ผมกับภรรยาอยู่ด้วยกันมา 12 ปี มีลูกสาว 1 คนอายุ 4 ขวบ
เล่าพื้นหลังก่อน..
ถ้าจะบอกว่าผมมีตังค์...ก็ต้องบอกว่าอยู่สบาย บ้านไม่ได้ลำบาก ปัญหาชีวิตพื้นฐานอาจมีไม่เยอะเท่าคนอื่นๆด้วยซ้ำไป
ส่วน ภรรยา.. เป็นคนจีน ที่บ้านมีฐานะมากกว่ามาก ไม่ทำงาน แต่ก็สามารถอยู่สบายไปทั้งชีวิต
เราคบกันตั้งแต่ปี 2012 ตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย
จดทะเบียน 2016, แต่งงาน 2017, คลอดลูก 2020 (ช่วงโควิดเป๊ะ)
ฟังมาถึงตรงนี้...ทุกๆอย่างดูเหมือนจะดี มีชีวิตที่ราบรื่น
ผมกับภรรยาเราก็เหมือนคู่รักอื่นๆ มีการวางแผนชีวิตครอบครัว มีอะไรส่วนใหญ่ก็คิดร่วมกัน อะไรที่แตกต่าง ไม่ว่าจะทางวัฒนธรรม หรือ ใดๆ ก็เรียนรู้ค่อยๆปรับกัน
จนวันที่เรามีลูก...ตั้งครรภ์ที่ไทย แต่ไปคลอดลูกที่ประเทศจีน ตามแผนชีวิต ตัวแปรสำคัญของจุดเริ่มต้นในปัญหา คือ โควิด จู่ๆกลับพุ่งชนโลกกันอย่างจัง
ชีวิตที่กำลังจะไปได้สวย งานกำลังจะไปได้ดี ต้องชะงักลง แผนชีวิตที่วางเอาไว้ก็คือพังเช่นกัน ... 5 เดือนหลังจากลูกเราคลอดที่จีน ผมได้ตัดสินใจกลับไทย (เนื่องด้วยเหตุผลจำเป็น) เตรียมการกลับมาของภรรยาและลูก แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร สถานการณ์ไม่ดีขึ้นเลย ยิ่งไปกว่านั้นทางการจีนไม่มีการออกหนังสือเดินทางใหม่ให้กับประชาชน เมืองต่างๆ ก็ล็อคดาวน์ กระทั่งผ่านมาเป็นเวลา 2 ปี.....ทั้งภรรยาและลูกถึงมาไทยได้
ใช่ครับ ... ผมเสียเวลาไป 2 ปี โดยที่ไม่อยู่ข้างภรรยาและลูกสาวตัวน้อยๆ
พอเค้าย้ายกลับมาที่ไทย สิ่งที่ตามเค้ามาด้วย คือ แม่ยาย ..คุณแม่ของภรรยา ตามที่ผมทราบจากภรรยา การที่แม่ยายจะย้ายมาอยู่ด้วยช่วยเลี้ยงลูกหลานมันเป็นวัฒนธรรมที่เป็นปกติ ซึ่งผมก็คิดในใจคล้ายๆไทยเราเหมือนกันเนอะ เราจะได้ไปทำงาน
ประเด็นมันอยู่ที่ว่า ตั้งแต่เค้าย้ายกลับมา ผมกลับรู้สึกกลายเป็นส่วนเกินของครอบครัว ด้วยอำนาจทางการเงินของแม่ยายและครอบครัวฝั่งภรรยา ประกอบกับภรรยาเองก็พึ่งพาเงินจากตรงนั้น ต่อให้ผมทำอะไรก็ไม่เคยจะดี เงินที่หามาก็ไม่เคยจะพอ มีแต่คำพูดถากถางจากภรรยาแซะนั่นทีแซะนี่ทีว่าเราทำงานงกๆ แปลเป็นเงินยังดูแลครอบครัวให้ได้ดีตามที่เค้าคาดหวังไม่ได้เลย ทั้งที่เราก็พยายามปรับและหาทางออกมาให้ จ้างพี่เลี้ยงประจำมาช่วยดูแลลูกและครอบครัว จ้างคนขับรถประจำมาคอยรับส่ง เวลาเราไปทำงาน
