ศิลปิน ร่วมขับเคลื่อน แม่น้ำโขง ลงพื้นที่บันทึกความเปลี่ยนแปลง ใช้ศิลปะสะท้อนผ่านผลงาน-ระดมทุน
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_8131126
 
 
ศิลปิน ร่วมขับเคลื่อน แม่น้ำโขง ลงพื้นที่บันทึกความเปลี่ยนแปลง ใช้ศิลปะสะท้อนผ่านผลงาน-ระดมทุน เตรียมจัดตั้งกองทุนหนุนทำงานต่อเนื่อง
 
วันที่ 9 มี.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา นายกิตติ ตรีราช ผู้จัดการนาคาสตูดิโอ เปิดเผยว่าระหว่างวันที่ 3-9 มี.ค. โฮงเฮียนแม่น้ำโขง ร่วมกับ นาคาสตูดิโอ จัดทำโครงการศิลปะวิถีแห่งสายน้ำของ
 
โดยชักชวนและพาศิลปิน 15 คน ที่ทำงานเชื่อมโยงกับการอนุรักษ์แม่น้ำโขง ลงพื้นที่ร่วมกันสร้างผลงานทางด้านศิลปะ เพื่อใช้ในการระดมเงินจัดตั้งกองทุนในการทำงานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมลุ่มน้ำโขง
 
นายกิตติ กล่าวว่า ที่ผ่านมาการทำงานด้านศิลปะเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ขาดงบประมาณและทรัพยากรในการสนับสนุนที่ชัดเจน ในหลายครั้งจึงไม่สามารถทำงานได้ตามเจตนารมณ์ที่ศิลปินได้วางไว้
 
อีกทั้งนาคาสตูดิโอมีความเชื่อว่างานศิลปะเป็นเครื่องมือในการสื่อสารที่ทรงพลัง ไม่ว่าจะเป็น ภาพวาด บทกวี บทเพลง ขณะที่นาคาสตูดิโอมีต้นทุนทั้งในส่วนของเครือข่ายศิลปินที่หลากหลายแขนง และเครื่องมือในการผลิตผลงานศิลปะ
 
จึงเป็นโอกาสที่ดีในการรวมตัวศิลปินเพื่อสร้างผลงาน และเป็นการเปิดพื้นที่ให้ศิลปินได้พบปะทำงานร่วมกันระหว่างรุ่นทั้งระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และขยายสู่ระดับโลก
 
“เป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับศิลปินรุ่นใหม่ในการสร้างผลงานสนับสนุนงานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เกิดเป็นกองทุนในการพึ่งพาตัวเองในการทำงานศิลปะ และสามารถเป็นช่องทางในการระดมทุนจากกลุ่มผู้มีกำลังทรัพย์ที่มีความสนใจในงานศิลปะ ในการหาทุนเพื่อสนับสนุนกองทุนทำงานด้านการอนุรักษ์ผ่านงานศิลปะที่หลากหลายแขนง ให้เกิดความยั่งยืนสืบต่อไป” นายกิตติ กล่าว
 
นายสุวัฒน์ อาวุธ ศิลปินอิสระ กล่าวว่า เมื่อ 30 ปีก่อนได้ติดตามศิลปินใหญ่หลายคน อาทิ อ.ประเทือง เอมเจริญ อ.แนบ โสตถิพันธุ์ มาลงพื้นที่วาดภาพแม่น้ำโขง ถือเป็นประสบการณ์ครั้งสำคัญ เพราะได้เห็นการสร้างงานศิลปะแม่น้ำโขงทำให้รู้สึกผูกพัน กลายเป็นภาพจำมาจนถึงปัจจุบัน การได้ย้อนกลับมาครั้งนี้ถือว่าเป็นโอกาสดีแม้มีความเปลี่ยนแปลงในแม่น้ำโขงอย่างต่อเนื่อง จึงอยากทำงานศิลปะบันทึกต่อยอดในสิ่งที่ครูบาอาจารย์เคยบันทึกไว้
นายสุวัฒน์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้เริ่มเปิดโครงการและมีเด็กนักเรียนกว่า 200 คนมาร่วมงาน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เคยเห็นปลาแม่น้ำโขงที่เป็นของจริง เห็นแต่เพียงในรูปภาพ ซึ่งสะท้อนให้เห็นปลาที่หายไปจากการสร้างเขื่อน ดังนั้นในโลกสมัยใหม่ที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วก็ทำได้แค่ส่งเสียงออกไปโดยใช้ภาพวาด บทเพลงและกวีที่เราทำได้
 
