะถ้าดูเนื้อหาข้อเท็จจริงไม่มีพฤติกรรมส่อไปทางที่มีการร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องความพอเพียงแต่อย่างใด
“
อาจจะสื่อความหมายทำนองคนรุ่นเก่าอาจจะไม่ได้เป็นแนวทางให้คนรุ่นใหม่ อาจจะมีคนกลุ่มหนึ่งไม่พอใจ จึงเกิดกรณีดังกล่าวเกิดขึ้น ตนอยากให้หน่วยงานของรัฐทั้งหมด อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และหน่วยงานอื่นๆ หามาตรการตรวจสอบดูว่า การร้องเรียนที่ไร้สาระไม่ได้เกิดผลประโยชน์แต่อย่างใด ขอให้มีการกลั่นกรองสกัด หามาตรการระงับยับยั้งกรณีดังกล่าว”
เมื่อถามถึงกรณีน.ส.
ปารีณา ไกรคุปต์ แจ้งความกรณี
โน้ส อุดม ผิด 112 นั้น ทนายอั๋น กล่าวว่า กรณีดังกล่าวไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอหรือไม่เข้าข่ายข้อกฎหมายม.112 แต่อย่างใด กรณีเรียก
โน้ส อุดม มาสภ.โพธาราม หรือที่ไหนก็ตาม ทางโ
น้ส อุดม สามารถแจ้งความกลับได้ ตนขอยื่นหนังสือดังกล่าวให้ทางผบช.น. ดำเนินการต่อไป
JJNY : ปธ.กมธ.ทหาร เบรกสุทิน│กมธ.มั่นคงจับตาตร.ไซเบอร์│ทนายอั๋นยื่นค้าน สนธิญาร้อง│อินโดนีเซียเปิดตัวศูนย์ทดสอบดิจิตัล
https://www.matichon.co.th/politics/news_4568117
ประธานกมธ.ทหาร เบรกสุทิน ซื้อข้าว 10 ปีให้ทหารกิน แนะต้องผ่านพิสูจน์ก่อน ไม่ใช่รมว.กินโชว์ แล้วการันตีคุณภาพ
เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2567 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร ได้โพสต์เฟซบุ๊ก กรณี นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมรับซื้อข้าวจากโครงการรับจำนำข้าว มาประกอบเลี้ยงกำลังพลในกองทัพ โดยระบุว่า
จะซื้อข้าว 10 ปีให้ทหารกิน ต้องตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ก่อน แค่กินโชว์ช้อน สองช้อนเชื่อไม่ได้
โดย นายวิโรจน์ ระบุว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่า คุณสุทิน ประกาศว่าพร้อมซื้อข้าว 10 ปี มาให้กำลังพล โดยให้สัมภาษณ์ว่าการชิมของคุณภูมิธรรม เวชยชัย รมว.พาณิชย์ ถือเป็นการรับรองคุณภาพระดับหนึ่ง
ผมถือว่า เป็นวิธีคิดที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก เพราะการชิมเป็นพิธีช้อนสองช้อน ของคุณภูมิธรรม ไม่สามารถการันตีคุณภาพ และความปลอดภัยของข้าวได้
หากจะมีการจัดซื้อจริง ต้องมีการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ ในจำนวนสุ่มที่มากพอ ที่จะสามารถการันตี ความปลอดภัยของกำลังพลได้
โดยอย่างน้อย ต้องมีการตรวจสอบยืนยัน ในรายการดังต่อไปนี้
1) ต้องไม่มีสารรมควันข้าวตกค้าง ไม่ว่าจะเป็นสารเมทิลโบรไมด์ (methyl bromide) หรืออลูมิเนียมฟอสไฟด์ (aluminium phosphide) หรือ ฟอสฟีน ตกค้างอยู่ในเมล็ดข้าวสาร
2) ต้องไม่มีสารก่อมะเร็งที่เรียกว่า “อะฟลาท็อกซิน” เจือปนในเมล็ดข้าวสาร
3) ต้องมีการยืนยันจากห้องปฏิบัติการว่า การล้างน้ำ หรือซาวข้าว จะสามารถชะล้าง สารรมควันต่างๆ ให้หมดไปได้ เนื่องจากมีนักวิชาการจำนวนหนึ่งท้วงติงว่า สารเคมีหลายตัวหากสะสมอยู่ในข้าวสารเป็นระยะเวลานาน ต่อให้ล้าง 20 ครั้ง ก็ล้างไม่ออก
ผมต้องย้ำตรงนี้ว่า การชิมโชว์ไม่สามารถการันตีอะไรได้ ต่อให้คุณสุทินออกมาชิมโชว์ด้วยตัวเอง ก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะคุณสุทินไม่ได้กินข้าว 10 ปี ทุกมื้อ ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจจัดซื้อให้ทหารกิน ต้องตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น และต้องมีปริมาณการตรวจที่มากพอด้วย ไม่ใช่สุ่มจิ๊บๆ มาตรวจพอเป็นพิธี
