สวัสดีค่ะ เราก็เป็นวัยรุ่นอายุ14ที่ทะเลาะกับพ่อ
เกริ่นก่อนนะคะ ตอนเด็กพ่อกับแม่ไม่ได้เลี้ยงเรา ท่านไปทำงานเพื่อหาเงิน ย่าเราเป็นคนเลี้ยงเรานะคะ ในตอนนั้นเรามีน้องอายุห่างกับเราแค่หนึ่งปี ตอนเด็กเรารู้สึกถึงความลำเอียง (ไม่รู้ว่าเป็นความเห็นแก่ตัวในตอนเด็กหรือเปล่า?) ตอนเด็กเราคิดว่าย่ามักจะลำเอียง ให้ทุกอย่างกับน้องมากกว่าเรา (เรากับน้องเป็นผู้หญิงทั้งคู่) ย่ามักจะใช้งานเราเสมอ ตอนนั้นอยู่ป.2 เราต้องรีดผ้าเอง เอาเก้าอี้มาตั้งรีดชุดนักเรียนของเรากับน้องทุกคืน เราเริ่มรู้สึกถึงความลำเอียงเพราะในขณะที่เรากำลังยืนขาแข็งรีดผ้า น้องกลับนอนดูทีวี บางทีเราก็ต้องซักผ้า หุงข้าว ล้างจาน ในขณะที่น้องไม่ได้ทำงาน มันเลยเป็นปัญหากับเรามาตลอด ในตอนนั้นก็รู้สึกอิจฉาน้องแหละค่ะ แต่ตอนนั้นไม่กล้าพูดอะไรเลย ได้แต่อดกลั้นเอาไว้ คิดถึงสภาพเด็กป.2ไม่กล้าพูดอะไรออกไป
จนวันหนึ่งมันทนไม่ไหว เราคิดหนักจนร้องไห้ เดินไปถามย่าตรงๆเลยว่า ทำไมหนูต้องทำงานมากกว่าน้อง ย่าก็บอกกลับมาว่า หนูเป็นพี่คนโต ต้องทำงานเลี้ยงน้อง
เราในตอนนั้นก็ทำอะไรไม่ถูก เราเลยบอกย่าไปว่า หนูก็ไม่ได้อยากเป็นพี่คนโต หนูไม่อยากทำงาน
ย่าก็พยายามโอ๋เรา แต่เราก็ไม่ฟังลูกเดียว เราเลยโดนตีเพราะไม่ยอมหยุดร้องไห้ (ย่าเป็นคนอารมณ์ร้อน แกเลยชอบตีแล้วก็ดุด่าด้วยถ้อยคำแรงๆ เราเคยทั้งโดนสายยางตี ไม้กวาด ไม้แขวนเสื้อ)
หลังจากนั้นเรากับน้องก็เริ่มห่างกัน ไม่สนิทกัน เพราะเรามักจะทะเลาะกับน้องเรื่องงานบ้านเสมอ พอตอนเราขึ้นป.4พ่อก็กลับมาอยู่ที่บ้าน
จะบอกว่านิสัยของเราตอนนั้นก็คือไม่ได้ดีเด่อะไร เราชอบด่าน้อง ตีน้อง เพราะน้องไม่ยอมทำงานส่วนของตัวเอง เป็นคนอารมณ์ร้าย
เวลาอยู่ต่อหน้าพ่อก็มักจะมีกำแพงมากั้นไว้เสมอ เรารู้สึกว่าเวลาอยู่ต่อหน้าพ่อตั้งแต่ตอนที่พ่อมาอยู่บ้านใหมๆจนถึงตอนก่อนหน้าที่จะทะเลาะกับพ่อ เรารู้สึกว่าเรากำลังแสดง ค่ะ แสดงอยู่ต่อหน้าพ่อ แสดงเป็นเราอีกคนต่อหน้าพ่อ แต่ต่อหน้าน้องและคนอื่นในครอบครัวเราก็จะเป็นตัวของเรา เราไม่ชอบเวลาต้องอยู่กับพ่อ เราอึดอัด เราอยากเป็นตัวของตัวเองแต่มันก็ทำไม่ได้
ดังนั้นภาพลักษณ์ของเราที่อยู่ต่อหน้าพ่อจึงเป็นเด็กที่เรียบร้อยอ่อนหวานพูดจาไพเราะ
พอเราขึ้นมัธยมเราก็มีปัญหากับน้อง มันเป็นเรื่องที่เล็กน้อยมากๆ แต่เราก็รู้สึกว่าตัวเองเสียเปรียบ ไม่ได้รับความยุติธรรม มันเป็นเรื่องเวรล้างจานในบ้าน เราอายุ14 น้องเราอายุ13 หลายครั้งที่น้องมักจะไม่ยอมทำเวรของตัวเอง โยนมาให้เรา พอเราบอกให้ไปทำก็มักจะเมินไม่ยอมทำ บางครั้งก็รับปากแบบส่งๆไม่ยอมทำจริงๆ ดังนั้นภาระทั้งหมดก็ตกมาอยู่ที่เรา เชื่อมั้ยว่าเรากับน้องทะเลาะกันด้วยเรื่องเวรล้างจานหลายครั้ง
