JJNY : พิธามอง ยิ่งอภิปรายงบ ยิ่งไม่ตอบโจทย์│ก้าวไกลฉะสำนักปลัดก.แรงงาน│ก.ก.ติงราชทัณฑ์ใช้งบ│สวิตหั่นดอกเบี้ยยุคเงินเฟ้อ

พิธา มอง ยิ่งอภิปรายงบประมาณยิ่งไม่ตอบโจทย์ ชี้ ที่ควรมีดันตัด ที่ควรตัดดันมี
https://www.thairath.co.th/news/politic/2772448
 
 
ประชุมสภาฯ อภิปรายงบประมาณวาระ 2 “พิธา” มอง ยิ่งอภิปรายงบประมาณยิ่งไม่ตอบโจทย์ ชี้ งบที่ควรมีดันตัด งบที่ควรตัดดันมี ทำซ้ำซากไม่เห็นผล ตรวจสอบไม่ได้ ทำประชาชนเสียประโยชน์
 
เมื่อเวลา 19.39 น. วันที่ 21 มีนาคม 2567 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ในวาระ 2 ว่า ยิ่งอภิปราย ยิ่งเห็นงบไม่ตอบโจทย์ยิ่งกว่าเดิม โดยสรุปอภิปรายงบประมาณวาระ 2 จากการอภิปราย 2 วัน จะเห็นได้ภาษีของพวกเราถูกใช้แบบไร้ทิศทางอย่างมากกับการของบประมาณที่ไม่ตอบโจทย์กับสถานการณ์ของพี่น้องประชาชนในตอนนี้ แถมงบประมาณหลายอัน ขอซ้ำซากมาหลายปี แต่ไม่มีผลงานอะไรออกมา 
 
นายพิธา ระบุถึงงบกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ ดังนี้ว่า กระทรวงมหาดไทย จะทำฝายดินซีเมนต์ที่ส่อแววมีปัญหาทางสิ่งแวดล้อม เพราะโครงสร้างปิดทึบ ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในลำน้ำอย่างแน่นอน แถมราคาต่ำกว่า 500,000 บาทเพียงเล็กน้อย เพื่อเข้าเงื่อนไขไม่ต้องแข่งขัน ขณะที่กระทรวงกลาโหม แทนที่จะซื้อเรือฟริเกต เพื่อให้ได้เทคโนโลยีต่อเรือ กลับซื้อเฮลิคอปเตอร์กองทัพบกที่มีแล้วกว่า 125 ลำ หรือของบเช่าเครื่องบินเหมาลำ รถยนต์ EV ส่วนที่นอนหมอนมุ้ง เป็นงบลับ ส่วนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ตรวจสอบยาก และของบซ่อมแซมอาวุธ ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่มีอาวุธ หรือโครงการที่ไม่ตรงกับเป้าหมายของหน่วยงานที่ตั้งขึ้นมา 
 
กระทรวงพลังงาน ทั้งๆ ที่ประชาชนควรต้องจ่ายค่าไฟถูกลง กลับแพงขึ้น 3 เท่า เพราะต้องเอามาสร้างพลังงานทดแทน ที่ค่าก่อสร้างแพงกว่ายุโรปหลายเท่า ด้านกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โครงการพัฒนา Up-skill Re-skill กลายเป็นมาวัดนักศึกษาไม่ไปยุ่งยาเสพติด, นักศึกษาเล่นกีฬาเพิ่มขึ้นจากปีก่อน และนักศึกษามีคุณธรรมและจริยธรรม ขณะที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม งบเอาไปจ่ายค่าประชุม แต่ไม่มีงบให้หน่วยงานสำคัญ เช่น กรมป่าไม้ กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ที่ต้องแก้ภัยแล้ง ไฟป่า น้ำท่วม อีกทั้งค่าสร้างพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่า ก็แพงกว่าค่าก่อสร้างทั่วไป 4 เท่า
 
