กมธ.ทหาร แฉกองทัพ สร้างค่ายทหารผิดจุดจากที่ขออนุญาต เลี่ยงพื้นที่ เขากระโดง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4922566
“กมธ.ทหาร”แฉกองทัพ สร้างค่ายทหารผิดจุดจากที่ขออนุญาต เลี่ยงพื้นที่เขากระโดง เตรียม เรียก รฟท., ผบ.มทบ.26, มท. แจง 28 พ.ย.นี้
เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ทหาร สภาผู้แทนราษฎร แถลง ว่า การประชุม กมธ.ในวันพรุ่งนี้ (28 พฤศจิกายน) ได้เชิญผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ผู้ว่า รฟท.), ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์, อธิบดีกรมที่ดิน และอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย รวมถึงผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 26 หรือ ค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก มาชี้แจงต่อ กมธ. เนื่องจากมีข้อสงสัย และได้รับการร้องเรียนว่า ในการอนุญาตก่อสร้างค่ายมณฑลทหารบกที่ 26 หรือ มทบ.26 นั้น อาจมีการสร้างผิดที่จากเดิมที่กองทัพเคยขออนุญาตไว้เมื่อปี 2521 มีการขออนุญาตจากจังหวัดบุรีรัมย์ ผู้ที่ขออนุญาตคือจังหวัดทหารบกสุรินทร์ (แยกบุรีรัมย์) ที่ขอสร้างค่ายทหารในจังหวัดบุรีรัมย์ ชื่อกองพันทหารราบเบา ปรากฏว่าได้รับอนุญาตจากผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ขณะนั้นให้สร้างตามหนังสือสำคัญที่หลวง นสล.4130 และมีการก่อสร้างจนกลายเป็น ร.23 พัน.4 คือค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกในปัจจุบัน
นาย
วิโรจน์กล่าวต่อม่า เมื่อไปดูที่ตั้งค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก เมื่อเทียบกับหนังสืออนุญาตของผู้ว่าจังหวัดบุรีรัมย์ ขณะนั้นมีข้อสงสัยว่า จะมีการสร้างค่ายทหารผิดที่ และที่ ที่ควรจะสร้าง ปรากฏว่าเป็นที่ข้อพิพาทเขากระโดง เพราะมีบุคคล คนหนึ่งอ้างว่าซื้อที่มาจากตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่ง แล้วไปฟ้องร้องต่อการรถไฟ ปรากฏว่าการรถไฟก็ฟ้องแย้ง จนศาลฎีกามีคำพิพากษาว่าที่ตรงนั้นเป็นที่รถไฟจริง และที่ปลงนั้นควรจะเป็นที่ตั้งค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกในปัจจุบัน แต่เหตุใดทำไมค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ถึงไปอยู่อีกที่หนึ่ง ที่ห่างจากพื้นที่ที่ขออนุญาตไว้ 2 กิโลเมตร
“
อยากถามว่า หมุดหมายของใบอนุญาตอยู่ตรงไหนกันแน่ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ข้อสงสัยว่าที่ดินแปลงนั้นเป็นที่ทรงอิทธิพลขนาดว่าค่ายทหารยังยอม ย้ายค่ายหนีจริงหรือไม่ ดังนั้นรายละเอียดทั้งหมดเราจะสอบกันในวันที่ 28 พ.ย.” นาย
วิโรจน์กล่าว
ด้านนาย
ต่อพงษ์ จีนใจน้ำ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคก้าวไกล ในฐานะที่ปรึกษาประจำกรรมาธิการฯ กล่าวว่า พบข้อสงสัยต่อกรณีที่ กองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 23 หรือ ร.23 พัน.4 มทบ.26 ในขณะนั้น ได้มีการขออนุญาตจังหวัดบุรีรัมย์ขณะนั้น ในการสร้างค่ายทหารกองพันทหารราบเบา เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2521 ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ได้อนุญาตให้มีการสร้าง เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2521 จนเป็น ร.23 พัน.4 ในปัจจุบัน
