ขึ้นรอบ 2 ของเดือนเม.ย.! ไข่ไก่คละหน้าฟาร์มอุทัยธานี ขึ้นอีกแผงละ 6 บาท หรือ ฟองละ 20 สตางค์
https://www.matichon.co.th/region/news_4549951
ขึ้นรอบ 2 ของเดือนเม.ย. ไข่ไก่คละหน้าฟาร์มอุทัยธานี ขึ้นอีกแผงละ 6 บาท หรือ ฟองละ 20 สตางค์
เมื่อวันที่ 29 เมษายน ที่จังหวัดอุทัยธานี ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจราคาขายไข่ไก่ ที่ร้านขายไข่ไก่ในเขตเทศบาลหนองฉาง อำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี ภายหลังจากทางเครือข่ายสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ ได้ออกประกาศแจ้งสมาชิกสหกรณ์และเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ว่าจะมีการปรับราคาไข่ไก่คละ ณ หน้าฟาร์มเกษตรกร ขึ้นราคาอีกแผงละ 6 บาท หรือฟองละ 20 สตางค์ ซึ่งมีผลในวันนี้ ( 29 เมษายน) ซึ่งวันนี้ ที่ร้านเล็กไข่สด ซึ่งเป็นหนึ่งในร้านขายไข่ไก่ร้านใหญ่ พบว่าราคาไข่ไก่เบอร์ 1 วันนี้อยู่ที่ราคาแผงละ 150 บาท เบอร์ 2 แผงละ 135 บาท และเบอร์ 3 อยู่ที่แผงละ 120 บาท
โดยนาย
โกศล นาดำ อายุ 36 ปี เจ้าของร้านเล็กไข่สด เล่าว่า หลังจากที่มีการประกาศขึ้นราคาไข่ไก่ขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ของเดือนเมษายน ยอมรับว่ามีผลกระทบเรื่องยอดขาย แต่ทางร้านก็ต้องจำใจขยับราคาขายขึ้นตามมา ตอนนี้ลูกค้าทุกคนที่มาซื้อไข่ที่ร้านต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าของแพงขึ้นทุกอย่าง ยอดขายที่ร้านตอนนี้จำนวนคนซื้อไม่ลด แต่จำนวนปริมาณการซื้อลดลงอย่างเห็นได้ชัดจากที่ส่วนใหญ่จะซื้อกันยกแผง ก็เหลือเป็นซื้อครั้งละครึ่งแผงแทน เพราะเงิน 100 บาทตอนนี้ซื้อไข่ 1 แผงไม่ได้แล้ว อย่างไรก็ตามทางร้านก็เห็นใจกับทางลูกค้าที่ซื้อไข่แพง จึงได้รับไข่สดเบอร์ 4 เป็นทางเลือกให้กับลูกค้าขายในราคาแผงละ 100 บาท อีกด้วย
ส.ส.ก้าวไกล เสียดายปานปรีย์ ทิ้ง รมว.ต่างประเทศ ดักเศรษฐา อย่าตั้งตัวเอง-รองนายกฯ นั่งควบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4550064
‘สส.ก้าวไกล’ เสียดาย ‘ปานปรีย์’ ทิ้งรมว.ต่างประเทศ จี้ นายกฯ หาคนมาเป็นแทนโดยเร็ว แนะต้องเป็นคนมีวิสัยทัศน์ เป็นหน้าตาของประเทศ และต้องไม่พูดเยอะ ดักคอ อย่าตั้งตัวเองหรือรองนายกฯคนใดนั่งควบ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 เมษายน ที่รัฐสภา นาย
จุลพงศ์ อยู่เกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การต่างประเทศ คนที่หนึ่ง สภาผู้แทนราษฎร แถลงกรณีการแต่งตั้ง รมว.การต่างประเทศคนใหม่แทนนาย
