ในเมื่อลูกทำตามคำสั่งพ่อแม่ทุกอย่าง แต่ตัวเองเป็นทุกข์ ควรจะแก้ปัญหานี้อย่างไร

เริ่มเล่าก่อนเลยคือ จขกท. เป็นเด็กที่ทำตามคำสั่งของพ่อกับแม่มาตลอด
ครอบครัวเป็นเจ้าของกิจการฐานะไม่ได้แย่อะไร ไม่ถึงกับรวยมากมาย แต่เรียกได้ว่าดีเลยทีเดียว
ตอนอยู่ ชั้นประถม พ่อกับแม่ก็ให้เข้า รร. วัด ด้วยเหตุผลที่ว่าอยู่ใกล้บ้าน เดินทางสะดวก
เนื่องจากพ่อกับแม่ไม่เคยให้ จขกท. ไปไหนมาไหนเองเลยซักครั้ง
ตัว จขกท. เองคิดว่าการที่เราจะเรียนได้ดีและเป็นคนดี ไม่ได้อยู่ที่ชื่อเสียงของ รร. แต่อยู่ที่เราตั้งใจเรียน
และ จขกท. ก็เรียนดี เป็นเด็กดี แม้แต่คำหยาบก็ไม่เคยพูดมาโดยตลอด
ถึงแม้ว่าคนภายนอกจะมองว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงส่งลูกมาเรียนโรงเรียนนี้ที่เด็กส่วนใหญ่มักจะพูดจาหยาบคาย
หรือท้องกันก่อนวัยอันควร ใจแตก คนที่รู้จักพากันนินทาไปต่างๆนาๆ

        ต่อมาเมื่อจบมัธยมต้น จขกท. อยากเรียนต่อมัธยมปลายเพราะคิดว่าเลือกคณะในมหาลัยได้กว้างกว่า
แต่พ่อกับแม่ก็ให้ต่อสายอาชีพ ด้วยเหตุผลที่ว่า เลิกโรงเรียนเร็ว จะได้กลับบ้านมาช่วยงานที่ร้าน
จขกท. ก็ทำตามแต่โดยดี สาขาที่เลือกคือบัญชี เนื่องจาก จขกท. ไม่เก่งคอมเป็นอย่างมาก
พอเข้ามาเรียนบัญชีก็เรียนได้ดี เกรดเฉลี่ยไม่เคยต่ำกว่า 3.5 เลย รร ส่งไปแข่งขันจนได้เหรียญทอง
แต่ จขกท. เป็นคนที่จริงจังมากกับการเรียน เวลาเรียนบัญชีรู้สึกว่าเครียด ปวดหัวบ่อยๆจนเป็นไมเกรน ไม่ค่อยมีความสุขเท่าที่ควร

         พอจบ ปวช. โอกาสสุดท้ายที่จะได้เปลี่ยนคณะที่เรียนคือการเข้ามหาลัย
จขกท. อยากเรียนอยู่ 2 คณะ คือ คหกรรม กับ จิตวิทยา
แต่ จขกท. ไม่ได้สอบโอเน็ต เลยไม่สามารถเข้ามหาลัยรัฐได้ และมหาลัยที่มีคณะที่อยากเรียนก็อยู่ไกลบ้าน
พ่อกับแม่ไม่ยอมให้ไปเรียนไกลบ้าน ทางเลือกสุดท้ายคือเข้ามหาลัยเอกชนที่ไม่ไกลบ้านนัก
สาขาที่มองไว้คือ การโรงแรม แต่พ่อกับแม่ จขกท. กลับให้ลงเรียน ปวส. ในวันอาทิตย์
เหตุผลคือ จะได้ดูแลร้านในวันธรรมดา และพ่อกับแม่จะให้ลงเรียนมหาลัยเปิดคู่ไปด้วย
เหตุผลคือจะได้เรียนอยู่ที่บ้าน ไม่ต้องไปเรียนก็ได้

         ทุกวันนี้ จขกท. อยู่บ้านวัน จ-ส วันอาทิตย์ไปเรียน นอกจากนั้นก็ไม่ได้ไปที่ไหนเลย
เพื่อนก็ไม่มีเลย เพราะเพื่อนเก่าๆสมัยมัธยมเค้าก็แยกย้ายกันไปต่อมหาลัยต่างๆกันหมด
ธรรมศาสตร์บ้าง แม่ฟ้าหลวงบ้าง มหิดลบ้าง ราชมงคลบ้าง
ทำให้ห่างกันต่างคนต่างใช้ชีวิตของตน เพื่อนที่เรียนวันอาทิตย์เค้าก็อายุเยอะทำงาน ทำโอดึกๆแล้วกันหมด
ไม่มีใครมีเวลามาพูดคุยหรือให้คำปรึกษาจขกท. ไม่รู้จะพูดกับใครเลย พ่อกับแม่ก็เปิดอกพูดด้วยไม่ได้เลย
เคยพยายามหลายครั้งมากๆก็ล้มเหลว จนบางทีก็อยากไปปรึกษาจิตแพทย์
จขกท. อยากไปต่อมหาลัยแบบคนอื่นๆ อยากทำกิจกรรม อยากมีเพื่อนใหม่เยอะๆ
ทุกวันนี้อยู่บ้านก็เจอแต่ลูกค้ากับหมาที่บ้าน เหงามาก

