ต้องการคำปรึกษาเรื่องการลาออกจากที่ทำงานและการรักษาสุขภาพค่ะ (ขอระบายความในใจด้วยค่ะ)

สวัสดีค่ะ อายุ 23 ปี เริ่มทำงานฟรีแลนซ์ตั้งแต่ต้นปี 2023 เพราะอาการซึมเศร้ารุมเร้าจนต้องลาออกจากงานประจำที่ทำมาตั้งแต่ปี 2019 
แต่พออาการเริ่มดีขึ้น และสุขภาพกายก็เริ่มดีขึ้น เนื่องจากได้ผ่าตัดก้อนเนื้องอก (ที่ยังไม่ได้กลายเป็นก้อนเนื้อร้าย) ออกไป และออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร เลยคิดอยากจะหางานประจำที่มั่นคง แต่พอเลิกงานกลับบ้านมา ก็จะได้ทำงานเสริมที่เป็นงานฟรีแลนซ์ของเราต่อได้
แต่เราอาจจะคิดผิดก็ได้ค่ะ ตอนนี้เราอยากลาออกมากเลยค่ะ...

แต่ก็ไม่รู้ว่าจะลาออกจันทร์ที่ 18 มี.ค. นี้เลย แต่เราไม่รู้ว่าเราจะมีสิทธิ์ได้รับเงินตามวันที่เราได้ทำงานภายในเดือนนี้หรือเปล่า เพราะมันค่อนข้างกระทันหันค่ะ (ถ้าตามกฎหมาย นายจ้างก็ต้องจ่าย?)
หรือว่าเราควรจะทนไปจนถึงสิ้นเดือน (ประมาณ 2 อาทิตย์กับอีก 3 วัน) แล้วรับเงินเดือนที่อาจจะมีถูกหักค่าใช้จ่ายไปบ้างจนเหลือใกล้ ๆ 2 หมื่น ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้อีก 1 เดือนดีคะ (แล้วค่อยทำงานเก็บเงินสำหรับเดือนถัดไปวนไป)

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เนื่องจากเราจบแค่ ม.3 เราก็เลยไม่สามารถไปสมัครงานตามบริษัทที่มีโครงสร้างบริษัทชัดเจน มีระบบที่ชัดเจนได้ จึงมักหลุดไปทำงานในองค์กรที่ไม่มีระบบที่เป็นแบบแผน ไม่มีโครงสร้างที่ชัดเจนและตายตัว ต้องทำงานแบบอุทิศตน "เราทำงานกันเป็นครอบครัว มีอะไร ๆ ก็ช่วยกัน"...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่ก็ไม่กล้าไปฟ้องร้องใด ๆ เพราะกลัวว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่และมองหน้ากันไม่ติด เพราะฝั่งเจ้านายก็มี connection ค่อนข้างเยอะ เราเองก็ต้องรักษาผลประโยชน์ในการหา connection เวลาทำงานฟรีแลนซ์เหมือนกัน เลยอยากจะลาออกด้วยความสัมพันธ์ที่ดีจะดีกว่าค่ะ

ถึงแม้เราจะพยายามดูแลสุขภาพมากแค่ไหน แต่พอเจอความเครียดสะสมมาก ๆ และภาระงานจำนวนมากที่ต้องทำแข่งกับเวลา ก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกกดดัน แต่มันไม่กดดันและใจฝ่อเท่าตอนที่รู้ว่าทางองค์กรไม่ต้องการเรา ไม่จำเป็นต้องมีเรา นายจ้างบอกเราว่าเขาสามารถหาใครก็ได้มาแทนเรา
ทั้งที่เขายังคอยชมเราต่อหน้าคนอื่น ๆ ตลอดว่าเราเป็นบุคคลากรที่มีคุณภาพ มีความสามารถมาก รู้สึกโชคดีที่มีเรามาร่วมงาน เราควรดีใจหรือเสียใจดีคะ... สุดท้ายเราขอเลือกที่จะก้าวออกไปดีกว่า ขอไปอยู่กับตัวเอง แล้วหาเงินด้วยลำแข้งของตัวเองดีกว่า ให้ตัวเองรู้สึกว่าฉันนี่แหละมีคุณค่า ไม่จำเป็นต้องง้อขอเงินเดือนจากใคร ฉันก็ทำงานตามความสามารถของฉันและได้รับค่าแรงตามความเหมาะสมที่ฉันควรจะได้รับค่ะ