ส่วนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ไม่ได้ทำหน้าที่ศูนย์ข่าวปลอม แต่กลายเป็นศูนย์ต่อต้านข่าวที่เป็นโทษต่อรัฐบาล กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โครงการเกษตรอัจฉริยะที่ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ ของบใหม่ทุกปี แต่ยังไม่เห็นผล แถมส่อทุจริต กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ขยันทำ App แต่ทำ App ซ้ำซ้อน และแถมไม่เติบโต ขณะที่สำนักปลัด ไม่ตัดงบเดินทางผู้บริหารตัวเอง แต่ไปตัดงบเดินทางของนิสิตนักศึกษาที่จะไปแข่งขันกีฬาที่ต่างประเทศ และค่าก่อสร้างอาคารเรียนแทน
 
ในช่วงท้าย นายพิธา ยังระบุด้วยว่า “งบประมาณที่มาจากภาษีประชาชน กลับไร้ทิศทาง ไม่เข้ากับสถานการณ์ของประชาชน งบที่ควรมีดันตัด งบที่ควรตัดดันมี แถมทำซ้ำซากไม่เห็นผล ตรวจสอบไม่ได้ ทำให้ผลประโยชน์ของประชาชนนั้นเสียไป
 
อย่างไรก็ตาม นายพิธา ยังได้มีการแก้ไขข้อความเพิ่มเติมในภายหลังด้วยว่า “ปล : บอลไทยเสมอ 1:1 เกาหลีใต้ สุดยอดมากครับ ขอคารวะทีมชาติไทยครับ

https://www.facebook.com/timpitaofficial/posts/pfbid0gHfgcL5MeVZXwdHxeA77aAMCjo4iv6DhbRNkA9ybaGnwNPT6uHk6Ay8vaQQmgyo4l



ก้าวไกลฉะสำนักปลัด ก.แรงงาน ของบอบรมพิ่ม แต่ผลงานปลัดกลับทำวีซ่าแรงงานถูกระงับ?
https://www.matichon.co.th/politics/news_4485757

“วรรณวิภา” ฉะสำนักปลัด ก.แรงงานของบ อบรมจาก 3.3 ล้านเป็น 10 ล้าน แต่ผลงานปลัดกระทรวงฯ มีแค่วีซ่าแรงงานถูกระงับ ซัดงบผู้สูงอายุ 4 พันล้าน ไม่ถึงมือคนแก่ ได้แค่ซื้อน้ำปลากับผงชูรส
 
เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระ 2 เป็นวันที่ 2 โดยมี นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 (วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท) เรียงมาตรา ภายหลังจากคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว
 