อย่าให้ทหารต้องถอนหายใจ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่สิ้นหวังแบบตลกร้ายว่า “เป็นทหารได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด” เลยครับ
https://www.facebook.com/wirojlak/posts/pfbid0e7LdzTHRJBCSHVCVmbWXvkF1iJoYaNiMRP4nJG644D1UyWwV13U1DMAZvAxG5wbDl
กมธ.มั่นคง จับตา ตร.ไซเบอร์แถลงคดีทลายแก๊งคอลเมืองคอน หลังสาวถึงนักการเมืองในพื้นที่
https://www.matichon.co.th/politics/news_4568168
กมธ.ความมั่นคง เชื่อทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์เมืองคอน เอี่ยวนักการเมืองในพื้นที่ ฝ่าย ตร.อ้างขอเวลา 1 สัปดาห์รู้ตัวผู้อยู่เบื้องหลัง ด้าน ‘มานพ’ เรียกร้อง เร่งบริหารจัดการกลุ่มผู้หนีภัยจากความไม่สงบเมียนมา
เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ที่รัฐสภา นายปิยรัฐ จงเทพ ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ จ.นครศรีธรรมราช ว่าครั้งนี้ได้มีการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์แก๊งใหญ่ที่อยู่ภายในประเทศไทย และเลือก จ.นครศรีธรรมราช เป็นที่ตั้ง จึงมีคำถามว่าเหตุใดจึงเป็นพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช เบื้องต้นตอนนี้ได้ข้อมูลมาแล้วว่ามีการจับกุมชาวจีนหลายสิบคน คนไทย 12 คน และมีการดำเนินคดีร่วมกับทูตของจีนและทูตของญี่ปุ่น ร่วมกับเจ้าหน้าที่ประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากมีผู้เสียหายอย่างน้อย 2 รายเป็นคนญี่ปุ่น ซึ่งถูกหลอกลวงโดยมีฐานการหลอกลวงอยู่ที่ จ.นครศรีธรรมราช
นายปิยรัฐกล่าวว่า วันนี้ได้รับคำตอบจากตำรวจว่าจะมีการขยายผลแน่นอน ขอเวลาเพียง 1 สัปดาห์ จะได้มีการแถลงและนำการจับกุมต่อไปว่ามีใครบ้างอยู่เบื้องหลัง ซึ่ง กมธ.ก็จะมีการติดตามเรื่องนี้ต่อไป หลังจากนี้กรณีเกี่ยวกับ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งหลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่เกิดขึ้นในประเทศไทยของเรา และมีการเสียหายมูลค่านับล้านๆ จึงอยากให้ประชาชนได้ติดตามรายละเอียดต่อไป
กมธ.กล่าวต่อว่า การจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนใน จ.นครศรีธรรมราช กมธ.ได้เชิญตำรวจไซเบอร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ในรายละเอียดขณะนี้ผู้ต้องหาทั้งหมดที่จับได้เป็นคนจีน 51 คน คนไทย 12 คน ใน 12 คนเป็นคนนครศรีธรรมราช 4 คน ควบคุมตัวทั้งหมดไว้ที่เรือนจำทุ่งสงแล้ว
ส่วนความคืบหน้าของคดีได้มีการออกสำนวนให้ทางตำรวจไซเบอร์ส่วนกลางได้พิจารณา และตำรวจไซเบอร์ได้แจ้งในที่ประชุมว่าความคืบหน้าในคดีไม่เกิน 1 สัปดาห์ก็จะมีความชัดเจน ในส่วนของการขยายผลไปที่นักการเมืองในพื้นที่ทราบตัวแล้ว ตอนนี้ข้อมูลต่างๆ น่าจะมีการแถลงต่อสาธารณชนประมาณ 1 สัปดาห์ข้างหน้า ในเรื่องนี้รองผู้ว่าฯนครศรีธรรมได้พูดในเชิงว่า การที่ จ.นครศรีธรรมราช เป็นพื้นที่เป้าหมายของแก๊งอาชญากรข้ามชาติในครั้งนี้เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าว ต.จันดี อ.ฉวาง เป็นชุมชนชาวจีนดั้งเดิม การมีคนจีนเข้ามากว่า 50 คนกลมกลืนกับคนจีนในพื้นที่ แต่ก็ได้มีการติดตาม พบว่าพื้นที่ที่แก๊งเหล่านี้มาพำนักอยู่มีการใช้น้ำและไฟเป็นจำนวนมาก เป็นส่วนที่ทำให้เกิดการจับกุม จากนี้จะมีการกวดขันในพื้นที่อย่างเข้มงวด
