ตอนที่แล้วผมกล่าวถึงธุรกิจของบริษัท WAVE แบบคร่าว ๆให้ได้อ่านกันแล้ว คราวนี้ลองมาดูในงบการเงินบ้างว่ามีอะไรที่สามารถทำให้เราเชื่อได้ว่า บริษัทนี้ได้ทำธุรกิจ Carbon Credit นี้ได้จริง ๆ
หากใครเคยตามดูงบการเงินของบริษัท ใน Q1-Q2-Q3 ของปี 66 จะสังเกตเห็นได้ว่า บริษัท มีสินค้าคงเหลือที่เป็น REC หรือ Renewable Energy Certificate หรือแปลเป็นไทยว่า “ใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน” เพิ่มขึ้นจากจำนวน 121 ลบ.ใน Q1 มาเป็น 385 ลบ.ใน Q3-66 และล่าสุด Q4-66 บริษัท มีสินค้าคงเหลือที่เป็น REC จำนวน 681 ลบ. แล้ว นอกจากนี้ยังมีสัญญาซื้อขาย REC อีกกว่าจำนวน 300 -400 ลบ. ที่รอการจ่ายเงิน
ผมคิดว่าประเด็นตอนนี้คงไม่ได้อยู่ที่ว่า บริษัท Wave จะทำธุรกิจนี้จริงหรือไม่? แต่เราควรมุ่งไปที่ประเด็นที่ว่า บริษัทจะสามารถเริ่มขาย Carbon Credit/REC ได้เมื่อไหร่ต่างหากครับ? เพราะหากยังไม่สามารถขาย Carbon Credit/REC ได้ในช่วงเร็ว ๆ นี้ ก็อาจทำให้บริษัทมีปัญหาได้ครับ
ลองหันไปดูตัวเลขงบการเงินในไตรมาสล่าสุด Q4-66 กันดูบ้าง มีประเด็นสำคัญ ๆ ที่ผมพอสรุปได้ว่า บริษัทมีขาดทุนสะสม อยู่ -311 ลบ. ,มี CFO -688 ลบ. D/E =0.58 เท่า ,มีรายได้ ประมาณ 400 กว่าล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มีรายได้ 280 กว่าล้านบาท ,มี GPM อยู่ที่ 40% ส่วน NP ติดลบเนื่องจากบริษัทขาดทุน แถมด้วย Cash Cycle อยู่ที่ 450 กว่าวันครับ
ข้อมูลจากงบการเงินข้างต้น แสดงให้เห็นว่าบริษัทโอกาสขาดสภาพคล่องได้สูงเลยทีเดียว เพราะมีเงินสดจากการดำเนินงานติดลบมาหลายไตรมาส ล่าสุด Q4-66 ติดลบไปอีกหกร้อยกว่าล้านบาท แต่ประเด็นนี้ก็พอเข้าใจได้เนื่องจากเป็นช่วงของการลงทุน ต่อจากนี้ก็คงอยู่ที่ว่าบริษัท จะหาแหล่งเงินทุนหมุนเวียนมาจากไหนครับ ถ้าหามาได้บริษัทก็ยังคงดำเนินธุรกิจต่อไปได้ แต่ถ้าหาไม่ได้ก็อาจมีปัญหาด้านการเงินในที่สุดครับ
อย่างไรก็ตาม ยังดีที่ว่า D/E ยังอยู่ในอัตราส่วนที่พอรับได้ คือต่ำว่าหนึ่งเท่า (0.60 เท่า) แสดงว่าบริษัท ยังพอมีความสามารถในการก่อหนี้ และน่าจะยังไม่มีปัญหาในเร็ว ๆ นี้ หรือไม่บริษัทก็ต้องมีการเพิ่มทุนจดทะเบียน เพื่อหาเงินมาหมุนเวียนในธุรกิจ
แต่ก็อย่างว่าครับ การดูงบเป็นการมองย้อนอดีตที่ผ่านมาแล้ว เราในฐานะนักลงทุนคงต้องเอาข้อมูลจากอดีต มาวิเคราะห์อนาคตว่า บริษัทจะเป็นอย่างไรต่อไปครับ
สรุปสุดท้าย บ. Wave จะสามารถเป็นบริษัท Mega Trend ระดับโลกในธุรกิจ Carbon Credit ได้หรือไม่นั้น คงต้องติดตามดูผลการดำเนินงานเป็นระยะ ๆ แล้วผมจะมา Update ในภายหลัง
ครั้งหน้าจะลองมาวิเคราะห์ความเสี่ยง และโอกาสของธุรกิจ Carbon Credit กันดูครับ ไว้เจอกันใหม่ครับ
ปล. Wave ประกาศเพิ่มทุน 4 : 1 ที่ราคา 0.14 บาท
หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ
ดช.จุ่น
บทความเดิม
Wave จะเป็นหุ้น Mega Trend ของโลกได้หรือไม่?