จนนางบอกเอามานี่จ่ายเงินเดือนค่าพี่เลี้ยงเองจะได้กล้าสั่งงานนาง + จ่ายตลาด (ก็คือนางหรือแม่นางจ่าย) ...เอิ่ม..ผมก็โอเค..แต่ผมยังคงรับผิดชอบค่าใช้จ่ายอื่นๆต่อไป อยู่บ้านผม บ้าน/น้ำ/ไฟ/ กงสีบ้านผมจ่าย (เป็นแบบนี้มานานแล้ว) ส่วนที่เหลือ ทั้งคนขับ/โทรศัพท์ภรรยา+แม่เค้า+อินเตอร์เน็ตบ้าน/ประกันลูก/น้ำมันรถทุกคัน/ทานข้างนอก ... ฯลฯ อื่นๆทั้งหมดผมจ่าย ส่วนค่าเทอม เราหารกันคนละครึ่งดูเหมือนลงตัว ...แต่เชื่อมั้ย ณ ปัจจุบันมันไม่พอ ทำให้ผมต้องไปทำงานเพิ่ม
ผมทำธุรกิจของครอบครัว รายได้เคยดีมากๆ..แต่พอหลังโควิด ทุกๆอย่างก็ไม่ได้ดีเหมือนเดิมถึงแม้จะรอดมาได้จากช่วงหลายปีที่โรคระบาด
ปัจจุบันผมยังคงทำงานของที่บ้านเป็นหลัก.ทำงานใช้ทั้งสมองและแรงกาย + ทำอาชีพเสริมพาร์ทไทม์เป็นที่ปรึกษาและ project manger ให้กับบริษัทไทยที่ทำกับต่างชาติ รายได้รวมทั้งหมด 100,000 กว่าบาท/เดือน
เราไปทำงาน เข้าออฟฟิศ เข้าโรงงาน มาจนเย็นบางทีดึกๆยังประชุม หรือ ส่งอีเมลล์เรื่องงานอยู่เลย...ตรงๆ เหนื่อยนะ แต่มันก็คือชีวิต และเราก็รู้แหละว่าบางทีก็ใช้เวลากับลูกและครอบครัวน้อยลง ถึงแม้ทุกวันเรากลับบ้าน แต่บางทีก็ยังทำงานต่อที่บ้านอยู่เลย เพราะอยากหารายได้มาให้ครอบครัวและภรรยาอยู่สบาย
กลับมาที่ภรรยาผม ส่วนตัวผมรู้จักนิสัยภรรยาดี ตั้งแต่นางกลับมาไทยครั้งนี้เมื่อ 2 ปีก่อน นางดูเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ พูดไปกี่ที อธิบายไปกี่ครั้ง เหมือนคุยกับอากาศ ไม่เคยจะเป็นพลังงานบวกให้กันเลย ไม่เคยคอยให้กำลังใจ หรือ พอเวลาเราว่างอยากใช้เวลาร่วมกัน เค้าก็บอกเหนื่อยดูลูกขอเวลาส่วนตัว ...บางทีผมก็ งง นะ มีแม่ พี่เลี้ยง ไหนลูกจะไป รร อีกเวลาปกติเอาไปทำอะไร งานก็ไม่ได้ทำ งานบ้านไม่ต้องพูดถึง อะไรหว่า...พอเรามีเวลา ก็เป็นแบบนี้ + นี่ยังไม่รวมพลังงานลบจากแม่ภรรยาอีกนะ บ่นได้ทุกเรื่อง ไม่เคยพอใจอะไรซักอย่าง
ผมต้องคอยเจอพลังงานลบๆแบบนี้ทุกวันๆ เมียไม่เคยพอใจและไม่ให้ความสำคัญ ถ้าจะบอกคือนางเป็นแม่ที่ดีและลูกที่ดีแต่เป็นคู่ชีวิตที่ติดลบเลตอนนี้ ผมเองก็รู้ตัวว่าก็คงไม่ได้ดีพอหรอก แต่ผมก็พยายามและคิดว่าเราต้องปรับจูนกันเพราะนี่คือครอบครัวเรา ในทางกลับกัน มีปัญหาอะไร ภรรยาผมนางเดินไปคุยกับแม่นาง ปรึกษาแม่นาง ...แล้วผมเป็นอะไร ? เนื้องอกในครอบครัวหรอ?