แต่เมื่อพิจารณาที่ตั้งของค่ายในปัจจุบัน และเปรียบเทียบกับหนังสืออนุญาตการก่อสร้างที่มีการการระบุแผนที่ชัดเจน มีหลักเขตชัดเจนว่าทิศเหนือจรดที่ของการรถไฟ แต่ที่ปัจจุบันที่มีการก่อสร้างนั้นเป็นที่ที่ทิศเหนือจรดที่ของเอกชน จึงเชื่อว่าที่ ที่กองทัพขอใช้ตั้งแต่แรกผิดที่ จนปี 2561 มีการฟ้องศาลปกครอง ศาลปกครองได้เรียกเอกสารต่างๆเข้ามาจึงปรากฎหลักฐานว่ามีคำพิพากษาของศาลฎีกาฉบับหนึ่งระหว่างผู้ซื้อที่ดินฟ้องการรถไฟ โดยผู้ซื้อที่ดินแจ้งว่าได้ซื้อที่ดินมาจาก นาย
ชัย ชิดชอบ โดยนาย
ชัย แจ้งว่า ซื้อมาจากราษฎร จนศาลฯได้พิพากษาให้เป็นที่ดินของ รฟท. และค่ายทหารฯ ดังกล่าว
“
ทำให้เกิดความสงสัยว่าเหตุใดกองทัพจึงไม่ก่อสร้างค่ายฯในที่ดินที่ได้รับอนุญาตตั้แต่แรก เหตุเพราะมีการครอบครองที่ดินทางเหนือติดกับเขากระโดงโดยตระกูลใหญ่ตระกูลนี้หรือไม่ ทาง กมธ.จะได้ตรวจสอบว่าเหตุใดกองทัพถึงไม่ยอมก่อสร้างค่ายฯบนที่ดินที่ได้รับอนุญาตตั้งแต่แรก และที่ไปสร้างแปลงใหม่ได้รับอนุญาตจากที่ใด” นาย
ต่อพงษ์กล่าว
ปรึกษาประจำ กมธ.กล่าวด้วยว่า ในจังหวัดบุรีรัมย์ มักมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นอีกเยอะ เช่น มีการเปลี่ยนหลักกิโลเมตรของจังหวัดมากกว่า 3 ครั้ง มีการขยับหลักหมุด หลักกิโลเมตร ของจังหวัดมากกว่า 3 ครั้ง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ใดหรือไม่ ดังนั้นในวันพรุ่งนี้ (28 พ.ย.) กมธ.ก็จะสอบเรื่องนี้โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อไป
ยังไร้คำตอบ ปมเขากระโดง กมธฯ ชี้ รฟท.-กรมที่ดิน ไร้แผนที่แสดงสิทธิ จ่อลงพื้นที่ ก่อนนัดสอบใหญ่ ม.ค.68
https://www.matichon.co.th/politics/news_4922768
ยังไม่ได้คำตอบ ปมเขากระโดง กมธฯ ชี้ รฟท.-กรมที่ดิน ไร้แผนที่แสดงสิทธิ จ่อลงพื้นที่คุยชาวบ้าน ก่อนนัดสอบใหญ่ ม.ค.68
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 27 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา นาย
พูนศักดิ์ จันทร์จำปี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการประชุม กมธ.วาระพิจารณาข้อพิพาท ปัญหาที่ดินเขากระโดงในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง นานกว่า 2 ชั่วโมง ว่า หน่วยงานที่ชี้แจงไม่มีความชัดเจน ดังนั้น กมธ. จึงลงความเห็นว่าต้องตรวจสอบเพิ่มเติมในหลายประเด็น เช่น กรรมสิทธิของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เนื่องจากไม่มีข้อยุติเรื่องแผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดินของ รฟท. ที่ไม่ชัดเจนว่าครอบคลุมสนามแข่งรถ หรือสนามกีฬา หรือไม่
นาย
