นายกฯ แจง สภา จำเป็นต้องมี พ.ร.บ.โอนงบฯ 88,452 ล้านบาท ใช้เป็นเครื่องมือสำคัญช่วยประชาชน-เศรษฐกิจประเทศหลังได้รับผลกระทบจากโควิด-19
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 2 ครั้งที่ 2 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษซึ่งมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมในวันนี้มีเรื่องด่วนที่ต้องพิจารณา คือ “ร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ....” ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซึ่งเข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. … ได้กล่าวชี้แจงถึงความจำเป็นของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ได้ชี้อภิบายถึงหลักการและเหตุผลในโอนจ่ายงบประมาณบางรายการตั้งไว้เป็นงบประมาณกลางเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินและจำเป็น วงเงิน 88,452 ล้านบาท และความจำเป็นในการตราเป็น พ.ร.บ.โอนงบประมาณฉบับนี้ขึ้นเพื่อใช้เป็นเครื่องมือสำคัญของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาและบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ถือว่าเป็นภัยพิบัติร้ายแรง และส่งผลกระทบต่อประชาชนและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ รวมทั้งยังมีปัญหาจากภัยพิบัติ ภัยแล้ง อุทกภัย และในกรณีเหตุฉุกเฉินหรือจำเป็นอื่นๆ
ที่ผ่านมารัฐบาลนั้นได้ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว จนส่งผลให้งบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่ตั้งไว้ 96,000,000,000 บาท มีไม่เพียงพอ รวมทั้งอาจมีเหตุฉุกเฉินจำเป็นจากสถานการณ์ภัยแล้ง หรือสาธารณภัยอื่นที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือของปีงบประมาณ พ.ศ. 2563จึงหวังว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะให้การสนับสนุนและรับหลักการเพื่อนำงบประมาณไปดำเนินเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้ำ
https://www.thansettakij.com/content/437139
ร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย ปี 63 กว่า 8.8 หมื่นล้าน เข้างบกลาง วาระที่ 1 ผ่านฉลุย ตามคาด รับหลักการ 264 ไม่รับหลักการ 4 งดออกเสียง 185 ไม่ลงคะแนน 1 ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติตั้ง กมธ.วิสามัญติดตาม พ.ร.บ.โอนงบฯ ปี 63 จำนวน 49 คน
วันที่ 4 มิ.ย. ที่รัฐสภา แยกเกียกกาย นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ส.ส.ทำการแสดงตน และ ลงมติ พ.ร.บ.โอนงบประมาณประจำปี 2563 ในวาระ 1 โดยมีผู้ลงมติ 454 คน มี รับหลักการ 264 คะแนน ไม่รับหลักการ 4 คน งดออกเสียง 185 คน ไม่ลงคะแนน 1 คน
https://www.thairath.co.th/news/politic/1861399
ชวน’เบรก‘เจี๊ยบ นครปฐม’ อย่าใช้สภาเป็นเครื่องมือวิจารณ์สถาบันอื่น
วันพฤหัสบดี ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2563, 15.08 น.
‘
เจี๊ยบ นครปฐม’ ด่าผิดเวที ‘ทหาร’ ต้นเหตุเศรษฐกิจเสื่อม โทรม ทรุด เจอ ‘ชวน’ เบรกให้เข้าประเด็น อย่าพาดพิงสถาบันอย่างกองทัพ-ศาล