จากใจนะ ผมซาบซึ้งในความหวังดี+ตั้งใจของแม่เค้าแหละที่มีต่อครอบครัผม เพราะยังไงนั่นก็ลูกเค้าหลานเค้า แต่บางทีมันก็มีเส้นบางๆหรือเปล่า ที่ผมก็เป็นพ่อคนสามีคนนะ ตั้งแต่เค้ามานี่เหมือนภรราผม นางลืมไปหรือเปล่าว่า family core มันอยู่ที่ไหน เราสองคนหรือเปล่า ไม่ใช่ แต่เป็นแม่นางที่เป็นจุดศูนย์กลางครอบครัว อะไรๆก็ I need to ask my mom (wtf) นางไม่เหมือนเดิมเลย หรือว่า นางเป็นแบบนี้อยู่แล้วเวลาอยู่กับแม่เค้า พึ่งพาแต่เงินพ่อแม่เค้าจนเป็นความเคยชิน เพียงแต่เราเพิ่งมาประสบตอนที่เราอยู่ด้วยกัน?
ความรู้สึกของผมมันสะสมมาเรื่อยๆ จนวันนี้เข้า 2 ปี ที่อยู่กับสภาพแวดล้อมแบบนี้ กับสถานการณ์ในครอบครัวแบบนี้ คือถ้าพูดสามารถพูดได้เลยว่าเราอยู่ด้วยกันแบบเพื่อลูก อารมณ์ถ้าหย่ากันก็คงไม่มีใครเสียใจ นี่ผมกับครอบครัวมาถึงจุดนี้ได้ยังไง? ชีวิตคู่เป็นแบบนี้ต่อไปไม่รอดแน่ๆ ใครมีประสบการณ์คล้ายๆกัน รบกวนแชร์ทีครับ... แก้ปัญหาชีวิตกันอย่างไร? จุดจบเป็นอย่างไร? ถึงหย่าร้างกันไหม?
ผมเริ่มไม่ไหวจริง แต่ไม่อยากตัดสินใจปุ๊บปับอะไร เพราะผมรักลูก
เมียจีน สามีไทย กับปัญหาชีวิตคู่ ใครเป็นแบบนี้บ้าง? มีทางออกกันอย่างไร?
เล่าพื้นหลังก่อน..
ถ้าจะบอกว่าผมมีตังค์...ก็ต้องบอกว่าอยู่สบาย บ้านไม่ได้ลำบาก ปัญหาชีวิตพื้นฐานอาจมีไม่เยอะเท่าคนอื่นๆด้วยซ้ำไป
ส่วน ภรรยา.. เป็นคนจีน ที่บ้านมีฐานะมากกว่ามาก ไม่ทำงาน แต่ก็สามารถอยู่สบายไปทั้งชีวิต
เราคบกันตั้งแต่ปี 2012 ตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย
จดทะเบียน 2016, แต่งงาน 2017, คลอดลูก 2020 (ช่วงโควิดเป๊ะ)
ฟังมาถึงตรงนี้...ทุกๆอย่างดูเหมือนจะดี มีชีวิตที่ราบรื่น
ผมกับภรรยาเราก็เหมือนคู่รักอื่นๆ มีการวางแผนชีวิตครอบครัว มีอะไรส่วนใหญ่ก็คิดร่วมกัน อะไรที่แตกต่าง ไม่ว่าจะทางวัฒนธรรม หรือ ใดๆ ก็เรียนรู้ค่อยๆปรับกัน
จนวันที่เรามีลูก...ตั้งครรภ์ที่ไทย แต่ไปคลอดลูกที่ประเทศจีน ตามแผนชีวิต ตัวแปรสำคัญของจุดเริ่มต้นในปัญหา คือ โควิด จู่ๆกลับพุ่งชนโลกกันอย่างจัง