ปานปรีย์ พหิตทธานุกร
นาย
จุลพงศ์กล่าวว่า ตนขอแสดงความเสียดายที่นาย
ปานปรีย์ลาออกจาก รมว.กระทรวงการต่างประเทศ เพราะเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ทั้ง ด้านการต่างประเทศและด้านการค้าระหว่างประเทศ ผลงานในฐานะรมว.ต่างประเทศในระยะ 7 เดือนที่ผ่านมาก็มีมากมายตามที่ปรากฏผลงานในหนังสือลาออกของท่าน ตน ถือว่าท่านเป็นรัฐมนตรีน้ำดีท่านหนึ่ง แน่นอนว่าการลาออกจากรมว.ต่างประเทศของนาย
ปานปรีย์ ได้สร้างความตกใจและงงงวย แก่หลายประเทศว่าเกิดอะไรขึ้นกับเสถียรภาพของรัฐบาลไทย
“
การที่นายกฯให้คุณปานปรีย์พ้นจากตำแหน่งรองนายกฯและเหลือตำแหน่งรมว.ต่างประเทศเพียงตำแหน่งเดียว สะท้อนให้เห็นว่า นายกฯไม่ได้ให้ความสำคัญกับนโยบายการต่างประเทศ ตามที่เคยแถลงต่อรัฐสภา ไม่เข้าใจถึงการที่จะต้องได้รับความน่าเชื่อถือจากต่างประเทศเพื่อให้การเจรจามีน้ำหนัก และไม่ให้ค่ากับบุคคลที่ต้องรับผิดชอบนโยบายการต่างประเทศของรัฐบาลเท่าที่ควร” นาย
จุลพงศ์กล่าว
นาย
จุลพงศ์กล่าวว่า ตนขอเรียกร้องให้นายกฯ รีบหาบุคคลมาดำรงตำแหน่งรมว.ต่างประเทศคนใหม่โดยเร็ว เพราะขณะนี้ประเทศไทยไม่มีรมว.ต่างประเทศ และไม่มีแม้แต่รมช.ต่างประเทศ ขณะนี้ที่ประเด็นด้านการต่างประเทศ ที่สำคัญหลายเรื่องต้องมีคนที่เข้าใจอย่างแท้จริงเข้ามารับผิดชอบโดยเร็ว ทั้งสถานการณ์การสู้รบในเมียนมา ผู้อพยพจากเมียนมาข้ามมาฝั่งไทย การจัดตั้งระเบียงมนุษยธรรมตามแนวชายแดนไทยเมียนมาที่นายปานปรีย์ได้ผลักดันให้เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งเรื่องเมียนมานี้รัฐบาลจะต้องเร่งหาความร่วมมือจากประเทศในกลุ่มอาเชียน และจากประเทศมหาอำนาจบางประเทศโดยด่วน
นาย
จุลพงศ์กล่าวต่อว่า ส่วนนายกฯจะเลือกใครมาดำรงตำแหน่งรมว.ต่างประเทศนั้น ตนไม่ขอเข้าไปก้าวล่วงเพราะเป็นเรื่องของรัฐบาล แต่ขอแสดงความไม่เห็นด้วยและขอคัดค้านไว้ ณ.ที่นี้ หากนายกฯจะมาควบตำแหน่งรมว.ต่างประเทศอีกตำแหน่งหนึ่ง เพราะภาระหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้นหนักอยู่แล้ว มีหน้าที่จะต้องควบคุมดูแลและติดตามงานของทุกกระทรวง และงานของรมว.ต่างประเทศต้องมีการเดินทางต่างประเทศบ่อยครั้ง และไม่เห็นด้วยจะให้รองนายกฯ คนใดคนหนึ่งในขณะนี้มาควบตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ
“