4 มิถุนายน 2563 ที่รัฐสภา นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายพ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ว่าต้นเหตุของปัญหาเศรษฐกิจของไทย เสื่อม โทรม ทรุด มา 6 ปีแล้ว นับตั้งแต่กอทัพเข้ายึดอำนาจ เพราะรัฐบาลเผด็จการทหารคงรูปไม่มี 3 สิ่งได้แก่ 1. ความชอบธรรม 2.ฝีมือ และ 3.หัวใจที่เคารพประชาธิปไตย
นอกจากนี้ต่างประเทศยังไม่ยอมรับการรัฐประหาร จึงไม่ยินดีมาจะมาเป็นผู้ร่วมกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันก็มีปัญหาในด้านสังคม เพราะความเคยชินกับวัฒนธรรมกองทัพของผู้บังคับบัญชามองลูกน้องเหมือนลูกไก่ในกำมือ จึงเกิดเหตุกราดยิงที่โคราช หรือการร้องเรียนทุจริตของผ่านสายด่วนที่ผู้บัญชาการทหารบกเป็นคนจัดตั้งขึ้น แต่เรื่องกลับส่งไปที่คู่กรณี จึงทำให้ถูกกลั่นแกล้งลงโทษทางวินัย
ด้านนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นประท้วงว่า นางอมรัตน์ อภิปรายนอกประเด็นว่า ไม่เกี่ยวกับการพิจารณาโอนงบประมาณและมีการพาดพิงภายนอกทำให้สับสน ทำให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานในที่ประชุม กล่าวตักเตือนว่า ให้อภิปรายอยู่ในประเด็น อย่าพาดพิงสถาบันอย่างเช่นกองทัพ
จากนั้นนางอมรัตน์ ได้อภิปรายต่อว่ากองทัพเหมือนหลุมดำหลุมใหญ่ของประเทศจึงต้องมีการปฏิรูปจริงจัง กองทัพไม่มีฝีมือ มีอำนาจอยู่ในมือ แต่ไม่สามารถนำคนมีฝีมือมาทำงานได้ ได้แต่รวมกันเป็นกลุ่มก้อนผลประโยชน์ ตั้งคนที่ประชาชนไม่ไว้ใจมาเป็นรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าอาวุธ หรือพ่อค้าแป้งมัน ไม่เคารพหลักการคนเท่ากัน การกระจายโอกาส และความเหลื่อมล้ำ บริหารประเทศแบบกินรวบ ไม่กินแบ่ง
นางอมรัตน์ กล่าวต่อว่า พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่ายฯ ฉบับนี้ มี 4 หน่วยงานคือ ศาล องค์กรอิสระ อัยการ รัฐสภา ที่ได้รับงบประมาณรายจ่ายปี 2563 รวม 47,000ล้านบาท ที่ไม่ยอมร่วมโอนงบมาช่วยประชาชน อ้างว่า เป็นการตีความของคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่ให้โอนงบประมาณกลับ โดยเฉพาะหน่วยงานรัฐสภานั้น รู้สึกผิดหวังที่ไม่เห็นความพยายามของประธานสภาหาวิธีคืนเงินครั้งนี้
ทั้งนี้ ทำให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุมชี้แจงทันทีว่า สภายินดีคืนงบประมาณให้ แต่ติดที่คณะกรรมการกฤษฎีกาบอกว่า ไม่สามารถตัดงบจากสภาได้ แต่นางอมรัตน์แย้งกลับว่า แม้คณะกรรมการกฤษฎาจะบอกตัดงบไม่ได้ แต่ไม่เห็นความพยายามประธานสภาหาวิธีอื่นคืนเงิน ซึ่งนายชวนตอบว่า เชื่อว่าคนส่วนมากในสภาเข้าใจกรณีนี้ แต่มีอยู่บ้างไม่ยอมเข้าใจ
จากนั้นนางอมรัตน์ได้อภิปรายพาดพิงไปถึงศาล และศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่ยอมคืนงบประมาณ โดยยกตัวอย่างงบประมาณสร้างบ้านพักตุลาการ ที่อยากให้ตุลาการที่กินหรูอยู่สบาย ยอมเสียสละความสุขส่วนตัว 1ปี
ทำให้นายชวนเตือนทันทีว่า อย่าไปพาดพิงถึงสถาบันอื่น เราไม่ชอบใครส่วนตัว แต่อย่าใช้สภาเป็นเครื่องมือในการวิจารณ์สถาบันอื่น จากนั้นนายชวนจึงให้น.ส.อมรัตน์อภิปรายต่อจนจบ
https://www.naewna.com/politic/497066
ในที่สุด พ.ร.บ.โอนงบฯก็ผ่านการโหวตจากสภาฉลุย
นายกฯชี้แจงถึงความจำเป็นที่ต้องมีพ.ร.บ.โอนงบฯที่ใช้เป็นเครื่องมือช่วยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด
ส่วนที่ไม่ผ่านน่าจะเป็นการอภิปรายของเจี๊ยบก้าวก่าย ที่พูดพาดพิงวิจารณ์สถาบันอื่น จนคุณชวนต้องช่วยดีดปากตักเตือน