ชีวิตที่กำลังจะไปได้สวย งานกำลังจะไปได้ดี ต้องชะงักลง แผนชีวิตที่วางเอาไว้ก็คือพังเช่นกัน ... 5 เดือนหลังจากลูกเราคลอดที่จีน ผมได้ตัดสินใจกลับไทย (เนื่องด้วยเหตุผลจำเป็น) เตรียมการกลับมาของภรรยาและลูก แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร สถานการณ์ไม่ดีขึ้นเลย ยิ่งไปกว่านั้นทางการจีนไม่มีการออกหนังสือเดินทางใหม่ให้กับประชาชน เมืองต่างๆ ก็ล็อคดาวน์ กระทั่งผ่านมาเป็นเวลา 2 ปี.....ทั้งภรรยาและลูกถึงมาไทยได้
ใช่ครับ ... ผมเสียเวลาไป 2 ปี โดยที่ไม่อยู่ข้างภรรยาและลูกสาวตัวน้อยๆ
พอเค้าย้ายกลับมาที่ไทย สิ่งที่ตามเค้ามาด้วย คือ แม่ยาย ..คุณแม่ของภรรยา ตามที่ผมทราบจากภรรยา การที่แม่ยายจะย้ายมาอยู่ด้วยช่วยเลี้ยงลูกหลานมันเป็นวัฒนธรรมที่เป็นปกติ ซึ่งผมก็คิดในใจคล้ายๆไทยเราเหมือนกันเนอะ เราจะได้ไปทำงาน
ประเด็นมันอยู่ที่ว่า ตั้งแต่เค้าย้ายกลับมา ผมกลับรู้สึกกลายเป็นส่วนเกินของครอบครัว ด้วยอำนาจทางการเงินของแม่ยายและครอบครัวฝั่งภรรยา ประกอบกับภรรยาเองก็พึ่งพาเงินจากตรงนั้น ต่อให้ผมทำอะไรก็ไม่เคยจะดี เงินที่หามาก็ไม่เคยจะพอ มีแต่คำพูดถากถางจากภรรยาแซะนั่นทีแซะนี่ทีว่าเราทำงานงกๆ แปลเป็นเงินยังดูแลครอบครัวให้ได้ดีตามที่เค้าคาดหวังไม่ได้เลย ทั้งที่เราก็พยายามปรับและหาทางออกมาให้ จ้างพี่เลี้ยงประจำมาช่วยดูแลลูกและครอบครัว จ้างคนขับรถประจำมาคอยรับส่ง เวลาเราไปทำงาน
จนนางบอกเอามานี่จ่ายเงินเดือนค่าพี่เลี้ยงเองจะได้กล้าสั่งงานนาง + จ่ายตลาด (ก็คือนางหรือแม่นางจ่าย) ...เอิ่ม..ผมก็โอเค..แต่ผมยังคงรับผิดชอบค่าใช้จ่ายอื่นๆต่อไป อยู่บ้านผม บ้าน/น้ำ/ไฟ/ กงสีบ้านผมจ่าย (เป็นแบบนี้มานานแล้ว) ส่วนที่เหลือ ทั้งคนขับ/โทรศัพท์ภรรยา+แม่เค้า+อินเตอร์เน็ตบ้าน/ประกันลูก/น้ำมันรถทุกคัน/ทานข้างนอก ... ฯลฯ อื่นๆทั้งหมดผมจ่าย ส่วนค่าเทอม เราหารกันคนละครึ่งดูเหมือนลงตัว ...แต่เชื่อมั้ย ณ ปัจจุบันมันไม่พอ ทำให้ผมต้องไปทำงานเพิ่ม
ผมทำธุรกิจของครอบครัว รายได้เคยดีมากๆ..แต่พอหลังโควิด ทุกๆอย่างก็ไม่ได้ดีเหมือนเดิมถึงแม้จะรอดมาได้จากช่วงหลายปีที่โรคระบาด
ปัจจุบันผมยังคงทำงานของที่บ้านเป็นหลัก.ทำงานใช้ทั้งสมองและแรงกาย + ทำอาชีพเสริมพาร์ทไทม์เป็นที่ปรึกษาและ project manger ให้กับบริษัทไทยที่ทำกับต่างชาติ รายได้รวมทั้งหมด 100,000 กว่าบาท/เดือน
เราไปทำงาน เข้าออฟฟิศ เข้าโรงงาน มาจนเย็นบางทีดึกๆยังประชุม หรือ ส่งอีเมลล์เรื่องงานอยู่เลย...ตรงๆ เหนื่อยนะ แต่มันก็คือชีวิต และเราก็รู้แหละว่าบางทีก็ใช้เวลากับลูกและครอบครัวน้อยลง ถึงแม้ทุกวันเรากลับบ้าน แต่บางทีก็ยังทำงานต่อที่บ้านอยู่เลย เพราะอยากหารายได้มาให้ครอบครัวและภรรยาอยู่สบาย