“เป็นเรื่องเศร้าที่เด็กๆไม่เคยเห็นปลาแม่น้ำโขง ทั้งๆ ที่พ่อแม่เคยได้กิน เราให้เด็กๆ มาร่วมกันสร้างผลงาน เพื่อส่งเสียงออกไปเพราะเพื่อนๆเขาที่อยู่ในเมืองไม่รู้เหมือนคนริมน้ำ แม่น้ำโขงมีเรื่องราวมากมายและซับซ้อนลึกลับ จึงมีเรื่องที่น่าถ่ายทอดมาก” ศิลปินอิสระ กล่าว
 
นายสุวัฒน์ กล่าวถึงการตั้งกองทุนเพื่อให้ศิลปินร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานเพื่อแม่น้ำโขงว่า คนทำงานธรรมชาติจำนวนมากไม่ใช่คนรวยมีฐานะ การจะมาบันทึกภาพเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวจึงเป็นเรื่องยาก ดังนั้นจึงชักชวนศิลปินมาร่วมกันสร้างผลงานฝากไว้ในแผ่นดิน เพื่อจัดตั้งเป็นกองทุนสนับสนุนศิลปินที่จะลงพื้นที่บันทึกเรื่องราวของแม่น้ำโขง อยากเชิญชวนศิลปินทุกคนทั้งรายบุคคลหรือหมู่คณะมาร่วมกัน
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจากเสียงสะท้อนเรื่องราวแม่น้ำโขงไปสู่สังคมแล้ว อาจสะท้อนไปถึงรัฐบาลด้วยอยากบอกว่าอย่างไร นายสุวัฒน์ กล่าวว่า การพัฒนาและสร้างความเจริญนั้นหลายคนอยากได้ แต่หากมีแหล่งพลังงานอื่นที่ทดแทนได้ก็ควรพิจารณาทางเลือกอื่น
 
เพราะการสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำจะคุ้มกันหรือไม่กับการสูญเสียระบบนิเวศที่หล่อเลี้ยงชุมชนสองฝั่ง การจะให้ชาวบ้านเลี้ยงปลากระชังทดแทนวิถีชีวิตที่จับปลาจากแม่น้ำเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไม่
 
“ทุกคนต่างไปหาความเจริญ แต่ถ้าเจริญแล้วทุกข์ การอยู่กระท่อมอยู่สวน อาจเป็นความสุขที่แท้จริง บางทีมันเวอร์ มันมากเกินไปก็ไม่ดี” นายสุวัฒน์ กล่าว

---

โคราชไฟไหม้ลามทุ่งหญ้าข้างทางค่าฝุ่นพุ่ง
https://www.innnews.co.th/news/local/news_687498/

โคราชไฟไหม้ลามทุ่งหญ้าข้างทางเป็นบริเวณกว้าง ระดมรถดับเพลิง 4 คัน ดับไฟกว่า 1 ชม. ขณะค่าฝุ่น PM 2.5 พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง
 
เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 8 มีนาคม 2567 เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฮุก 31 จุดขามทะเลสอ ได้รับแจ้งเกิดเหตุไฟไหม้หญ้าริมทางหลวงหมายเลข 2068 บริเวณตรงข้ามวัดบ้านหนองกระทุ่ม ต.บึงอ้อ อ.ขามทะเลสอ จ.นครราชสีมา จึงได้ประสานขอรถดับเพลิง อบต.บึงอ้อ อ.ขามทะเลสอ เข้าไปดับเพลิงในที่เกิดเหตุ แต่เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบว่าไฟได้ลุกลามเป็นบริเวณกว้าง รถดับเพลิงของ อบต.บึงอ้อเพียงคันเดียว
 