บุคคลที่จะมาเป็นรมว.การต่างประเทศ เป็นเหมือนหน้าตาของประเทศไทย และในสังคมโลก จึงต้องเป็นคนที่เข้าใจในบริบทการเมืองระหว่างประเทศ การค้าระหว่างประเทศ ภูมิรัฐศาสตร์ภูมิภาคเอเชียและของโลก และต้องมีวิสัยทัศน์ในการวางตำแหน่งของประเทศไทยบนเวทีโลก ที่สำคัญต้องไม่พูดเยอะ และต้องระวังการให้สัมภาษณ์สื่อ เพราะเรื่องเกี่ยวกับการต่างประเทศนั้น มีทั้งประเด็นด้านความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่หลายประเด็นเป็นเรื่องที่อ่อนไหว” นาย
จุลพงศ์กล่าว
เมืองลำปางสุดพีกร้อนจัดนานครึ่งเดือน ล่าสุดอุณหภูมิพุ่ง 44 องศา ลุ้นไปต่อหรือหยุดแค่นี้
https://www.matichon.co.th/region/news_4550194
เมืองลำปางสุดพีกร้อนจัดนานครึ่งเดือน ล่าสุดอุณหภูมิพุ่ง 44 องศา ลุ้นไปต่อหรือหยุดแค่นี้
วันที่ 29 เมษายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า พื้นที่ จ.ลำปาง เช้าวันนี้ เริ่มต้นด้วยอากาศที่เริ่มร้อนกันตั้งแต่เช้า อุณหภูมิตอนเช้าเฉลี่ย 27 – 29 องศาเซลเซียส และจะเริ่มร้อนมากขึ้นตั้งแต่ช่วงสาย พอถึงช่วงเที่ยง และบ่าย จะร้อนจีดมาก ซึ่งขณะนี้ประชาชนต้องเจอกับสภาพอากาศที่ร้อนจัดนานต่อเนื่อง โดยเครื่องรายงานอุณหภูมิที่ตั้งอยู่หน้าสถานีอุตุนิยมวิทยาลำปาง เขต ต.พระบาท อ.เมือง เทศบาลนครลำปาง ซึ่งเป็นเขตตัวเมือง ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายของเมื่อวานนี้ (28 เม.ย.67) ตัวเลขอุณหภูมิพุ่งทะลุไปถึง 44 องศาเซลเซียสแล้ว ซึ่งตามรายงานของสถานีอุตุนิยมวิทยาลำปาง รายงานอุณหภูมิสูงสุดเมื่อวานนี้ ในเขตเมือง พบว่า ร้อนสุดๆ อุณหภูมิอบู่ที่ 44 องศาเซลเซียส นับเป็นครั้งแรก ที่อุณหภูมิสูงแบบนี้ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนที่พื้นที่ อ.เมือง จ.ลำปาง โดยเมื่อปีก่อน 2566 สถิติ อ.เมืองลำปาง เคยร้อนสุดๆ ทะลุ 42.8 องศาเซลเซียส แต่ปีนี้ทำทำลายสถิติเดิม และสร้างสถิติใหม่ พุ่งมาถึง 44 องศาฯ สำหรับอากาศที่ร้อนจัด และอุณหภูมิในพื้นที่ อ.เมืองลำปาง ได้ร้อนสูงขึ้นต่อเนื่อง มาตลอดสัปดาห์นี้ จาก 42 องศาเซลเซียส ก็ค่อยๆ สูงขึ้น เป็น 43 องศา , โดยวันก่อนหน้า (27 เม.ย.67) สถานีอุตุนิยมวิทยาลำปาง ที่ตั้งอยู่ในเขต ต.พระบาท ตัวเมืองลำปาง วัดได้ 43.5 องศาเซลเซียส และสูงขึ้นมาล่าสุดเมื่อวานนี้ (28 เม.ย.67) 44 องศาเซลเซียส เป็นอากาศร้อน และอุณหภูมิที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
