(ย้อนอดีต — คืนไฟไหม้บ้านพระยาอนุรักษ์)
เสียงเปลวไฟลุกฮือ เสียงคนร้องตะโกนหนีตาย และเสียงไม้ลั่นเปรี๊ยะดังก้องทั่วคฤหาสน์
เด็กหญิงตัวเล็กในชุดนอนสีขาววิ่งหอบหายใจ หน้าตาเปื้อนเขม่าควัน เธอหยุดยืนมองไปทางโถงกลางที่เต็มไปด้วยไฟและเสียงร้องของคนใช้ที่ติดอยู่ข้างใน
แม่ของเธอตะโกนจากอีกฟากของห้อง
“วิภา! วิภา หนีไป! ไปที่ห้องใต้ดิน!!”
เด็กหญิงร้องไห้ เสียงสะอื้นของเธอถูกกลืนไปกับเสียงลั่นของคานไม้ที่เริ่มถล่ม
เธอวิ่งกลับไปยังห้องของบิดา — พระยาอนุรักษ์ — ซึ่งอยู่ชั้นล่าง
ในห้องเต็มไปด้วยควันและกลิ่นไหม้ฉุนจนแสบจมูก
พระยาอนุรักษ์นั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ ร่างไม่ไหวติง
ที่พื้น…มีคราบเลือด
เด็กหญิงร้องกรี๊ดและพยายามเข้าไปปลุกเขา
“คุณพ่อ! พ่อขา! ลุกสิ… หนูอยู่ตรงนี้!”
แต่เสียงหนึ่งดังขึ้นจากมุมมืด
“ไม่ต้องเรียกหรอก… เขาไม่มีวันลุกขึ้นมาอีกแล้ว”
เด็กหญิงหันขวับ น้ำตาท่วมดวงตา
ชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงเงาเสาไม้ ใบหน้าถูกเงาไฟสะท้อนจนดูบิดเบี้ยว
“แก…ทำอะไรพ่อฉัน!”
ชายคนนั้นไม่ตอบ แต่เพียงเดินเข้ามาช้า ๆ
เด็กหญิงถอยหลังแทบสะดุด
ก่อนที่เสียงไม้จะหักโครมลงมา เธอวิ่งสุดแรงไปทางประตูลับหลังห้องหนังสือ — บานที่บิดาเคยบอกว่าเป็น “ทางหนีภัยสำหรับคนในตระกูล”
เธอพุ่งเข้าไปในทางเดินแคบ ๆ มืดมิด ตะเกียงน้ำมันในมือสั่นระริก ขณะที่เปรวเพลิงกำลังไล่หลัง
ภาพตัดมาที่ปากทางด้านหลังรั้วเรือน
กลุ่มชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงพยายามช่วยคนในบ้านออกมา
เด็กหญิงในชุดขาว — วิภา — ทะลุพงหญ้าออกมาด้วยสภาพสะบักสะบอม
ร่างเธอสั่นสะท้าน ใบหน้าดำมอม แม้จะเต็มไปด้วยควัน…แต่ดวงตายังเปล่งประกายด้วยความหวาดกลัวและความจำฝังลึก
เธอพูดเพียงคำเดียว ขณะล้มลงในอ้อมแขนเจ้าหน้าที่:
“เขา…ฆ่าพ่อฉัน…”
⸻
(ตัดกลับมาปัจจุบัน)
เอกภพนั่งอ่านบันทึกการให้การของเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่เคยอุ้มเด็กคนนั้นไว้ในคืนไฟไหม้
“เด็กหญิงอายุราว 10 ขวบ ให้การก่อนสลบว่า ‘เขาฆ่าพ่อฉัน’ แต่ไม่ได้ระบุว่าใคร ก่อนที่จะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลและหายตัวไปหลังจากนั้น”
เอกภพพึมพำ
“คำให้การที่ไร้เสียง…เพราะไม่มีใครฟัง ไม่มีใครจดจำ”
เขาหยิบภาพเด็กหญิงในอดีตขึ้นมาแนบข้างใบหน้าภาพปัจจุบันของอรสาอีกครั้ง
เงียบ…
เสียงนาฬิกาเดินเป็นจังหวะเดียวที่ดังในห้อง
เอกภพค่อย ๆ วางภาพลง แล้วเริ่มบันทึกเสียง
“พบเบาะแสเพิ่ม สาวชื่อ ‘อรสา’ อาจเป็นคนเดียวกับเด็กหญิงชื่อวิภา — ลูกสาวพระยาอนุรักษ์ที่หายไป”
“จำเป็นต้องเข้าถึงบันทึกของตระกูลวรภักดิ์ช่วงปี 2490–2500 โดยเฉพาะการอุปการะเด็กหญิงในช่วงเวลาดังกล่าว”
“ขอความร่วมมือ…ก่อนที่ใครบางคนจะทำลายหลักฐานอีกครั้ง”
ตัดสลับ – วรรณภพในห้องประชุมของห้าง
ชายหนุ่มนั่งอยู่หัวโต๊ะ สีหน้าครุ่นคิด มือค่อย ๆ เปิดแฟ้มเก่าเล่มหนึ่ง ที่ได้รับจากเอกภพ
— เอกสารการอุปการะเด็ก
บนหน้ากระดาษมีชื่อที่น่าจะถูกลืมไปนานแล้ว…
“วิภา — บุตรหญิงพระยาอนุรักษ์”
เขาหยิบไฟแช็กขึ้นมา…จุดมันขึ้นกลางแฟ้ม
เปลวไฟค่อย ๆ กลืนกินชื่อที่ไม่ควรมีใครจำได้
แต่วรรณภพไม่รู้เลยว่า…
มีคนหนึ่ง…กำลังจำทุกอย่างได้ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ
พิษสวาท อำพราง บทที่ 38: เงาไฟในดวงตาเด็กหญิง
เสียงเปลวไฟลุกฮือ เสียงคนร้องตะโกนหนีตาย และเสียงไม้ลั่นเปรี๊ยะดังก้องทั่วคฤหาสน์
เด็กหญิงตัวเล็กในชุดนอนสีขาววิ่งหอบหายใจ หน้าตาเปื้อนเขม่าควัน เธอหยุดยืนมองไปทางโถงกลางที่เต็มไปด้วยไฟและเสียงร้องของคนใช้ที่ติดอยู่ข้างใน
แม่ของเธอตะโกนจากอีกฟากของห้อง
“วิภา! วิภา หนีไป! ไปที่ห้องใต้ดิน!!”
