“เครือข่ายผลิตสุรา” ยื่นสภาฯ ค้านติดฉลากน่ากลัวบนขวดแอลกอฮอล์ ชี้ สวนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์
https://www.matichon.co.th/politics/news_4445914
“เครือข่ายผลิตสุรา” บุกร้อง ค้านติดฉลากน่ากลัวบนขวดเบียร์ นักวิชาการ ประเมินผู้ผลิตจะหายกว่าครึ่ง “ประธาน กมธ.พัฒนาเศรษฐกิจ” ชี้ รัฐบาล ออกกฎตรงข้ามนโยบาย “ซอฟต์พาวเวอร์”
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นาย
เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) นำตัวแทนเครือข่ายธุรกิจอุตสาหกรรมสุรา นักวิชาการ รวมถึงสมาคมผู้ประกอบการนำเข้าและผลิตสุราแห่งประเทศไทย ผู้ผลิตไวน์ภายในประเทศ ยื่นหนังสือต่อนาย
สิทธิพล วิบูลย์ธนากุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะประธานกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร และนพ.
ทศพร เสรีรักษ์ ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร เพื่อคัดค้านและเรียกร้องให้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง กรณีการติดฉลากเป็นรูปน่ากลัวบนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
นาย
เท่าพิภพ กล่าวว่า เรื่องการติดฉลากเป็นรูปน่ากลัว เพื่อควบคุมการดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นประกาศของคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กระทรวงสาธารณสุข ที่รับฟังความคิดเห็นอยู่ ถือเป็นประเด็นสำคัญในสังคม ทั้งนี้ มีโฆษกพรรคการเมือง และโฆษกของคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กรมควบคุมโรค บอกว่า ตนบิดเบือนข้อมูลเรื่องนี้ ตนขอชี้แจงว่าหากไปดูตามมาตรา 26 ของ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คณะกรรมการก็คือนายแพทย์
ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นั่งหัวโต๊ะ จะหาว่าตนบิดเบือนได้อย่างไรก็ไม่ทราบ
“
ทำงานก็มีวุฒิภาวะหน่อยนะครับ ก็ต้องฝากถึง แต่ก็ชื่นใจ ที่มีคุณหมอทศพรมาด้วย มีตัวแทนทั้ง 2 ฟากฝั่งของการเมือง ฝ่ายค้านและรัฐบาล ก็น่าจะมีข้อสรุปที่ดีไปพิจารณา ซึ่งได้ยินแว่ว ๆ มาว่าเรื่องการติดฉลากนี้จะไม่ผ่าน ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี” นาย
เท่าพิภพกล่าว
ขณะที่ ผศ.ดร.
เจริญ เจริญชัย ตัวแทนของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มสุราพื้นบ้าน และนักวิชาการ กล่าวว่า การที่ผู้ประกอบการไม่ค่อยจะกล้าออกมาพูด เพราะว่าส่วนมากทำงานเกี่ยวกับการผลิตเครื่องดื่ม ที่อยู่ภายใต้หน่วยงานราชการที่ควบคุม เพราะฉะนั้น นักวิชาการก็ต้องเป็นหัวหอกนำหน้าให้ มองว่ามาตรา 26 ของ พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัญหา และมองว่าหน่วยงานราชการที่ดูแลกฎหมายเรื่องนี้ไม่ได้สนใจเลยว่าประชาชนจะได้รับผลกระทบอย่างไร ผู้ประกอบการจะได้รับผลกระทบอย่างไร โดยที่ผลักดันกฎหมายออกมาอย่างสุดโต่ง เข้าสู่กระบวนการรับฟังความคิดเห็น ถึงแม้จะอ้างว่าเป็นเพียงการรับฟังความคิดเห็น แต่เราก็เชื่อว่าในการรับฟังความคิดเห็นก็จะมีเครือข่ายสายต้านเหล้าระดมกันมาให้ความเห็นสนับสนุน ถือเป็นการโยนหินถามทางว่ารัฐบาลปัจจุบันนี้จะเห็นกับกฎหมายเหล่านี้อย่างไร เป็นการทดลองว่ารัฐบาลจะเอาด้วยหรือไม่ ตนประเมินว่าจะผู้ผลิตจะหายไปครึ่งหนึ่ง เพราะจะต้องเปลี่ยนฉลากใหม่ รวมถึงมีภาพที่เกิดผลกระทบต่อลูกค้า ที่จะนำสินค้าขายให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
“
บางทีก็อาจจะลือไปทั่วโลก ว่าไม่ต้องมากินเหล้าที่เมืองไทยแล้ว เพราะมันน่าเกลียด อยากให้กรรมาธิการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือ เพื่ออยากทราบวัตถุประสงค์ของการของกฎหมายฉบับนี้” ผศ.ดร.
