JJNY : 5in1 We Watch ชวนร่อนจม.│ติงระเบียบเลือกส.ว.│‘ภคมน’ชี้ดึงคนรุ่นใหม่ยังไร้ผล│มอเตอร์เวย์โคราชพ่นพิษ│รัสเซียซ้อมยิง

We Watch ชวนร่อนจดหมายถึง กตต.ใกล้บ้าน จ่อหอบชื่อลุยจี้ ‘แก้ระเบียบเลือก ส.ว.’
https://www.matichon.co.th/politics/thai-senate-2024/news_4562016
 
We Watch เครือข่ายจับตาเลือกตั้ง จ่อหอบรายชื่อประชาชน ลุยจี้ กกต. แก้ระเบียบเลือก ส.ว.ชุดใหม่
 
เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม สืบเนื่องกรณีการเลือกวุฒิสมาชิก (ส.ว.) ชุดใหม่ เครือข่ายเยาวชนสังเกตการณ์การเลือกตั้งเพื่อประชาธิปไตย (We Watch)  ประกาศเชิญชวนร่วมกิจกรรมอ่านจดหมายเปิดผนึก หลังจากเชิญชวนประชาชนร่วมลงชื่อ เพื่อคัดค้านระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พ.ศ.22567 โดยมองว่า เป็นอุปสรรคแก่ผู้ประสงค์ลงสมัคร ตลอดจนสร้างความกังวลให้กับประชาชนและสื่อมวลชนในการเฝ้าติดตามกระบวนการเลือก ส.ว. นั้น
 
โดย We Watch ระบุว่า จะจัดกิจกรรมโดยการมีตัวแทนอ่านจดหมายเปิดผนึกถึง กกต.เรื่อง คัดค้านระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 ซึ่งเป็นจดหมายที่มีการร่วมลงชื่อท้ายจดหมายจำนวนกว่า 1,200 คน บริเวณหน้าสำนักงาน กกต. อาคาร B ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ ในวันที่ 7 พฤษภาคมนี้ เวลา 13.00 น. รวมไปถึงเครือข่าย จะมีการยื่นจดหมายฉบับเดียวกันถึง สำนักงาน กกต.ในระดับจังหวัดต่างๆ เพื่อเรียกร้องให้แก้ไขระเบียบดังกล่าว
 
ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญในจดหมายเปิดผนึกดังกล่าว มีเนื้อหาใจความว่า หลังจากมีการประกาศใช้ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2567 ทาง We Watch เห็นว่าเป็นการวางกรอบที่เข้มงวดจนสร้างบรรยากาศความน่ากังวลและความกลัวแก่ผู้ประสงค์จะสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา โดยมีความเห็นว่า ระเบียบฉบับนี้เป็นการปิดปากผู้สมัคร ปิดปากสื่อมวลชน และปิดหูปิดตาประชาชน
จึงข้อเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดังนี้
 
1. ระงับการบังคับใช้ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการแนะนําตัวในการเลือกสมาชิก วุฒิสภา พ.ศ.2567 ไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีการแก้ไขเพื่อรองรับหลักการของการเลือกตั้งที่เสรี เป็นธรรม และการมีส่วนร่วมของประชาชน
 
2. คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ควรกําหนดมาตรการและแผนงานในการส่งเสริมการรับรู้ การมีส่วนร่วม และการตรวจสอบการทุจริตโดยประชาชน เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ผ่านการเปิดกว้างเพื่อรับ ฟังเสียงประชาชนและสื่อมวลชนที่จะได้รับผลกระทบให้มากยิ่งขึ้น
 
นอกจากนี้ We Watch ยังเชิญชวนประชาชนทุกคน ทุกจังหวัด ร่วมส่งจดหมายถึง กกต. ทุกจังหวัดใกล้บ้านท่าน เรียกร้องให้มีการเปิดให้ประชาชนร่วมตรวจสอบการเลือก ส.ว. ระหว่างวันที่ 7-10 พฤษภาคมนี้ ซึ่งตัวแทนของผู้ลงชื่อในจดหมายเบื้องต้นจำนวนกว่า 1,200 คน จะเดินทางไปยังสำนักงาน กกต. ส่วน ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ ในวันที่ 7 พฤษภาคมนี้ เวลา 13.00 น.
 