เด็กหญิงร้องไห้ เสียงสะอื้นของเธอถูกกลืนไปกับเสียงลั่นของคานไม้ที่เริ่มถล่ม
เธอวิ่งกลับไปยังห้องของบิดา — พระยาอนุรักษ์ — ซึ่งอยู่ชั้นล่าง
ในห้องเต็มไปด้วยควันและกลิ่นไหม้ฉุนจนแสบจมูก
พระยาอนุรักษ์นั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ ร่างไม่ไหวติง
ที่พื้น…มีคราบเลือด
เด็กหญิงร้องกรี๊ดและพยายามเข้าไปปลุกเขา
“คุณพ่อ! พ่อขา! ลุกสิ… หนูอยู่ตรงนี้!”
แต่เสียงหนึ่งดังขึ้นจากมุมมืด
“ไม่ต้องเรียกหรอก… เขาไม่มีวันลุกขึ้นมาอีกแล้ว”
เด็กหญิงหันขวับ น้ำตาท่วมดวงตา
ชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงเงาเสาไม้ ใบหน้าถูกเงาไฟสะท้อนจนดูบิดเบี้ยว
“แก…ทำอะไรพ่อฉัน!”
ชายคนนั้นไม่ตอบ แต่เพียงเดินเข้ามาช้า ๆ
เด็กหญิงถอยหลังแทบสะดุด
ก่อนที่เสียงไม้จะหักโครมลงมา เธอวิ่งสุดแรงไปทางประตูลับหลังห้องหนังสือ — บานที่บิดาเคยบอกว่าเป็น “ทางหนีภัยสำหรับคนในตระกูล”
เธอพุ่งเข้าไปในทางเดินแคบ ๆ มืดมิด ตะเกียงน้ำมันในมือสั่นระริก ขณะที่เปรวเพลิงกำลังไล่หลัง
ภาพตัดมาที่ปากทางด้านหลังรั้วเรือน
กลุ่มชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงพยายามช่วยคนในบ้านออกมา
เด็กหญิงในชุดขาว — วิภา — ทะลุพงหญ้าออกมาด้วยสภาพสะบักสะบอม
ร่างเธอสั่นสะท้าน ใบหน้าดำมอม แม้จะเต็มไปด้วยควัน…แต่ดวงตายังเปล่งประกายด้วยความหวาดกลัวและความจำฝังลึก
เธอพูดเพียงคำเดียว ขณะล้มลงในอ้อมแขนเจ้าหน้าที่:
“เขา…ฆ่าพ่อฉัน…”
⸻
(ตัดกลับมาปัจจุบัน)
เอกภพนั่งอ่านบันทึกการให้การของเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่เคยอุ้มเด็กคนนั้นไว้ในคืนไฟไหม้
“เด็กหญิงอายุราว 10 ขวบ ให้การก่อนสลบว่า ‘เขาฆ่าพ่อฉัน’ แต่ไม่ได้ระบุว่าใคร ก่อนที่จะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลและหายตัวไปหลังจากนั้น”
เอกภพพึมพำ
“คำให้การที่ไร้เสียง…เพราะไม่มีใครฟัง ไม่มีใครจดจำ”
เขาหยิบภาพเด็กหญิงในอดีตขึ้นมาแนบข้างใบหน้าภาพปัจจุบันของอรสาอีกครั้ง
เงียบ…
เสียงนาฬิกาเดินเป็นจังหวะเดียวที่ดังในห้อง
เอกภพค่อย ๆ วางภาพลง แล้วเริ่มบันทึกเสียง
“พบเบาะแสเพิ่ม สาวชื่อ ‘อรสา’ อาจเป็นคนเดียวกับเด็กหญิงชื่อวิภา — ลูกสาวพระยาอนุรักษ์ที่หายไป”
“จำเป็นต้องเข้าถึงบันทึกของตระกูลวรภักดิ์ช่วงปี 2490–2500 โดยเฉพาะการอุปการะเด็กหญิงในช่วงเวลาดังกล่าว”
“ขอความร่วมมือ…ก่อนที่ใครบางคนจะทำลายหลักฐานอีกครั้ง”
ตัดสลับ – วรรณภพในห้องประชุมของห้าง
ชายหนุ่มนั่งอยู่หัวโต๊ะ สีหน้าครุ่นคิด มือค่อย ๆ เปิดแฟ้มเก่าเล่มหนึ่ง ที่ได้รับจากเอกภพ
— เอกสารการอุปการะเด็ก
บนหน้ากระดาษมีชื่อที่น่าจะถูกลืมไปนานแล้ว…
“วิภา — บุตรหญิงพระยาอนุรักษ์”
เขาหยิบไฟแช็กขึ้นมา…จุดมันขึ้นกลางแฟ้ม
เปลวไฟค่อย ๆ กลืนกินชื่อที่ไม่ควรมีใครจำได้
แต่วรรณภพไม่รู้เลยว่า…
มีคนหนึ่ง…กำลังจำทุกอย่างได้ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