พอความเครียดทั้งแบบรู้ตัวและไม่รู้ตัวมันสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ บวกกับพักผ่อนน้อย เพราะเลิกงานมา กลับบ้านมา กว่าจะทำงานบ้าน ซักผ้า ออกกำลังกายเสร็จ บางวันก็เรียนหรือทำธุระอย่างอื่น ก็เหลือเวลาให้ได้นอนเต็มที่จริง ๆ ไม่ถึง 7 ชั่วโมง ทำให้อาการปวดตรงจุดที่เคยมีเนื้องอกมันกลับมาอีก และตรงที่เคยมีเนื้องอกก็กลับมาบวมขึ้นอีก และปวดอีก นอกจากนี้ยังมีอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ อย่างท้องผูกท้องเสียสลับกันทีละ 2-3 วัน อาการกรดไหลย้อน อาการมีเสมหะมาคาอยู่ที่คอตลอดเวลา อาการไอเนื่องมาจากกรดไหลย้อนทำให้แสบคอและไอ และรู้สึกปวดกระเพาะด้วย เพราะไม่ค่อยได้กินข้าว มีอาการฉี่เป็นเลือดเพราะไม่ได้ไปเข้าห้องน้ำ กระเพาะปัสสาวะก็อักเสบจนมีไข้ขึ้น วันนั้นทำงานไม่ได้เลยค่ะ แต่ก็ขอกลับบ้านไม่ได้ ก็อยู่ทำงานจนเสร็จงานค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อีกเรื่องคือถ้าลาออกแล้ว เราจะไปตรวจสุขภาพ แล้วก็อยากไปพบจิตแพทย์ด้วย เพราะตอนนี้เรายังไม่มีประกันสังคม ต้องส่งให้ครบ 3 เดือน ทำให้ย้ายสิทธิ์บัตรทองก็ไม่ได้ ถ้าลาออกแล้วอยากจะกลับไปที่บ้านเกิดเพื่อตรวจสุขภาพและไปดูบ้านด้วยค่ะ T.T

ถ้ามันยังเป็นแค่การอักเสบเฉย ๆ ไม่ได้เกิดเนื้องอกแบบมะเร็งก็คงดีค่ะ สิ่งที่กลัวตอนนี้คือมะเร็ง แบบว่ากลัวเป็นโดยไม่รู้ตัว แล้วมารู้ตัวอีกทีก็เหลือเวลาไม่มากแล้ว เรายังมีคนที่เราอยากเจอ เรายังมีสิ่งที่เราอยากทำอีกเยอะเลยค่ะ สิ่งที่พยายามมากที่สุดในตอนนี้คือพยายามไม่ดาวน์ พยายามทำให้ตัวเองอารมณ์ดี และแจ่มใสกว่านี้ แต่บางทีมันก็เกินกำลังจริง ๆ ค่ะ

แต่ก็ไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีได้หรือเปล่า ต่อให้ทำงาน 11-13 ชม. ต่อวัน เราก็ต้องหาเวลาออกกำลังกายให้ได้ และยืดเส้นยืดสาย ทำให้กล้ามเนื้อไม่ระบม และไม่เมื่อยล้า ไม่ปวดหลัง แต่ด้วยความที่ทำงานหน้าคอมนาน ๆ ก็ปวดตา ล้าตามาก ๆ ค่ะ

พออาการปวดมาทีไร ก็รู้สึกว่า "เวลาชีวิตของเรามันเหลือน้อยลงแล้วหรือเปล่านะ"
และอยากรีบ ๆ ออกไปทำตามความฝันก่อนที่เราจะตายวันตายพรุ่งหรือเปล่าก็ไม่รู้ค่ะ
รู้สึกว่าเวลามันน้อยเกินไปมาก
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ถ้าไม่หนักหนาอะไรก็ทนอยู่ถึงสิ้นเดือนเลยครับ เพื่อจะได้รับเงินเดือนเต็มๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่