โดยประชาชนสามารถมีส่วนร่วม ดังนี้
 
1. ลงชื่อออนไลน์ในจดหมายเปิดผนึกถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรื่อง คัดค้านระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2567 (เนื้อหาฉบับเต็มอยู่ในลิงก์ด้านล่าง)
 
2. ปริ้นจดหมายเปิดผนึกฯ ส่งถึง กกต. จังหวัด โดยสามารถเดินทางไปยื่นจดหมายฯ ที่สำนักงาน กกต.จังหวัด ด้วยตัวเอง หรือส่งจดหมายผ่านช่องทางอื่นไปยังสำนักงาน กกต.จังหวัดใกล้บ้าน
 
3. ถ่ายภาพ และโพสต์ลงสื่อออนไลน์ทุกช่องทางของตน พร้อมกับติดเครื่องหมาย # (Hashtag) อาทิ #สมาชิกวุฒิสภา #สว #กกต #สังเกตการณ์ #wewatch เพื่อบอกกล่าวเจตจำนงให้ กกต.ได้รับทราบ

link สำหรับลงชื่อ
link สำหรับดาวน์โหลดจดหมาย



นักวิชาการ ติงระเบียบเลือกส.ว.ไม่เป็นประชาธิปไตย สะพัดแกนนำมวลชนเชียงใหม่ เตรียมขนคนสมัครส.ว.
https://www.matichon.co.th/politics/thai-senate-2024/news_4562450

นักวิชาการ ติงระเบียบเลือกส.ว.ไม่เป็นประชาธิปไตย สะพัดแกนนำมวลชนเชียงใหม่ เตรียมขนคนสมัครส.ว.
 
วันที่ 6 พฤษภาคม หลังเครือข่ายประชาธิปไตยเชียงใหม่-ลำพูน ได้รับหนังสือตอบกลับจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ประจำจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา นับจากยื่นจดหมายเปิดผนึกไปเพื่อสอบถามเรื่องกฏระเบียบการแนะนำตัวของว่าที่ผู้สมัคร สว. กรณียังไม่มีการประกาศในพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือก สว. ว่าที่ผู้สมัคร สามารถทำได้หรือไม่ , การบังคับให้ผู้สมัครต้องแนะนำตัวเฉพาะผู้สมัครด้วยกันเท่านั้น และการนับคะแนนที่ห้ามประชาชนเข้าไปสังเกตการณ์ในสถานที่นับคะแนน
 
ศ.ดร.ธเนศวร์ เจริญเมือง อาจารย์ประจำสำนักวิชาการเมืองการปกครอง คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ยังไม่เห็นรายละเอียดทั้งหมดในหนังสือที่ กกต.ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ตอบกลับไปยังเครือข่ายประชาธิปไตยเชียงใหม่-ลำพูน และว่าที่ผู้สมัคร สว.ที่รวมตัวกันไปยื่นจดหมายเปิดผนึกเมื่อวันที่ 29 เมษายน คาดว่าเนื้อหาที่ตอบกลับส่วนใหญ่เน้นย้ำเรื่องกฏระเบียบที่ว่าที่ผู้สมัคร สว.ต้องปฏิบัติตาม ซึ่งสวนทางกับหลักการของประชาธิปไตยที่ทุกอย่างต้องโปร่งใส แต่การเลือก สว.ครั้งนี้กลายเป็นว่าประชาชนต้องไปเรียกร้องขอดูข้อมูลเอง
 
ทั้งนี้ขอตัดสินใจอีกครั้งว่าจะลงสมัคร สว. อยู่หรือไม่ เพราะกฏหมายการเลือก สว.ครั้งนี้ เขียนขึ้นตาม รธน. 2560 ซึ่งทุกอย่างเคร่งครัดมาก
 
ด้านนายจำรัส ลุมมา ประธานสมาพันธ์เกษตรกรเชียงใหม่-ลำพูน ยอมรับว่า ตอนนี้เริ่มมีกระแสข่าวว่ามีการทาบทามคนในเครือข่ายเกษตรกรลงสมัคร สว.แล้ว เพราะเชียงใหม่เป็นจังหวัดใหญ่มีตัวแทนเกษตรกรอยู่หลายกลุ่ม กระจายอยู่ทุกพื้นที่ จึงกลายเป็นเป้าหมายสำคัญ
 
ขณะที่การเลือก สว.ครั้งนี้สำคัญมาก เพราะผู้สมัครเลือกกันเองในกลุ่มอาชีพ จึงฝากถึงตัวแทนเกษตรกรที่ตัดสินใจลงสมัคร สว. ว่าขอให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของพี่น้องเกษตรกรอย่างแท้จริง ไม่ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มทุนและนักการเมือง หรือเห็นแก่เงินค่าจ้างหรือค่าตอบแทนอื่นๆ
 
