เกริ่นก่อนว่า ในช่วงชีวิตวัยเด็ก ถูกเลี้ยงมาเหมือนไข่ในหินค่ะ
ประสบการณ์ที่จำฝังใจคือ เมื่อตอนม.1 ไปทำงานกลุ่มที่บ้านเพื่อน ซึ่งไม่ได้ไกลเท่าไรนะคะ ห่างจากบ้านตัวเองประมาณ 2 กิโลเมตร จากนั้นงานเสร็จเลย เวลาเหลือ เลยพากันกับกลุ่มเพื่อนจะไปดูหนังค่ะ โดยมีแม่ของเพื่อนขับรถไปส่ง พอบอกแม่ไปว่าจะไปดูหนัง สิ่งที่แม่ทำคือ ยืนดักรอเพื่อรับกลับบ้านที่หน้าโรงหนัง ในใจตอนนั้นคืออายอยู่นะคะ ว่าทำไมต้องมาดูแลขนาดนี้
จากเหตุการณ์ข้างต้น ก็มีเหตุการณ์อื่นๆ ตามมาค่ะ อย่างเราอยากนอนค้างบ้านเพื่อนบ้าง ก็ไม่ให้ค้าง ดึกแค่ไหนก็จะไปรอรับ หรือรอให้กลับเข้าบ้าน มันเลยเป็นเหตุผลที่อยากจะออกจากบ้านตลอดเวลา อยากออกไปเที่ยวกับเพื่อน อยากออกไปทำอะไรเองคนเดียว แต่ทุกครั้งก็จบลงที่ต้องกลับบ้าน กินข้าวบ้าน นอนที่บ้าน
ประสบการณ์ที่ 2 ที่ฝังใจอีก คือเป็นคนชอบเขียนค่ะ เวลามีความในใจอยากระบาย จะเขียนระบายออกมาทางสมุด หรือไม่ก็วาดรูป มีครั้งนึงเคยเขียนในสิ่งที่ไม่ดีเกี่ยวกับเพื่อน ซึ่งมันเป็นความอึกอัดในใจ แล้วในภาษาเขียนีการใช้ถ้อยคำหยาบคายอยู่ค่ะ แม่เข้าห้องมาในตอนที่เราไม่อยู่ แล้วไปเจอสมุดเล่มนั้น แล้วเปิดอ่าน จากนั้นก็เอามาเล่าให้คนในครอบครัวฟังว่าเขียนอะไร ใช้คำพูดที่ไม่ดีเลย เราเลยจำฝั่งใจว่า จากนี้เราจะไม่เขียนอีกแล้ว ถ้ามีอีก เขาก็จะเข้ามาวุ่นวายอีก แล้วก็เอาสิ่งที่เราทำไปพูดอีก
นั่นอาจเป็น 1 เหตุผลที่ทำให้เราเลือกที่จะไม่พูด ไม่บอก ไม่ปรึกษา และคิดเองว่า ต่อให้พูดอะไรไป เขาก็จะไม่ฟัง เพราะเขาจะตัดสินจากสิ่งที่เขาเห็นไปแล้วโดยไม่ถามเหตุผล
สิ่งที่ทำให้รู้ตัวเองมากที่สุดคือช่วงเข้ามหาลัยฯ ค่ะ ได้มีโอกาสออกจากบ้าน แต่ยอมรับว่า 2 ปีแรกที่อยู่มหาลัยฯ มีคิดถึงบ้าน ด้วยความที่อยู่บ้านมาทั้งชีวิต ก็จะกลับบ้านทุกๆ เสาร์-อาทิตย์ค่ะ แต่ปี 3-4 ก็ไม่ค่อยได้กลับ เพราะฝึกงานกับทำโปรเจค และช่วงนั้นคือโอเคมากเลย เพราะมีโอกาสออกไปทำกิจกรรมกับเพื่อน ไปเที่ยวบ้าง
มาถึงตอนปัจจุบันค่ะ ตอนนี้ จขกท อายุ 30 ปีแล้วนะคะ อาศัยอยู่ที่บ้าน ตลอด 30 ปีที่ผ่านมาไม่เคยมีแฟนเลยค่ะ และพอมาตอนนี้ มองไปเห็นเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ มีแฟนและครอบครัวหมดแล้ว เลยอยากจะมีเป็นตัวเป็นตนแล้วค่ะ เพราะในบั่นปลายชีวิต แม่กับพ่อก็ไม่ได้อยู่กับเราไปตลอด เลยทำให้ตัดสินใจใช้ชีวิต อาจจะเรียกว่าคนทั่วไปบางคนทำ แต่แค่ จขกท ยังไม่เคยทำ กิน ดื่ม เที่ยว ตอนกลางคืนบ้าง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาจากครอบครัวคือ คำด่า