จากอุณหภูมิที่เขตเมืองลำปาง ทะลุ 44 องศาเซลเซียส ก็เป็นอุณหภูมิที่สูงสุดในประเทศไทย ในวันดังกล่าว โดยพื้นที่ จ.ลำปาง มีอุณหภูมิที่ร้อนกว่า 40 – 41 องศาเซลเซียส ติดต่อกันนานถึง 18 วันแล้ว ซึ่งถือว่า ร้อนมากมานานกว่าครึ่งเดือน โดยสภาพพื้นที่ ในตัวเมืองลำปาง ในช่วงเที่ยง และบ่าย มักจะเป็นช่วงที่ร้อนที่สุดของแต่ละวัน แสงแดดจะส่องสว่างจ้าลงมาเต็มที่ โดยที่ไม่มีเมฆบดบัง ประชาชนมองเห็นแสงแดด ที่ส่องลงมาแรงกว่าปกติ แบบว่า แดดขาวไปทั่วบริวณ หากไปยืนอยู่ หรือเดินกลางแดด เมื่อแสงแดดส่องกระทบร่างกาย และผิวหน้า ก็จะแสบร้อนอย่างเห็นได้ชัด และเกิดความอบอ้าวมาก เพราะแสงแดดที่ส่องลงมากระทบถนน และตามพื้นดิน จะกลับขึ้นเป็นเปลวแดดลอยขึ้นมา นับเป็นสภาพพื้นที่ ที่ร้อนจัดมาก
ในรอบฤดูร้อน ปีนี้ พื้นที่ จ.ลำปาง อ.เถิน จ.ลำปาง ยังเป็นแชมป์ พื้นที่ร้อนที่สุด ด้วยอุณหภูมิที่ร้อนไปถึง 44.2 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 22 เมษายน
2567 ร้อนสุดในรอบ 5 ปี โดยมีอุณหภูมิเท่ากับเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2562 ที่เคยร้อนสุดในประเทศไทยในปีนั้น ด้วยอุณหภูมิ 44.2 องศาเซลเซียส แต่ยังไม่ทำลายสถิติสูงสุดในประเทศไทย ที่ อ.เมือง จ.ตาก เคยร้อนสุด 44.6 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2566
JJNY : ไข่ไก่คละหน้าฟาร์มอุทัยธานีขึ้น│ก้าวไกลเสียดายปานปรีย์│ลำปางสุดพีกร้อนจัดนานครึ่งเดือน│KNU ยึดที่มั่นทหารเมียนมา
https://www.matichon.co.th/region/news_4549951
ขึ้นรอบ 2 ของเดือนเม.ย. ไข่ไก่คละหน้าฟาร์มอุทัยธานี ขึ้นอีกแผงละ 6 บาท หรือ ฟองละ 20 สตางค์
เมื่อวันที่ 29 เมษายน ที่จังหวัดอุทัยธานี ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจราคาขายไข่ไก่ ที่ร้านขายไข่ไก่ในเขตเทศบาลหนองฉาง อำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี ภายหลังจากทางเครือข่ายสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ ได้ออกประกาศแจ้งสมาชิกสหกรณ์และเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ว่าจะมีการปรับราคาไข่ไก่คละ ณ หน้าฟาร์มเกษตรกร ขึ้นราคาอีกแผงละ 6 บาท หรือฟองละ 20 สตางค์ ซึ่งมีผลในวันนี้ ( 29 เมษายน) ซึ่งวันนี้ ที่ร้านเล็กไข่สด ซึ่งเป็นหนึ่งในร้านขายไข่ไก่ร้านใหญ่ พบว่าราคาไข่ไก่เบอร์ 1 วันนี้อยู่ที่ราคาแผงละ 150 บาท เบอร์ 2 แผงละ 135 บาท และเบอร์ 3 อยู่ที่แผงละ 120 บาท