ไม่อยากให้เกษตรกรส่วนใหญ่ต้องเสียโอกาส หากตัวแทนของกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับเลือกเป็น สว. กลายเป็นคนของนักการเมือง เหมือนที่เกิดขึ้นในการเลือกตัวแทนเกษตรกรเข้าไปดำรงตำแหน่งสำคัญในองค์กรต่างๆ เช่นสภาเกษตรกรจังหวัด เพราะตัวแทนที่เข้าไปไม่ได้เป็นปากเป็นเสียงให้เกษตรกรอย่างแท้จริง เนื่องจากในกระบวนการเลือกมีการส่งตัวแทนเข้าไปยกมือโหวตให้ ไม่ได้มาจากการโหวตของเกษตรกรส่วนใหญ่” นายจำรัส กล่าว
 
ส่วนแหล่งข่าวนักเคลื่อนไหวทางการเมืองรายหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า เริ่มมีแต่กระข่าวว่าแกนนำมวลชนของพรรคการบางเมืองบางกำลังระดมคนเพื่อส่งลงสมัคร สว. โดยแกนนำรายนี้เป็นอดีตข้าราชการเกษียณ แต่กลับไม่ลงในกลุ่มบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง คาดว่าน่าจะเลี่ยงไปลงกลุ่มอาชีพที่มีโอกาสและมีคนลงน้อยมากกว่า
 
นอกจากนี้ยังมีความพยายามส่งคนเข้ามาแทรกซึมในกลุ่มของว่าที่ผู้สมัคร ที่รวมตัวกันเพื่อทำความรู้จักและแนะนำตัวด้วย อย่างไรก็ตามแม้มีความพยายามจะจัดตั้งคนเข้าไปเพื่อหวังบล็อกโหวต แต่ยังไม่ชัวร์ว่าจะสามารถทะลุไปถึงระดับจังหวัดได้ เพราะขั้นตอนที่ซับซ้อนนอกจากเลือกกันเองในกลุ่ม ยังต้องจับฉลากเลือกไขว้กลุ่ม และหากคะแนนเสียงในการเลือกไขว้กลุ่มได้เท่ากัน ก็ต้องมาจับฉลากกันเพื่อให้เหลือตัวแทนเพียง 1 คนในกลุ่มนั้นๆ กลายเป็นว่าเราอาจได้ตัวแทน สว.ที่มาจาการจับฉลาก ซึ่งหลักการนี้ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ใน รธน.ที่การเลือกผู้แทนต้องเป็นประชาธิปไตย ประชาชนทุกคนต้องมีส่วนร่วม แต่เป็นหลักการของเผด็จการ
 


‘ภคมน’ ชี้แม้ดึงคนรุ่นใหม่ร่วมครม. ก็ยังไร้ผล ตราบใดที่ยังถูกระบบเก่าครอบงำ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4562341

‘ภคมน’ ชี้แม้ดึงคนรุ่นใหม่ร่วม ครม. ก็ยังไร้ผล ตราบใดที่ยังถูกระบบเก่าครอบงำ หวัง รมต.ป้ายแดงสร้างบรรยากาศการเมืองใหม่ ชี้ คนรุ่นใหม่หวังเห็นศักยภาพพัฒนาประเทศ
 
เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีคนรุ่นใหม่เข้ามาเพื่อปรับภาพลักษณ์รัฐบาลว่า คนรุ่นใหม่ ที่จะมีผลต่อการพัฒนาประเทศ ไม่ใช่เรื่องของอายุ แต่เป็นในเรื่องของหลักคิดของตัวบุคคล ว่าสามารถก้าวทันวิวัฒนาการทางสังคมและเป็นอิสระต่อวัฒนธรรมการเมืองเก่าได้หรือไม่ หากยังอยู่ภายใต้การครอบงำของระบบการเมืองเก่า ไม่มีอิสระในการทำงานแบบที่คิดไว้ได้ ก็คงไม่มีผลอะไรที่จะเปลี่ยนรัฐมนตรีเป็นคนรุ่นใหม่ เราจึงหวังจะเห็นความกล้าหาญที่จะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความรู้ ความสามารถ รวมถึงความสดใหม่
 
ต้องยอมรับว่าประชาชนที่สนใจการเมืองในยุคนี้ ต่างจากสมัยก่อนมาก จะเห็นได้จากโลกออนไลน์ที่มีผู้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเมืองอายุน้อยลง รวมถึงการทำกิจกรรมทางการเมือง เพราะคนรุ่นใหม่ตระหนักดีว่าการเมืองเป็นเรื่องของทุกคนไม่ใช่เรื่องผู้ใหญ่เพียงอย่างเดียว เราหวังว่ารัฐมนตรีป้ายแดง อาจจะสร้างความยึดโยงกับประชาชนในยุคปัจจุบันได้ รวมถึงอาจจะสร้างบรรยากาศทางการเมืองใหม่ อย่างน้อยที่สุดถือว่าได้รัฐมนตรีคนใหม่ที่เข้าใจความต้องการของสังคมมากขึ้น
 