เจริญ กล่าว
ด้านนาย
สิทธิพล กล่าวว่า กรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจมีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงในการตรวจสอบติดตามในเรื่องนี้ ซึ่งตนจะนำไปประชุม เพื่อเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำมาชี้แจง อยากฝากไปถึงรัฐบาลว่าอุตสาหกรรมผลิตเหล้าเบียร์ เป็นอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ ที่ช่วยสร้างงานสร้างรายได้ ที่สำคัญหากกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ต้องไปดูว่ากระทบกับเศรษฐกิจในระดับชุมชนหรือไม่ ผู้ประกอบการรายย่อยจะแข่งขันได้ยากขึ้น นำเสนอสินค้าได้ยากขึ้นหรือไม่ และประการสำคัญที่สุดสำหรับรัฐบาลชุดนี้ซึ่งให้ความสำคัญกับเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ ตนคิดว่าประเด็นการกำกับด้วยฉลากรูปแบบต่าง ๆ จะต้องคำนึงถึงว่าส่งไปกระทบต่อซอฟต์พาวเวอร์ที่รัฐบาลพยามผลักดันหรือไม่
“
เป็นการสื่อสารไปในลักษณะตรงข้ามกับที่รัฐบาลจะผลักดันเรื่องซอฟต์พาวเวอร์หรือไม่ ผมเชื่อว่าหากมีเหตุผลที่ดีพอ รัฐบาลจะรับฟังและไปปรับปรุง การรักษาสมดุลของการรักษาสุขภาพ การคุ้มครองผู้ประกอบการ การคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค ก็เป็นสิ่งสำคัญที่รัฐบาลต้องคำนึงถึง” นาย
สิทธิพล กล่าว
นายแพทย์
ทศพรกล่าวว่า ตนจะพยายามเข้าไปดูสร้างความสมดุลกับเรื่องเศรษฐกิจกับสุขภาพของประชาชน อย่างไรก็ตาม ต้องให้เกิดความสมดุลระหว่าง 2 ทาง และตนจะนำเรื่องนี้ไปทำงานกับรัฐบาล
นาย
เท่าพิภพ ยังกล่าวทิ้งท้ายการแถลงด้วยว่า นายแพทย์
ชลน่านดูแลกำกับข้าราชการได้ดีแค่ไหน การปรับคณะรัฐมนตรีก็ใกล้เข้ามาแล้ว ซึ่งเดือนหน้าจะมีกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าสภาฯ ตนและพรรคก้าวไกลได้เสนอร่างยกเลิกร่าง พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฉบับนี้ ตนคิดว่าข้าราชการออกกฎใช้กฎหมายเอง เป็นเรื่องไม่ถูกต้องตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม
“
ดังนั้นถ้ารัฐมนตรีที่เป็นเจ้ากระทรวงเอง มีความรับผิดชอบ มาจากการเลือกตั้ง มาจากฝั่งการเมืองต้องคำนึงถึงเรื่องนี้” นาย
เท่าพิภพ กล่าว
เศรษฐา ทำงานลุยแหลกแต่ไม่ลึก ก้าวไกล อยากอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่นึกแล้วไม่กล้า
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4445598
รายการ The Politics x ใบตองแห้ง
อธึกกิต แสวงสุข ประเมินการทำงานของ
เศรษฐา ทวีสิน ตั้งใจและลุยงานแต่ไม่ลึก หลายเรื่องที่อยากทำแต่ทำไม่ได้เพราะอำนาจน้อย ส่วนการที่ก้าวไกล จะไม่อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในสมัยประชุมนี้ ด้านหนึ่งอาจประเมินผลงานรัฐบาลยังไม่เป็นรูปธรรมและยังไม่มีโอกาสใช้งบประมาณหากผลีผลามอภิปรายกระแสอาจจะย้อนกลับ กับหลายเรื่องมีความซับซ้อน เช่น ป.ป.ช.ในกรณีดิจิทัลวอลเล็ต ที่ทั้ง เพื่อไทย-ก้าวไกล ก็ต่างไม่เอาทั้งคู่
หมูเถื่อน-วัตถุดิบ พุ่ง ฉุดรายได้ปี’66 ซีพีเอฟ ลด 4.6% เหลือกว่า 5.85 แสนล. ขาดทุน 5.2 พันล.