ต่อมาเวลา 20.15 น.เข้าสู่การพิจารณามาตรา 22 กระทรวงแรงงาน โดย น.ส.วรรณวิภา ไม้สน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายว่า งบกระทรวงแรงงาน ที่มีมากกว่า 5.8 หมื่นล้านบาท แม้ใครจะพูดว่า งบของกระทรวงฯ อาจจะครอบคลุมไม่ทั่วถึง งบน้อยมาก ซึ่งงบที่ได้มาส่วนใหญ่จะถูกนำไปจ่ายเรื่องของประกันสังคม นอกนั้นที่เพิ่มขึ้นมาอย่างมีนัยยะสำคัญคืองบของสำนักปลัดฯ ที่ได้เพิ่มถึง 269 ล้านบาท โดยมีพันธกิจจัดอบรมสัมมนาตลอด ซึ่งผลจากการอบรมสัมมนามีอะไรที่ดีขึ้นบ้าง ในงบอุดหนุนมีโครงการที่เกี่ยวกับการป้องกันการค้ามนุษย์ตั้งงบไว้จากเดิม 3.3 ล้านบาท ปี 67 เพิ่มเป็น10 ล้านบาท วัตถุประสงค์เหมือนทุกครั้งเพื่อให้แรงงานได้รับความคุ้มครองทางกฎหมาย สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการป้องกันและการปราบปรามการค้ามนุษย์ บริการจัดการแรงงานนอกระบบ เมื่อดูในรายละเอียดเป็นงบคล้ายกับให้คนได้รู้เรื่องกฎหมาย จึงเห็นว่าหากเอางบตรงนี้หรือส่วนอื่นไปจัดการเรื่องของสัญญาจ้าง เวลาแรงงานไปทำงานในต่างประเทศไม่ให้มีสัญญาปลอมอย่างที่ผ่านมา หรือกรมจัดหาทางนำงบไปแก้ไขและบังคับในเรื่องของกฎหมายเวลาจะทำให้แรงงานเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ ไม่ใช้ป้องกันจนวีซ่าแรงงานถูกระงับ แบบนี้คือผลงานของปลัดกระทรวงฯหรือไม่
น.ส.วรรวิภา กล่าวต่อว่า ในส่วนแรงงานผู้สูงอายุและแรงงานผู้พิการ ผลที่คาดว่าจะได้รับคือส่งเสริมการมีงานทำ ทราบหรือไม่ว่าเรามีกองทุนผู้สูงอายุเกือบ 4 พันล้านบาทจากกรมสรรพสามิต แต่ไม่เคยไม่ถึงผู้สูงอายุเลย เพราะมีการนำเข้าไปสู่บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเกือบหมด ผู้สูงอายุได้แต่ซื้อน้ำปลากับผงชูรส ส่วนเรื่องการสร้างงานให้ผู้พิการ จะดีกว่าหรือไม่การจัดอบรมดังกล่าวนำไปสู่การบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายผู้พิการมาตรา 33 ,34,35 โดยเฉพาะมาตรา 34 ไม่ได้บังคับใช้กับหน่วยงานของรัฐว่าต้องจ้างงานคนพิการเท่าไหร่ ไม่ต้องไปดูไหนไกลเลย สภาฯมีลูกจ้างกว่า 2,300 คน จ้างผู้พิการ 3 คน เพราะฉะนั้นการที่หน่วยงานรัฐไม่โดนเอาผิดเลยในการจ้างคนพิการ ถ้าเอางบตรงนี้ไปทำเรื่องเหล่านั้น และมีการบังคับใช้ได้จริงจะทำอย่างไรให้มีการจ้างงานคนพิการมากขึ้น
 
ด้านน.ส.ขันติยา สวัสดิพล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะกมธ. ชี้แจงว่า การจ้างงานผู้พิการในหน่วยงานรัฐ ตามที่กฎกระทรวงกำหนดให้มีจำนวนคนพิการที่นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการและหน่วยงานของรัฐนั้นจะต้องรับคนพิการที่สามารถทำงานได้ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใด ในอัตราแรงงานที่ไม่ใช่คนพิการทุก 100 คนแต่คนพิการ1 คน ถ้าเกิน 50 คนต้องรับคนพิการเพิ่มอีก1คน
 
จากนั้นที่ประชุมลงมติเห็นชอบตามกมธ.เสียงข้างมาก ด้วยคะแนน 272 ต่อ 151 งดออกเสียง 1 ไม่ลงคะแนน 1 เสียง


 
ก.ก.ติงราชทัณฑ์ใช้งบไม่ตอบโจทย์ หวั่นนักโทษทำผิดซ้ำ เหตุหลักสูตรไม่สอดรับตลาดแรงงาน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4485633

ก.ก.ติงกรมราชทัณฑ์ใช้งบไม่ตอบโจทย์ จวกหลักสูตรศก.พอเพียงไม่ช่วยเพิ่มทักษะผู้ต้องขัง ถามกลับจะมีสักกี่คนมีที่ดินพอทำเกษตรทฤษฎีใหม่ หวั่นนักโทษทำผิดซ้ำเหตุหลักสูตรอาชีพไม่สอดรับตลาดแรงงาน
 
เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระ 2 เป็นวันที่ 2 โดยมี นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 (วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท) เรียงมาตรา ภายหลังจากคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว
 