พูนศักดิ์กล่าวต่อว่า ส่วนการดำเนินการเพิกถอนสิทธิที่ดินของกรมที่ดิน กมธ. ขอหนังสือเพิ่มเติมในการแต่งตั้งกรรมการตามประมวลกฎหมายที่ดิน ส่วนการแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ 5,000 ไร่ ซึ่งพบว่ามีเอกสารสิทธิและโฉนดที่ดิน ที่ภาครัฐออกให้ และมีข้อพิพาทว่าออกโดยชอบหรือไม่ ทาง รฟท. และกรมที่ดินไม่มีความชัดเจนในการแก้ปัญหา
“
ปัญหาที่ดินเขากระโดงมีหลายประเด็นต้องตรวจสอบเพิ่มเติม ซึ่ง กมธ.ได้ทำหนังสือขอเอกสารเพิ่มเติมจากหน่วยงาน โดยขอให้ส่งมาให้ กมธ. ภายใน 15 วันเมื่อรับเอกสารแล้วจะประชุมเพื่อตรวจสอบรายละเอียดก่อนจะลงพื้นที่ที่เขากระโดง จ.บุรีรัมย์อีกครั้ง และจากนั้น กมธ.ฯจะนัดประชุมใหญ่อีกครั้ง ช่วงเดือน ม.ค.2568 ก่อนสรุปประเด็นว่าจะแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างไร เบื้องต้นภาครัฐต้องมีมาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ” นาย
พูนศักดิ์กล่าว
ขณะที่ นาย
เลาฟั้ง บัณฑิตเทอดกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะเลขานุการ กมธ.ฯ กล่าวว่า การเพิกถอนสิทธิที่ดินตามผลคำพิพากษาไม่ว่าข้อเท็จจริงหรือการโต้แย้งจะเป็นอย่างไร เมื่อมีคำพิพากษาว่าเป็นกรรมสิทธิของ รฟท. ต้องปฏิบัติตาม อีกทั้งกรณีเขากระโดงไม่ใช่แนวเส้นทางรถไฟหรือสถานี แต่รฟท. เคยใช้ประโยชน์ จึงได้กรรมสิทธิเพราะเคยใช้ประโยชน์ ดังนั้นกรมที่ดินต้องบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษา แต่เหตุผลที่ไม่เพิกถอนเพราะไม่มีแผนที่ของ รฟท.ที่ชัดเจน
“
แม้มีการรังวัดที่ดิน แต่ไม่ปรากฎแผนที่ที่ดินที่ชัดเจน ทำให้กมธ.ฯตั้งข้อสังเกตว่าต้องทำแผนที่ ที่ชัดเจนเพื่อให้กรมที่ดินสามารถบังคับตามคำพิพากษาได้ และขอให้กรมที่ดินจัดส่งเอกสารแผนที่ให้ กมธ.อีกครั้ง ส่วนที่มีการทำแผนที่ขึ้นมาเมื่อ ปี2539 นั้น กรมที่ดินระบุว่าเป็นแผนที่ที่บังคับใช้ไม่ได้ เพราะทำภายหลังหลังจากที่มีประเด็นข้อพิพาทกับประชาชน” นาย
เลาฟั้งกล่าว
นาย
เลาฟั้งกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่กรมที่ดินชี้แจงว่าไม่สามารถเพิกถอนสิทธิได้เพราะกระบวนการออกเอกสารสิทธิถูกต้องตามกระบวนการ เป็นการอธิบายตามหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงาน ส่วนการออกเอกสารสิทธิตามกฎหมายหรือไม่เป็นอีกกรณีหนึ่ง ส่วนกรณีที่กรมที่ดินชี้แจงว่า กรมที่ดินไม่ใช่คู่ความในข้อพิพาท ถือว่าไม่ถูก้อง เพราะกรมที่ดินเป็นหน่วยงานรัฐ มีหน้าที่บริหารและกำกับที่ดิน แม้ตามประมวลฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จะระบุว่าให้มีผลผูกพันคู่กรณี แต่มีข้อยกเว้นเรื่องกรรมสิทธิที่ดิน เมื่อมีคำพิพากษา ที่มีผู้ที่ได้รับประโยชน์สามารถอ้างอิงกับบุคคภายนอกได้ ดังนั้นพื้นที่กว่า 5,000 ไร่ จึงเป็นกรรมสิทธิของ รฟท.ทั้งหมด
ช็อกปลายปี! บริษัทยานยนต์ ประกาศเลิกจ้างพนักงาน 900 ชีวิต เคว้ง
https://www.matichon.co.th/social/news_4922645
900 ชีวิต เคว้ง! บริษัทยานยนต์ ประกาศเลิกจ้างพนักงาน ช็อกปลายปี
เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน เฟซบุ๊ก เพจ
มนุษย์โรงงาน แจ้งข่าวช็อกและข่าวร้ายที่คนทำงานโรงงานไม่อยากฟัง หรืออยากเจอในช่วงปลายปีเช่นนี้ เมื่อมีข่าวบริษัทยานยนต์ประกาศเลิกจ้างพนักงาน