https://www.matichon.co.th/economy/news_4445834
หมูเถื่อน-วัตถุดิบ พุ่ง ฉุดรายได้ปี’66 ซีพีเอฟ ลด 4.6% เหลือกว่า 5.85 แสนล. ขาดทุน 5.2 พันล.
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ นาย
ประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหารบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2566 มีรายได้จากการขายจำนวน 585,844 ล้านบาท เป็นส่วนของกิจการที่ลงทุนในต่างประเทศร้อยละ 62 กิจการที่ขายในประเทศไทยร้อยละ 32 และรายได้จากการส่งออกจากประเทศไทยร้อยละ 6 โดยรายได้จากการขายรวมลดลงร้อยละ 4.6 จากปีก่อน สาเหตุหลักมาจากราคาสุกรที่อยู่ในระดับต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์เพิ่มขึ้นมาก และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินที่นำมาใช้ในการแปลงค่างบการเงินของบริษัทย่อยต่างประเทศ
“
ปี 2566 เป็นปีที่ท้าทายอย่างมาก ต้นทุนด้านต่างๆ ทั้งวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต ค่าพลังงาน และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งกำลังซื้อที่ยังอ่อนตัวในหลายประเทศ ส่งผลให้เกิดภาวะเนื้อสัตว์ล้นตลาดในหลายประเทศ ทำให้ระดับราคาสินค้าไม่สามารถสะท้อนต้นทุนที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะราคาสุกรในประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบจากการนำเข้าเนื้อสัตว์ผิดกฎหมายกดดันราคาอยู่ในระดับที่ต่ำมาก อีกทั้ง ราคาสุกรในประเทศจีนลดลงจากภาวะล้นตลาด ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทร่วมในประเทศจีนไม่เป็นไปตามเป้าหมาย”
นาย
ประสิทธิ์กล่าวว่า จากปัจจัยดังกล่าว ทำให้ผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย มีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 5,207 ล้านบาท โดยบริษัทได้ปรับแผนการดำเนินงาน ให้ความสำคัญด้านประสิทธิภาพและการใช้กำลังการผลิตให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีแผนกลยุทธ์ระมัดระวังในการลงทุนขยายงานและค่าใช้จ่ายให้สอดคล้องกับพฤติกรรมและความพึงพอใจของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
นาย
ประสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานปี 2567 พบว่า กำลังซื้อที่ยังไม่มีแนวโน้มการเติบโตที่ชัดเจนในหลายประเทศ และการนำเข้าสุกรที่ผิดกฎหมายในประเทศไทย ยังคงเป็นความท้าทายของอุตสาหกรรม ผลจากการปรับแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ประกอบกับแนวโน้มราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตอาหารสัตว์ในตลาดโลกที่อ่อนตัวลง รวมทั้งการจำหน่ายเงินลงทุนบางส่วนในประเทศจีนในปีที่ผ่านมา ทำให้เชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานของบริษัทปี 2567 จะดีขึ้นจากปีที่ผ่านมาแน่นอน
JJNY : “เครือข่ายผลิตสุรา”ค้านติดฉลาก│ก้าวไกลอยากอภิปราย แต่ไม่กล้า│หมูเถื่อน-วัตถุดิบพุ่งฉุดรายได้│นาโตลั่นไม่มีส่งทหาร
https://www.matichon.co.th/politics/news_4445914
“เครือข่ายผลิตสุรา” บุกร้อง ค้านติดฉลากน่ากลัวบนขวดเบียร์ นักวิชาการ ประเมินผู้ผลิตจะหายกว่าครึ่ง “ประธาน กมธ.พัฒนาเศรษฐกิจ” ชี้ รัฐบาล ออกกฎตรงข้ามนโยบาย “ซอฟต์พาวเวอร์”