         จขกท. อายุ 18 แล้ว แต่เคยไปดูหนังกับเพื่อน 3 ครั้ง ไม่เคยได้ไปนอกบ้านถ้าพ่อกับแม่ไม่พาไป(ซึ่งก็นับครั้งได้) ไม่มีเพื่อนสนิท
ครอบครัวไม่เคยมีเพื่อนบ้าน ญาติๆก็มีปัญหากันทำให้ไม่ได้ติดต่อกัน พ่อกับแม่ไม่ชอบให้ จขกท. มีเพื่อนด้วยซ้ำ
เหมือนเค้าอยากเก็บ จขกท. ไว้แต่ในบ้าน พ่อกับแม่คิดไว้ว่าถ้า จขกท. โตก็จะให้ทำธุรกิจส่วนตัวแบบท่าน
แต่ จขกท. อยากทำงานที่มีเวลาเลิกงานที่แน่นอน หมดเวลางานแล้วคุณอยากจะทำอะไรก็ได้
มีวันหยุด วันลากิจ ลาป่วย ลาพักร้อน จขกท. ชอบอ่านหนังสือ ชอบดูทีวี ชอบไปว่ายน้ำ
ซึ่งถ้ามีธุรกิจส่วนตัว คุณจะต้องทำงาน 24 ชม. ไม่มีวันหยุด จขกท. โตมากับเรื่องพวกนี้ตั้งแต่เด็ก
แม้จะทานข้าวอยู่ก็ต้องวางเพื่อไปขายของ จขกท. ไม่เถียงเลยว่าทำธุรกิจจะรวยเร็วกว่า แต่นั่นก็หมายถึงคุณจะต้องเหนื่อยกว่าเช่นกัน

         ที่เล่ามาทั้งหมด ส่วนหนึ่งคืออยากระบาย อีกส่วนคืออยากขอคำปรึกษา ว่ามีวิธีไหนที่ จขกท.
จะพอหาทางออกจากสิ่งที่เป็นอยู่ได้บ้างไหม หรือเผื่อมีใครที่เคยเจอเหตุการณ์ที่ จขกท. เป็นอยู่ แล้วคุณมีวิธีปรับตัว แล้วใช้ชีวิตอยู่กับมันยังไง

         ขอบคุณล่วงหน้านะคะ ขออนุญาตแท็กห้องชานเรือน เพราะคิดว่าอาจจะมีคุณพ่อคุณแม่อยู่เยอะ
เผื่อจะได้แนวคิวในมุมมองของพ่อแม่บ้าง หรือให้พ่อแม่มองในมุมของลูกบ้าง ยิ้ม
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9
คุยกับพ่อแม่อย่างจริงจังว่าอึดอัด ไม่มีความสุข ที่เลือกให้ลูกมาเนี่ย เคยถามบ้างไหม ว่าลูกชอบหรือเปล่า
ชีวิตใครก็ชีวิตมันอะ ทางของเรา เราควรเลือกเอง

ต่อรองกับพ่อแม่ ขอไปเรียนมหาลัยอย่างที่อยากได้ ขอเวลาพิสูจน์สิ่งที่ตัวเองเลือกว่าทำได้ไหม ไปแล้วมีความสุขไหม และตั้งใจเดินตามทางที่เลือกเอง เราเข้าใจนะ พ่อแม่บางคนคิดว่าให้ลูกเดินทางที่ปูไว้นี่แหละดีที่สุด สบายสุด แต่ถ้าคนมันไม่ชอบ ก็ควรยอมรับ แต่จะให้ยอมรับแบบง่ายๆนี่ น่าจะฝันไป เพราะคอนโทรลลูกเต็มรูปแบบมาตลอด อยู่ๆมาโดนเยียบเบรคก็ต้องมีด่า มีเคืองกันบ้าง  แต่ถ้าคุณต้องการเดินทางของคุณเอง คุณต้องเริ่มดื้อ ต้องยืนเพื่อตัวเอง คำแนะนำของพ่อแม่ก็มีประโยชน์ แต่เค้าไม่ใช่คนชี้ชะตาชีวิตคุณ ยกเว้นคุณจะก้มหน้ายอมเหมือนที่ผ่านมาอ่ะค่ะ

แฟนเราก็ต้องทำตามพ่อแม่ตั้งแต่เกิด เข้าโรงเรียน มหาลัยพี่พ่อเลือกให้ เรียกตามสายงานที่พ่อเลือกให้ ทำงานสืบต่อกิจการของพ่อ เถียงพ่อแม่ไม่เป็น เค้าว่าอะไรก็ต้องทำตามตลอด ดูๆก็เป็นลูกที่ดี แต่ก็น่าสงสารมากนะ  แฟนเราเค้าก็มีความสุขดี แต่ไม่มีความฝันจริงๆจังๆ เพราะพ่อขีดเส้นให้มาตั้งแต่แรก ขีดต่อไม่เป็น  แต่พอมีเรา เราดึงเค้าออกมาจากทางเดิมอะ เพราะเราคิดว่าชีวิตใคร คนนั้นก็ต้องเลือกเองดิ หัวหงอกแล้ว หัดเลือกอะไรในชีวิตเองบ้าง กิจการบริษัทตัวเอง ทำแล้วก็ดีนะ แต่ไม่มีเพื่อนหรอก ชีวิตโดดเดี่ยวสุดๆ ถ้าอยากเห็นโลกหลายๆด้าน ก็ต้องลอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่