โดยเพจ มนุษย์โรงงาน โพสต์ข้อความว่า
“
ด่วน บริษัทยานยนต์เส้นกิ่งแก้ว ประกาศเลิกจ้างพนักงานทั้งหมด 800-900 ชีวิต #เป็นกำลังใจให้นะครับ”
หลังจากโพสต์ข้อความดังกล่าวไปมีเหล่ามนุษย์โรงงานและมนุษย์เงินเดือนต่างเข้ามาให้กำลังใจเพื่อนร่วมอาชีพจำนวนมาก
https://www.facebook.com/manrongngan/posts/pfbid02xzHNsrcSJCiUB7LNywe3jCt58hxuynJPxk4YF2y3Ht555JxYej7AtjTf1W4xh9RMl
เผยรายงาน BBC แฉนางแบบ เจ้าของ บ.คีร์กีซ ใช้ไทยเป็นช่องทางส่งเลนส์ทหาร ไปรัสเซีย
https://www.isranews.org/article/isranews-scoop/133731-MilitaryLens.html
ในเดือน ธ.ค.2566 และม.ค. 2567 บริษัทรามาได้มีการจัดส่งสินค้าสองรายการไปยังรัสเซีย มีการระบุสินค้าว่าเป็น “ชิ้นส่วนกล้อง” ปลายทางสินค้าเหล่านี้ถูกระบุว่าไปยังบริษัทชื่อว่า Sol Group ที่ถูกคว่ำบาตร ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองสโมเลยสค์ ประเทศรัสเซีย ทั้งนี้ตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าสินค้าถูกจัดส่งด้วยวิธีใด แต่ในเอกสารบ่งชี้ว่าการส่งของบางรายการ อาจมีต้นกำเนิดที่ประเทศไทย
-------------------------------------------------------------------------------
ในช่วงเวลาที่สงครามรัสเซียและยูเครนกลับมาดุเดือดอีกครั้งหนึ่ง ก็ปรากฏเป็นข่าวในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาว่ามีกรณีการคว่ำบาตรบริษัทเอกชนในต่างประเทศซึ่งรวมถึงในประเทศไทยว่ามีส่วนในการให้ความช่วยเหลือประเทศรัสเซียที่ถูกคว่ำบาตร
และล่าสุดก็มีรายงานจากสำนักข่าวบีบีซีระบุว่าประเทศไทยอาจจะมีส่วนเป็นช่องทางในการส่งยุทโธปกรณ์ทหารที่เกี่ยวข้องไปยังประเทศรัสเซีย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) จึงนำเอารายงานจากสำนักข่าวบีบีซีมานำเสนอ มีรายละเอียดดังนี้
นางแบบอินสตราแกรม กับบทบาทในการละเมิดการคว่ำบาตร ส่งอุปกรณ์มองเห็นทางทหารให้กับรัสเซีย
มีรายงานว่าเทคโนโลยีทางการทหารของประเทศอังกฤษนั้นถูกส่งไปยังประเทศรัสเซีย ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการละเมิดการคว่ำบาตร โดยเส้นทางการส่งเทคโนโลยีนั้นดำเนินการผ่านบริษัทตัวแทนในประเทศคีร์กีซสถาน ซึ่งบริษัทคีร์กีซนั้นก็มีเจ้าของบริษัทเป็นนางแบบอินสตราแกรม
โดยข้อมูลดังกล่าวนั้นมาจากการสืบสวนของสำนักข่าวบีบีซี
เทคโนโลยีระดับสูงที่ถูกลักลอบส่งให้รัสเซียดังกล่าว พบว่ามีมูลค่าทั้งสิ้น 2.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (72,513,000 บาท) มีบริษัทจากอังกฤษเป็นผู้ผลิตเทคโนโลยีนี้ อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีถูกขายให้กับบริษัทรัสเซียที่เกี่ยวข้องกับการทหาร
เอกสารระบุว่าเลนส์กล้องที่ผลิตในประเทศอังกฤษถูกส่งให้กับบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศคีร์กีซสถาน โดยบริษัทนี้มีผู้ดำเนินการคือนางแบบชื่อว่า วาเลเรีย ไบกัสซินา (Valeria Baigascina)
@บริษัทรามากรุ๊ป
น.ส.