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) นำตัวแทนเครือข่ายธุรกิจอุตสาหกรรมสุรา นักวิชาการ รวมถึงสมาคมผู้ประกอบการนำเข้าและผลิตสุราแห่งประเทศไทย ผู้ผลิตไวน์ภายในประเทศ ยื่นหนังสือต่อนายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะประธานกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร และนพ.ทศพร เสรีรักษ์ ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร เพื่อคัดค้านและเรียกร้องให้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง กรณีการติดฉลากเป็นรูปน่ากลัวบนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
นายเท่าพิภพ กล่าวว่า เรื่องการติดฉลากเป็นรูปน่ากลัว เพื่อควบคุมการดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นประกาศของคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กระทรวงสาธารณสุข ที่รับฟังความคิดเห็นอยู่ ถือเป็นประเด็นสำคัญในสังคม ทั้งนี้ มีโฆษกพรรคการเมือง และโฆษกของคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กรมควบคุมโรค บอกว่า ตนบิดเบือนข้อมูลเรื่องนี้ ตนขอชี้แจงว่าหากไปดูตามมาตรา 26 ของ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คณะกรรมการก็คือนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นั่งหัวโต๊ะ จะหาว่าตนบิดเบือนได้อย่างไรก็ไม่ทราบ
“ทำงานก็มีวุฒิภาวะหน่อยนะครับ ก็ต้องฝากถึง แต่ก็ชื่นใจ ที่มีคุณหมอทศพรมาด้วย มีตัวแทนทั้ง 2 ฟากฝั่งของการเมือง ฝ่ายค้านและรัฐบาล ก็น่าจะมีข้อสรุปที่ดีไปพิจารณา ซึ่งได้ยินแว่ว ๆ มาว่าเรื่องการติดฉลากนี้จะไม่ผ่าน ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี” นายเท่าพิภพกล่าว
ขณะที่ ผศ.ดร.เจริญ เจริญชัย ตัวแทนของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มสุราพื้นบ้าน และนักวิชาการ กล่าวว่า การที่ผู้ประกอบการไม่ค่อยจะกล้าออกมาพูด เพราะว่าส่วนมากทำงานเกี่ยวกับการผลิตเครื่องดื่ม ที่อยู่ภายใต้หน่วยงานราชการที่ควบคุม เพราะฉะนั้น นักวิชาการก็ต้องเป็นหัวหอกนำหน้าให้ มองว่ามาตรา 26 ของ พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัญหา และมองว่าหน่วยงานราชการที่ดูแลกฎหมายเรื่องนี้ไม่ได้สนใจเลยว่าประชาชนจะได้รับผลกระทบอย่างไร ผู้ประกอบการจะได้รับผลกระทบอย่างไร โดยที่ผลักดันกฎหมายออกมาอย่างสุดโต่ง เข้าสู่กระบวนการรับฟังความคิดเห็น ถึงแม้จะอ้างว่าเป็นเพียงการรับฟังความคิดเห็น แต่เราก็เชื่อว่าในการรับฟังความคิดเห็นก็จะมีเครือข่ายสายต้านเหล้าระดมกันมาให้ความเห็นสนับสนุน ถือเป็นการโยนหินถามทางว่ารัฐบาลปัจจุบันนี้จะเห็นกับกฎหมายเหล่านี้อย่างไร เป็นการทดลองว่ารัฐบาลจะเอาด้วยหรือไม่ ตนประเมินว่าจะผู้ผลิตจะหายไปครึ่งหนึ่ง เพราะจะต้องเปลี่ยนฉลากใหม่ รวมถึงมีภาพที่เกิดผลกระทบต่อลูกค้า ที่จะนำสินค้าขายให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
“บางทีก็อาจจะลือไปทั่วโลก ว่าไม่ต้องมากินเหล้าที่เมืองไทยแล้ว เพราะมันน่าเกลียด อยากให้กรรมาธิการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือ เพื่ออยากทราบวัตถุประสงค์ของการของกฎหมายฉบับนี้” ผศ.ดร.เจริญ กล่าว
