เครดิตแหล่งข่าว/เจ้าของบทความโดย
https://mgronline.com/business/detail/9670000016247
ส.อ.ท. เผยยอดการผลิตรถยนต์รวมม.ค. 67 ลดลง 12.4% จากการจำหน่ายในประเทศที่หดตัวโดยเฉพาะจากการผลิตรถกระบะเพื่อจำหน่ายในประเทศที่ลดลงถึง 50.89% จากการคุ้มเข้มปล่อยสินเชื่อ คาดหวังงบประมาณปี 2567 ช่วงพ.ค.ออกมากระตุ้นการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น รวมถึงทิศทางเฟดอาจลดดอกเบี้ยกลางปีทำให้ดอกเบี้ยไทยมีลุ้นลดกระตุ้นการชำระหนี้ได้ดีขึ้น หวังเป้าผลิตปี 67 ที่ 1.9 ล้านคัน
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงยอดการผลิตรถยนต์เดือนมกราคม 2567 ว่า การผลิตรถยนต์รวมทุกประเภทม.ค.67 มีทั้งสิ้น 142,102 คัน ลดลงจากม.ค.66 คิดเป็น12.46% เนื่องจากผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศลดลงถึง 33.62% โดยเฉพาะการผลิตรถกระบะเพื่อจำหน่ายในประเทศลดลงถึง 50.89 % ตามยอดขายที่ลดลงจากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินเพราะหนี้ครัวเรือนยังคงสูง อย่างไรก็ตามคาดหวังว่างบประมาณปี 2567 ที่จะออกมาในช่วงพ.ค. 67 นี้จะทำให้การลงทุน การกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐจะดีขึ้นทำให้ประชาชนมีรายได้สามารถกู้ซื้อรถรวมถึงสินค้าอื่นๆ ได้มากขึ้น ขณะเดียวกันคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)อาจผ่อนคลายลดดอกเบี้ยครึ่งปีหลังก็จะทำให้ดอกเบี้ยของไทยลดลงและมีส่วนช่วยให้การชำระหนี้ได้ดียิ่งขึ้น
“ ที่ผ่านมาผู้ปล่อยสินเชื่อยึดนโยบายแบบต้องรับผิดชอบ ผู้มาเช่าซื้อ หรือ กู้ประกอบกิจการจะต้องมีฐานะการเงิน มีรายได้ชำระได้ตลอดไป ซึ่งเกณฑ์นี้หลักฐานการเงินต้องแข็งแรงเพียงพอ “จริงๆ ก็กระทบทุกรถแต่รถยนต์นั่งจะอนุมัติมากกว่าเพราะมีรายได้แน่นอน หากเทียบกับรถกระบะขาดหลักฐานการงินก็จะโดนปฏิเสธมากกว่า ตอนนี้ยอดปฏิเสธตั้งแต่ปีที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ราว 50%”นายสุรพงษ์กล่าว
สำหรับยอดขายรถยนต์ม.ค. 67 มีจำนวนทั้งสิ้น 54,814 คันลดลงจากม.ค.66 คิดเป็น 16.42% เพราะรถกระบะมียอดขายแค่ 14,864 คัน ลดลงถึง 43.47% จากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินเพราะหนี้ครัวเรือนสูงมาก รถ PPV มียอดขายลดลง 43.86 %เพราะยังไม่มีรุ่นใหม่ออกมา ประกอบกับมีรถ SUV แบบ Hybrid ออกใหม่ในราคาจับต้องได้มาเอาส่วนแบ่งตลาดไป และรถบรรทุกขายลด 32.01% จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ล่าช้า
ขณะที่การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปม.ค.67อยู่ที่ 86,716 คัน ลดลงจากม.ค. 66 คิดเป็น 0.08% เพราะส่งออกได้เพียง 91.17% ของยอดผลิตเพื่อส่งออก เพราะเรือมีพื้นที่ไม่เพียงพอจึงส่งออกลดลงในตลาดเอเชีย แอฟริกาและอเมริกาเหนือ แยกเป็นรถยนต์สันดาปภายใน ICE 81,763 คัน เพิ่มขึ้นจากปี66คิดเป็น 4.85% ส่งออกรถยนต์นั่งไฟฟ้าแบบผสมหรือ HEV 4,953 คัน เพิ่มขึ้นจากปี66 คิดเป็น 478.62% รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนมกราคม 2567 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 79,633.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากม.ค.66คิดเป็น 14.25%