วาเลเรีย ไบกัสซินา นางแบบอายุ 25 ปี เกิดที่ประเทศคีร์กีซสถาน ตอนนี้อาศัยอยู่ที่เบลารุส ตามข้อมูลระบบการจดทะเบียนบริษัทที่เบลารุส พบว่า น.ส.
ไบกัสซินา เป็นผู้ก่อตั้งและเป็นผู้อำนวยการบริษัทชื่อว่า รามา กรุ๊ป แอลแอลซี
JJNY : 5in1 แฉกองทัพ│ยังไร้คำตอบ ปมเขากระโดง│เลิกจ้างพนง.900 ชีวิตเคว้ง│แฉนางแบบใช้ไทย│ยื่นศาลอนุมัติหมายจับมินอ่องหล่าย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4922566
“กมธ.ทหาร”แฉกองทัพ สร้างค่ายทหารผิดจุดจากที่ขออนุญาต เลี่ยงพื้นที่เขากระโดง เตรียม เรียก รฟท., ผบ.มทบ.26, มท. แจง 28 พ.ย.นี้
เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ทหาร สภาผู้แทนราษฎร แถลง ว่า การประชุม กมธ.ในวันพรุ่งนี้ (28 พฤศจิกายน) ได้เชิญผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ผู้ว่า รฟท.), ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์, อธิบดีกรมที่ดิน และอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย รวมถึงผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 26 หรือ ค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก มาชี้แจงต่อ กมธ. เนื่องจากมีข้อสงสัย และได้รับการร้องเรียนว่า ในการอนุญาตก่อสร้างค่ายมณฑลทหารบกที่ 26 หรือ มทบ.26 นั้น อาจมีการสร้างผิดที่จากเดิมที่กองทัพเคยขออนุญาตไว้เมื่อปี 2521 มีการขออนุญาตจากจังหวัดบุรีรัมย์ ผู้ที่ขออนุญาตคือจังหวัดทหารบกสุรินทร์ (แยกบุรีรัมย์) ที่ขอสร้างค่ายทหารในจังหวัดบุรีรัมย์ ชื่อกองพันทหารราบเบา ปรากฏว่าได้รับอนุญาตจากผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ขณะนั้นให้สร้างตามหนังสือสำคัญที่หลวง นสล.4130 และมีการก่อสร้างจนกลายเป็น ร.23 พัน.4 คือค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกในปัจจุบัน
นายวิโรจน์กล่าวต่อม่า เมื่อไปดูที่ตั้งค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก เมื่อเทียบกับหนังสืออนุญาตของผู้ว่าจังหวัดบุรีรัมย์ ขณะนั้นมีข้อสงสัยว่า จะมีการสร้างค่ายทหารผิดที่ และที่ ที่ควรจะสร้าง ปรากฏว่าเป็นที่ข้อพิพาทเขากระโดง เพราะมีบุคคล คนหนึ่งอ้างว่าซื้อที่มาจากตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่ง แล้วไปฟ้องร้องต่อการรถไฟ ปรากฏว่าการรถไฟก็ฟ้องแย้ง จนศาลฎีกามีคำพิพากษาว่าที่ตรงนั้นเป็นที่รถไฟจริง และที่ปลงนั้นควรจะเป็นที่ตั้งค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกในปัจจุบัน แต่เหตุใดทำไมค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ถึงไปอยู่อีกที่หนึ่ง ที่ห่างจากพื้นที่ที่ขออนุญาตไว้ 2 กิโลเมตร
“อยากถามว่า หมุดหมายของใบอนุญาตอยู่ตรงไหนกันแน่ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ข้อสงสัยว่าที่ดินแปลงนั้นเป็นที่ทรงอิทธิพลขนาดว่าค่ายทหารยังยอม ย้ายค่ายหนีจริงหรือไม่ ดังนั้นรายละเอียดทั้งหมดเราจะสอบกันในวันที่ 28 พ.ย.” นายวิโรจน์กล่าว