ครั้งนี้เป็นครั้งที่นับไม่ถ้วนที่ส.ส.คนนี้อภิปรายล่วงเกินไปสถาบันอื่น ไม่รู้จักแยกแยะ สมเป็นพรรคก้าวก่าย ที่ไม่รู้จักหน้าที่ตนเอง
เห็นแล้วก็เสียดายงบประมาณแผ่นดินค่ะ
🍊🍊/มาลาริน/นายกฯแจงสภาพ.ร.บ.โอนงบฯ 8.8 หมื่นล้าน ผ่านฉลุย..ชวนดีดปากเจี๊ยบก้าวไกลอย่าใช้สภาเป็นเครื่องมือว่าสถาบันอื่น
นายกฯ แจง สภา จำเป็นต้องมี พ.ร.บ.โอนงบฯ 88,452 ล้านบาท ใช้เป็นเครื่องมือสำคัญช่วยประชาชน-เศรษฐกิจประเทศหลังได้รับผลกระทบจากโควิด-19
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 2 ครั้งที่ 2 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษซึ่งมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมในวันนี้มีเรื่องด่วนที่ต้องพิจารณา คือ “ร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ....” ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซึ่งเข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. … ได้กล่าวชี้แจงถึงความจำเป็นของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ได้ชี้อภิบายถึงหลักการและเหตุผลในโอนจ่ายงบประมาณบางรายการตั้งไว้เป็นงบประมาณกลางเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินและจำเป็น วงเงิน 88,452 ล้านบาท และความจำเป็นในการตราเป็น พ.ร.บ.โอนงบประมาณฉบับนี้ขึ้นเพื่อใช้เป็นเครื่องมือสำคัญของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาและบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ถือว่าเป็นภัยพิบัติร้ายแรง และส่งผลกระทบต่อประชาชนและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ รวมทั้งยังมีปัญหาจากภัยพิบัติ ภัยแล้ง อุทกภัย และในกรณีเหตุฉุกเฉินหรือจำเป็นอื่นๆ
ที่ผ่านมารัฐบาลนั้นได้ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว จนส่งผลให้งบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่ตั้งไว้ 96,000,000,000 บาท มีไม่เพียงพอ รวมทั้งอาจมีเหตุฉุกเฉินจำเป็นจากสถานการณ์ภัยแล้ง หรือสาธารณภัยอื่นที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือของปีงบประมาณ พ.ศ. 2563จึงหวังว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะให้การสนับสนุนและรับหลักการเพื่อนำงบประมาณไปดำเนินเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้ำ
https://www.thansettakij.com/content/437139
ร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย ปี 63 กว่า 8.8 หมื่นล้าน เข้างบกลาง วาระที่ 1 ผ่านฉลุย ตามคาด รับหลักการ 264 ไม่รับหลักการ 4 งดออกเสียง 185 ไม่ลงคะแนน 1 ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติตั้ง กมธ.วิสามัญติดตาม พ.ร.บ.โอนงบฯ ปี 63 จำนวน 49 คน
วันที่ 4 มิ.ย. ที่รัฐสภา แยกเกียกกาย นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ส.ส.ทำการแสดงตน และ ลงมติ พ.ร.บ.โอนงบประมาณประจำปี 2563 ในวาระ 1 โดยมีผู้ลงมติ 454 คน มี รับหลักการ 264 คะแนน ไม่รับหลักการ 4 คน งดออกเสียง 185 คน ไม่ลงคะแนน 1 คน
https://www.thairath.co.th/news/politic/1861399
ชวน’เบรก‘เจี๊ยบ นครปฐม’ อย่าใช้สภาเป็นเครื่องมือวิจารณ์สถาบันอื่น
วันพฤหัสบดี ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2563, 15.08 น.