ด้านนายสิทธิพล กล่าวว่า กรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจมีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงในการตรวจสอบติดตามในเรื่องนี้ ซึ่งตนจะนำไปประชุม เพื่อเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำมาชี้แจง อยากฝากไปถึงรัฐบาลว่าอุตสาหกรรมผลิตเหล้าเบียร์ เป็นอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ ที่ช่วยสร้างงานสร้างรายได้ ที่สำคัญหากกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ต้องไปดูว่ากระทบกับเศรษฐกิจในระดับชุมชนหรือไม่ ผู้ประกอบการรายย่อยจะแข่งขันได้ยากขึ้น นำเสนอสินค้าได้ยากขึ้นหรือไม่ และประการสำคัญที่สุดสำหรับรัฐบาลชุดนี้ซึ่งให้ความสำคัญกับเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ ตนคิดว่าประเด็นการกำกับด้วยฉลากรูปแบบต่าง ๆ จะต้องคำนึงถึงว่าส่งไปกระทบต่อซอฟต์พาวเวอร์ที่รัฐบาลพยามผลักดันหรือไม่
“เป็นการสื่อสารไปในลักษณะตรงข้ามกับที่รัฐบาลจะผลักดันเรื่องซอฟต์พาวเวอร์หรือไม่ ผมเชื่อว่าหากมีเหตุผลที่ดีพอ รัฐบาลจะรับฟังและไปปรับปรุง การรักษาสมดุลของการรักษาสุขภาพ การคุ้มครองผู้ประกอบการ การคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค ก็เป็นสิ่งสำคัญที่รัฐบาลต้องคำนึงถึง” นายสิทธิพล กล่าว
นายแพทย์ทศพรกล่าวว่า ตนจะพยายามเข้าไปดูสร้างความสมดุลกับเรื่องเศรษฐกิจกับสุขภาพของประชาชน อย่างไรก็ตาม ต้องให้เกิดความสมดุลระหว่าง 2 ทาง และตนจะนำเรื่องนี้ไปทำงานกับรัฐบาล
นายเท่าพิภพ ยังกล่าวทิ้งท้ายการแถลงด้วยว่า นายแพทย์ชลน่านดูแลกำกับข้าราชการได้ดีแค่ไหน การปรับคณะรัฐมนตรีก็ใกล้เข้ามาแล้ว ซึ่งเดือนหน้าจะมีกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าสภาฯ ตนและพรรคก้าวไกลได้เสนอร่างยกเลิกร่าง พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฉบับนี้ ตนคิดว่าข้าราชการออกกฎใช้กฎหมายเอง เป็นเรื่องไม่ถูกต้องตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม
“ดังนั้นถ้ารัฐมนตรีที่เป็นเจ้ากระทรวงเอง มีความรับผิดชอบ มาจากการเลือกตั้ง มาจากฝั่งการเมืองต้องคำนึงถึงเรื่องนี้” นายเท่าพิภพ กล่าว
เศรษฐา ทำงานลุยแหลกแต่ไม่ลึก ก้าวไกล อยากอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่นึกแล้วไม่กล้า
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4445598
รายการ The Politics x ใบตองแห้ง อธึกกิต แสวงสุข ประเมินการทำงานของ เศรษฐา ทวีสิน ตั้งใจและลุยงานแต่ไม่ลึก หลายเรื่องที่อยากทำแต่ทำไม่ได้เพราะอำนาจน้อย ส่วนการที่ก้าวไกล จะไม่อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในสมัยประชุมนี้ ด้านหนึ่งอาจประเมินผลงานรัฐบาลยังไม่เป็นรูปธรรมและยังไม่มีโอกาสใช้งบประมาณหากผลีผลามอภิปรายกระแสอาจจะย้อนกลับ กับหลายเรื่องมีความซับซ้อน เช่น ป.ป.ช.ในกรณีดิจิทัลวอลเล็ต ที่ทั้ง เพื่อไทย-ก้าวไกล ก็ต่างไม่เอาทั้งคู่
หมูเถื่อน-วัตถุดิบ พุ่ง ฉุดรายได้ปี’66 ซีพีเอฟ ลด 4.6% เหลือกว่า 5.85 แสนล. ขาดทุน 5.2 พันล.