กลับมาที่ภรรยาผม ส่วนตัวผมรู้จักนิสัยภรรยาดี ตั้งแต่นางกลับมาไทยครั้งนี้เมื่อ 2 ปีก่อน นางดูเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ พูดไปกี่ที อธิบายไปกี่ครั้ง เหมือนคุยกับอากาศ ไม่เคยจะเป็นพลังงานบวกให้กันเลย ไม่เคยคอยให้กำลังใจ หรือ พอเวลาเราว่างอยากใช้เวลาร่วมกัน เค้าก็บอกเหนื่อยดูลูกขอเวลาส่วนตัว ...บางทีผมก็ งง นะ มีแม่ พี่เลี้ยง ไหนลูกจะไป รร อีกเวลาปกติเอาไปทำอะไร งานก็ไม่ได้ทำ งานบ้านไม่ต้องพูดถึง อะไรหว่า...พอเรามีเวลา ก็เป็นแบบนี้ + นี่ยังไม่รวมพลังงานลบจากแม่ภรรยาอีกนะ บ่นได้ทุกเรื่อง ไม่เคยพอใจอะไรซักอย่าง
ผมต้องคอยเจอพลังงานลบๆแบบนี้ทุกวันๆ เมียไม่เคยพอใจและไม่ให้ความสำคัญ ถ้าจะบอกคือนางเป็นแม่ที่ดีและลูกที่ดีแต่เป็นคู่ชีวิตที่ติดลบเลตอนนี้ ผมเองก็รู้ตัวว่าก็คงไม่ได้ดีพอหรอก แต่ผมก็พยายามและคิดว่าเราต้องปรับจูนกันเพราะนี่คือครอบครัวเรา ในทางกลับกัน มีปัญหาอะไร ภรรยาผมนางเดินไปคุยกับแม่นาง ปรึกษาแม่นาง ...แล้วผมเป็นอะไร ? เนื้องอกในครอบครัวหรอ?
จากใจนะ ผมซาบซึ้งในความหวังดี+ตั้งใจของแม่เค้าแหละที่มีต่อครอบครัผม เพราะยังไงนั่นก็ลูกเค้าหลานเค้า แต่บางทีมันก็มีเส้นบางๆหรือเปล่า ที่ผมก็เป็นพ่อคนสามีคนนะ ตั้งแต่เค้ามานี่เหมือนภรราผม นางลืมไปหรือเปล่าว่า family core มันอยู่ที่ไหน เราสองคนหรือเปล่า ไม่ใช่ แต่เป็นแม่นางที่เป็นจุดศูนย์กลางครอบครัว อะไรๆก็ I need to ask my mom (wtf) นางไม่เหมือนเดิมเลย หรือว่า นางเป็นแบบนี้อยู่แล้วเวลาอยู่กับแม่เค้า พึ่งพาแต่เงินพ่อแม่เค้าจนเป็นความเคยชิน เพียงแต่เราเพิ่งมาประสบตอนที่เราอยู่ด้วยกัน?
ความรู้สึกของผมมันสะสมมาเรื่อยๆ จนวันนี้เข้า 2 ปี ที่อยู่กับสภาพแวดล้อมแบบนี้ กับสถานการณ์ในครอบครัวแบบนี้ คือถ้าพูดสามารถพูดได้เลยว่าเราอยู่ด้วยกันแบบเพื่อลูก อารมณ์ถ้าหย่ากันก็คงไม่มีใครเสียใจ นี่ผมกับครอบครัวมาถึงจุดนี้ได้ยังไง? ชีวิตคู่เป็นแบบนี้ต่อไปไม่รอดแน่ๆ ใครมีประสบการณ์คล้ายๆกัน รบกวนแชร์ทีครับ... แก้ปัญหาชีวิตกันอย่างไร? จุดจบเป็นอย่างไร? ถึงหย่าร้างกันไหม?
ผมเริ่มไม่ไหวจริง แต่ไม่อยากตัดสินใจปุ๊บปับอะไร เพราะผมรักลูก