https://ppantip.com/topic/42491656/desktop
Wave จะเป็นหุ้น Mega Trend ของโลกได้หรือไม่? ตอนที่ 2
หากใครเคยตามดูงบการเงินของบริษัท ใน Q1-Q2-Q3 ของปี 66 จะสังเกตเห็นได้ว่า บริษัท มีสินค้าคงเหลือที่เป็น REC หรือ Renewable Energy Certificate หรือแปลเป็นไทยว่า “ใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน” เพิ่มขึ้นจากจำนวน 121 ลบ.ใน Q1 มาเป็น 385 ลบ.ใน Q3-66 และล่าสุด Q4-66 บริษัท มีสินค้าคงเหลือที่เป็น REC จำนวน 681 ลบ. แล้ว นอกจากนี้ยังมีสัญญาซื้อขาย REC อีกกว่าจำนวน 300 -400 ลบ. ที่รอการจ่ายเงิน
ผมคิดว่าประเด็นตอนนี้คงไม่ได้อยู่ที่ว่า บริษัท Wave จะทำธุรกิจนี้จริงหรือไม่? แต่เราควรมุ่งไปที่ประเด็นที่ว่า บริษัทจะสามารถเริ่มขาย Carbon Credit/REC ได้เมื่อไหร่ต่างหากครับ? เพราะหากยังไม่สามารถขาย Carbon Credit/REC ได้ในช่วงเร็ว ๆ นี้ ก็อาจทำให้บริษัทมีปัญหาได้ครับ
ลองหันไปดูตัวเลขงบการเงินในไตรมาสล่าสุด Q4-66 กันดูบ้าง มีประเด็นสำคัญ ๆ ที่ผมพอสรุปได้ว่า บริษัทมีขาดทุนสะสม อยู่ -311 ลบ. ,มี CFO -688 ลบ. D/E =0.58 เท่า ,มีรายได้ ประมาณ 400 กว่าล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มีรายได้ 280 กว่าล้านบาท ,มี GPM อยู่ที่ 40% ส่วน NP ติดลบเนื่องจากบริษัทขาดทุน แถมด้วย Cash Cycle อยู่ที่ 450 กว่าวันครับ
ข้อมูลจากงบการเงินข้างต้น แสดงให้เห็นว่าบริษัทโอกาสขาดสภาพคล่องได้สูงเลยทีเดียว เพราะมีเงินสดจากการดำเนินงานติดลบมาหลายไตรมาส ล่าสุด Q4-66 ติดลบไปอีกหกร้อยกว่าล้านบาท แต่ประเด็นนี้ก็พอเข้าใจได้เนื่องจากเป็นช่วงของการลงทุน ต่อจากนี้ก็คงอยู่ที่ว่าบริษัท จะหาแหล่งเงินทุนหมุนเวียนมาจากไหนครับ ถ้าหามาได้บริษัทก็ยังคงดำเนินธุรกิจต่อไปได้ แต่ถ้าหาไม่ได้ก็อาจมีปัญหาด้านการเงินในที่สุดครับ
อย่างไรก็ตาม ยังดีที่ว่า D/E ยังอยู่ในอัตราส่วนที่พอรับได้ คือต่ำว่าหนึ่งเท่า (0.60 เท่า) แสดงว่าบริษัท ยังพอมีความสามารถในการก่อหนี้ และน่าจะยังไม่มีปัญหาในเร็ว ๆ นี้ หรือไม่บริษัทก็ต้องมีการเพิ่มทุนจดทะเบียน เพื่อหาเงินมาหมุนเวียนในธุรกิจ
แต่ก็อย่างว่าครับ การดูงบเป็นการมองย้อนอดีตที่ผ่านมาแล้ว เราในฐานะนักลงทุนคงต้องเอาข้อมูลจากอดีต มาวิเคราะห์อนาคตว่า บริษัทจะเป็นอย่างไรต่อไปครับ
สรุปสุดท้าย บ. Wave จะสามารถเป็นบริษัท Mega Trend ระดับโลกในธุรกิจ Carbon Credit ได้หรือไม่นั้น คงต้องติดตามดูผลการดำเนินงานเป็นระยะ ๆ แล้วผมจะมา Update ในภายหลัง
ครั้งหน้าจะลองมาวิเคราะห์ความเสี่ยง และโอกาสของธุรกิจ Carbon Credit กันดูครับ ไว้เจอกันใหม่ครับ
ปล. Wave ประกาศเพิ่มทุน 4 : 1 ที่ราคา 0.14 บาท
หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ
ดช.จุ่น
บทความเดิม
Wave จะเป็นหุ้น Mega Trend ของโลกได้หรือไม่? https://ppantip.com/topic/42491656/desktop