‘เจี๊ยบ นครปฐม’ ด่าผิดเวที ‘ทหาร’ ต้นเหตุเศรษฐกิจเสื่อม โทรม ทรุด เจอ ‘ชวน’ เบรกให้เข้าประเด็น อย่าพาดพิงสถาบันอย่างกองทัพ-ศาล
4 มิถุนายน 2563 ที่รัฐสภา นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายพ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ว่าต้นเหตุของปัญหาเศรษฐกิจของไทย เสื่อม โทรม ทรุด มา 6 ปีแล้ว นับตั้งแต่กอทัพเข้ายึดอำนาจ เพราะรัฐบาลเผด็จการทหารคงรูปไม่มี 3 สิ่งได้แก่ 1. ความชอบธรรม 2.ฝีมือ และ 3.หัวใจที่เคารพประชาธิปไตย
นอกจากนี้ต่างประเทศยังไม่ยอมรับการรัฐประหาร จึงไม่ยินดีมาจะมาเป็นผู้ร่วมกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันก็มีปัญหาในด้านสังคม เพราะความเคยชินกับวัฒนธรรมกองทัพของผู้บังคับบัญชามองลูกน้องเหมือนลูกไก่ในกำมือ จึงเกิดเหตุกราดยิงที่โคราช หรือการร้องเรียนทุจริตของผ่านสายด่วนที่ผู้บัญชาการทหารบกเป็นคนจัดตั้งขึ้น แต่เรื่องกลับส่งไปที่คู่กรณี จึงทำให้ถูกกลั่นแกล้งลงโทษทางวินัย
ด้านนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นประท้วงว่า นางอมรัตน์ อภิปรายนอกประเด็นว่า ไม่เกี่ยวกับการพิจารณาโอนงบประมาณและมีการพาดพิงภายนอกทำให้สับสน ทำให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานในที่ประชุม กล่าวตักเตือนว่า ให้อภิปรายอยู่ในประเด็น อย่าพาดพิงสถาบันอย่างเช่นกองทัพ
จากนั้นนางอมรัตน์ ได้อภิปรายต่อว่ากองทัพเหมือนหลุมดำหลุมใหญ่ของประเทศจึงต้องมีการปฏิรูปจริงจัง กองทัพไม่มีฝีมือ มีอำนาจอยู่ในมือ แต่ไม่สามารถนำคนมีฝีมือมาทำงานได้ ได้แต่รวมกันเป็นกลุ่มก้อนผลประโยชน์ ตั้งคนที่ประชาชนไม่ไว้ใจมาเป็นรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าอาวุธ หรือพ่อค้าแป้งมัน ไม่เคารพหลักการคนเท่ากัน การกระจายโอกาส และความเหลื่อมล้ำ บริหารประเทศแบบกินรวบ ไม่กินแบ่ง
นางอมรัตน์ กล่าวต่อว่า พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่ายฯ ฉบับนี้ มี 4 หน่วยงานคือ ศาล องค์กรอิสระ อัยการ รัฐสภา ที่ได้รับงบประมาณรายจ่ายปี 2563 รวม 47,000ล้านบาท ที่ไม่ยอมร่วมโอนงบมาช่วยประชาชน อ้างว่า เป็นการตีความของคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่ให้โอนงบประมาณกลับ โดยเฉพาะหน่วยงานรัฐสภานั้น รู้สึกผิดหวังที่ไม่เห็นความพยายามของประธานสภาหาวิธีคืนเงินครั้งนี้
ทั้งนี้ ทำให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุมชี้แจงทันทีว่า สภายินดีคืนงบประมาณให้ แต่ติดที่คณะกรรมการกฤษฎีกาบอกว่า ไม่สามารถตัดงบจากสภาได้ แต่นางอมรัตน์แย้งกลับว่า แม้คณะกรรมการกฤษฎาจะบอกตัดงบไม่ได้ แต่ไม่เห็นความพยายามประธานสภาหาวิธีอื่นคืนเงิน ซึ่งนายชวนตอบว่า เชื่อว่าคนส่วนมากในสภาเข้าใจกรณีนี้ แต่มีอยู่บ้างไม่ยอมเข้าใจ
จากนั้นนางอมรัตน์ได้อภิปรายพาดพิงไปถึงศาล และศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่ยอมคืนงบประมาณ โดยยกตัวอย่างงบประมาณสร้างบ้านพักตุลาการ ที่อยากให้ตุลาการที่กินหรูอยู่สบาย ยอมเสียสละความสุขส่วนตัว 1ปี
ทำให้นายชวนเตือนทันทีว่า อย่าไปพาดพิงถึงสถาบันอื่น เราไม่ชอบใครส่วนตัว แต่อย่าใช้สภาเป็นเครื่องมือในการวิจารณ์สถาบันอื่น จากนั้นนายชวนจึงให้น.ส.อมรัตน์อภิปรายต่อจนจบ
https://www.naewna.com/politic/497066
ในที่สุด พ.ร.บ.โอนงบฯก็ผ่านการโหวตจากสภาฉลุย
นายกฯชี้แจงถึงความจำเป็นที่ต้องมีพ.ร.บ.โอนงบฯที่ใช้เป็นเครื่องมือช่วยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด
ส่วนที่ไม่ผ่านน่าจะเป็นการอภิปรายของเจี๊ยบก้าวก่าย ที่พูดพาดพิงวิจารณ์สถาบันอื่น จนคุณชวนต้องช่วยดีดปากตักเตือน
ครั้งนี้เป็นครั้งที่นับไม่ถ้วนที่ส.ส.คนนี้อภิปรายล่วงเกินไปสถาบันอื่น ไม่รู้จักแยกแยะ สมเป็นพรรคก้าวก่าย ที่ไม่รู้จักหน้าที่ตนเอง
เห็นแล้วก็เสียดายงบประมาณแผ่นดินค่ะ