“ ส.อ.ท.เองก็ยังคงเป้าหมายการผลิตรถยนต์ปี 2567 รวมอยุ่ที่ 1,900,000 คันเพิ่มขึ้นจากปี 2566 คิดเป็น 3.17% แยกเป็นผลิตเพื่อการส่งออกที่ 1,150,000 คันลดลงจากปี 2566 คิดเป็น 0.52% การผลิตเพื่อการจำหน่ายในประเทศ 750,000 คันเพิ่มขึ้น 9.39% เพราะคาดหวังจากงบประมาณปี 2567 ที่จะออกมาและคิดว่ารถบรรทุกจะกลับมาขายดีในช่วงนี้”นายสุรพงษ์กล่าว
ยอดผลิตรถกระบะขายในประเทศดิ่งหนัก! หลังเข้มงวดสินเชื่อ ยอดขายลดลงถึง 43.47%
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงยอดการผลิตรถยนต์เดือนมกราคม 2567 ว่า การผลิตรถยนต์รวมทุกประเภทม.ค.67 มีทั้งสิ้น 142,102 คัน ลดลงจากม.ค.66 คิดเป็น12.46% เนื่องจากผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศลดลงถึง 33.62% โดยเฉพาะการผลิตรถกระบะเพื่อจำหน่ายในประเทศลดลงถึง 50.89 % ตามยอดขายที่ลดลงจากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินเพราะหนี้ครัวเรือนยังคงสูง อย่างไรก็ตามคาดหวังว่างบประมาณปี 2567 ที่จะออกมาในช่วงพ.ค. 67 นี้จะทำให้การลงทุน การกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐจะดีขึ้นทำให้ประชาชนมีรายได้สามารถกู้ซื้อรถรวมถึงสินค้าอื่นๆ ได้มากขึ้น ขณะเดียวกันคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)อาจผ่อนคลายลดดอกเบี้ยครึ่งปีหลังก็จะทำให้ดอกเบี้ยของไทยลดลงและมีส่วนช่วยให้การชำระหนี้ได้ดียิ่งขึ้น
“ ที่ผ่านมาผู้ปล่อยสินเชื่อยึดนโยบายแบบต้องรับผิดชอบ ผู้มาเช่าซื้อ หรือ กู้ประกอบกิจการจะต้องมีฐานะการเงิน มีรายได้ชำระได้ตลอดไป ซึ่งเกณฑ์นี้หลักฐานการเงินต้องแข็งแรงเพียงพอ “จริงๆ ก็กระทบทุกรถแต่รถยนต์นั่งจะอนุมัติมากกว่าเพราะมีรายได้แน่นอน หากเทียบกับรถกระบะขาดหลักฐานการงินก็จะโดนปฏิเสธมากกว่า ตอนนี้ยอดปฏิเสธตั้งแต่ปีที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ราว 50%”นายสุรพงษ์กล่าว
สำหรับยอดขายรถยนต์ม.ค. 67 มีจำนวนทั้งสิ้น 54,814 คันลดลงจากม.ค.66 คิดเป็น 16.42% เพราะรถกระบะมียอดขายแค่ 14,864 คัน ลดลงถึง 43.47% จากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินเพราะหนี้ครัวเรือนสูงมาก รถ PPV มียอดขายลดลง 43.86 %เพราะยังไม่มีรุ่นใหม่ออกมา ประกอบกับมีรถ SUV แบบ Hybrid ออกใหม่ในราคาจับต้องได้มาเอาส่วนแบ่งตลาดไป และรถบรรทุกขายลด 32.01% จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ล่าช้า
ขณะที่การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปม.ค.67อยู่ที่ 86,716 คัน ลดลงจากม.ค. 66 คิดเป็น 0.08% เพราะส่งออกได้เพียง 91.17% ของยอดผลิตเพื่อส่งออก เพราะเรือมีพื้นที่ไม่เพียงพอจึงส่งออกลดลงในตลาดเอเชีย แอฟริกาและอเมริกาเหนือ แยกเป็นรถยนต์สันดาปภายใน ICE 81,763 คัน เพิ่มขึ้นจากปี66คิดเป็น 4.85% ส่งออกรถยนต์นั่งไฟฟ้าแบบผสมหรือ HEV 4,953 คัน เพิ่มขึ้นจากปี66 คิดเป็น 478.62% รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนมกราคม 2567 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 79,633.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากม.ค.66คิดเป็น 14.25%
“ ส.อ.ท.เองก็ยังคงเป้าหมายการผลิตรถยนต์ปี 2567 รวมอยุ่ที่ 1,900,000 คันเพิ่มขึ้นจากปี 2566 คิดเป็น 3.17% แยกเป็นผลิตเพื่อการส่งออกที่ 1,150,000 คันลดลงจากปี 2566 คิดเป็น 0.52% การผลิตเพื่อการจำหน่ายในประเทศ 750,000 คันเพิ่มขึ้น 9.39% เพราะคาดหวังจากงบประมาณปี 2567 ที่จะออกมาและคิดว่ารถบรรทุกจะกลับมาขายดีในช่วงนี้”นายสุรพงษ์กล่าว