ล่าสุดบอกว่าจะขอไปดื่ม สิ่งที่ได้กลับมาคือคำด่าค่ะ เป็นคนไม่ดีบ้างแหล่ะ ทำตัวไม่ดีบ้าง และคำหยาบคายอื่นๆ มันทำให้จิตตกไปเยอะค่ะ ซึ่งตอนนี้ก็เป็นอยู่ หลังจากเรื่องนี้เสร็จ ก็มีต่อค่ะ ช่วงวันหยุดมาทำงานที่บริษัทฯ แล้วงานเสร็จเร็วก่อนเวลา 1 ชม. ก็เลยไปดูหนังกับน้อง ผญ ที่มาทำงานด้วยกัน ก็ไลน์บอกนะคะ ว่าจะถึงบ้าน 2 ทุ่ม สิ่งที่ได้รับก็เหมือนเดิมค่ะ เพิ่มเติมคือ เขาใช้คำว่า "เห็นครอบครัวเป็นอะไร?" สิ่งที่ จขกท ตอบทันทีในใจคือ "ครอบครัวไม่ใช่เซฟโซนค่ะ" แต่ก็ทำได้แค่เงียบ เพราะรู้ว่ายิ่งพูด ก็จะยิ่งแย่ เขาก็สรรหาคำอื่นๆ มาพูด หรือโยงไปเรื่องอื่น
ทุกคนคิดว่ายังไงคะ ถ้าจะไปบอกเขา ว่าเราอยากใช้ชีวิตในแบบที่เราอยากจะเป็น อยากย้ายออกมาอยู่คนเดียวค่ะ อยากใช้ชีวิตที่อยากจะทำ
ถึงมันไม่ได้โรยด้วยลาเวนเดอร์ มันก็คือชีวิตเราค่ะ
ปล. เคยจะแอบซื้อบ้านทาวน์โฮมค่ะ เรื่องดำเนินการถึงขั้นอนุมัติแบงค์แล้ว แต่ดันมาจับโป๊ะได้ ก็เลยไม่ได้ซื้อค่ะ
ในช่วงอายุ 30 แต่ละคนใช้ชีวิตแบบไหนกันคะ
ประสบการณ์ที่จำฝังใจคือ เมื่อตอนม.1 ไปทำงานกลุ่มที่บ้านเพื่อน ซึ่งไม่ได้ไกลเท่าไรนะคะ ห่างจากบ้านตัวเองประมาณ 2 กิโลเมตร จากนั้นงานเสร็จเลย เวลาเหลือ เลยพากันกับกลุ่มเพื่อนจะไปดูหนังค่ะ โดยมีแม่ของเพื่อนขับรถไปส่ง พอบอกแม่ไปว่าจะไปดูหนัง สิ่งที่แม่ทำคือ ยืนดักรอเพื่อรับกลับบ้านที่หน้าโรงหนัง ในใจตอนนั้นคืออายอยู่นะคะ ว่าทำไมต้องมาดูแลขนาดนี้
จากเหตุการณ์ข้างต้น ก็มีเหตุการณ์อื่นๆ ตามมาค่ะ อย่างเราอยากนอนค้างบ้านเพื่อนบ้าง ก็ไม่ให้ค้าง ดึกแค่ไหนก็จะไปรอรับ หรือรอให้กลับเข้าบ้าน มันเลยเป็นเหตุผลที่อยากจะออกจากบ้านตลอดเวลา อยากออกไปเที่ยวกับเพื่อน อยากออกไปทำอะไรเองคนเดียว แต่ทุกครั้งก็จบลงที่ต้องกลับบ้าน กินข้าวบ้าน นอนที่บ้าน
ประสบการณ์ที่ 2 ที่ฝังใจอีก คือเป็นคนชอบเขียนค่ะ เวลามีความในใจอยากระบาย จะเขียนระบายออกมาทางสมุด หรือไม่ก็วาดรูป มีครั้งนึงเคยเขียนในสิ่งที่ไม่ดีเกี่ยวกับเพื่อน ซึ่งมันเป็นความอึกอัดในใจ แล้วในภาษาเขียนีการใช้ถ้อยคำหยาบคายอยู่ค่ะ แม่เข้าห้องมาในตอนที่เราไม่อยู่ แล้วไปเจอสมุดเล่มนั้น แล้วเปิดอ่าน จากนั้นก็เอามาเล่าให้คนในครอบครัวฟังว่าเขียนอะไร ใช้คำพูดที่ไม่ดีเลย เราเลยจำฝั่งใจว่า จากนี้เราจะไม่เขียนอีกแล้ว ถ้ามีอีก เขาก็จะเข้ามาวุ่นวายอีก แล้วก็เอาสิ่งที่เราทำไปพูดอีก