พ่อและย่าก็มักจะให้ท้ายน้อง บอกว่าเราโตแล้ว อะไรทำแทนน้องได้ก็ทำไป เราเลยถามว่าแล้วน้องไม่โตเหรอ หลังจากนั้นก็เป็นเหตุทะเลาะกันใหญ่โต พ่อด่าเรา ย่าก็ด่าเรา บอกว่าเราไม่มีความรับผิดชอบ เป็นพี่คนโตแบบไหน สุดท้ายเราก็ต้องไปทำแทนน้อง เราทำไปร้องไห้ไป มันแน่นในอก เราเล่าให้ใครฟังไม่ได้ ความรู้สึกมันเหมือนเราโดนเอาเปรียบ โดนบังคับทั้งที่ไม่ได้อยากทำ
หลังจากเหตุการณ์นั้นไม่นาน เราก็เริ่มเปลี่ยนไป เราแสดงด้านจริงๆของเราให้พ่อเห็น พ่อก็เริ่มว่านั่นว่านี่
วันเกิดเหตุเราป่วยในตอนกลางคืน ตอนนั้นกินยาแล้วแต่ก็ไม่หายทำให้เราตื่นสายมากในตอนเช้า เราตื่นตอนเก้าโมงเช้า
พอเดินลงมาจากห้อง พ่อก็ด่าเราว่าเราทำตัวทุเรศ และหลายอย่าง
ในตอนนั้นเราไม่ได้ฟังอะไรเลย ตาเรามันลืมไม่ได้ด้วยซ้ำ
เราเป็นไข้ ข้าวเช้ายังไม่ได้กิน พ่อบังคับให้เราไปทำงาน ตากแดดอยู่ที่ไร่จนเที่ยงถึงได้กิน ตอนนั้นปวดท้องมาก กินข้าวเที่ยงเสร็จก็ต้องเดินกลับบ้าน ระยะทางประมาณ1กิโลเมตร ตากแดดร้อนๆ ร่มก็ไม่มี พ่อรู้ว่าเราเป็นไข้ รู้ว่าเราป่วย แต่กลับไม่คิดจอโทษสักครั้ง
เราเดินกลับบ้าน หลังจากนั้น
เราก็หลบหน้าพ่อ ไม่อยากเจอหน้าพ่ออีก
หลบหน้าได้สองสามวัน ตอนเย็นกินข้าวด้วยกันเราหาสำรับข้าวมาวางไว้เสร็จสัพ เราเรียกน้องมากินข้าว น้องก็มัวแต่นั่งดูทีวี ไม่ยอมมา เราเลยตักข้าวไม่ได้รอ
แล้วเราก็ทำจานหลุดมือ พ่อก็ตวาดใส่เราเสียงดังว่า เป็นอะไร นี่หลายครั้งแล้ว อยากจะเรียนหนังสืออยู่มั้ย หรือจะให้กูส่งน้องเรียนคนเดียว เราก็ไม่ได้ตอบอะไร ในตอนนั้นเราพยายามกลั้นน้ำตากินข้าวแย่างสุดกำลัง แต่มันก็ทำไม่ได้ เราเลยลุกขึ้นเดินเอาจานไปเก็บพ่อก็ตวาดถามว่า ไม่พอใจอะไร เราก็ไม่สนใจแล้วก็เดินเข้าไปด้านในบ้าน
ตอนนั้นคือเราเบะปากจะร้องไห้แล้ว แต่ก็พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ แล้วพ่อก็ปาจานข้าวมาทางเราจนแตกละเอียดพร้อมกับเดินเข้ามา เอาไม่กวาดจะฟาดเราด่าเราว่า อีจองหอง อย่าเอาสันดานแบบนี้มาใช้
หลังจากนั้นเราก็หลบหน้าพ่อ แต่พ่อก็มักจะพูดกระแทกใส่เราเสมอ เช่น ว่าเราว่าชอบทำตัวไร้ค่า ทำตัวทุเรศ สันดานเสีย
ตอนนี้แม่โทรมาหาเราและบอกให้เราไปขอโทษพ่อ แต่เราก็ยังไม่ทำ เรายังไม่อยากเจอหน้าพ่อตอนนี้
เราคิดว่าพอเราโผล่ไปคุยกับพ่อปุ๊ป จะต้องโดนด่าอะไรสักอย่างกลับมาแน่นอน
เราควรทำยังไงดี
ทะเลาะกับพ่อ ทำยังไงดีคะ?