จากนั้นเวลา 19.30 น. เข้าสู่การพิจารณางบประมาณมาตรา 21 กระทรวงยุติธรรม โดย น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว ส.ส.ปทุมธานี พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายว่า ขอตัดงบ 5% โดยโครงการคืนคนดีสู่สังคมของกรมราชทัณฑ์ ประมาณ 25 ล้านบาท แบ่งเป็นหลักสูตรทั่วไป 12 ล้านบาท และหลักสูตรเศรษฐกิจพอเพียง 13 ล้านบาทนั้นไม่ตอบโจทย์ เพราะหลักสูตรทั่วไปใช้งบกับกลุ่มเป้าหมาย 4-5 หมื่นคนในพื้นที่ดำเนินงาน 137 แห่ง ขณะที่หลักสูตรเศรษฐกิจพอเพียงใช้เงินกับกลุ่มเป้าหมายเพียง 2,300 คนในพื้นที่ดำเนินงานเพียง 11 แห่ง ถามว่าทำไมเราต้องเสียเงินนมากกว่าขณะที่ได้ผลลัพธ์น้อยกว่า ที่สำคัญไม่ได้เตรียมความพร้อมผู้ต้องขังให้มีทักษะงานที่สอดรับกับตลาดแรงงาน และการดำเนินการไม่ได้คำนึงถึงความต้องการของผู้ต้องขังด้วย นอกจากนี้หลักสูตรนี้มีวิชาที่เกี่ยวกับเกษตรกรรม เช่น เกษตรทฤษฎีใหม่ การปลูกพืช การผลิตปุ๋ย ที่ต้องใช้เวลาเรียนมากถึง 27 ชั่วโมง ตนสงสัยว่าผู้ต้องขังทุกคนต้องสนใจในอาชีพเกษตรกรรมเสมอหรือ และจะมีผู้ต้องขังสักกี่คนที่มีที่ดินเพียงพอต่อการทำเกษตรกรรมแบบทฤษฎีใหม่เมื่อพ้นโทษแล้ว
 
น.ส.ชลธิชา อภิปรายต่อว่า การเตรียมความพร้อมด้านอาชีพของกรมราชทัณฑ์ยังมีปัญหาอีกมาก เพราะไม่ได้ออกแบบหลักสูตรให้สอดรับกับตลาดแรงงาน และการที่ผู้ต้องขังที่พ้นโทษออกจากเรือนจำ ไม่สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้นั้นสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดซ้ำ จากข้อมูลของกรมราชทัณฑ์ในวันที่ 1 ธันวาคม 66 รายงานว่านักโทษเด็กประมาณ 2 แสนกว่าคน มีนักโทษประมาณ 9 หมื่นคนที่เป็นผู้กระทำความผิดซ้ำ สะท้อนให้เห็นว่าโครงการไม่ตอบโจทย์ในการฟื้นฟูพฤตินิสัยของผู้ต้องขังกลับสู่สังคม
 
ด้านนายเอกราช อุดมอำนวย ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ทำคำของบ 380 ล้านบาท แต่เมื่อไปดูการตั้งงบขอจัดซื้อครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นส่วนของการทำเครือข่ายระบบรักษาความปลอดภัยของสถาบันการสอบสวนคดี ตนไม่เห็นด้วยเพราะเมื่อดูรายละเอียดโครงการแล้ว จะเห็นว่าบางจุดเป็นการติดตั้งเครือข่ายอินเตอร์เน็ตในจุดจอดรถ เมื่อดูรายละเอียดในทีโออาร์ บางรายการมีการตั้งบประมาณที่แพงกว่าราคาตลาดสามเท่า จึงไม่เหมาะสมกับการใช้งบในปีนี้
 
หลังสมาชิกอภิปรายอย่างกว้างขวาง ที่ประชุมลงมติเห็นชอบมาตรา 21 ตาม กมธ.เสียงข้างมากด้วยคะแนน 272 ต่อ 151 งดออกเสียง 1 ไม่ลงคะแนน 13
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่