นั่นอาจเป็น 1 เหตุผลที่ทำให้เราเลือกที่จะไม่พูด ไม่บอก ไม่ปรึกษา และคิดเองว่า ต่อให้พูดอะไรไป เขาก็จะไม่ฟัง เพราะเขาจะตัดสินจากสิ่งที่เขาเห็นไปแล้วโดยไม่ถามเหตุผล
สิ่งที่ทำให้รู้ตัวเองมากที่สุดคือช่วงเข้ามหาลัยฯ ค่ะ ได้มีโอกาสออกจากบ้าน แต่ยอมรับว่า 2 ปีแรกที่อยู่มหาลัยฯ มีคิดถึงบ้าน ด้วยความที่อยู่บ้านมาทั้งชีวิต ก็จะกลับบ้านทุกๆ เสาร์-อาทิตย์ค่ะ แต่ปี 3-4 ก็ไม่ค่อยได้กลับ เพราะฝึกงานกับทำโปรเจค และช่วงนั้นคือโอเคมากเลย เพราะมีโอกาสออกไปทำกิจกรรมกับเพื่อน ไปเที่ยวบ้าง
มาถึงตอนปัจจุบันค่ะ ตอนนี้ จขกท อายุ 30 ปีแล้วนะคะ อาศัยอยู่ที่บ้าน ตลอด 30 ปีที่ผ่านมาไม่เคยมีแฟนเลยค่ะ และพอมาตอนนี้ มองไปเห็นเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ มีแฟนและครอบครัวหมดแล้ว เลยอยากจะมีเป็นตัวเป็นตนแล้วค่ะ เพราะในบั่นปลายชีวิต แม่กับพ่อก็ไม่ได้อยู่กับเราไปตลอด เลยทำให้ตัดสินใจใช้ชีวิต อาจจะเรียกว่าคนทั่วไปบางคนทำ แต่แค่ จขกท ยังไม่เคยทำ กิน ดื่ม เที่ยว ตอนกลางคืนบ้าง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาจากครอบครัวคือ คำด่า
ล่าสุดบอกว่าจะขอไปดื่ม สิ่งที่ได้กลับมาคือคำด่าค่ะ เป็นคนไม่ดีบ้างแหล่ะ ทำตัวไม่ดีบ้าง และคำหยาบคายอื่นๆ มันทำให้จิตตกไปเยอะค่ะ ซึ่งตอนนี้ก็เป็นอยู่ หลังจากเรื่องนี้เสร็จ ก็มีต่อค่ะ ช่วงวันหยุดมาทำงานที่บริษัทฯ แล้วงานเสร็จเร็วก่อนเวลา 1 ชม. ก็เลยไปดูหนังกับน้อง ผญ ที่มาทำงานด้วยกัน ก็ไลน์บอกนะคะ ว่าจะถึงบ้าน 2 ทุ่ม สิ่งที่ได้รับก็เหมือนเดิมค่ะ เพิ่มเติมคือ เขาใช้คำว่า "เห็นครอบครัวเป็นอะไร?" สิ่งที่ จขกท ตอบทันทีในใจคือ "ครอบครัวไม่ใช่เซฟโซนค่ะ" แต่ก็ทำได้แค่เงียบ เพราะรู้ว่ายิ่งพูด ก็จะยิ่งแย่ เขาก็สรรหาคำอื่นๆ มาพูด หรือโยงไปเรื่องอื่น
ทุกคนคิดว่ายังไงคะ ถ้าจะไปบอกเขา ว่าเราอยากใช้ชีวิตในแบบที่เราอยากจะเป็น อยากย้ายออกมาอยู่คนเดียวค่ะ อยากใช้ชีวิตที่อยากจะทำ
ถึงมันไม่ได้โรยด้วยลาเวนเดอร์ มันก็คือชีวิตเราค่ะ
ปล. เคยจะแอบซื้อบ้านทาวน์โฮมค่ะ เรื่องดำเนินการถึงขั้นอนุมัติแบงค์แล้ว แต่ดันมาจับโป๊ะได้ ก็เลยไม่ได้ซื้อค่ะ