ถึงแม้ว่าผลประกอบการในไตรมาส 3 จะออกมาดีพอใช้ได้ แต่นักลงทุนก็คงทราบดีว่าผลประกอบการดังกล่าวนั้น ยังมีจุดที่น่าเป็นห่วงอีกหลายจุด เนื่องจากกำไรที่ทำได้นั้น ไม่ได้มาจากธุรกิจหลักของบริษัท
คำถามที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ แล้วเมื่อไรจะบริษัทจะ Turnaround ได้จริง ๆ เสียที?
วันนี้จะลองมาพูดถึงธุรกิจใหม่ Carbon Credit แบบครบวงจรของบริษัทดูอีกครั้งว่า สรุปแล้วมันมีความเป็นได้แค่ไหน?
แน่นอนว่าการทำอะไรใหม่ ๆ นั้น มันมักจะยุ่งยากในช่วงเริ่มต้นเสมอ เนื่องจากมีปัจจัยมากมายมากระทบหลายอย่าง ทั้งปัจจัยภายนอก และปัจจัยภายในของบริษัทเอง หรือพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ มันมีทั้งสิ่งบริษัทควบคุมได้ และควบคุมไม่ได้เกิดขึ้นนั่นเอง
พูดให้เข้าใจง่าย ๆ สำหรับปัจจัยภายในของบริษัท จริง ๆ แล้วก็คือ ปัจจัยที่บริษัทควบคุมได้นั่นเอง เริ่มตั้งแต่การสร้างการรับรู้ในธุรกิจใหม่ต่อสาธารณชนในช่วงหนึ่งถึงสองปีที่ผ่านมา (ข้อนี้ต้องให้เครดิต CEO คนเก่าครับ) หรือการเตรียมความพร้อมในด้านเงินทุน (ผ่านการเพิ่มทุนล่าสุด) การ STOCK CARBON/REC เป็นจำนวนมาก (แต่ดูเหมือนว่าจะมากเกินไปในช่วงนี้ 555) กระทั่งการปรับโครงสร้างการบริหารงานใหม่ (ผ่านการเปลี่ยนตัว CEO) ในส่วนตรงนี้ก็ต้องถือว่าบริษัททำได้ดีพอสมควร
ส่วนเรื่องปัจจัยภายนอกบริษัท ที่ไม่สามารถควบคุมได้นั้น ไม่ว่าจะเป็นสภาวะเศรษฐกิจ ,กฎระเบียบต่าง ๆ ในการการทำธุรกิจ รวมถึงเรื่องของ Supply Chain ในห่วงโซ่ของธุรกิจ รวมแต่เป็นสิ่งที่บริษัทไม่สามารถควบคุมเองได้ทั้งสิ้น ยกตัวอย่างเช่น การขออนุมัติออก Token ของบริษัท ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตรงนี้ไม่มีใครบอกช่วงเวลาที่แน่นอนได้ว่าจะมีการอนุมัติเมื่อไหร่ หรือจะอนุมัติหรือไม่ ? ไม่มีใครรู้นอกจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น มันจึงเป็นความเสี่ยงที่ธุรกิจไม่สามารถควบคุมได้ครับ
เมื่อพิจารณาจากปัจจัยทั้งสองอย่างข้างต้น ผมแบ่งการพิจารณาโดยให้น้ำหนักออกเป็นอย่างละ 50 : 50 สำหรับปัจจัยภายในนั้น ผมให้คะแนน 45 เต็ม 50 เนื่องจากบริษัทเตรียมตัวได้ดี เพียงแต่งบการเงินยังไม่ค่อยดีครับ ส่วนปัจจัยภายนอก ผมให้คะแนน 25 เต็ม 50 เนื่องจากมันเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่ก็มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้จริง เมื่อรวมคะแนนทั้งสองปัจจัยแล้ว ได้ที่ 70 เต็ม 100 หรือน่าจะมีโอกาสที่ธุรกิจใหม่นี้จะสำเร็จได้ประมาณ 70% (การคาดการณ์ข้างต้นนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวนะครับ เอาไว้ดูเป็น Guideline ก็พอครับ)
สรุปโดยรวมผมคิดว่าธุรกิจนี้ยังพอมีความเป็นไปได้ แต่ความเป็นไปได้นั้น ณ ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของบริษัท ฉะนั้นมันจึงมีความเสี่ยงอยู่พอสมควร นักลงทุนก็ต้องคอยติดตามความคืบหน้าของบริษัทเป็นระยะ ๆ ไปครับ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ
ดช.จุ่น
WAVE กับธุรกิจ NEW S (ไม่) CURVE สักที!!! ตอน 2
คำถามที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ แล้วเมื่อไรจะบริษัทจะ Turnaround ได้จริง ๆ เสียที?