ด้านนายต่อพงษ์ จีนใจน้ำ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคก้าวไกล ในฐานะที่ปรึกษาประจำกรรมาธิการฯ กล่าวว่า พบข้อสงสัยต่อกรณีที่ กองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 23 หรือ ร.23 พัน.4 มทบ.26 ในขณะนั้น ได้มีการขออนุญาตจังหวัดบุรีรัมย์ขณะนั้น ในการสร้างค่ายทหารกองพันทหารราบเบา เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2521 ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ได้อนุญาตให้มีการสร้าง เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2521 จนเป็น ร.23 พัน.4 ในปัจจุบัน
แต่เมื่อพิจารณาที่ตั้งของค่ายในปัจจุบัน และเปรียบเทียบกับหนังสืออนุญาตการก่อสร้างที่มีการการระบุแผนที่ชัดเจน มีหลักเขตชัดเจนว่าทิศเหนือจรดที่ของการรถไฟ แต่ที่ปัจจุบันที่มีการก่อสร้างนั้นเป็นที่ที่ทิศเหนือจรดที่ของเอกชน จึงเชื่อว่าที่ ที่กองทัพขอใช้ตั้งแต่แรกผิดที่ จนปี 2561 มีการฟ้องศาลปกครอง ศาลปกครองได้เรียกเอกสารต่างๆเข้ามาจึงปรากฎหลักฐานว่ามีคำพิพากษาของศาลฎีกาฉบับหนึ่งระหว่างผู้ซื้อที่ดินฟ้องการรถไฟ โดยผู้ซื้อที่ดินแจ้งว่าได้ซื้อที่ดินมาจาก นายชัย ชิดชอบ โดยนายชัย แจ้งว่า ซื้อมาจากราษฎร จนศาลฯได้พิพากษาให้เป็นที่ดินของ รฟท. และค่ายทหารฯ ดังกล่าว
“ทำให้เกิดความสงสัยว่าเหตุใดกองทัพจึงไม่ก่อสร้างค่ายฯในที่ดินที่ได้รับอนุญาตตั้แต่แรก เหตุเพราะมีการครอบครองที่ดินทางเหนือติดกับเขากระโดงโดยตระกูลใหญ่ตระกูลนี้หรือไม่ ทาง กมธ.จะได้ตรวจสอบว่าเหตุใดกองทัพถึงไม่ยอมก่อสร้างค่ายฯบนที่ดินที่ได้รับอนุญาตตั้งแต่แรก และที่ไปสร้างแปลงใหม่ได้รับอนุญาตจากที่ใด” นายต่อพงษ์กล่าว
ปรึกษาประจำ กมธ.กล่าวด้วยว่า ในจังหวัดบุรีรัมย์ มักมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นอีกเยอะ เช่น มีการเปลี่ยนหลักกิโลเมตรของจังหวัดมากกว่า 3 ครั้ง มีการขยับหลักหมุด หลักกิโลเมตร ของจังหวัดมากกว่า 3 ครั้ง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ใดหรือไม่ ดังนั้นในวันพรุ่งนี้ (28 พ.ย.) กมธ.ก็จะสอบเรื่องนี้โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อไป
ยังไร้คำตอบ ปมเขากระโดง กมธฯ ชี้ รฟท.-กรมที่ดิน ไร้แผนที่แสดงสิทธิ จ่อลงพื้นที่ ก่อนนัดสอบใหญ่ ม.ค.68
https://www.matichon.co.th/politics/news_4922768
ยังไม่ได้คำตอบ ปมเขากระโดง กมธฯ ชี้ รฟท.-กรมที่ดิน ไร้แผนที่แสดงสิทธิ จ่อลงพื้นที่คุยชาวบ้าน ก่อนนัดสอบใหญ่ ม.ค.68
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 27 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา นายพูนศักดิ์ จันทร์จำปี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการประชุม กมธ.วาระพิจารณาข้อพิพาท ปัญหาที่ดินเขากระโดงในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง นานกว่า 2 ชั่วโมง ว่า หน่วยงานที่ชี้แจงไม่มีความชัดเจน ดังนั้น กมธ. จึงลงความเห็นว่าต้องตรวจสอบเพิ่มเติมในหลายประเด็น เช่น กรรมสิทธิของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เนื่องจากไม่มีข้อยุติเรื่องแผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดินของ รฟท. ที่ไม่ชัดเจนว่าครอบคลุมสนามแข่งรถ หรือสนามกีฬา หรือไม่
