น้อมจิตลงในอมตธาตุ

ปฏิบัติอานาปานสติ คือ รู้ลมหายใจเข้า รู้ลมหายใจออก รู้ลมสั้น รู้ลมยาว รู้ลมหยาบ รู้ลมละเอียด รู้ว่าปีติเกิด รู้ว่าสุขเกิด จนได้สัมมาสมาธิ พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า คือ ปฐมฌานขึ้นไป แต่สายวัดป่าท่านให้ถึงฌาน 4 คือ กาย ลมหายใจความสุข ความทุกข์ดับสนิทลง เหลือแต่จิตตั้งมั่นและอุเบกขารมณ์

แล้วนำมาพิจารณาขันธ์ 5 รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป จนจิตเบื่อหน่ายคลายกำหนัดในขันธ์ 5 เมื่อจิตคลายออกจากขันธ์ 5 จะเห็นขันธ์ 5 และโลกธาตุพังทลายลงเป็นธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ

กิเลส ตัณหา อวิชชา จะถูกฟอกจนหมดไปแต่ยังเหลือเชื้ออยู่ เมื่ออวิชชาที่ครอบงำจิต ถูกถอนออก จะปรากฏความเดิมแท้ของจิต คือ ผ่องใส ส่องสว่างเป็นประภัสสร ยิ่งกว่าดวงอาทิตย์พันเท่า น้อมจิตลงในอมตธาตุ คือ ความว่างที่ไร้สมมุติบัญญัติ ไร้กาลเวลา ไร้กว้าง ไร้ยาว ไร้สูง ไร้สุข ไร้ทุกข์ ไร้ความคิดปรุงแต่ง ไร้ขันธ์ 5 สลัดคืนสมมุติทั้งปวง

จะเกิดปัญญา จิต ไม่ใช่ขันธ์ 5 จิต คือ ธาตุรู้ และเราก็ไม่ใช่จิต ตัวเรา ของเรา คือ อุปทานความหลงของจิตที่ยึดขันธ์ 5 เป็นตัวเรา ของเรา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่