วันนี้จะลองมาพูดถึงธุรกิจใหม่ Carbon Credit แบบครบวงจรของบริษัทดูอีกครั้งว่า สรุปแล้วมันมีความเป็นได้แค่ไหน?
แน่นอนว่าการทำอะไรใหม่ ๆ นั้น มันมักจะยุ่งยากในช่วงเริ่มต้นเสมอ เนื่องจากมีปัจจัยมากมายมากระทบหลายอย่าง ทั้งปัจจัยภายนอก และปัจจัยภายในของบริษัทเอง หรือพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ มันมีทั้งสิ่งบริษัทควบคุมได้ และควบคุมไม่ได้เกิดขึ้นนั่นเอง
พูดให้เข้าใจง่าย ๆ สำหรับปัจจัยภายในของบริษัท จริง ๆ แล้วก็คือ ปัจจัยที่บริษัทควบคุมได้นั่นเอง เริ่มตั้งแต่การสร้างการรับรู้ในธุรกิจใหม่ต่อสาธารณชนในช่วงหนึ่งถึงสองปีที่ผ่านมา (ข้อนี้ต้องให้เครดิต CEO คนเก่าครับ) หรือการเตรียมความพร้อมในด้านเงินทุน (ผ่านการเพิ่มทุนล่าสุด) การ STOCK CARBON/REC เป็นจำนวนมาก (แต่ดูเหมือนว่าจะมากเกินไปในช่วงนี้ 555) กระทั่งการปรับโครงสร้างการบริหารงานใหม่ (ผ่านการเปลี่ยนตัว CEO) ในส่วนตรงนี้ก็ต้องถือว่าบริษัททำได้ดีพอสมควร
ส่วนเรื่องปัจจัยภายนอกบริษัท ที่ไม่สามารถควบคุมได้นั้น ไม่ว่าจะเป็นสภาวะเศรษฐกิจ ,กฎระเบียบต่าง ๆ ในการการทำธุรกิจ รวมถึงเรื่องของ Supply Chain ในห่วงโซ่ของธุรกิจ รวมแต่เป็นสิ่งที่บริษัทไม่สามารถควบคุมเองได้ทั้งสิ้น ยกตัวอย่างเช่น การขออนุมัติออก Token ของบริษัท ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตรงนี้ไม่มีใครบอกช่วงเวลาที่แน่นอนได้ว่าจะมีการอนุมัติเมื่อไหร่ หรือจะอนุมัติหรือไม่ ? ไม่มีใครรู้นอกจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น มันจึงเป็นความเสี่ยงที่ธุรกิจไม่สามารถควบคุมได้ครับ
เมื่อพิจารณาจากปัจจัยทั้งสองอย่างข้างต้น ผมแบ่งการพิจารณาโดยให้น้ำหนักออกเป็นอย่างละ 50 : 50 สำหรับปัจจัยภายในนั้น ผมให้คะแนน 45 เต็ม 50 เนื่องจากบริษัทเตรียมตัวได้ดี เพียงแต่งบการเงินยังไม่ค่อยดีครับ ส่วนปัจจัยภายนอก ผมให้คะแนน 25 เต็ม 50 เนื่องจากมันเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่ก็มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้จริง เมื่อรวมคะแนนทั้งสองปัจจัยแล้ว ได้ที่ 70 เต็ม 100 หรือน่าจะมีโอกาสที่ธุรกิจใหม่นี้จะสำเร็จได้ประมาณ 70% (การคาดการณ์ข้างต้นนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวนะครับ เอาไว้ดูเป็น Guideline ก็พอครับ)
สรุปโดยรวมผมคิดว่าธุรกิจนี้ยังพอมีความเป็นไปได้ แต่ความเป็นไปได้นั้น ณ ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของบริษัท ฉะนั้นมันจึงมีความเสี่ยงอยู่พอสมควร นักลงทุนก็ต้องคอยติดตามความคืบหน้าของบริษัทเป็นระยะ ๆ ไปครับ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ
ดช.จุ่น