ไม่สามารถฉีดน้ำควบคุมเพลิงไว้ได้ โดยไฟยังคงลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดควันไฟคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ บดบังทัศนวิสัยบนถนน และควันยังลอยไปปกคลุมชุมชนใกล้เคียงอีกหลายชุมชน ทาง อบต.บึงอ้อ
 
จึงได้ประสานขอรถดับเพลิงจากเทศบาลตำบลพันดุง, เทศบาลตำบลขามทะเลสอ และเทศบาลตำบลโคกกรวด มาเสริมกำลังอีก 3 คัน โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมไฟไว้ได้ ส่วนสาเหตุการเกิดไฟไหม้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบของเจ้าหน้าที่
 
ขณะเดียวกัน เช้าวันนี้ (9 มีนาคม 2567) นายธนัญชัย วรรณสุข ผู้อำนวยการสํานักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 11 นครราชสีมา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้รับรายงานจากจิสด้า ว่าในพื้นที่ จ.นครราชสีมา พบว่ามีจุดความร้อนที่เกิดจากไฟไหม้ทั้งหมด 26 จุด โดยแบ่งเป็น อยู่ในเขตป่าอนุรักษ์ 1 จุด, อยู่ในเขต สปก. 9 จุด, อยู่ในเขตป่าสงวน 2 จุด,
 
อยู่ริมถนนทางหลวง 1 จุด, อยู่ในพื้นที่การเกษตร 10 จุด และพื้นที่อื่นๆ อีก 3 จุด ส่งผลให้เช้าวันนี้ (9 มี.ค.) สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา เพิ่มสูงขึ้นเป็น 43.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เป็นสีส้ม ซึ่งอยู่ในสถานการณ์เฝ้าระวังสุขภาพ และประชาชนควรลดระยะเวลาทำกิจกรรมกลางแจ้ง เพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบทางสุข

---

แม่น้ำชีโคราชแห้งชาวบ้านเริ่มขาดแคลนน้ำ
https://www.innnews.co.th/news/local/news_687507/

แม่น้ำชีโคราช น้ำลดรวดเร็ว บางจุดแห้งขอด ชาวบ้านเริ่มขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ กระทบปลูกผัก – ทำประมงหาปลา
 
วันนี้ ( 9 มีนาคม 2567 ) ปริมาณน้ำภายในลำน้ำชี ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลัก ใช้หล่อเลี้ยงคนในชุมชนพื้นที่ตำบลแก้งสนามนาง อำเภอแก้งสนามนาง จังหวัดนครราชสีมา พบว่า ระดับน้ำลดลงจนถึงขั้นแห้งขอดเป็นช่วงๆ ส่งผลให้ชาวบ้าน 12 หมู่บ้าน ในตำบลแก้งสนามนาง อำเภอแก้งสนามนาง กำลังประสบความเดือดร้อน เริ่มจะขาดแคลนน้ำใช้อุปโภค-บริโภค และใช้ทำการเกษตร
 
โดยนางเต็ม อายุ 65 ปี ชาวบ้าน หมู่ที่ 3 บ้านแก่งโก ตำบลแก้วสนามนาง บอกว่า ปีนี้ ภัยแล้งมาเร็วกว่าทุกปี ปริมาณน้ำในลำน้ำชี ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักไหลผ่านไปยังจังหวัดชัยภูมิ เริ่มจะแห้งขอดมากขึ้นเรื่อยๆ และเห็นสันดอนดินโผล่เป็นช่วงๆ ส่งผลทำให้ชาวบ้านในชุมชน กว่า 20 ครอบครัว ที่มีอาชีพทำประมงจับสัตว์น้ำได้รับผลกระทบอย่างหนัก ไม่สามารถออกเรือหาปลาหรือจับสัตว์น้ำอื่นๆ ในจุดที่ระดับน้ำลดต่ำได้ นอกจากนี้ ปริมาณน้ำที่แห้งลงอย่างรวดเร็ว ยังส่งผลกระทบเกษตรกรผู้ปลูกพืชผักสวนครัวจำหน่าย เครื่องสูบน้ำพลังงานไฟฟ้าไม่สามารถจะสูบดึงน้ำขึ้นมาใช้ได้ พืชผักเริ่มแห้งเหี่ยวเสียหาย ได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า