นายพูนศักดิ์กล่าวต่อว่า ส่วนการดำเนินการเพิกถอนสิทธิที่ดินของกรมที่ดิน กมธ. ขอหนังสือเพิ่มเติมในการแต่งตั้งกรรมการตามประมวลกฎหมายที่ดิน ส่วนการแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ 5,000 ไร่ ซึ่งพบว่ามีเอกสารสิทธิและโฉนดที่ดิน ที่ภาครัฐออกให้ และมีข้อพิพาทว่าออกโดยชอบหรือไม่ ทาง รฟท. และกรมที่ดินไม่มีความชัดเจนในการแก้ปัญหา
“ปัญหาที่ดินเขากระโดงมีหลายประเด็นต้องตรวจสอบเพิ่มเติม ซึ่ง กมธ.ได้ทำหนังสือขอเอกสารเพิ่มเติมจากหน่วยงาน โดยขอให้ส่งมาให้ กมธ. ภายใน 15 วันเมื่อรับเอกสารแล้วจะประชุมเพื่อตรวจสอบรายละเอียดก่อนจะลงพื้นที่ที่เขากระโดง จ.บุรีรัมย์อีกครั้ง และจากนั้น กมธ.ฯจะนัดประชุมใหญ่อีกครั้ง ช่วงเดือน ม.ค.2568 ก่อนสรุปประเด็นว่าจะแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างไร เบื้องต้นภาครัฐต้องมีมาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ” นายพูนศักดิ์กล่าว
ขณะที่ นายเลาฟั้ง บัณฑิตเทอดกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะเลขานุการ กมธ.ฯ กล่าวว่า การเพิกถอนสิทธิที่ดินตามผลคำพิพากษาไม่ว่าข้อเท็จจริงหรือการโต้แย้งจะเป็นอย่างไร เมื่อมีคำพิพากษาว่าเป็นกรรมสิทธิของ รฟท. ต้องปฏิบัติตาม อีกทั้งกรณีเขากระโดงไม่ใช่แนวเส้นทางรถไฟหรือสถานี แต่รฟท. เคยใช้ประโยชน์ จึงได้กรรมสิทธิเพราะเคยใช้ประโยชน์ ดังนั้นกรมที่ดินต้องบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษา แต่เหตุผลที่ไม่เพิกถอนเพราะไม่มีแผนที่ของ รฟท.ที่ชัดเจน
“แม้มีการรังวัดที่ดิน แต่ไม่ปรากฎแผนที่ที่ดินที่ชัดเจน ทำให้กมธ.ฯตั้งข้อสังเกตว่าต้องทำแผนที่ ที่ชัดเจนเพื่อให้กรมที่ดินสามารถบังคับตามคำพิพากษาได้ และขอให้กรมที่ดินจัดส่งเอกสารแผนที่ให้ กมธ.อีกครั้ง ส่วนที่มีการทำแผนที่ขึ้นมาเมื่อ ปี2539 นั้น กรมที่ดินระบุว่าเป็นแผนที่ที่บังคับใช้ไม่ได้ เพราะทำภายหลังหลังจากที่มีประเด็นข้อพิพาทกับประชาชน” นายเลาฟั้งกล่าว
นายเลาฟั้งกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่กรมที่ดินชี้แจงว่าไม่สามารถเพิกถอนสิทธิได้เพราะกระบวนการออกเอกสารสิทธิถูกต้องตามกระบวนการ เป็นการอธิบายตามหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงาน ส่วนการออกเอกสารสิทธิตามกฎหมายหรือไม่เป็นอีกกรณีหนึ่ง ส่วนกรณีที่กรมที่ดินชี้แจงว่า กรมที่ดินไม่ใช่คู่ความในข้อพิพาท ถือว่าไม่ถูก้อง เพราะกรมที่ดินเป็นหน่วยงานรัฐ มีหน้าที่บริหารและกำกับที่ดิน แม้ตามประมวลฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จะระบุว่าให้มีผลผูกพันคู่กรณี แต่มีข้อยกเว้นเรื่องกรรมสิทธิที่ดิน เมื่อมีคำพิพากษา ที่มีผู้ที่ได้รับประโยชน์สามารถอ้างอิงกับบุคคภายนอกได้ ดังนั้นพื้นที่กว่า 5,000 ไร่ จึงเป็นกรรมสิทธิของ รฟท.ทั้งหมด