https://www.matichon.co.th/economy/news_4445834
หมูเถื่อน-วัตถุดิบ พุ่ง ฉุดรายได้ปี’66 ซีพีเอฟ ลด 4.6% เหลือกว่า 5.85 แสนล. ขาดทุน 5.2 พันล.
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหารบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2566 มีรายได้จากการขายจำนวน 585,844 ล้านบาท เป็นส่วนของกิจการที่ลงทุนในต่างประเทศร้อยละ 62 กิจการที่ขายในประเทศไทยร้อยละ 32 และรายได้จากการส่งออกจากประเทศไทยร้อยละ 6 โดยรายได้จากการขายรวมลดลงร้อยละ 4.6 จากปีก่อน สาเหตุหลักมาจากราคาสุกรที่อยู่ในระดับต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์เพิ่มขึ้นมาก และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินที่นำมาใช้ในการแปลงค่างบการเงินของบริษัทย่อยต่างประเทศ
“ปี 2566 เป็นปีที่ท้าทายอย่างมาก ต้นทุนด้านต่างๆ ทั้งวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต ค่าพลังงาน และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งกำลังซื้อที่ยังอ่อนตัวในหลายประเทศ ส่งผลให้เกิดภาวะเนื้อสัตว์ล้นตลาดในหลายประเทศ ทำให้ระดับราคาสินค้าไม่สามารถสะท้อนต้นทุนที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะราคาสุกรในประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบจากการนำเข้าเนื้อสัตว์ผิดกฎหมายกดดันราคาอยู่ในระดับที่ต่ำมาก อีกทั้ง ราคาสุกรในประเทศจีนลดลงจากภาวะล้นตลาด ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทร่วมในประเทศจีนไม่เป็นไปตามเป้าหมาย”
นายประสิทธิ์กล่าวว่า จากปัจจัยดังกล่าว ทำให้ผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย มีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 5,207 ล้านบาท โดยบริษัทได้ปรับแผนการดำเนินงาน ให้ความสำคัญด้านประสิทธิภาพและการใช้กำลังการผลิตให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีแผนกลยุทธ์ระมัดระวังในการลงทุนขยายงานและค่าใช้จ่ายให้สอดคล้องกับพฤติกรรมและความพึงพอใจของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
นายประสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานปี 2567 พบว่า กำลังซื้อที่ยังไม่มีแนวโน้มการเติบโตที่ชัดเจนในหลายประเทศ และการนำเข้าสุกรที่ผิดกฎหมายในประเทศไทย ยังคงเป็นความท้าทายของอุตสาหกรรม ผลจากการปรับแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ประกอบกับแนวโน้มราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตอาหารสัตว์ในตลาดโลกที่อ่อนตัวลง รวมทั้งการจำหน่ายเงินลงทุนบางส่วนในประเทศจีนในปีที่ผ่านมา ทำให้เชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานของบริษัทปี 2567 จะดีขึ้นจากปีที่ผ่านมาแน่นอน