โดยนายโกศล นาดำ อายุ 36 ปี เจ้าของร้านเล็กไข่สด เล่าว่า หลังจากที่มีการประกาศขึ้นราคาไข่ไก่ขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ของเดือนเมษายน ยอมรับว่ามีผลกระทบเรื่องยอดขาย แต่ทางร้านก็ต้องจำใจขยับราคาขายขึ้นตามมา ตอนนี้ลูกค้าทุกคนที่มาซื้อไข่ที่ร้านต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าของแพงขึ้นทุกอย่าง ยอดขายที่ร้านตอนนี้จำนวนคนซื้อไม่ลด แต่จำนวนปริมาณการซื้อลดลงอย่างเห็นได้ชัดจากที่ส่วนใหญ่จะซื้อกันยกแผง ก็เหลือเป็นซื้อครั้งละครึ่งแผงแทน เพราะเงิน 100 บาทตอนนี้ซื้อไข่ 1 แผงไม่ได้แล้ว อย่างไรก็ตามทางร้านก็เห็นใจกับทางลูกค้าที่ซื้อไข่แพง จึงได้รับไข่สดเบอร์ 4 เป็นทางเลือกให้กับลูกค้าขายในราคาแผงละ 100 บาท อีกด้วย
ส.ส.ก้าวไกล เสียดายปานปรีย์ ทิ้ง รมว.ต่างประเทศ ดักเศรษฐา อย่าตั้งตัวเอง-รองนายกฯ นั่งควบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4550064
‘สส.ก้าวไกล’ เสียดาย ‘ปานปรีย์’ ทิ้งรมว.ต่างประเทศ จี้ นายกฯ หาคนมาเป็นแทนโดยเร็ว แนะต้องเป็นคนมีวิสัยทัศน์ เป็นหน้าตาของประเทศ และต้องไม่พูดเยอะ ดักคอ อย่าตั้งตัวเองหรือรองนายกฯคนใดนั่งควบ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 เมษายน ที่รัฐสภา นายจุลพงศ์ อยู่เกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การต่างประเทศ คนที่หนึ่ง สภาผู้แทนราษฎร แถลงกรณีการแต่งตั้ง รมว.การต่างประเทศคนใหม่แทนนายปานปรีย์ พหิตทธานุกร
นายจุลพงศ์กล่าวว่า ตนขอแสดงความเสียดายที่นายปานปรีย์ลาออกจาก รมว.กระทรวงการต่างประเทศ เพราะเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ทั้ง ด้านการต่างประเทศและด้านการค้าระหว่างประเทศ ผลงานในฐานะรมว.ต่างประเทศในระยะ 7 เดือนที่ผ่านมาก็มีมากมายตามที่ปรากฏผลงานในหนังสือลาออกของท่าน ตน ถือว่าท่านเป็นรัฐมนตรีน้ำดีท่านหนึ่ง แน่นอนว่าการลาออกจากรมว.ต่างประเทศของนายปานปรีย์ ได้สร้างความตกใจและงงงวย แก่หลายประเทศว่าเกิดอะไรขึ้นกับเสถียรภาพของรัฐบาลไทย
“การที่นายกฯให้คุณปานปรีย์พ้นจากตำแหน่งรองนายกฯและเหลือตำแหน่งรมว.ต่างประเทศเพียงตำแหน่งเดียว สะท้อนให้เห็นว่า นายกฯไม่ได้ให้ความสำคัญกับนโยบายการต่างประเทศ ตามที่เคยแถลงต่อรัฐสภา ไม่เข้าใจถึงการที่จะต้องได้รับความน่าเชื่อถือจากต่างประเทศเพื่อให้การเจรจามีน้ำหนัก และไม่ให้ค่ากับบุคคลที่ต้องรับผิดชอบนโยบายการต่างประเทศของรัฐบาลเท่าที่ควร” นายจุลพงศ์กล่าว