ช็อกปลายปี! บริษัทยานยนต์ ประกาศเลิกจ้างพนักงาน 900 ชีวิต เคว้ง
https://www.matichon.co.th/social/news_4922645
900 ชีวิต เคว้ง! บริษัทยานยนต์ ประกาศเลิกจ้างพนักงาน ช็อกปลายปี
เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน เฟซบุ๊ก เพจ มนุษย์โรงงาน แจ้งข่าวช็อกและข่าวร้ายที่คนทำงานโรงงานไม่อยากฟัง หรืออยากเจอในช่วงปลายปีเช่นนี้ เมื่อมีข่าวบริษัทยานยนต์ประกาศเลิกจ้างพนักงาน
โดยเพจ มนุษย์โรงงาน โพสต์ข้อความว่า
“ด่วน บริษัทยานยนต์เส้นกิ่งแก้ว ประกาศเลิกจ้างพนักงานทั้งหมด 800-900 ชีวิต #เป็นกำลังใจให้นะครับ”
หลังจากโพสต์ข้อความดังกล่าวไปมีเหล่ามนุษย์โรงงานและมนุษย์เงินเดือนต่างเข้ามาให้กำลังใจเพื่อนร่วมอาชีพจำนวนมาก
https://www.facebook.com/manrongngan/posts/pfbid02xzHNsrcSJCiUB7LNywe3jCt58hxuynJPxk4YF2y3Ht555JxYej7AtjTf1W4xh9RMl
เผยรายงาน BBC แฉนางแบบ เจ้าของ บ.คีร์กีซ ใช้ไทยเป็นช่องทางส่งเลนส์ทหาร ไปรัสเซีย
https://www.isranews.org/article/isranews-scoop/133731-MilitaryLens.html
และล่าสุดก็มีรายงานจากสำนักข่าวบีบีซีระบุว่าประเทศไทยอาจจะมีส่วนเป็นช่องทางในการส่งยุทโธปกรณ์ทหารที่เกี่ยวข้องไปยังประเทศรัสเซีย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) จึงนำเอารายงานจากสำนักข่าวบีบีซีมานำเสนอ มีรายละเอียดดังนี้
นางแบบอินสตราแกรม กับบทบาทในการละเมิดการคว่ำบาตร ส่งอุปกรณ์มองเห็นทางทหารให้กับรัสเซีย
มีรายงานว่าเทคโนโลยีทางการทหารของประเทศอังกฤษนั้นถูกส่งไปยังประเทศรัสเซีย ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการละเมิดการคว่ำบาตร โดยเส้นทางการส่งเทคโนโลยีนั้นดำเนินการผ่านบริษัทตัวแทนในประเทศคีร์กีซสถาน ซึ่งบริษัทคีร์กีซนั้นก็มีเจ้าของบริษัทเป็นนางแบบอินสตราแกรม
โดยข้อมูลดังกล่าวนั้นมาจากการสืบสวนของสำนักข่าวบีบีซี
เทคโนโลยีระดับสูงที่ถูกลักลอบส่งให้รัสเซียดังกล่าว พบว่ามีมูลค่าทั้งสิ้น 2.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (72,513,000 บาท) มีบริษัทจากอังกฤษเป็นผู้ผลิตเทคโนโลยีนี้ อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีถูกขายให้กับบริษัทรัสเซียที่เกี่ยวข้องกับการทหาร
เอกสารระบุว่าเลนส์กล้องที่ผลิตในประเทศอังกฤษถูกส่งให้กับบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศคีร์กีซสถาน โดยบริษัทนี้มีผู้ดำเนินการคือนางแบบชื่อว่า วาเลเรีย ไบกัสซินา (Valeria Baigascina)
@บริษัทรามากรุ๊ป
น.ส.วาเลเรีย ไบกัสซินา นางแบบอายุ 25 ปี เกิดที่ประเทศคีร์กีซสถาน ตอนนี้อาศัยอยู่ที่เบลารุส ตามข้อมูลระบบการจดทะเบียนบริษัทที่เบลารุส พบว่า น.ส.ไบกัสซินา เป็นผู้ก่อตั้งและเป็นผู้อำนวยการบริษัทชื่อว่า รามา กรุ๊ป แอลแอลซี