เกริ่นก่อนนะคะ ตอนเด็กพ่อกับแม่ไม่ได้เลี้ยงเรา ท่านไปทำงานเพื่อหาเงิน ย่าเราเป็นคนเลี้ยงเรานะคะ ในตอนนั้นเรามีน้องอายุห่างกับเราแค่หนึ่งปี ตอนเด็กเรารู้สึกถึงความลำเอียง (ไม่รู้ว่าเป็นความเห็นแก่ตัวในตอนเด็กหรือเปล่า?) ตอนเด็กเราคิดว่าย่ามักจะลำเอียง ให้ทุกอย่างกับน้องมากกว่าเรา (เรากับน้องเป็นผู้หญิงทั้งคู่) ย่ามักจะใช้งานเราเสมอ ตอนนั้นอยู่ป.2 เราต้องรีดผ้าเอง เอาเก้าอี้มาตั้งรีดชุดนักเรียนของเรากับน้องทุกคืน เราเริ่มรู้สึกถึงความลำเอียงเพราะในขณะที่เรากำลังยืนขาแข็งรีดผ้า น้องกลับนอนดูทีวี บางทีเราก็ต้องซักผ้า หุงข้าว ล้างจาน ในขณะที่น้องไม่ได้ทำงาน มันเลยเป็นปัญหากับเรามาตลอด ในตอนนั้นก็รู้สึกอิจฉาน้องแหละค่ะ แต่ตอนนั้นไม่กล้าพูดอะไรเลย ได้แต่อดกลั้นเอาไว้ คิดถึงสภาพเด็กป.2ไม่กล้าพูดอะไรออกไป
จนวันหนึ่งมันทนไม่ไหว เราคิดหนักจนร้องไห้ เดินไปถามย่าตรงๆเลยว่า ทำไมหนูต้องทำงานมากกว่าน้อง ย่าก็บอกกลับมาว่า หนูเป็นพี่คนโต ต้องทำงานเลี้ยงน้อง
เราในตอนนั้นก็ทำอะไรไม่ถูก เราเลยบอกย่าไปว่า หนูก็ไม่ได้อยากเป็นพี่คนโต หนูไม่อยากทำงาน
ย่าก็พยายามโอ๋เรา แต่เราก็ไม่ฟังลูกเดียว เราเลยโดนตีเพราะไม่ยอมหยุดร้องไห้ (ย่าเป็นคนอารมณ์ร้อน แกเลยชอบตีแล้วก็ดุด่าด้วยถ้อยคำแรงๆ เราเคยทั้งโดนสายยางตี ไม้กวาด ไม้แขวนเสื้อ)
หลังจากนั้นเรากับน้องก็เริ่มห่างกัน ไม่สนิทกัน เพราะเรามักจะทะเลาะกับน้องเรื่องงานบ้านเสมอ พอตอนเราขึ้นป.4พ่อก็กลับมาอยู่ที่บ้าน
จะบอกว่านิสัยของเราตอนนั้นก็คือไม่ได้ดีเด่อะไร เราชอบด่าน้อง ตีน้อง เพราะน้องไม่ยอมทำงานส่วนของตัวเอง เป็นคนอารมณ์ร้าย
เวลาอยู่ต่อหน้าพ่อก็มักจะมีกำแพงมากั้นไว้เสมอ เรารู้สึกว่าเวลาอยู่ต่อหน้าพ่อตั้งแต่ตอนที่พ่อมาอยู่บ้านใหมๆจนถึงตอนก่อนหน้าที่จะทะเลาะกับพ่อ เรารู้สึกว่าเรากำลังแสดง ค่ะ แสดงอยู่ต่อหน้าพ่อ แสดงเป็นเราอีกคนต่อหน้าพ่อ แต่ต่อหน้าน้องและคนอื่นในครอบครัวเราก็จะเป็นตัวของเรา เราไม่ชอบเวลาต้องอยู่กับพ่อ เราอึดอัด เราอยากเป็นตัวของตัวเองแต่มันก็ทำไม่ได้
ดังนั้นภาพลักษณ์ของเราที่อยู่ต่อหน้าพ่อจึงเป็นเด็กที่เรียบร้อยอ่อนหวานพูดจาไพเราะ
พอเราขึ้นมัธยมเราก็มีปัญหากับน้อง มันเป็นเรื่องที่เล็กน้อยมากๆ แต่เราก็รู้สึกว่าตัวเองเสียเปรียบ ไม่ได้รับความยุติธรรม มันเป็นเรื่องเวรล้างจานในบ้าน เราอายุ14 น้องเราอายุ13 หลายครั้งที่น้องมักจะไม่ยอมทำเวรของตัวเอง โยนมาให้เรา พอเราบอกให้ไปทำก็มักจะเมินไม่ยอมทำ บางครั้งก็รับปากแบบส่งๆไม่ยอมทำจริงๆ ดังนั้นภาระทั้งหมดก็ตกมาอยู่ที่เรา เชื่อมั้ยว่าเรากับน้องทะเลาะกันด้วยเรื่องเวรล้างจานหลายครั้ง