นายจุลพงศ์กล่าวว่า ตนขอเรียกร้องให้นายกฯ รีบหาบุคคลมาดำรงตำแหน่งรมว.ต่างประเทศคนใหม่โดยเร็ว เพราะขณะนี้ประเทศไทยไม่มีรมว.ต่างประเทศ และไม่มีแม้แต่รมช.ต่างประเทศ ขณะนี้ที่ประเด็นด้านการต่างประเทศ ที่สำคัญหลายเรื่องต้องมีคนที่เข้าใจอย่างแท้จริงเข้ามารับผิดชอบโดยเร็ว ทั้งสถานการณ์การสู้รบในเมียนมา ผู้อพยพจากเมียนมาข้ามมาฝั่งไทย การจัดตั้งระเบียงมนุษยธรรมตามแนวชายแดนไทยเมียนมาที่นายปานปรีย์ได้ผลักดันให้เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งเรื่องเมียนมานี้รัฐบาลจะต้องเร่งหาความร่วมมือจากประเทศในกลุ่มอาเชียน และจากประเทศมหาอำนาจบางประเทศโดยด่วน
นายจุลพงศ์กล่าวต่อว่า ส่วนนายกฯจะเลือกใครมาดำรงตำแหน่งรมว.ต่างประเทศนั้น ตนไม่ขอเข้าไปก้าวล่วงเพราะเป็นเรื่องของรัฐบาล แต่ขอแสดงความไม่เห็นด้วยและขอคัดค้านไว้ ณ.ที่นี้ หากนายกฯจะมาควบตำแหน่งรมว.ต่างประเทศอีกตำแหน่งหนึ่ง เพราะภาระหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้นหนักอยู่แล้ว มีหน้าที่จะต้องควบคุมดูแลและติดตามงานของทุกกระทรวง และงานของรมว.ต่างประเทศต้องมีการเดินทางต่างประเทศบ่อยครั้ง และไม่เห็นด้วยจะให้รองนายกฯ คนใดคนหนึ่งในขณะนี้มาควบตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ
“บุคคลที่จะมาเป็นรมว.การต่างประเทศ เป็นเหมือนหน้าตาของประเทศไทย และในสังคมโลก จึงต้องเป็นคนที่เข้าใจในบริบทการเมืองระหว่างประเทศ การค้าระหว่างประเทศ ภูมิรัฐศาสตร์ภูมิภาคเอเชียและของโลก และต้องมีวิสัยทัศน์ในการวางตำแหน่งของประเทศไทยบนเวทีโลก ที่สำคัญต้องไม่พูดเยอะ และต้องระวังการให้สัมภาษณ์สื่อ เพราะเรื่องเกี่ยวกับการต่างประเทศนั้น มีทั้งประเด็นด้านความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่หลายประเด็นเป็นเรื่องที่อ่อนไหว” นายจุลพงศ์กล่าว
เมืองลำปางสุดพีกร้อนจัดนานครึ่งเดือน ล่าสุดอุณหภูมิพุ่ง 44 องศา ลุ้นไปต่อหรือหยุดแค่นี้
https://www.matichon.co.th/region/news_4550194
เมืองลำปางสุดพีกร้อนจัดนานครึ่งเดือน ล่าสุดอุณหภูมิพุ่ง 44 องศา ลุ้นไปต่อหรือหยุดแค่นี้
วันที่ 29 เมษายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า พื้นที่ จ.ลำปาง เช้าวันนี้ เริ่มต้นด้วยอากาศที่เริ่มร้อนกันตั้งแต่เช้า อุณหภูมิตอนเช้าเฉลี่ย 27 – 29 องศาเซลเซียส และจะเริ่มร้อนมากขึ้นตั้งแต่ช่วงสาย พอถึงช่วงเที่ยง และบ่าย จะร้อนจีดมาก ซึ่งขณะนี้ประชาชนต้องเจอกับสภาพอากาศที่ร้อนจัดนานต่อเนื่อง โดยเครื่องรายงานอุณหภูมิที่ตั้งอยู่หน้าสถานีอุตุนิยมวิทยาลำปาง เขต ต.พระบาท อ.