นอกจากนี้ นายมานพ คีรีภูวดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธาน กมธ.ความมั่นคง ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามผลกระทบที่เกิดจากความไม่สงบในเมียนมา โดยตั้งคำถามถึงการบริหารจัดการผู้หนีภัยในระดับพื้นที่ พร้อมเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหน่วยงานความมั่นคงที่อยู่หน้าด่านปฏิบัติตามแผนงานของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในกรณีเกิดสถานการณ์สู้รบในเมืองทวาย รัฐกะเหรี่ยง เมียนมา ที่อยู่ตรงข้ามกับ จ.กาญจนบุรี ขณะนี้มีความพยายามผลักดันผู้หนีภัยสู้รบกลับไปทั้งๆ ที่สถานการณ์การสู้รบยังคงเกิดขึ้นอยู่ ซึ่งขัดกับคำแถลงและแผนงานของรัฐบาลที่ระบุว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์สู้รบเราจะดูแลผู้หนีภัยตามหลักมนุษยชนว่าเพราะเหตุใดจึงไม่ดำเนินการเหมือนในพื้นที่ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน หรือ อ.แม่สอด จ.ตาก รวมถึงการบริหารจัดการกลุ่มผู้หนีภัยทางการเมืองและกลุ่มผู้หนีภัยทางเศรษฐกิจ ซึ่งยังไม่มีระบบการดูแลที่ชัดเจนด้วย
นายมานพยังกล่าวถึงความพยายามในการหาทางพยายามเจรจาในรูปแบบต่างๆ ว่า กมธ.มีข้อเสนอที่ชัดเจนว่า ประเทศไทยจำเป็นจะต้องประกาศตัวอย่างชัดเจนที่จะเป็นตัวกลางเพื่อทำให้เกิดการพูดคุยในพื้นที่ปลอดภัยกับทุกๆ กลุ่มที่เกี่ยวข้อง เพราะตลอดแนวชายแดนประเทศไทยเราเลี่ยงไม่ได้ที่จะได้รับผลกระทบ
ทนายอั๋นยื่นค้าน สนธิญาร้อง “เดี่ยว”โน้ส แนะหน่วยงานหาวิธีป้องกัน การร้องเรียนไร้สาระ
https://www.khaosod.co.th/crime/news_8223929
ทนายอั๋นยื่นค้าน สนธิญาร้อง “เดี่ยว”โน้ส แนะหน่วยงานหาวิธีป้องกัน การร้องเรียนไร้สาระ ชี้ผ่านไป 2 ปี ไม่มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง ทำสังคมแตกแยก
เมื่อเวลา 14.50 น. วันที่ 9 พ.ค.2567 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ทนายอั๋น บุรีรัมย์ จะเข้ายื่นหนังสือคัดค้านคำร้องของนายสนธิญา สวัสดี ปม “เดี่ยวอุดม” พร้อมทั้งเสนอแนะให้หน่วยงานหาวิธีป้องกันการร้องเรียนที่ไร้สาระ
ทนายอั๋น เปิดเผยว่า ตนเดินทางมาจากบุรีรัมย์ เพื่อมาขอให้ทางบช.น.ตรวจสอบ เนื่องจากนายสนธิญา สวัสดี ยื่นร้องตรวจสอบกรณีของโน้ส อุดม แต้พานิช จัดเดียวไมโครโฟนพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับความพอเพียง ทั้งที่แก๊ง 3 ตัวบาก คือเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ และนายศรีสุวรรณ จรรยาหายไปแล้ว ยังเหลือนายสนธิญา
เมื่อ 2 ปีที่แล้วมีการยื่นคำร้องคัดค้านกรณีดังกล่าวที่มีการร้องเรียนลักษณะนี้ แต่ก็ยังไม่มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงเลย ยังมีการร้องเรียนเนื้อหาการร้องเรียนที่ไร้สาระ ทำให้สังคมแตกแยก เพราะถ้าดูเนื้อหาข้อเท็จจริงไม่มีพฤติกรรมส่อไปทางที่มีการร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องความพอเพียงแต่อย่างใด
“อาจจะสื่อความหมายทำนองคนรุ่นเก่าอาจจะไม่ได้เป็นแนวทางให้คนรุ่นใหม่ อาจจะมีคนกลุ่มหนึ่งไม่พอใจ จึงเกิดกรณีดังกล่าวเกิดขึ้น ตนอยากให้หน่วยงานของรัฐทั้งหมด อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และหน่วยงานอื่นๆ หามาตรการตรวจสอบดูว่า การร้องเรียนที่ไร้สาระไม่ได้เกิดผลประโยชน์แต่อย่างใด ขอให้มีการกลั่นกรองสกัด หามาตรการระงับยับยั้งกรณีดังกล่าว”
เมื่อถามถึงกรณีน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ แจ้งความกรณีโน้ส อุดม ผิด 112 นั้น ทนายอั๋น กล่าวว่า กรณีดังกล่าวไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอหรือไม่เข้าข่ายข้อกฎหมายม.112 แต่อย่างใด กรณีเรียกโน้ส อุดม มาสภ.โพธาราม หรือที่ไหนก็ตาม ทางโน้ส อุดม สามารถแจ้งความกลับได้ ตนขอยื่นหนังสือดังกล่าวให้ทางผบช.น. ดำเนินการต่อไป