พ่อและย่าก็มักจะให้ท้ายน้อง บอกว่าเราโตแล้ว อะไรทำแทนน้องได้ก็ทำไป เราเลยถามว่าแล้วน้องไม่โตเหรอ หลังจากนั้นก็เป็นเหตุทะเลาะกันใหญ่โต พ่อด่าเรา ย่าก็ด่าเรา บอกว่าเราไม่มีความรับผิดชอบ เป็นพี่คนโตแบบไหน สุดท้ายเราก็ต้องไปทำแทนน้อง เราทำไปร้องไห้ไป มันแน่นในอก เราเล่าให้ใครฟังไม่ได้ ความรู้สึกมันเหมือนเราโดนเอาเปรียบ โดนบังคับทั้งที่ไม่ได้อยากทำ
หลังจากเหตุการณ์นั้นไม่นาน เราก็เริ่มเปลี่ยนไป เราแสดงด้านจริงๆของเราให้พ่อเห็น พ่อก็เริ่มว่านั่นว่านี่
วันเกิดเหตุเราป่วยในตอนกลางคืน ตอนนั้นกินยาแล้วแต่ก็ไม่หายทำให้เราตื่นสายมากในตอนเช้า เราตื่นตอนเก้าโมงเช้า
พอเดินลงมาจากห้อง พ่อก็ด่าเราว่าเราทำตัวทุเรศ และหลายอย่าง
ในตอนนั้นเราไม่ได้ฟังอะไรเลย ตาเรามันลืมไม่ได้ด้วยซ้ำ
เราเป็นไข้ ข้าวเช้ายังไม่ได้กิน พ่อบังคับให้เราไปทำงาน ตากแดดอยู่ที่ไร่จนเที่ยงถึงได้กิน ตอนนั้นปวดท้องมาก กินข้าวเที่ยงเสร็จก็ต้องเดินกลับบ้าน ระยะทางประมาณ1กิโลเมตร ตากแดดร้อนๆ ร่มก็ไม่มี พ่อรู้ว่าเราเป็นไข้ รู้ว่าเราป่วย แต่กลับไม่คิดจอโทษสักครั้ง
เราเดินกลับบ้าน หลังจากนั้น
เราก็หลบหน้าพ่อ ไม่อยากเจอหน้าพ่ออีก
หลบหน้าได้สองสามวัน ตอนเย็นกินข้าวด้วยกันเราหาสำรับข้าวมาวางไว้เสร็จสัพ เราเรียกน้องมากินข้าว น้องก็มัวแต่นั่งดูทีวี ไม่ยอมมา เราเลยตักข้าวไม่ได้รอ
แล้วเราก็ทำจานหลุดมือ พ่อก็ตวาดใส่เราเสียงดังว่า เป็นอะไร นี่หลายครั้งแล้ว อยากจะเรียนหนังสืออยู่มั้ย หรือจะให้กูส่งน้องเรียนคนเดียว เราก็ไม่ได้ตอบอะไร ในตอนนั้นเราพยายามกลั้นน้ำตากินข้าวแย่างสุดกำลัง แต่มันก็ทำไม่ได้ เราเลยลุกขึ้นเดินเอาจานไปเก็บพ่อก็ตวาดถามว่า ไม่พอใจอะไร เราก็ไม่สนใจแล้วก็เดินเข้าไปด้านในบ้าน
ตอนนั้นคือเราเบะปากจะร้องไห้แล้ว แต่ก็พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ แล้วพ่อก็ปาจานข้าวมาทางเราจนแตกละเอียดพร้อมกับเดินเข้ามา เอาไม่กวาดจะฟาดเราด่าเราว่า อีจองหอง อย่าเอาสันดานแบบนี้มาใช้
หลังจากนั้นเราก็หลบหน้าพ่อ แต่พ่อก็มักจะพูดกระแทกใส่เราเสมอ เช่น ว่าเราว่าชอบทำตัวไร้ค่า ทำตัวทุเรศ สันดานเสีย
ตอนนี้แม่โทรมาหาเราและบอกให้เราไปขอโทษพ่อ แต่เราก็ยังไม่ทำ เรายังไม่อยากเจอหน้าพ่อตอนนี้
เราคิดว่าพอเราโผล่ไปคุยกับพ่อปุ๊ป จะต้องโดนด่าอะไรสักอย่างกลับมาแน่นอน
เราควรทำยังไงดี