คนรุ่นใหม่เขาไม่ได้มองนักการเมืองแบบดาราแค่เปลี่ยนหน้าก็จะเห็นดีเห็นงาม แต่เขาคาดหวังศักยภาพในการทำงาน วิสัยทัศน์การพัฒนาที่จะนำพาประเทศนี้ให้ทันโลก แก้ไขปัญหาของประเทศนี้ได้ ทำตามนโยบายที่แถลงไว้ การที่ยังตีโจทย์คนรุ่นใหม่ ว่าเป็นเพียงคนอายุน้อย หรือคนหน้าใหม่แล้วตั้งมาเป็นฉากหน้าเพื่อทำให้บรรยากาศของประชาชนพึงพอใจ แต่ไม่ตอบโจทย์การพัฒนาอะไรเลย คือความผิดพลาดหนึ่งของการจัดทัพรัฐบาลและบ่งบอกถึงการไม่เข้าใจความต้องการของพี่น้องประชาชนเลย” น.ส.ภคมนกล่าว


 
มอเตอร์เวย์โคราชพ่นพิษ ร้านค้ายอดขายฮวบ ส่อเจ๊งระนาว วอนรัฐจัดพื้นที่ค้าขาย
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/398710

การเปิดใช้มอเตอร์เวย์โคราช ที่วันนี้เปิดให้ใช้ฟรีช่วงปากช่องถึงโคราช กำลังส่งผล กระทบพ่อค้า-แม่ค้าข้างทางอย่างหนัก ยอดขายลดฮวบ 30% วอนรัฐจัดหาพื้นที่ค้าขายเยียวยาผลกระทบ

โดยนายมารุต ชุ่มขุนทด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คลาส คาเฟ่ นครราชสีมา เปิดเผยว่า หลังกรมทางหลวงเปิดให้ประชาชนทดลองใช้ทางด่วนมอเตอร์เวย์ บางปะอิน-นครราชสีมา ช่วงปากช่อง-นครราชสีมา ตั้งแต่ปลายปี 2566 พบว่า การเดินทางจากกรุงเทพ-นครราชสีมา และพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีความสะดวก รวดเร็วขึ้นอย่างมาก ช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดบนถนนมิตรภาพได้ดี

แต่จากการลงพื้นที่สำรวจการค้าขายระหว่างทาง พบว่า พ่อค้า-แม่ค้าที่เคยมีรายได้จากการค้าขายริมทาง ทั้งปั๊มน้ำมัน ร้านอาหาร ร้านขายของฝาก ซึ่งทั้งหมดเป็นร้านค้าชุมชนและกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี กำลังได้รับผลกระทบหนัก จากยอดขาย ที่หายไปทันทีกว่า 30 % รายเล็กที่ทุนน้อย สายป่านสั้น ไปต่อไม่ไหว เตรียมปิดร้าน

ส่วนรายที่มีเงินทุนเพียงพอ สายป่านยาว ก็เริ่มมองหาทำเลใหม่ สำหรับทำการค้าขายกันแล้ว

โดยบรรดาพ่อค้า-แม่ค้า บอกว่าไม่เพียงสภาพอากาศที่ร้อนจัดจนกระทบการเดินทางท่องเที่ยว , ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และดอกเบี้ยสูงแล้ว ยังมาโดดการเปิดใช้ทางด่วนฯ เข้ามาซ้ำเติมปัญหาอีก ซึ่งจนถึงวันนี้ ก็ยังไม่มีทีท่าว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีทางออกให้กับร้านค้าที่ได้รับผลกระทบ

โดยทางผู้ค้าเสนอให้ภาครัฐจัดหาพื้นที่ค้าขาย โดยเปิดโอกาสห้กับคนท้องถิ่น เข้าไปขายในจุดบริการพักรถของกรมทางหลวง หรือ จุดบริการบนมอเตอร์เวย์ โดยการแบ่งพื้นที่ให้ชุมชนรวมตัวกันนำสินค้าไปจำหน่าย นอกเหนือจากการยกพื้นที่ให้กับกลุ่มทุนรายใหญ่ เป็นต้น

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/AtuzY2kv8uE

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่