เมือง เทศบาลนครลำปาง ซึ่งเป็นเขตตัวเมือง ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายของเมื่อวานนี้ (28 เม.ย.67) ตัวเลขอุณหภูมิพุ่งทะลุไปถึง 44 องศาเซลเซียสแล้ว ซึ่งตามรายงานของสถานีอุตุนิยมวิทยาลำปาง รายงานอุณหภูมิสูงสุดเมื่อวานนี้ ในเขตเมือง พบว่า ร้อนสุดๆ อุณหภูมิอบู่ที่ 44 องศาเซลเซียส นับเป็นครั้งแรก ที่อุณหภูมิสูงแบบนี้ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนที่พื้นที่ อ.เมือง จ.ลำปาง โดยเมื่อปีก่อน 2566 สถิติ อ.เมืองลำปาง เคยร้อนสุดๆ ทะลุ 42.8 องศาเซลเซียส แต่ปีนี้ทำทำลายสถิติเดิม และสร้างสถิติใหม่ พุ่งมาถึง 44 องศาฯ สำหรับอากาศที่ร้อนจัด และอุณหภูมิในพื้นที่ อ.เมืองลำปาง ได้ร้อนสูงขึ้นต่อเนื่อง มาตลอดสัปดาห์นี้ จาก 42 องศาเซลเซียส ก็ค่อยๆ สูงขึ้น เป็น 43 องศา , โดยวันก่อนหน้า (27 เม.ย.67) สถานีอุตุนิยมวิทยาลำปาง ที่ตั้งอยู่ในเขต ต.พระบาท ตัวเมืองลำปาง วัดได้ 43.5 องศาเซลเซียส และสูงขึ้นมาล่าสุดเมื่อวานนี้ (28 เม.ย.67) 44 องศาเซลเซียส เป็นอากาศร้อน และอุณหภูมิที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
จากอุณหภูมิที่เขตเมืองลำปาง ทะลุ 44 องศาเซลเซียส ก็เป็นอุณหภูมิที่สูงสุดในประเทศไทย ในวันดังกล่าว โดยพื้นที่ จ.ลำปาง มีอุณหภูมิที่ร้อนกว่า 40 – 41 องศาเซลเซียส ติดต่อกันนานถึง 18 วันแล้ว ซึ่งถือว่า ร้อนมากมานานกว่าครึ่งเดือน โดยสภาพพื้นที่ ในตัวเมืองลำปาง ในช่วงเที่ยง และบ่าย มักจะเป็นช่วงที่ร้อนที่สุดของแต่ละวัน แสงแดดจะส่องสว่างจ้าลงมาเต็มที่ โดยที่ไม่มีเมฆบดบัง ประชาชนมองเห็นแสงแดด ที่ส่องลงมาแรงกว่าปกติ แบบว่า แดดขาวไปทั่วบริวณ หากไปยืนอยู่ หรือเดินกลางแดด เมื่อแสงแดดส่องกระทบร่างกาย และผิวหน้า ก็จะแสบร้อนอย่างเห็นได้ชัด และเกิดความอบอ้าวมาก เพราะแสงแดดที่ส่องลงมากระทบถนน และตามพื้นดิน จะกลับขึ้นเป็นเปลวแดดลอยขึ้นมา นับเป็นสภาพพื้นที่ ที่ร้อนจัดมาก
ในรอบฤดูร้อน ปีนี้ พื้นที่ จ.ลำปาง อ.เถิน จ.ลำปาง ยังเป็นแชมป์ พื้นที่ร้อนที่สุด ด้วยอุณหภูมิที่ร้อนไปถึง 44.2 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 22 เมษายน
2567 ร้อนสุดในรอบ 5 ปี โดยมีอุณหภูมิเท่ากับเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2562 ที่เคยร้อนสุดในประเทศไทยในปีนั้น ด้วยอุณหภูมิ 44.2 องศาเซลเซียส แต่ยังไม่ทำลายสถิติสูงสุดในประเทศไทย ที่ อ.เมือง จ.ตาก เคยร้อนสุด 44.6 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2566